เจียงหวานหว่านส่งเสียงไม่พอใจทีหนึ่ง แล้วหยิบเอาหนังสือสมรสที่หลิ่วซู่พกติดตัวไว้ตลอดออกมา"หนังสือสมรสอยู่นี่ เจียงป๋อเหนียน รู้กฎหมายแต่ยังทำผิด"หนังสือสมรสตรงหน้า เป็นเหมือนหลักฐานมัดตัวที่แน่นหนาเจียงป๋อเหนียนรู้สึกเหมือนพังทลาย ริมฝีปากสั่นน้อยๆ"ปลอมแปลงหนังสือสมรส นักต้มตุ๋นนี่มีชั้นเชิงไม่เบา ใครก็ได้ ไปเอาหนังสือสมรสมาให้ข้า!"เจียงป๋อเหนียนหรี่ตาลง ภรรยาเอกของเขาจะเป็นผู้หญิงบ้านนอกไม่ได้เด็ดขาด เดี๋ยวคนอื่นจะหัวเราะเยาะกันพอดีในจังหวะที่พวกคนใช้กำลังจะกรูกันเข้ามานั่นเองน้ำเสียงทุ้มหนามีเสน่ห์ก็ดังขึ้นมาก่อน"ฮูหยินเจียง มีเรื่องอันใดกันถึงได้คึกคักเพียงนี้"ตึก ตึก เสียงฝีเท้าม้าดังขึ้น ผู้ชายคนหนึ่งกำลังขี่ม้าชั้นดีสีขาวราวหิมะเข้ามาอย่างองอาจรูปร่างสูงใหญ่ ผิวสีทองแดง เครื่องหน้าคมเข้มชัดเจนลึกล้ำดวงตาเรียวยาวรูปดอกท้อภายใต้คิ้วคมดุจกระบี่ มองทุกคนอย่างดูมีอำนาจชายหนุ่มในชุดสีม่วงที่บังเอิญบุกเข้ามา ทำให้ร่างกายของเจียงหวานหว่านแข็งทื่อ ได้แต่ยืนนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้นเมื่อเจียงป๋อเหนียนเห็นเป็นเขา ก็ใจกระตุก"คารวะอ๋องซี แค่ชาวบ้านก่อความวุ่นวาย เดี๋ยวข
สีหน้าของเจียงป๋อเหนียนดูไม่ได้ สองมือกำหมัดแน่นกำลังทหารครึ่งหนึ่งของแคว้นตงหลิงอยู่ในมือของหรงซีเขาไม่กล้าจะผิดใจกับหรงซีท่าทีของหรงซีในตอนนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าจะช่วยหลิ่วซู่แม่ลูก เขาไม่อาจเอาอนาคตของตัวเองไปเสี่ยงได้หลังจากลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดเจียงป๋อเหนียนก็กัดฟันยอมรับ "ใช่ นางหลิ่วเป็นภรรยาเอกของข้าน้อยเองขอรับ""อ๋องซี ข้าน้อยแก่แล้วสายตาไม่ดี ไม่ได้พบฮูหยินมาหลายปี หน้าตาฮูหยินก็เปลี่ยนไป ก็เลยจำไม่ได้ในตอนแรก อีกทั้งยังเคยได้รับจดหมายบอกว่าฮูหยินกับลูกสาวเสียชีวิตไปแล้ว จึงได้เกิดเรื่องเข้าใจผิดในวันนี้ได้"หรงซีมองไปที่เจียงหวานหว่าน "แม่นางเจียง ใต้เท้าเจียงบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด เจ้าคิดว่ายังไง"เจียงป๋อเหนียนมองไปทางหลิ่วซู่ สายตาเหมือนมีความหมาย "ซู่เหนียง พวกลูกๆ ต่างก็คิดถึงเจ้ามาก เจ้ากลับมาได้ พวกเขาจะต้องดีใจกันมากแน่"เขากำลังเตือนหลิ่วซู่ว่าอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ให้คิดถึงอนาคตของพวกลูกชายด้วยเจียงหวานหว่านมองไปที่เจียงป๋อเหนียนอย่างดูถูก รังแกคนอ่อนแอหวาดกลัวคนแข็งแกร่งหลิ่วซู่ยังคงกัดริมฝีปากล่างอยู่อย่างนั้น ส่า
