LOGINทั้งสี่คนเดินลงเขาสองคนหาบ สองคนสะพายตระกร้าและหิ้วถุงผ้าคนละสองถุงเดินตามหลังสองหนุ่มที่หาบกุ้งเดินนำหน้า มาถึงที่บ้านของมู่หยางเก้าโมงครึ่งพอดีเอากุ้งใส่ถังวางเรียงกันเอาไว้กับปลาที่พี่ชายจื่อเซิ้นขนใส่รถมาซื้อกุ้งเมื่อวานนี้จึงมีถังใส่ปลากับกุ้งเพียงพอตอนนี้รอแค่รถจากทางร้านมารับเข้าไปทำอาหารเพียงเท่านั้น
เกือบสี่โมงเช้ารถกะบะตอนเดียววิ่งเข้ามาในหมู่บ้านตรงไปที่บ้านของสองพี่น้องมู่ชาวบ้านออกไปทำนากันหมดแล้วจึงไม่ค่อยมีใครนั่งที่ใต้ต้นไม้ใหญ่คอยนินทาคน นอกจากที่จะแล้วจากการเก็บเกี่ยวข้าวจากทุ่งนาเสร็จอีกไม่นานกี่เดือนก็จะเข้าหน้าหนาวคงประมาณสามเดือนได้ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ที่ไม่มีพวกปากหอยปากปูคอยเสือกเรื่องของพวกเธอพอดีฟ่านปิงคิด จื่อเซิ้นมาเองกับคนงานในร้านพอมาถึงเขาก็ชั่งกุ้งก่อนได้สองร้อยโล ปลาสี่หาบมีแต่ตัวละสองโลขึ้นอีกสี่ร้อยโลจากนั้นคิดราคาจ่ายเงินกันเรียบเขาขอบคุณมู่หยางเพื่อนรักและมู่ฟ่านปิงที่ให้สูตรอาหารใหม่ที่อร่อยมากๆ ทำกำไรวันเดียวเป็นแสนสร้างความดีใจให้กับจื่อเซิ้นกับพ่อของเขาเป็นอย่างมาก เขาจ่ายเงินฟ่านปิงกับมู่หยางสองหมื่นสามพันหยวนและนำกุ้งกับปลาไปขายในรอบค่ำเฉพาะเมนูที่ฟ่านปิงให้มาทำกำไรเป็นแสนหยวนจะไม่ให้เขากับพ่อดีใจได้อย่างไร นี้ได้สูตรอาหารเป็นสิบเมนูเมื่อวานจึงทำเงินได้เยอะมากและได้การเรียกลูกค้าจากฟ่านปิงอีกจนลูกค้าเต็มร้านตั้งแต่เที่ยงเลย หลังจากที่ซบเชามานานเพราะไม่มีสูตรอาหารแปลกใหม่วันนี้คนจองคิวเอาไว้ถึงค่ำจนเต็มพอปากต่อปากว่ามีรายการอาหารใหม่ๆเข้ามาและมีลูกค้ามากินจนของไม่พอขายเมื่อคืนนี้ กุ้งสองร้อยโลได้เงินมาแปดหมื่นหยวนปลาสี่ร้อยโลได้เงินมาสี่หมื่นหยวนเสิ่นเฉินซานมู่หยางแม่เสิ่นยืนอ้าปากด้วยความตกใจ ที่ทำเงินได้มากมายในวันเดียวทั้งสามไม่กล้ารับเงินจากจื่อเซิ้น เป็นฟ่านปิงที่นับเงินด้วยความคล่องแคล่วเฉินซานมองภรรยาตัวน้อยทำเงินในวันเดียวได้เป็นแสนจะไม่ให้ตกใจได้อย่างไรนี้ถ้าเขาหาเองคงมีให้ภรรยาถึงเดือนละร้อยหยวนหรือเปล่ายังไม่รู้เลย