LOGINหลังจากนั่งพักหลังจากที่กินข้าวเที่ยงเสร็จเรียบร้อยตอนนี้สองหนุ่มเตรียมตัวขึ้นไปเก็บผักป่าให้สองสาวอยู่รอที่บ้านปักผ้าไป
มู่หยางกับเฉินซานเอาที่ดักไก่ป่าไปด้วยพวกเขาจะใส่เอาไว้ตอนขึ้นไปหลังจากเก็บผักป่าเรียบร้อย จึงจะไล่ดูว่าได้สัตว์มาทำอาหารมื้อเย็นด้วยหลังจากบอกแม่กับภรรยาตัวน้อยของตัวเองแล้ว เฉินซานก็เดินตามหลังมู่หยางไปทางหลังบ้านเพราะมีประตูหลังที่ออกไปลำธาร ทางขึ้นเขาซึ่งมันก็เป็นการดีมากๆที่จะไม่มีใครรู้เลยว่าสองครอบครัวนี้ขึ้นเขาหาของป่าลงมาขายให้เจ้าของร้านอาหารใหญ่ในเมือง มู่หยางได้แต่ส่ายหัวกับน้องเขยจำเป็นที่มองดูก็รู้ว่าหลงรักน้องสาวเขาเข้าแล้วดูเป็นห่วงจนเกินพอดีสั่งให้แม่ดูแลฟ่านปิงอย่างดีพวกคลั่งรักแล้วหนึ่ง มู่หยางคิดในใจและเดินนำหน้าน้องเขยขึ้นเขาไป ส่วนฟ่านปิงเอาลายผ้าออกมาให้แม่เสิ่นสามลายใหม่สร้างความตื่นเต้นให้แม่เสิ่นยิ่งนัก ไม่ว่าฟ่านปิงวาดลายอะไรมันเหมือนจริงจนแม่เสิ่นหลงใหลลายผ้าของลูกสะใภ้ตัวน้อยของนาง ส่วนตัวของฟ่านปิงเธอไปทำหน่อไม้ที่ปอกเปลือกเรียบร้อยมาจากบนเขามาทำเป็นหน่อไม้ดอง หลังจากนั้นจึงบอกแม่เสิ่นว่าเธอจะขอเข้าไปวาดลาดชุดเครื่องประดับให้เจียงห่าวและอออกแบชุดให้พี่สาวเจียงหยู่นำเข้าประกวดตามที่นัดกันเอาไว้อีกไม่กี่วัน แม่เสิ่นก็พยักหน้าเข้าใจเพราะเป็นงานละเอียดอ่อนต้องใช้สมาธิในการวาดรูปและคิด ทั้งสองคนจึงแยกกันทำคนละที่แม่เสิ่นนั่งทำที่แคร่หลังบ้านที่ร่มรื่นและสงบ ส่วนฟ่านปิงเข้าไปทำในห้องและเข้ามิติเลือกเอาแบบเก่าที่ในห้องทำงานของตัวเองฟ่านปิงเลือกเอาชุดที่เธอออกแบบเอาไว้มากมายในห้องทำงานมาเลือกเข้ากับยุคสมัยของที่นี้ ให้เข้ากับชุดเครื่องประดับสามชุดให้คุณนายเจียงซินเย่วเลือกเองว่าชอบชุดไหนที่จะส่งเข้าประกวด เธอรับรองว่าไม่มีใครเคยเห็นแบบผ้าของเธอมาก่อนก็แล้วกันอิๆมีตัวช่วยนี้มันดีจริงๆนะ ดีนะที่ภพเก่าเราคือนักออกแบบสินค้าของตัวเองมานานจึงมีลายผ้าลายเครื่องประดับมากมายในห้องทำงานของเธอในห้องทำงาน ส่วนเครื่องประดับเธอเอาออกมาห้าลายแถมให้พวกเขาผลิตออกมาขายในเมืองรับรองว่าขายดีเราก็แค่รอรับส่วนแบ่งอย่างเดียวก็พอไม่ต้องดิ้นรนไปทำอะไรแล้วขี้เกียจ รอรับส่วนแบ่งสามร้านค้าคู่สัญญาก็กินไม่หมดแล้วฟ่านปิงคิด แถมแม่เสิ่นเพิ่มเงินสินสอดให้อีกหกหมื่นหยวนลำพังแค่ส่งกุ้งกับปลาไปให้พี่ชายจื่อเซิ้นจนถึงหน้าหนาวในอีกสามเดือนฟ่านปิงไม่คิดจะทำอะไรอีกนอกจากออกแบบเครื่องประดับกับลายผ้าให้พี่สาวเจียงหยู่กับพี่ชายเจียงห่าวและสูตรอาหารให้พี่ชายจื่อเซิ้นเธอก็กินไม่หมดแล้ว หาเงินที่นี้มันง่ายกว่ายุคที่เราจากมาเหมือนกันนะดีนะที่ท่านตาเทพให้ความทรงจำของชาติเก่าติดตามมาด้วยฟ่านปิงจะใช้ความสามารถของตัวเองหาเลี้ยงครอบครัวก็พอแล้ว แต่เราต้องแต่งงานกับอีตาหน้าดุในอีกสิ้นเดือนนี้ไม่อยากแต่งแต่ก็น้ำท่วมปากเพราะแม่ของชายหนุ่มก็ดีต่อเธอมาก ท่านเองคงคาดหวังจะให้ลูกสะใภ้เลี้ยงดูในยามแก่ชราไปฟ่านปิงว่าจะปรึกษากับแม่เสิ่นว่าเธอจะขอให้แม่เสิ่นกับสามีจำเป็นย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้เลย เพราะฟ่านปิงไม่อยากเข้าไปอาศัยบ้านของสามีในหมู่บ้าน เธอชอบบ้านของพ่อกับแม่ที่ห่างไกลจากชาวบ้านมากกว่าทำอะไรก็สะดวกกว่ากันทุกอย่าง ฟ่านปิงวางแผนเอาไว้ว่าจะสร้างบ้านหลังใหม่อีกสองหลังของเธอหนึ่งหลังให้พี่ชายใหญ่อีกหนึ่งหลังในบริเวณเดียวกันนี้ เพราะต่อไปถ้าพี่ชายใหญ่เจอคนที่รักจะได้แต่งพี่สะใภ้ให้กับเธอฟ่านปิงจะทำหลังละสี่ห้องนอนชั้นเดียวทั้งสองหลังต้องลองปรึกษาแม่เสิ่นดูในวันพรุ่งนี้ เธอเลือกชุดที่จะเอาเข้าไปส่งในอีกห้าวันใส่ถุงผ้าแยกเอาไว้สามถุงรวมทั้งสูตรอาหารอีกด้วยก่อนจะเอาผ้าออกมาปักต่อ รอเวลาสักสี่โมงเย็นฟ่านปิงถึงจะออกไปทำอาหารให้กับทุกคน ผักป่าสองตระกร้าเมื่อเช้าฟ่านปิงยกให้เป็นกำไรพี่ชายจื่อเซิ่นไปเพราะว่าได้เงินค่ากุ้งกับปลามาเยอะมากแล้ว เธอเก็บเอาไว้แค่เห็ดกับหน่อไม้ซึ่งแม่เสิ่นก็ไม่ขัดเวลาเธอขอความคิดเห็นถึงจะไม่ชอบหน้าสามีจำเป็นแต่คนเป็นแม่ของเขาก็ใส่ใจและดีกับเธอเหลือเกิน ถ้าแม่เสิ่นปากร้ายเหมือนแม่ของเสี่ยวชิงป่านปิงจะไม่ยอมแต่งให้เฉินซานอย่างแน่นอนถึงแม้จะได้เสียกันแล้วก็ตาม