เจียงหวานหว่านจึงสั่งให้แม่เฒ่างานหยาบไปเอาอาหารมาแม่เฒ่างานหยาบรับคำสั่ง เอาอาหารมาวางไว้แล้วก็ออกไปกับข้าวสองอย่าง น้ำแกงหนึ่งอย่างชามที่ใช้ใส่ข้าว ขอบชามแตกเป็นรู ข้าวที่ให้มาก็เก่าสีออกเหลืองนิดๆ แล้ว แถมยังมีทรายเม็ดเล็กๆ ปะปนมาด้วยปลานึ่ง ดูเหมือนจะไม่เลว แต่กลับมีกลิ่นฉุนคลุ้งขึ้นจมูก แค่ได้กลิ่นก็อยากจะอาเจียนแล้วหมูผัดซีอิ๊ว ดูไปแล้วก็ไม่มีเนื้อแดงเลยสักนิด เป็นมันหมูล้วนๆสือหลิ่วเบ้ปาก หยิบช้อนมาลองตักน้ำแกงที่ดูเหมือนปกติขึ้นมาชิมคำหนึ่งคิ้วขมวดแน่น หน้าตาเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมาให้ได้วินาทีต่อไปก็อาเจียนออกมา"คุณหนูคะ เมื่อครู่เหมือนข้าได้กินเยี่ยวเข้าไปเลยเจ้าค่ะ!"พูดจบก็บ้วนน้ำล้างปากไปหลายครั้งเจียงหวานหว่านสีหน้าแย่มาก บอกให้สือหลิ่วไปเรียกแม่นมหวังมาสือหลิ่วไปแล้วก่อนจะกลับมาอย่างรวดเร็ว"คุณหนูคะ แม่นมหวังบอกว่าตอนนี้นางต้องดูแลฮูหยินและคุณชายที่บาดเจ็บ ไม่สามารถมาได้ หากมีเรื่องอะไร รอให้นางเสร็จธุระก่อนค่อยว่ากันเจ้าค่ะ"หึ วางอำนาจเหรอ ไม่มีทางหรอกเจียงหวานหว่านให้หลิ่วซู่รอก่อน สั่งให้สือหลิ่วถืออาหารตามนางมา เพื่อไปหานางหวังนางหวังเป
แม่นมหวังถูกกรอกอาหารจนเต็มปาก ใบหน้าแดงก่ำ กลิ่นรสที่อยู่ในปากทำให้รู้สึกอยากจะอาเจียนคิดอยากจะตะโกนร้องออกไป แต่ก็ร้องไม่ออก จึงได้แค่ส่งเสียงครวญครางอย่างน่าสงสารเซียงเออร์ที่แอบดูอยู่เห็นแล้วว่าแม่นมหวังถูกตบ แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปห้าม จึงหมุนตัววิ่งกลับไปในเรือน"ฮูหยิน แย่แล้ว แม่นมหวังถูกตบเจ้าค่ะ""ใคร ใครกล้าตบแม่นมหวัง ไปเอาความกล้ามาจากไหนกัน!"เฉาหยูเฟิ่งโมโหจัดเซียงเออร์หอบหายใจแรง เม้มปากก่อนตอบว่า "เจียงหวานหว่านเจ้าค่ะ!"เฉาหยูเฟิ่งรีบพูด "นังแพศยาสมควรตายนัก! ไปจับตัวนางมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!""เจ้าค่ะ"เซียงเออร์ตะโกนเรียกสาวใช้ในเรือน แล้ววิ่งออกไปด้วยท่าทีขึงขังเฉาหยูเฟิ่งกัดฟันกรอด กำหมัดตีไปบนผ้านวมอย่างแรง แม่นมหวังเป็นแม่นมของนางตอนนี้พวกเจียงหวานหว่านเข้ามาอยู่ในจวน ตกอยู่ในกำมือของนางแล้วรอให้แผลนางหายดีก่อน จะไม่ยอมให้นังแพศยาสองคนนั่นอยู่อย่างมีความสุขแน่เมื่อเซียงเออร์พาคนออกมา เจียงหวานหว่านก็พาสือหลิ่วกลับไปตั้งนานแล้วพวกสาวใช้ต่างรีบช่วยกันประคองแม่นมหวังเข้าไปข้างในเจียงหวานหว่านไม่ได้พาสือหลิ่วกลับไปเลย แต่อ้อมไปทางห้องครัวแม่เฒ่าที่ด