แม้แต่เงินที่ได้รับมาจากการลาออกจากทหารรวมเงินเดือนที่ทำมายังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของฟ่านปิงหาวันเดียวเลยดีนะที่ปิดประตูหน้าบ้านเรียบร้อยจึงไม่มีใครเห็น แต่ก็ไม่มีใครผ่านมาทางนี้อยู่แล้วละเพราะมันไม่ใช่ทางไปที่นาของชาวบ้านนั้นเอง และมันก็ไกลจากชาวบ้านเป็นโลอีกด้วยจึงเป็นเรื่องที่ดีที่จะไม่มีใครรู้ว่าสองครอบครัวของเธอกำลังทำธุระกิจกับเจ้าของร้านอาหารใหญ่โตนั้นเอง "พี่ชายจื่อเซิ้นคะมันอาจจะไม่เยอะอย่างนี้ทุกวันหรอกนะคะแต่ก็คงมีให้พี่ทำเงินจนถึงหน้าหนาวค่ะ ผ่านหน้าหนาวไปเราค่อยหารือกันอีกทีนะคะเพราะทุกปีหิมะจะตกหนักไม่สามารถออกหาอาหารได้" มันเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เจ้าของร่างเดิมเกิดมาแล้วและทุกคนในหมู่บ้านก็รู้ดี "ไม่เป็นไรยังไงก็มีสสูตรอาหารจากฟ่านปิงทุกเดือนอยู่แล้วพี่ก็จะเร่งทำกำไรในช่วงที่เข้าหน้าหนาวเช่นเดียวกัน หาได้เท่าไรพี่ก็รับซื้อทั้งหมดนั้นละครับ" จื่อเซิ้นคุยกันกับฟ่านปิงโดยมีสามคนหุ้นส่วนยืนฟังเงียบๆและทึ่งในการพูดคุยธุระกิจของฟ่านปิงจนจื่อเซิ้นลากลับมู่หยางเดินไปปิดประตูหน้าบ้านด้วยมือที่สั่นไม่หาย กลับมานั่งในบ้านที่ตอนนี้ฟ่านปิงชวนทุกคนเข้าบ้านปิดประตูหน้าต่างและเงินออกเป็นสองส่วนครอบครัวละหกหมื่นหยวนแม่เสิ่นมือสั่นไปหมดไม่กล้ารับเอาเงินจากฟ่านปิง เพราะมันเยอะจนเกินไปจึงเป็นเฉินซานที่รับมาถือไว้เพราะฟานปิงเอาใส่ถุงผ้าให้อย่างดี "ปิงเอ๋อร์ให้พี่ช่วยจ่ายค่าที่น้องซื้อลอบดักกุ้งดักปลาด้วยนะเมื่อวานนี้น้องก็ไม่ยอมรับเงินและออกเงินคนเดียวทุกอย่าง" เฉินซานบอกและเอาเงินร้อยหยวนยัดใส่มือของมู่หยางแทนเพราะฟ่านปิงไม่ให้เขาแตะตัวนาง "ห้ามคืนนะนี้คือสิ่งที่ฟ่านปิงช่วยหาเงินช่วยผมกับแม่และต่อไปเราก็คือครอบครัวเดียวกันเงินของพี่ก็จะให้น้องเก็บส่วนของพี่ทั้งหมด" เฉินซานบอกมู่ฟ่านปิง มู่หยางจึงพูดไม่ออกเขาจึงจำใจเอาเงินของเฉินซานแม่เสิ่นพยักหน้าให้มู่หยาง ก่อนที่หันไปหาฟ่านปิง "ขอบใจมากนะลูกฟ่านปิงเงินนี้แม่ขอให้เป็นเงินแต่งของเฉินซานกลับลูกเพิ่มนะ" เฉินซานเอาเงินยื่นให้มารดานางเสิ่นจึงเอายื่นที่ได้รับส่วนแบ่งในวันนี้ให้กับฟ่านปิง "แม่ให้เงินค่าสินสอดเพิ่มนะลูกปิงเอ๋อร์" ฟ่านปิงมองถุงเงินในมือและคิดในใจว่าแม่เสิ่นนี้ใจป้ำน่าดูที่เปย์ลูกสะใภ้เช่นเธอ "ได้ค่ะคุณแม่แต่พรุ่งนี้ต้องรับนะคะไม่เช่นนั้นหนูกับพี่ชายจะไปหาบปลาลงมาสองคนเองถ้าคุณแม่ไม่อยากได้เงินจากการขายของกับหนู" ฟ่านปิงบอก "รับสิวันนี้แม่ก็รับแต่รับมาแล้วเพิ่นสินสอดให้กับลูกสะใภ้คนเก่งของแม่อย่างไรละจริงไหมเฉินซาน" แม่เสิ่นหันไปถามลูกชายของเธอ "ครับคุณแม่และต่อไปพี่จะหาเงินช่วยน้องน้องทุกอย่างครับ" เฉินซานบอกฟ่านปิงด้วยสายตาสื่อถึงความรักออกมาทางแววตาอย่างไม่ปิดบัง พอคุยกันรู้เรื่องและเข้าใจแล้วฟ่านปิงจึงให้ทุกคนนอนพักก่อนเพราะยังไม่ได้นั่งพักกันเลยตั้งแต่ลงมาจากเขา สองหนุ่มที่หาบปลากับกุ้งลงมาหลายรอบเธอจึงให้พี่ชายพาสามีจำเป็นไปนอนเปลที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ และให้แม่เสิ่นนอนที่ห้องโถงแต่แม่เสิ่นขออออกไปนอนที่แคร่หลังบ้านใกล้กันกับสองหนุ่มที่นอนหลับไปแล้วด้วยความเหนื่อยหล้าจากการหาบปลาลงเขาหลายรอบ หลังที่สามคนนอนพักฟ่านปิงก็เข้าบ้านและเขัามิติเอาเงินใส่ตู้เซฟของเธอเอาไว้ ก่อนจะไปอาบน้ำและตั้งเวลาในมิติเพราะต้องออกมาก่อนที่จะถึงมื้อเที่ยงนั้นเอง วันนี้จะผัดกระเพราะกุ้งกับข้าวผัดกุ้งเพิ่มให้กับสองหนุ่มอีกและต้มจืดให้แม่เสิ่นอีกถ้วยใหญ่ ฟ่านปิงจัดการในมิติให้เสร็จก่อนที่จะนอนพักออกมาแล้วค่อยเทใส่หม้ออุ่นเหมือนว่าทำใหม่ก็แล้วกัน วันนี้เหนื่อยมากแต่ได้ดื่มน้ำวิเศษจึงรู้สึกดีขึ้นสามารถทำอะไรได้หลายอย่างก่อนที่จะนอนพักส่วนสามคนเธอเอาใส่ในถังน้ำสำหรับดื่มไปแล้วเรียบร้อย พอก่อนเที่ยงฟ่านปิงตื่นขึ้นมาก่อนทุกคนและเอาอาหารใส่หม้อตั้งใว้ที่เตาคือหม้อต้มจืดนอกนั้นใส่หม้อเล็กตั้งเอาไว้รอตักให้กับทุกคนที่ตอนนี้ได้ยินเสียงเดินไปล้างหน้ากันที่หลังบ้านก่อนที่จะเดินมาช่วยถือกับข้าวออกไปที่โต๊ะกินข้าว "ปิงเอ๋อร์ทำไมไม่เรียกแม่ละลูกจะได้ช่วยหนูทำ" แม่เสิ่นพูดกับฟ่านปิงที่ชอบทำอะไรคนเดียวไม่ยอมเรียกให้ช่วยเหลือ "หนูไหวค่ะหนูรู้ว่าทุกคนเหนื่อยมากและหนูอยากให้คุณแม่นอนพักผ่อนเยอะๆคุณแม่ไม่ได้เป็นสาวเหมือนหนูนะคะถนอมร่างกายไว้อยู่กับหนูไปนานๆ ทานข้าวเถอะค่ะกำลังร้อนๆจะได้อร่อยและมีแรงปักผ้าสวยๆไปขายอีกยังไงละคะคุณแม่" ฟ่านปิงตอบแม่เสิ่นยิ้มๆ แม่เสิ่นได้แต่ส่ายหัวส่วนเฉินซานกับมู่หยางนั่งยิ้มแก้มปริกับเมนูที่ฟ่านปิงทำเอาไว้ให้มันเยอะและเพียงพอต่อทุกคนทั้งสี่คนที่นั่งกินข้าวด้วยความอร่อยและมีความสุข แต่อีกคนถูกสายตาของสามีจำเป็นยิ้มหวานให้ตลอดที่นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะ คอยคีบใส่จานข้าวของแม่เสิ่นและฟ่านปิงจนอิ่มแปล้ อยากทำก็ทำไปเถอะฟ่านปิงได้แต่คิดในใจ ที่เฉินซานเอาใจใส่เธอตั้งแต่รู้ความจริงว่าเธอไม่ผิดแต่โดนใส่ร้ายทั้งที่ฟ่านปิงยังโกรธสามีอย่างเขาตั้งแต่วันเกิดเรื่องเช่นกันจนถึงวันนี้อย่างเขาดูแลเธออย่างเสมอต้นเสมอปลายต่อภรรยาตัวน้อยของเขาที่ได้มาเพราะโชคชะตาล้วนๆ เฉินซานคิดในใจของตังเองและคอยมองร่างบางของเธอไม่ให้คลาดสายตาเลยทีเดียวและคอยสังเกตุว่าเธอชอบอะไรไม่ชอบอะไรทั้งถามพี่ชายของเธอด้วยอีกทางจะได้ทำถูกใจฟ่านปิงทุกอย่างในชีวิตของฟ่านปิงในแต่ละวันนี้ผ่านมาได้เกือบหนึ่งเดือนในการย้ายเข้ามาในเมืองและตอนดึกหลังจากที่เข้าห้องนอนกับสามีฟ่านปิงปวดท้องตอนหกทุ่มเฉินซานรีบนำรถจากบ้านหลังจากที่อุ้มเมียขึ้นรถเรียบร้อยแม่เสิ่นเตรียมของจนครบทุกอย่าง ทุกคนรู้ว่าฟ่านปิงได้ลูกแฝดเพราะท้องใหญ่มากทุกคนในครอบครัวดูแลเธอเป็นอย่างดีคุณนายเจียงซินเย่วแวะเข้าไปหาลูกสาวบุญธรรมแทบจะทุกวัน หาของบำรุงมากมายไปให้ฟ่านปิงบำรุงหลานในท้องเพราะตอนนี้กิจการของร้านขยายไปอีกหลายเมืองเพราะแบบที่บุตรสาวบุญธรรมคนนี้ให้มาและงานประกวดที่มีขึ้นสองปีได้ที่หนึ่งสองปีซ้อนสร้างความโด่งดังไปทั่วปักกิ่งจนต้องเปิดสาขาในเมืองหลวงอีกที่หนึ่งเป็นร้านที่ใหญ่โตมากเพราะลูกค้ามากมายชอบในแบบสินค้าที่ทางร้านมีแทบจะทุกแบบ แถมมีห้องลองที่ทันสมัยมีนางแบบนายแบบโฆษณาแทบจะทุกสิ้นเดือนเลือกได้ว่าช่างนี้ตัดกันมือเป็นระวิงฟ่านปิงปวดท้องอยู่สองชั่วโมงคุณหมอจึงผ่าทำคลอด เฉินซานเดินจนมารดาเวียนหัวที่ห่วงเมียจนนั่งไม่ติดมู่หยางก็เดินทางมาพร้อมกันกับจื่อเซิ้นตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์แล้วรวมทั้งพี่สาวเจียงหยู่กับคุณแม่และพี่ชายที่พากันตามหลังมาติดๆในที่สุดคุณหมอก
