“แต่...ต้าหวังบอกว่าหากยังไม่กลับต้าหวังจะมาตามที่ตำหนักบูรพา”
ลี่กังเลิกคิ้วสูงรู้สึกแปลกใจไม่น้อย เจิ้งจินเทาไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องเช่นนี้เป็นแน่
“ข้าว่าเจ้ากลับไปก่อนดีกว่า ข้าให้ขันทียกเครื่องเสวยอีกชุดตามไปที่เรือนรับรอง”
“ข้าอิ่มแล้ว แต่ยังไม่อยากกลับ”
หลินฮวาพูดขึ้นดังๆ เมื่อเห็นว่าร่างสูงยืนอยู่ข้างนอกประตูนั้นเป็นของเจิ้งจินเทา พูดยังไม่ทันขาดคำร่างสูงก้าวยาวๆ เข้ามาในตำหนักบูรพา
“อาเล็ก ช้าก่อนอย่าเพิ่งโมโหไป”
เจิ้งลี่กัง เข้าขว้างเจิ้งจินเทาที่ก้าวเท้าเข้าหาหลินฮวา
“ไท่จือนางกำลังจะแต่งเข้าจวนข้า ถือว่าเป็นคนของข้าครึ่งหนึ่งแล้ว ฉะนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องภายใน”
คว้าแขนหลินฮวาลากออกจากตำหนักบูรพาไป
หลินฮวาขืนตัวไว้สุดแรงแต่รูปร่างเมื่อเทียบกันแล้ว อย่างไรจะสู้กำลังเขาได้
“ปล่อยเลยนะ ข้ากำลังจะแต่งแล้วก็ยังไม่ได้รับปากว่าจะแต่ง เช่นนั้นข้ายังไม่ได้เป็นคนของท่าน หากเรื่องที่ท่านข่มเหงกัน รู้ไปถึงฝ่าบาทข้าก็อาจหาข้ออาจปฏิเสธที่จะแต่งได้”ปล่อยมือแต่กลับซ้อนร่างเล็กไว้ในอ้อมแขน
“เจ้ากล้าหรือ”หลินฮวาตกใจไม่น้อย ขันทีนางในต่างจ้องมอง เจิ้งลี่กังวิ่งตามออกมา
“อาเล็ก ได้โปรดอย่าทำอะไรนาง หลานผิดเอง หลานเป็นคนชวนนาง”
เจิ้งลี่กังรู้ดีว่าหากใครทำให้ เจิ้งจินเทาที่ดังเสือหลับถูกปลุกขึ้นมาผลจะเป็นเช่นไร
“ไท่จือท่านก็ควรกลับไปนอนเสียดึกมากแล้ว เรื่องนี้ข้าบอกแล้วเป็นเรื่องระหว่างข้ากับนาง”
สาวเท้าเดินตัวปลิวกลับไปยังจวนอ๋อง ทั้งๆที่อุ้มหลินฮวาอยู่
เจิ้งลี่กังได้แต่ถอนหายใจ
“ปล่อยนะ”
ยกมือขึ้นทุบตรงกลางอกแต่ไม่มีอาการว่าสะดุ้งสะเทือน
“จะมาข่มเหงกันง่ายๆ ไม่ได้นะ ข้ายังไม่ได้เป็นอะไรกับท่านเสียหน่อย”
“เช่นนั้นข้าคงเร่งทำให้มันเป็นเสีย เจ้าจะได้รู้ว่าคนอย่างข้าหยามไม่ได้”
“อย่านะ”
“ช้าไปแล้ว ทุ่มร่างบางลงบนพื้นหญ้าสีเขียว แม้จะนุ่มเหมือนพรมแต่ทว่าด้วยการที่ถูกทุ่มลงขนาดนั้นหลินฮวากลับรู้สึกจุก ไม่มีใครตามมาสักคนแล้วก็ไม่มีใครอยู่ ที่นั่นสักคนหานห้าวตงก็ล่วงหน้าไปก่อนแล้วหลินฮวาจุกจนพูดไม่ออก ร่างใหญ่กับ โถมเข้าใส่ทั้งตัว