เพราะว่าเธอมาจากยุคที่เท่าเทียมกันใครจะลือให้เสียหายเธอไม่สนใจเพราะพวกเขาไม่ได้หาข้าวให้เธอกินบ้านก็มีมิติก็มี หาเงินใช้เองไม่ให้ค่ากับคนที่ไม่หวังดีกับครอบครัวของเธออย่างแน่นอน แม้แแต่สามีจำเป็นของเธอถ้าไม่กล่าวคำขอโทษในวันนั้นคิดหรือว่าฟ่านปิงจะยอมให้เข้าบ้าน แม่เสิ่นก็เป็นคนดีและมีเหตุผลคนหนึ่งถึงลูกชายจะปากหมาไปหน่อยก็ตาม สี่โมงเย็นฟ่านปิงออกมาจากในห้องและเดินไปหาแม่เสิ่นนั่งลงข้างๆแม่เสิ่นและดูการปักผ้าของแม่เสิ่นด้วยความตั้งใจ ซึ่งฝีเข็มของแม่เสิ่นนั้นดีมากตามที่ฟ่านปิงดูจากการลงเข็มและจากผ้าที่ปักขายออกไปเพราะว่าเมื่อก่อนสามีของป้าเสิ่นให้ภรรยาอยู่บ้านเลี้ยงลูกชายคนเดียวรออยู่ที่บ้าน งานในทุ่งนาสามีทำเองทั้งหมดเพราะว่ามารดาของเฉินซานไม่ใช่คนในหมู่บ้านนี้ แม่เสิ่นเล่าให้ฟ่านปิงฟังทั้งคู่พบกันสมัยที่บิดาของเฉินซานไปเป็นทหารที่ปักกิ่ง แม่เสิ่นเป็นลูกสาวคนเดียวของนายทหารในค่ายพอแต่งงานกับพ่อของเฉินซานได้ไม่นานพ่อกับแม่จึงเสียชีวิตจากรถชน แม่เสิ่นจึงติดตามสามีมาอาศัยที่บ้านยายของสามีในหมู่บ้านแห่งนี้หลังจากที่สามีลาออกจากทหาร ตอนอยู่ที่ค่ายกับสามีแม่เสิ่นก็ยึดการปักผ้าเลี้ยงลูกจนโตเข้ารับการเป็นทหารแทนบิดาเพราะสามีของแม่เสิ่นก็ได้รับบาดเจ็บจากการทำภารกิจจึงลาออกมาอาศัยที่บ้านของแม่ของสามีตั้งแต่นั้นมาจนถึงตอนนี้ แม่เสิ่นเล่าเรื่องราวของครอบครัวให้กับฟ่านปิงฟัง "ว่ายังไงปิงเอ๋อร์ดูที่แม่ปักแล้วสวยไหมละ" แม่เสิ่นถามลูกสะใภ้ "อ้อพอดีหนูวาดแบบเสร็จจึงออกมาหาคุณแแม่น่ะคะฝีเข็มของคุณแม่ดีมากเลยค่ะปักออกมาได้สวยงามมาก" ฟ่านปิงชมแม่เสิ่น "แล้วหนูก็ว่ามันจะได้เวลาทำอาหารค่ำแล้วจึงออกมาค่ะคุณแม่ เอ่อคือหนูขอปรึกษาเรื่องแต่งงานได้ไหมคะคือว่าหนูอยากให้คุณแม่กับลูกชายย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของหนูด้วยกันนะคะหนูไม่อยากเข้าไปในหมู่บ้านเพราะที่นี้มันสะดวกที่พวกเราขึ้นเขาหาของป่าลงมาขาย และไม่แออัดเหมือนในหมู่บ้านด้วยและหนูว่าจะสร้างบ้านขึ้นมาสองหลังให้พี่ใหญ่หนึ่งหลังคุณแม่ก็อยู่หลังเดียวกันกับหนูและลูกชายของคุนแม่จะได้ดูแลช่วยเหลือกันได้ทุกวันค่ะ แต่บ้านหลังเก่านี้หนูไม่ทุบนะคะเอาไว้แบบนี้แหละเอาเสบียงมาเก็บไว้ที่นี้เลยคุณแม่มีความคิดเห็นเช่นไรไม่ต้องรีบให้คำตอบหนูก็ได้หนูไม่รีบหนูไม่บังคับคุนแม่ด้วยค่ะ" "ถ้าห่วงบ้านเก่าตอนกลางงวันก็มาอยู่กับหนูที่นี้ตอนกลางคืนคุนแม่ก็สามารถให้ลูกชายขี่จักรยานไปนอนที่บ้านได้ตอนเช้าก็มาเรื่องอาหารหนูจะทำเองคุนแม่ไม่ต้องทำก็ได้ค่ะ" ฟ่านปิงบอกกความต้องการของตัวเองให้แม่เสิ่นรับรู้ "อือเอาไว้แม่จะถามความคิดเห็นจากเฉินซานก่อนนะลูกฟ่านปิงอย่าได้กังวล แม่อยู่ที่ไหนก็ได้ขอให้มีลูกทั้งสองคนอยู่ดูแลยามแก่ชราไปไหนไม่ไหว เฉินซานเขาคงจะเลือกอยู่กับหนูอยู่แล้วเอาไว้แม่จะถามพี่เขาดูและมาบอกกับปิงเอ๋อร์นะ" แม่เสิ่นตอบ จากนั้นฟ่านปิงจึงขอตัวไปทำอาหารเย็นรอสองหนุ่มที่ขึ้นไปเก็บผักป่าปานนี้คงจะกำลังลงเขามาแล้วป่านปิงหุงข้าวก่อนเป็นอย่างแรกและทำอาหารต่อสำหรับทุกคนทุกอย่างในชีวิตของฟ่านปิงในแต่ละวันนี้ผ่านมาได้เกือบหนึ่งเดือนในการย้ายเข้ามาในเมืองและตอนดึกหลังจากที่เข้าห้องนอนกับสามีฟ่านปิงปวดท้องตอนหกทุ่มเฉินซานรีบนำรถจากบ้านหลังจากที่อุ้มเมียขึ้นรถเรียบร้อยแม่เสิ่นเตรียมของจนครบทุกอย่าง ทุกคนรู้ว่าฟ่านปิงได้ลูกแฝดเพราะท้องใหญ่มากทุกคนในครอบครัวดูแลเธอเป็นอย่างดีคุณนายเจียงซินเย่วแวะเข้าไปหาลูกสาวบุญธรรมแทบจะทุกวัน หาของบำรุงมากมายไปให้ฟ่านปิงบำรุงหลานในท้องเพราะตอนนี้กิจการของร้านขยายไปอีกหลายเมืองเพราะแบบที่บุตรสาวบุญธรรมคนนี้ให้มาและงานประกวดที่มีขึ้นสองปีได้ที่หนึ่งสองปีซ้อนสร้างความโด่งดังไปทั่วปักกิ่งจนต้องเปิดสาขาในเมืองหลวงอีกที่หนึ่งเป็นร้านที่ใหญ่โตมากเพราะลูกค้ามากมายชอบในแบบสินค้าที่ทางร้านมีแทบจะทุกแบบ แถมมีห้องลองที่ทันสมัยมีนางแบบนายแบบโฆษณาแทบจะทุกสิ้นเดือนเลือกได้ว่าช่างนี้ตัดกันมือเป็นระวิงฟ่านปิงปวดท้องอยู่สองชั่วโมงคุณหมอจึงผ่าทำคลอด เฉินซานเดินจนมารดาเวียนหัวที่ห่วงเมียจนนั่งไม่ติดมู่หยางก็เดินทางมาพร้อมกันกับจื่อเซิ้นตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์แล้วรวมทั้งพี่สาวเจียงหยู่กับคุณแม่และพี่ชายที่พากันตามหลังมาติดๆในที่สุดคุณหมอก