วันเวลาหมุนเวียนผ่านไปสองปีตอนนี้ฟ่านปิงมีลูกให้กับเฉินซานสมใจ ทีแรกจนเขาแทบจะท้อใจคิดว่าตัวเองเป็นหมั่นแท้ที่จริงฟ่านปิงกินยาคุมเอาไว้ จนตอนนี้เธอท้องได้เข้าเดือนที่เก้า ฟ่านปิงในวันที่เธอท้องได้สองเดือนที่ตื่นขึ้นมาเวียนหัวจนลุกไม่ได้สามีวิ่งไปบอกให้พี่ชายเอารถออกไปโรงพยาบาลพอรู้ว่ามู่ฟ่านปิงท้องเฉินซานทั้งยิ้มและหัวเราะมาตลอดทางเหมือนคนบ้าจนจื่อเซิ้นกับมู่หยางได้แต่ส่ายหัวให้กับน้องเขยตั้งแต่นั้นมาเขาดูแลฟ่านปิงเหมือนไข่ในหินฟ่านปิงพอคุมได้สองปีเธอจึงปล่อยให้ท้องอะไรเชื้อจะแรงมากขนาดนั้นเพราะปล่อยสามเดือนท้องเลยต้องให้รางวัลของคนขยันที่สามีของเธอขยันปั้นลูกทุกคืนจนสมใจ ก่อนที่เธอจะท้องได้พาสามีเข้ามิติและบอกเรื่องกินยาคุมกับสามีเขางอนเธอไปหลายวันคิดว่าตัวเองจะเป็นหมั่นจนจะไปตรวจที่โรงพยาบาลฟ่านปิงจึงบอกความจริงให้ฟังและนั้นคือการทำโทษของสามีที่ตั้งใจตั้งปั้นใหม่และก็สมใจเขาถึงตอนนี้ซึ่งตอนที่เธอบอกเรื่องที่มีมิติและบอกว่าได้พรมาจากท่านตาเทพตั้งแต่ที่โดนเพื่อนรักอย่างเสี่ยวชิงชิงวางยาในคืนนั้น คิดว่าตัวเองตายไปแล้วท่านตาจึงพาไปที่โลกของอนาคตข้างหน้าและให้เรียนรู้สิ่งต่างๆในโลกใบนั
ทั้งห้าคนในบ้านมู่กินมื้อเช้าด้วยความสุขพอได้บอกเรื่องที่หนักลงจากบ่า สองหนุ่มคู่รักต่างก็มีสีหน้าของความสุขที่ไม่ต้องหลบซ่อนสายจากใครในครอบครัวหลังจากนั่งพักฟ่านปิงไปล้างถ้วยในครัวและบอกให้ทุกคนพักก่อนไม่ต้องตามมาช่วยเดี๋ยวเสร็จแล้วเธอจะออกไปช่วยที่โรงเรือนที่ทุกคนตักผักเองหลังนั่งย่อยอาหารไม่นานสามหนุ่มจึงชวนกันไปตัดผักต่อ แม่เสิ่นจะไปด้วยแต่ทุกคนบอกเหลือไม่เยอะ"แม่ปักผ้าไปเลยครับไม่ต้องห่วงงานผักผมกับพี่ภรรยาทำทันอย่างแน่นอนเพิ่มคุณจื่อเซิ้นไปอีกคนไม่นานก็เสร็จแล้วครับ" ก่อนจะไปเฉินซานที่ช่วยภรรยายกถ้วยให้ภรรยาล้าง