“อย่านะ”
เงื้อมือรอฟาดเข้าใส่แก้มสากเต็มแรง เจิ้งจินเทารวบมือไว้ทั้งสองข้าง กดริมฝีปากที่ปากบาง แต่หลินฮวากลับเม้มปากแน่น
“ปล่อยนะ” ผลักร่างใหญ่ออกห่างแต่ไม่สะทกสะท้าน
“ปล่อยเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นถ้าหลุดไปได้จะหนีไปเสียไม่อยู่แต่งกับท่านแล้ว”
เจิ้งจินเทาชะงักงัน ลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวขาจากไป
หลินฮวางงงันกลับอาการของเจิ้งจินเทา ลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะเดินกลับไปที่เรือนรับรอง
“เสี่ยวหลิน”บิดาส่งเสียงเข้มดุ ซึ่งนานๆ หลินฮวาจะได้ยินเสียงนี้เสียที
“ท่านพ่อ”
“ลูกทำเรื่อง น่าละอาย ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าจะแต่งเป็นชายารองของต้าหวังเหตุใดต้อง ไปที่ตำหนักบูรพา เรื่องเช่นนี้ทำให้ต้าหวังขายหน้าไม่น้อย”
“ลูกแค่ไปหาอะไรกินแล้วอีกอย่าง ต้าหวังผู้นั้นสั่งไม่ให้มีของกินติดไว้ในห้องเครื่อง เหมือนจงใจกลั่นแกล้งลูก”
“แค่เรื่องง่ายๆ อย่างนี้ หลินฮวายังไม่สามารถอดกลั้นได้ แล้วต่อจากนี้เมื่อต้องเผชิญกับเรื่องทุกข์เข็ญกว่านี้จะจัดการเช่นไร”
“ท่านพ่อลูกผิดไปแล้ว”
“พรุ่งนี้ ไปคุกเข่าขออภัยต้าหวังเสีย เจ้าทำให้เขาอับอายตำแหน่งต้าหวังหากจัดการกับคนในปกครองไม่ได้ก็จะถูกครหา หลินฮวาบางเรื่องแข็งไปก็ไม่ได้ ความอ่อนโยนแม้ข้าไม่ได้สอนเจ้าทว่าเรื่องผิดถูกจะสอนให้เจ้ารู้จักผ่อนหนักผ่อนเบาด้วยตัวเอง”
หลินฮวาก้มหน้านิ่งรู้สึกผิดอย่างแท้จริง เจิ้งจินเทาคงเสียหน้าไม่น้อยที่ปล่อยให้หลินฮวาไปที่ตำหนักบูรพายามค่ำคืนทั้งๆ ที่กำลังจะแต่งเป็นชายารอง เรื่องแบบนี้ เป็นใครก็ไม่อาจยอม นับว่าเจิ้งจินเทาใจเย็นเหลือนเกินแล้ว หลินฮวาคิดน้อยไปจริงๆ ถึงว่าเมื่อครู่เขาถึงมีอาการโมโหมากมายขนาดนั้น
เช้าสดใส เสี่ยวจงเดินหาวมาแต่เช้าภาพที่เห็นคือหลินฮวานั่งคุกเข่าหน้าจวนอ๋อง
รีบลนลาน เข้าไปยังห้องนอนของเจิ้งจินเทา
ที่ยืนมองหลินฮวาอยู่ก่อนแล้วที่ริมหน้าต่าง
“ต้าหวังนาง”
“ปล่อยนาง”
“แต่อากาศเย็นมากเกรงว่านางจะล้มป่วย”สาวเท้ายาวๆ ออกจากห้องไป