วันเวลาหมุนเวียนผ่านไปสองปีตอนนี้ฟ่านปิงมีลูกให้กับเฉินซานสมใจ ทีแรกจนเขาแทบจะท้อใจคิดว่าตัวเองเป็นหมั่นแท้ที่จริงฟ่านปิงกินยาคุมเอาไว้ จนตอนนี้เธอท้องได้เข้าเดือนที่เก้า ฟ่านปิงในวันที่เธอท้องได้สองเดือนที่ตื่นขึ้นมาเวียนหัวจนลุกไม่ได้สามีวิ่งไปบอกให้พี่ชายเอารถออกไปโรงพยาบาลพอรู้ว่ามู่ฟ่านปิงท้องเฉินซานทั้งยิ้มและหัวเราะมาตลอดทางเหมือนคนบ้าจนจื่อเซิ้นกับมู่หยางได้แต่ส่ายหัวให้กับน้องเขยตั้งแต่นั้นมาเขาดูแลฟ่านปิงเหมือนไข่ในหินฟ่านปิงพอคุมได้สองปีเธอจึงปล่อยให้ท้องอะไรเชื้อจะแรงมากขนาดนั้นเพราะปล่อยสามเดือนท้องเลยต้องให้รางวัลของคนขยันที่สามีของเธอขยันปั้นลูกทุกคืนจนสมใจ ก่อนที่เธอจะท้องได้พาสามีเข้ามิติและบอกเรื่องกินยาคุมกับสามีเขางอนเธอไปหลายวันคิดว่าตัวเองจะเป็นหมั่นจนจะไปตรวจที่โรงพยาบาลฟ่านปิงจึงบอกความจริงให้ฟังและนั้นคือการทำโทษของสามีที่ตั้งใจตั้งปั้นใหม่และก็สมใจเขาถึงตอนนี้ซึ่งตอนที่เธอบอกเรื่องที่มีมิติและบอกว่าได้พรมาจากท่านตาเทพตั้งแต่ที่โดนเพื่อนรักอย่างเสี่ยวชิงชิงวางยาในคืนนั้น คิดว่าตัวเองตายไปแล้วท่านตาจึงพาไปที่โลกของอนาคตข้างหน้าและให้เรียนรู้สิ่งต่างๆในโลกใบนั
ทั้งห้าคนในบ้านมู่กินมื้อเช้าด้วยความสุขพอได้บอกเรื่องที่หนักลงจากบ่า สองหนุ่มคู่รักต่างก็มีสีหน้าของความสุขที่ไม่ต้องหลบซ่อนสายจากใครในครอบครัวหลังจากนั่งพักฟ่านปิงไปล้างถ้วยในครัวและบอกให้ทุกคนพักก่อนไม่ต้องตามมาช่วยเดี๋ยวเสร็จแล้วเธอจะออกไปช่วยที่โรงเรือนที่ทุกคนตักผักเองหลังนั่งย่อยอาหารไม่นานสามหนุ่มจึงชวนกันไปตัดผักต่อ แม่เสิ่นจะไปด้วยแต่ทุกคนบอกเหลือไม่เยอะ"แม่ปักผ้าไปเลยครับไม่ต้องห่วงงานผักผมกับพี่ภรรยาทำทันอย่างแน่นอนเพิ่มคุณจื่อเซิ้นไปอีกคนไม่นานก็เสร็จแล้วครับ" ก่อนจะไปเฉินซานที่ช่วยภรรยายกถ้วยให้ภรรยาล้าง