เขาสวมกอดฟ่านปิงจากทางด้านหลังด้วยความรักก่อนจะกระซิบใส่เมียรักเบาๆ"ปิงเอ๋อร์เมื่อคืนน้อนร้อนแรงมากพี่เกือบตายคาอกเมียพี่ขอแบบนี้ทุกคืนนะครับ" พูดจบเฉินซานก็ก้มลงหอมทั้งสองงแก้มซ้ายขวาบอกรักฟ่านปิงแล้วรีบไปตัดผักต่อฟ่านปิงที่ยืนนิ่งเพราะมือไม่ว่างติดล้างถ้วยอยู่ได้แต่ส่งค้อนให้สามีที่ส่งเสียงหัวเราะออกไปจากครัวด้วยความสุขออกไปจากในครัวหลังจากได้รางวัลจากสองแก้มเธอนับวันเขายิ่งทำตัวหื่นไม่เลือกสถานที่ ตั้งแต่ที่เมื่อคืนที่ตัวเธอยอมขอโทษที่พูดให้สามีได้เอาเปรียบเธอแทบจ
"ก็ไม่เป็นอะไรนี้ครับปิงเอ๋อร์พี่รับได้คนเราเลือกเกิดไม่ได้ พี่อยู่ในเมืองใหญ่ในค่ายทหารมาหลายปีหนูคิดว่าพี่จะไม่พบเจอบ้างเลยหรือครับและมันกลับเป็นเรืองที่ดีที่พี่ชายของหนูจะได้อยู่ใก้ลหนูทั้งสองคนยังไงละครับ แม่ของพี่ท่านเป็นคนในเมืองมาก่อนและมีเหตุผลท่านใช้ชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนพวกเรา ท่านต้องเข้าใจมากมากกว่าและเห็นใจพี่ภรรยาทั้งสองคนอยู่แล้วครับ แล้วหนูจะมาขอหย่าพี่เรื่องแค่นี้หรือครับเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะครับ พี่เสียใจมากนะครับปิงเอ๋อร์ที่น้องไม่เคยมองพี่ในแง่ดีขึ้นมาบ้างเลยหรือครับ พี่รู้ว่าที่ผ่านมาพี่ผิดจนหนูโกรธพี่มากพี่จะบอกน้องตรงนี้ต่อหน้าพี่ชายของน้องว่าพี่รักหนูมากเท่าชีวิตของพี่ครับ" เฉินซานบอกภรรยารักและมองหน้าเธอด้วยความเสียใจที่ภรรยาไม่เคยใจอ่อนให้เขาเข้าร่วมและขอความคิดเห็นเลยมีแต่อยากทิ้งเขาทั้งที่ไม่เคยถามสามีสักคำก่อนเลย ฟ่านปิงมองหน้าสามีและเดินเข้าไปจับมือของสามี"หนูขอโทษที่ยังไม่ได้ถามพี่แต่หนูก็คิดไปก่อนขอบคุณพี่ที่เข้าใจพี่ชายของหนูค่ะ" ฟ่านปิงบอกสามีเฉินซานเห็นภรรยาจับมือและขอโทษที่เธอทำผิดเพราะตลอดเวลาที่แต่งงานกันมาฟ่านปิงจะไม่เคยแตะต้องตัว
ฟ่านปิงมาส่งพี่ชายทั้งสองถึงบ้านและดึงพี่ชายทั้งสองคนเข้าห้องนอนของพี่ใหญ่ก่อนจะพูดให้ทั้งสองคนฟังชัดๆเพราะตอนนี้จื่อเซิ้นกับมู่หยางยังตกใจที่ฟ่านปิงรู้เรื่องของตัวเองได้ยังไง"ไม่ต้องตกใจหรอกค่ะพี่จื่อเซิ้นหนูรู้ว่าพี่ชอบพี่ใหญ่เกินคำว่าเพื่อนรัก เพียงแต่คนที่นี้ไม่ค่อยยอมรับเรื่องชายรักชายเท่านั้นเอง