หลินฮวายิ้ม ดีใจเมื่อเห็นเจิ้งจินเทาออกมาข้างนอก
“เข้ามาข้างใน”
ลุกขึ้นบิดขี้เกียจขยับแขนขยับขา นับว่าไม่เสียแรงเปล่าเขาหายโกรธแล้ว เดินตามเจิ้งจินเทาเข้าไปในห้องอยู่ๆ เขาก็หยุดชะงักหลินฮวาชนเข้ากับร่างใหญ่เต็มแรง เจิ้งจินเทาหันมามองด้วย แววตาดุดุก่อนจะหันไปปิดประตูลงกลอน แน่นหนาเสี่ยวจงก็ไม่อาจตามเข้าไปได้
“คุกเข่า”
“หา”
“คุกเข่า ห้าชั่วยาม”
“อ้าว ท่านยัง..ไม่หายโกรธอีกหรือ”
“ตอนนี้ยัง แต่หากว่าคุกเข่าจนกว่าข้าจะพอใจก็ไม่แน่”
“แต่ หลินฮวา ..แต่ข้าคุกเข่าตั้งสองชั่วยามแล้วนะอีกทั้งข้างนอกนั่นอากาศหนาว”
“นั่นอย่าไงเล่าหนาวจนอาจป่วย แล้วก็อาจตาย ทำให้ข้าถูกครหาอีกจนได้”
พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ถอดเสื้อคลุม เผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม หลินฮวาเบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้าใจสั่นไหว เจิ้งจินเทาเดินถือเสื้อคลุมมาห่มให้หลินฮวาที่คุกเข่าใช้มือสองข้างถูกันไปมาแก้หนาว แต่เสมองไปเสียทางอื่น
“เสี่ยวจงยกเครื่องเสวย”
หลินฮวาท้องร้องจอกเมื่อคิดได้ว่าตัวเองก็หิวเหมือนกัน
“ท่านอา ท่านอาหญิงท่านสองคนจะไปจริงๆหรือ”เจิ้งลี่กังสีหน้าเศร้าสร้อยเดินมาส่งจ้งจินเทากับหลินฮวาที่หน้าประตูวัง เสี่ยวจงยืนรีรออยู่ด้านหน้าเกี้ยวหานห้าวตงยืนม้าคอย“ไม่ได้ไปไหน จวนฤดูร้อนของเราอยู่ห่างไปไม่ถึงร้อยลี้ด้วยซ้ำไป”“ท่านอาเล็ก ข้าจะต้องคิดถึงท่านทั้งสองมากแน่ๆ เสด็จพ่อบอกข้าว่าไม่อาจขัดเจตจำนงของท่านอา แต่ข้าเห็นว่าถึงจะไม่มีสงครามแต่ท่านอาก็ยังเป็นแม่ทัพของเราเช่นนั้นควรจะรั้งอยู่ที่นี่ข้าจึงจะสบายใจไม่ต้องกังวลสิ่งใด”“ขอบพระทัยฝ่าบาทยิ่งแล้วข้ากับ ชายาตั้งใจใช้ชีวิตสงบสุขที่นั่น ให้หลินฮวาคลอดอ๋องน้อยอย่างสบายใจครั้งนี้จึงถือว่าพาหวางเฟยไปหย่อนใจ ไท่จือท่านจไม่ต้องกังวลมีอะไรก็ส่งม้าเร็วไปเจิ้งจินเทารับรองจะมาถึงนี่อย่าทันท่วงทีครั้งนี้ข้าได้ให้หานห้าวตงคอยรั้งอยู่ที่จวนอ๋องไร้พ่ายเพื่อคอยอารักขาไท่จือและฝ่าบาท และท่านพ่อภรรยาอีกชั้น” ยกมือขึ้นโอบรอบเอวอวบของหลินฮวาตั้งใจพาหลินฮวาไปพักผ่อนที่จวนริมน้ำเพื่อหาเวลาอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง“ไอ้เรื่องความปลอดภัยข้าไม่ห่วงในเมื่อบ้านมืองสงบสุขเพียงนี้ นั่นก็เพราะท่านอาที่ปูทางมาตลอดมาวันนี้ข้าห่วงคือเรื่องที่ข้าจะเหงา หากว่าท่า