เขาสวมกอดฟ่านปิงจากทางด้านหลังด้วยความรักก่อนจะกระซิบใส่เมียรักเบาๆ"ปิงเอ๋อร์เมื่อคืนน้อนร้อนแรงมากพี่เกือบตายคาอกเมียพี่ขอแบบนี้ทุกคืนนะครับ" พูดจบเฉินซานก็ก้มลงหอมทั้งสองงแก้มซ้ายขวาบอกรักฟ่านปิงแล้วรีบไปตัดผักต่อฟ่านปิงที่ยืนนิ่งเพราะมือไม่ว่างติดล้างถ้วยอยู่ได้แต่ส่งค้อนให้สามีที่ส่งเสียงหัวเราะออกไปจากครัวด้วยความสุขออกไปจากในครัวหลังจากได้รางวัลจากสองแก้มเธอนับวันเขายิ่งทำตัวหื่นไม่เลือกสถานที่ ตั้งแต่ที่เมื่อคืนที่ตัวเธอยอมขอโทษที่พูดให้สามีได้เอาเปรียบเธอแทบจ
"ก็ไม่เป็นอะไรนี้ครับปิงเอ๋อร์พี่รับได้คนเราเลือกเกิดไม่ได้ พี่อยู่ในเมืองใหญ่ในค่ายทหารมาหลายปีหนูคิดว่าพี่จะไม่พบเจอบ้างเลยหรือครับและมันกลับเป็นเรืองที่ดีที่พี่ชายของหนูจะได้อยู่ใก้ลหนูทั้งสองคนยังไงละครับ แม่ของพี่ท่านเป็นคนในเมืองมาก่อนและมีเหตุผลท่านใช้ชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนพวกเรา ท่านต้องเข้าใจมากมากกว่าและเห็นใจพี่ภรรยาทั้งสองคนอยู่แล้วครับ แล้วหนูจะมาขอหย่าพี่เรื่องแค่นี้หรือครับเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะครับ พี่เสียใจมากนะครับปิงเอ๋อร์ที่น้องไม่เคยมองพี่ในแง่ดีขึ้นมาบ้างเลยหรือครับ พี่รู้ว่าที่ผ่านมาพี่ผิดจนหนูโกรธพี่มากพี่จะบอกน้องตรงนี้ต่อหน้าพี่ชายของน้องว่าพี่รักหนูมากเท่าชีวิตของพี่ครับ" เฉินซานบอกภรรยารักและมองหน้าเธอด้วยความเสียใจที่ภรรยาไม่เคยใจอ่อนให้เขาเข้าร่วมและขอความคิดเห็นเลยมีแต่อยากทิ้งเขาทั้งที่ไม่เคยถามสามีสักคำก่อนเลย ฟ่านปิงมองหน้าสามีและเดินเข้าไปจับมือของสามี"หนูขอโทษที่ยังไม่ได้ถามพี่แต่หนูก็คิดไปก่อนขอบคุณพี่ที่เข้าใจพี่ชายของหนูค่ะ" ฟ่านปิงบอกสามีเฉินซานเห็นภรรยาจับมือและขอโทษที่เธอทำผิดเพราะตลอดเวลาที่แต่งงานกันมาฟ่านปิงจะไม่เคยแตะต้องตัว
ฟ่านปิงมาส่งพี่ชายทั้งสองถึงบ้านและดึงพี่ชายทั้งสองคนเข้าห้องนอนของพี่ใหญ่ก่อนจะพูดให้ทั้งสองคนฟังชัดๆเพราะตอนนี้จื่อเซิ้นกับมู่หยางยังตกใจที่ฟ่านปิงรู้เรื่องของตัวเองได้ยังไง"ไม่ต้องตกใจหรอกค่ะพี่จื่อเซิ้นหนูรู้ว่าพี่ชอบพี่ใหญ่เกินคำว่าเพื่อนรัก เพียงแต่คนที่นี้ไม่ค่อยยอมรับเรื่องชายรักชายเท่านั้นเอง