แต่สำหรับหนูไม่ว่าพี่ทั้งสองคนจะเป็นแบบไหนหนูก็รับได้ค่ะพี่ไม่ต้องตกใจหนูยินดีที่พี่ทั้งสองคนจะมีความสุขด้วยกันถึงแม้คนอื่นจะไม่ยอมรับแต่จะสนใจทำไมละคะ ในเมื่อพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้หาข้าวให้เรากินหรือมารับเลี้ยงเรานี้คะทำตัวตามที่ใจพี่ทั้งสองคนต้องการเถอะค่ะ" ฟ่านปิงบอกพี่ชายที่เธอรักทั้งสองคน "ปิงเอ๋อร์" มู่หยางพูดเสียงเบาเขาพยายามที่จะหักใจมาตลอดว่าที่ผ่านมามีเพียงจื่อเซิ้นที่คอยช่วยเหลือเขามาโดยตลอดตั้งแต่ขาดพ่อกับแม่เค้าต้องเป็นเสาหลักให้น้องสาว จากที่เรียนมาด้วยกันและรับเข้าไปทำงานในร้านอาหารของพ่อตัวเองตอนเรียนจบ จื่อเซิ้นต้องปกปิดตัวตนทุกอย่างเพราะกลัวว่าบิดาจะเสียใจที่เขามีใจเป็นหญิงท่านพาไปดูตัวผู้หญิงที่ไหนเขาก็ปฎิเสธและขอแลกกับการทำงานแทนการแต่งภรรยาและบอกความจริงกับบิดาไปว่
อีกสองวันต่อมาพี่ชายจื่อเซิ้นก็มาค้างที่บ้านกับพี่ใหญ่เพื่อจะตกปลากัน หลังจากที่พากันตัดผักส่งให้คนรถนำกลับไปที่ร้านสามหนุ่มจึงพากันไปนั่งตกปลาที่ริมลำธารกันตั้งแต่ตอนกินมื้อเที่ยงอิ่มแล้วฟ่านปิงมีหน้าที่ทำอาหารให้กับสามหนุ่มวันนี้เธอจึงคิดจะกินหม้อไฟชาบูดีกว่าหลายคนดี จากนั้นรอบบ่ายฟ่านปิงจึงคลุกอยู่ในครัวปรุงน้ำซุปและหั่นหมูหั่นปลา แล่กุ้งทำกุ้งแช่น้ำปลาทำน้ำจิ้มรสเด็ดหอมหอมแห้งนำมาแช่น้ำรวมทั้งเห็ดหูหนูฟ่านปิงเดินไปที่โรงเรือนหลังจากที่ทำของสดครบทุกอย่าง ลูกชิ้นเธอก็ทำเองทั้งหมูทั้งปลาและกุ้งทำให้มีจานเนื้อหลากหลายจะเอาออกมาจากในมิติก็ไม่ได้ เพราะมันยังเป็นความลับสำหรับสามีรวมทั้งแม่เสิ่นที่ตอนนี้ฟ่านปิงยังไม่อยากเปิดเผยและรู้ว่าสามมีสงสัยของใช้ของเธอบางอย่างที่เขาไม่เคยเห็น แต่เขาจะไม่ถามถ้าภรรยาไม่อยากให้รู้ ฟ่านปิงก็ไม่ได้รังเกียจสามีแต่ที่ผ่านมาเขาก็ยอมรับผิดทุกอย่างและแสดงให้เห็นว่ารักเธอและทำตามที่ลั่นวาจาเอาไว้ทุกอย่าง ฟ่านปิงถามว่ารักสามีไหมสำหรับเธอก็มีใจสั่นเวลาสามีออดอ้อนเหมือนลูกน้อยในห้องนอนทุกคืนและเธอคิดว่าคงไม่ยากที่จะเปิดใจยอมรับความรักของสามีอีกไม่นานเธอเลือกเอ