เจ้าอย่าใจร้ายกับข้านักเลย“ท่านอาเล็กกกกกก”เจิ้งจินเทาเลิกคิ้วสูงเจิ้งลี่กังเท้าคางตรงหน้าบนโต๊ะร่างอักษรของเจิ้งจินเทา“ว่าอย่างไรไท่จือ” เสี่ยวจงรีบรินชา เจิ้งจินเทาวางพู่กันลงกอดอกหันมาสนใจเจิ้งลี่กัง“คือข้าได้ยินมาว่า ว่าที่ชายาของท่านอา อือของอาเล็ก นางมีเวทย์มนตร์”เจิ้งจินเทาเลิกคิ้วสูงหานห้าวตงก้าวขาเข้ามาข้างใน ได้ยินประโยคสุดท้ายพอดีถึงกับขมวดคิ้ว“วันนี้ข้าเลย นำสิ่งนี้มามอบให้กับท่านอา”ยิ้มกว้างสดใส ในทุกครั้งที่อยากเอาใจเจิ้งจินเทา ยังๆไม่ยอมแพ้จากน้ำศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ยังไปที่วิหารเทียมฟ้าไปขอวัตถุมงคลมาให้กับเจิ้งจินเทาได้อีก“หมายความว่าอย่างไรเจ้าจะให้ข้าเอาสายสร้อยเส้นนี้ไป ทำอะไร”เจิ้งจินเทาเองก้ขมวดคิ้ว“ก็ว่าที่อาสะใภ้ของข้า นางมีเวทย์มนตร์เปลี่ยนท่านอาเล้กได้เพียงนี้และข้าไปเสาะแสวงหาสิ่งนี้มาเพื่อท่านมีเพียงสร้อยเส้นนี้เท่านั้นที่จะ..ต่อกรกับชายาของท่านข้าเห็นท่านอาเป็นแบบนี้แล้ว ข้าไม่สบายใจท่านแต่ไหนแต่ไรหญิงงามแค่ไหนก็ไม่เคยชายตามองแต่มาวันนี้กลับเปลี่ยนไป หากไม่ใช่ เวทย์หรือมนตร์ดำแล้วจะเป็นสิ่งใดได้”หานห้าวตงถึงกับปิดปากขำ“ต้าหวางไท่จือดั้นก้นไปถึงวิห
ทำอย่างไรให้เจ้าหันมอง“เสี่ยว จงเก็บเครื่องเสวยเหล่านี้กลับไปเสีย”“เอ่อ เอ่อต้าหวางจะไม่รอ เอ่อ คุณหนูหลินฮวาอีกสักครู่หรือไร”เจิ้งจินเทาถอนหายใจ“ไม่ข้ากำลังจะออกไปแล้วตอนนี้งานราชสำนักกำลังเร่งรัดข้าไม่อาจรอได้หากนางมาก็ให้นางเสวยเพียงลำพังบอกว่าข้าออกไปที่วังหลวงเสียแล้ว”“แต่ แต่ต้าหวาง ท่านก็อย่าใจร้ายกับคุณหนูให้มากอีกหน่อยก็จะแต่งนางแล้ว เอาใจนางหน่อยจะดีไหม ที่นางไที่ตำหนักบุรพาเพราะไท่จือเป้นคนที่เอาใจเก่งแล้วนางก็สำนึกผิดแล้วยอมคุกเข่าแต่ท่านอ๋องท่านเองก็ทำเกินไปหน่อยหักหาญน้ำใจคุณหนูเพียงนั้น....”เจิ้งจินเทาเลิกคิ้วสูง“เสี่ยวจงเจ้าจงใจว่าข้าว่าข้าไม่เข้าใจการเอาใจหญิงงามอย่างนั้นหรือ แล้วเจ้ายังแอบดูสิ่งที่ข้าทำกับคุณหนูของเจ้าอย่างนั้นหรือ"คิดถึงรสจูบหวานหอมเมื่อวานหากหลินฮวานางจะยินดีให้เขาจูบรสจูบจะหวานกว่านี้สักกี่เท่ากัน แต่ดูนางเขาสิเห็นเขาเป็นศัตรูตลอดมา“เสี่ยวจงมิบังอาจ แต่เสี่ยวจงอยากจะบอกท่านอ๋องว่าคุณหนูหลินฮวานางยังเด็กเพิ่งจะสิบห้าแล้ว แล้วไท่จือก็อายุไม่อ่อนแก่กว่ากันเท่าไหร่ ฉะนั้นสองคนอาจสนิทสนมกันได้ไม่ยาก ท่านอ๋องท่านก็แค่เอาใจคุณหนูหลินฮวาหน่อยหากว่า
“ไหนว่าเราเข้ามาอยู่ในฐานะแขก ท่านพ่อ เห้นไหมเขา ให้ลูกอดข้าว”“หลินอวาเราในฐานะเชลย ตอนนี้เจ้ากำลังจะเป็นบรรณาการของเขาเช่นนั้นคำพูดของต้าหวางเจ้าต้องคอยเชื่อฟังให้มากไม่มีเขาจึงไม่มีเราในวันนี้”“ท่านพ่อท่านพูดแบบนี้คนแบบนั้นจึงได้ใจ”“หุบปากเจ้าเสียหลินฮวา”เจิ้งจินเทาเดินเอามือไพล่หลังเข้ามาบริเวณที่พำนักที่ร่มรื่นสงบของหลินฮวาและต้วนเจี้ยนหลิน“ต้าหวาง”หลินฮวาย่อกาย แล้วเดินหลบเข้าข้างในเสียเชอะทำเหมือนว่าไม่ได้ยินในสิ่งที่หลินฮวานิาทาเขาไว้ ต่อหน้าท่านพ่อของหลินฮวาเป็นเทพสงครามที่องอาจไม่มีให้เสียหน้า“ท่านแม่ทัพ”ประสานมือนอบน้อม หลินฮวาถอนหายใจ คนผู้นี้แสดงกิริยาต่อหน้าบิดาของหลินอวาเสียดิบดีมิน่าเล่าท่านพ่อเลยไม่เคยมองเขาในด้านไม่ดี“เกรงใจไปล้วต้าหวางข้าก็เพียงแค่แม่ทัพที่ไร้ทัพต้าหวางมีสิ่งใดให้รับใช้เชิญว่ามา”เจิ้งจินเทายิ้มบางๆ“ก็…แค่อยากจะแวะมาถามสารทุกข์สุขดิบว่าทั้งต้วนไม่สิ ท่านต้วนหับบุตรีของท่าน อยู่ที่นี่สบายดีหรือไม่”หลินหิวที่นั่งหลบอยุ่ในบ้านขมวดคิ้ว“เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องแวะมาเชียวหรือ”สายตาบอกว่าไม่อยากจะเชื่อหลินฮวาเองก้ไำม่เชื่อในสิ่งที่เจิ้งจินเทาพูดมา“อ
“ท่านอาเก้าท่านเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่”“แล้วไท่จือเล่าเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่อย่าบอกนะว่าเราสองคนใจตรงกันมาเพื่อว่าที่ชายาของพี่แปดเหมือนกัน”ไข้าต่างกับท่าน”ปกปิดสิ่งที่ซ่อนไว้ก็เสี่ยวจงบอกเขาว่าวันนี้คุณหนูต้วนจะเข้ามาพบฮองเอาตามพระบรรชาหากอยากพบนางจะต้องมาที่นี่ไม่น่าเชื่อว่าจะพบหูซื่อเย่ที่ออกมาจากส่วนในของตำหนักชิงหนิงกง“ท่านอาเก้าท่านอาเพิ่งจะออกมาจากส่วนใน….”