แต่สำหรับหนูไม่ว่าพี่ทั้งสองคนจะเป็นแบบไหนหนูก็รับได้ค่ะพี่ไม่ต้องตกใจหนูยินดีที่พี่ทั้งสองคนจะมีความสุขด้วยกันถึงแม้คนอื่นจะไม่ยอมรับแต่จะสนใจทำไมละคะ ในเมื่อพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้หาข้าวให้เรากินหรือมารับเลี้ยงเรานี้คะทำตัวตามที่ใจพี่ทั้งสองคนต้องการเถอะค่ะ" ฟ่านปิงบอกพี่ชายที่เธอรักทั้งสองคน "ปิงเอ๋อร์" มู่หยางพูดเสียงเบาเขาพยายามที่จะหักใจมาตลอดว่าที่ผ่านมามีเพียงจื่อเซิ้นที่คอยช่วยเหลือเขามาโดยตลอดตั้งแต่ขาดพ่อกับแม่เค้าต้องเป็นเสาหลักให้น้องสาว จากที่เรียนมาด้วยกันและรับเข้าไปทำงานในร้านอาหารของพ่อตัวเองตอนเรียนจบ จื่อเซิ้นต้องปกปิดตัวตนทุกอย่างเพราะกลัวว่าบิดาจะเสียใจที่เขามีใจเป็นหญิงท่านพาไปดูตัวผู้หญิงที่ไหนเขาก็ปฎิเสธและขอแลกกับการทำงานแทนการแต่งภรรยาและบอกความจริงกับบิดาไปว่
อีกสองวันต่อมาพี่ชายจื่อเซิ้นก็มาค้างที่บ้านกับพี่ใหญ่เพื่อจะตกปลากัน หลังจากที่พากันตัดผักส่งให้คนรถนำกลับไปที่ร้านสามหนุ่มจึงพากันไปนั่งตกปลาที่ริมลำธารกันตั้งแต่ตอนกินมื้อเที่ยงอิ่มแล้วฟ่านปิงมีหน้าที่ทำอาหารให้กับสามหนุ่มวันนี้เธอจึงคิดจะกินหม้อไฟชาบูดีกว่าหลายคนดี จากนั้นรอบบ่ายฟ่านปิงจึงคลุกอยู่ในครัวปรุงน้ำซุปและหั่นหมูหั่นปลา แล่กุ้งทำกุ้งแช่น้ำปลาทำน้ำจิ้มรสเด็ดหอมหอมแห้งนำมาแช่น้ำรวมทั้งเห็ดหูหนูฟ่านปิงเดินไปที่โรงเรือนหลังจากที่ทำของสดครบทุกอย่าง ลูกชิ้นเธอก็ทำเองทั้งหมูทั้งปลาและกุ้งทำให้มีจานเนื้อหลากหลายจะเอาออกมาจากในมิติก็ไม่ได้ เพราะมันยังเป็นความลับสำหรับสามีรวมทั้งแม่เสิ่นที่ตอนนี้ฟ่านปิงยังไม่อยากเปิดเผยและรู้ว่าสามมีสงสัยของใช้ของเธอบางอย่างที่เขาไม่เคยเห็น แต่เขาจะไม่ถามถ้าภรรยาไม่อยากให้รู้ ฟ่านปิงก็ไม่ได้รังเกียจสามีแต่ที่ผ่านมาเขาก็ยอมรับผิดทุกอย่างและแสดงให้เห็นว่ารักเธอและทำตามที่ลั่นวาจาเอาไว้ทุกอย่าง ฟ่านปิงถามว่ารักสามีไหมสำหรับเธอก็มีใจสั่นเวลาสามีออดอ้อนเหมือนลูกน้อยในห้องนอนทุกคืนและเธอคิดว่าคงไม่ยากที่จะเปิดใจยอมรับความรักของสามีอีกไม่นานเธอเลือกเอ