หูซื่อเย่ถอนหายใจส่ายหน้าไปมา“ข้าไม่แปลกใจเลย ว่าตำแน่งไท่จือได้มาเพราะโชคช่วย ข้ากับฮองเฮามีเรื่องหารือเรื่องความปลอดถัยในตำหนักชิงหนิงกงข้าจึงต้องตรวจตราทุกซอกมุม”“ท่านลงมือเองเลยหรือปกติข้าเห็นแต่ท่านสั่งการ สั่งการและสั่งการ”“นานแค่ไหนแล้วที่นั่งบนตำหนักบูรพา” สีหน้าและแววตาหยามเหยียดของหูซื่อเย่ทำให้เจิ้งลี่กังกัดฟันแน่น“อาเก้าท่านเองก็เป็นอ๋องมานานเท่าไหร่แล้วเคยออกไปนอกเขตวังหลวงบ้างหรือไม่”“หุบปากเจ้าเสียไท่จือคิดว่านั่งบัลลังก์ตำหนักบูรพาแล้วยิ่งใหญ่เกินใครหรืออย่างไรจึงไม่ต้องนับถือใคร”“ข้านับถือคนที่ควรนับถืออย่างอาเล้กต้าหวางที่น่านับถือกว่าอ๋องบางคนที่เอาแต่สร้างบารมีรวบรวมซ่องสุม”“เจ้าว่าใครซ่องสุม”เจิ้งล
“อย่าๆๆๆทำแบบนี้ท่านอ๋องเก้าท่านจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ”ปิงซูเยียนส่งเสียงร้องครางด้วยความกระสันเมื่อหูซื่อเย่งัดเอาทุกกระบวนท่ามาปรนเปรอซูเยี่ยนก็นางมาหาเขาที่จวนอ๋อง เพราะพรุ่งนี้นางจะต้องแต่งเข้าจวนต้าหวังอ๋องไร้พ่ายเจิ้งจินเทาคนนั้น“อ่าาาาาข้าติดใจรสสวาทของเจ้าเสียแล้วซูเยี่ยน เจ้าไม่ต้องแต่งดีไหม”“ไม่แต่งแล้วท่านอ๋องจะให้ซูเยี่ยนอยุ่ในฐานะใดกัน”เอวหนาขยับเร่งจังหวะซู๊ดปากด้วยรู้สึกเสียวกระสันอย่างที่สุด“เจ้าอยาอยากให้ข้ายกเจ้าไว้ในฐานะใดกันเล่าในเมื่อเจ้าก็รู้ว่าข้าไร้ซึ่งชายาและอำนาจในมือ หากข้าสามารถนั่งบัลลังก์มังกรได้ข้าจะแย่งชิงเจ้ามาจากเจิ้งจินเทาเสียแล้วตำแหน่งฮองเฮาก็ควรมอบให้เจ้าดีไหม”ซูเยี่ยนยิ้ม“ท่านอ๋องท่านไม่ได้ปดข้าใช่ไหม”“ใครกล้าปดเจ้าเจ้ายอมมอบายให้ข้าเพียงนี้ทั้งๆที่พรุ่งนี้จะเข้าหอกับเจิ้งจินเทาเจ้ากลับยอมเป็นคนของข้าซูเยี่ยนข้าเช่นไรจึงจะกล้าไม่ดีกับเจ้า”จูบซอกซอนมือล้วงลึกไปที่หว่างขา กระตุ้นสวาทอีกครั้งไม่เลิกรา“ท่านอ๋องงงงท่านปากหวานเสียจริงข้ามีหรือจะยอมใจแข็งข้าไม่แต่งกับเจิ้งจินเทาดีไหมท่านก็พาข้าหนีไปใช้ชีวิตสองคน”“ไม่ได้ทำเช่นนั้นเราต้องหนีจนตาย ทางที