แม่เฒ่าอู๋กรอกตา ขนาดฮูหยินยังกล้าตี นางเป็นแค่คนใช้ ไม่หาเรื่องจะดีกว่าถุยน้ำลายลงพื้นทีหนึ่งอย่างแค้นใจ ก่อนจะโบกมือ"แยกย้ายๆ ไปทำงานไป"ถือซะว่านางซวยไป นังแพศยา ลงมือรุนแรงจริงเชียวเจียงหวานหว่านกับสือหลิ่วถืออาหารที่ทั้งหอมยั่วใจและหน้าตาน่ากินกลับไปหลิ่วซู่กำลังยืนรอพวกนางอยู่ที่หน้าประตูอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นพวกนางกลับมา นางถึงถอนหายใจอย่างโล่งอก"หวานเจี่ยเออร์" อย่าไปต่อกรกับพวกเขาโต้งๆ แบบนั้น แม่เป็นห่วงเจ้าเจียงหวานหว่านคล้องแขนของหลิ่วซู่ ทั้งคู่เดินเข้าไปในเรือนด้วยกันอาหารอร่อยมาก ทั้งสามคนกินกันจนพุงกาง รู้สึกพอใจอย่างที่สุดหลังจากกินข้าวเสร็จ หลิ่วซู่ก็เอาเงินทั้งหมดออกมา เหลือแค่มัดเดียวแล้วถอนหายใจยาว ถ้าไม่มีเงิน แล้วต่อไปพวกนางแม่ลูกจะอยู่กันยังไง"ท่านแม่ ไม่ต้องกังวล เรื่องเงินให้เป็นหน้าที่ข้าเอง"หลิ่วซู่อ้าปากคล้ายกับว่าจะพูดอะไร เจียงหวานหว่านก็เร่งให้นางรีบเข้าไปพักผ่อนประตูเรือนถูกเคาะเสียงดัง สือหลิ่วเดินออกไปดู เพิ่งจะเปิดประตูออกสาวใช้กับแม่เฒ่ากลุ่มหนึ่งก็บุกเข้ามาสือหลิ่วไม่อาจกันไว้ได้ จึงวิ่งไปพลางตะโกนไปพลาง "คุณหนู มีคนบุ
เจียงหวานหว่านนั่งลงไปบนเก้าอี้ ยกกาน้ำชาเพื่อรินชาจอกหนึ่งให้ตัวเองดื่ม"ชารสชาติไม่เลว"เฉาหยูเฟิ่งกัดฟันพูด "อย่าคิดนะว่าได้เข้ามาอยู่ในจวนเจียงแล้ว ทุกอย่างจะราบรื่น ข้าต่างหากที่เป็นเจียงฮูหยิน!"เจียงหวานหว่านเลิกคิ้ว"อ่อ หรือเจ้าคิดว่าท่านพ่อจะยอมสละอนาคตขุนนางเพื่อเจ้ากัน!"เฉาหยูเฟิ่งเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็ใจหายวาบ นายท่านให้ความสำคัญกับอำนาจและตำแหน่งของเขาเป็นที่สุด ไม่มีทางยอมเสียสละเพื่อใครแน่เจียงหวานหว่านหลุบตามองต่ำ บีบไปที่หัวคิ้วตัวเอง "แย่งครอบครัวของคนอื่น ผิดครรลองครองธรรม!""เจ้าต้องการอะไรกันแน่"เจียงหวานหว่านยกมุมปากขึ้น "เงินไง ดูแลจวนเจียงมาตั้งนานหลายปี ตักตวงผลประโยชน์ไปไม่รู้แล้วตั้งเท่าไร สมควรคายออกมาบ้างแล้ว""บังอาจ! พูดเหลวไหลอะไรของเจ้า!"เจียงหวานหว่านใช้ฝาแก้วชาเขี่ยใบชาในถ้วยเล่น "หอหยางชุน ปีหนึ่งมีกำไรตั้งสองหมื่นสองเหลียง แต่เจ้าบอกกับท่านพ่อว่าปีหนึ่งได้กำไรเพียงแค่สามพันเหลียง!"เมื่อเฉาหยูเฟิ่งได้ยินที่เจียงหวานหว่านพูด สีหน้าก็ซีดเผือด"พูดจาเหลวไหล โกหกทั้งนั้น"นังแพศยาน้อยนี่รู้ได้ยังไงว่าหอหยางชุนเป็นกิจการของจวนเจียงนะ อี
วันต่อมา เจียงหวานหว่านไปที่จวนอ๋องซีทหารองค์รักษ์เดินนำเจียงหวานหว่านเข้าไปในจวนอ๋องเจียงหวานหว่านรู้จักคนคนนี้ เขาคือเซี่ยงหรง องค์รักษ์คู่กายของหรงซีเซี่ยงหรงเดินนำอยู่ข้างหน้า เจียงหวานหว่านเดินตามอยู่ข้างหลังจู่ๆ ข้างหน้าก็มีเสียงกระทบกันของโลหะ เป็นเสียงการใช้อาวุธปะทะกันเซี่ยงหรงสีหน้าเปลี่ยนไป ทิ้งเจียงหวานหว่านที่เดินตามอยู่ข้างหลังไว้ แล้วรีบจากไปอย่างรวดเร็วทำไมในเวลากลางวันจวนอ๋องถึงเกิดเสียงครึกโครมขนาดนี้ได้ เจียงหวานหว่านรู้สึกว่ามันแปลกประหลาด สองมือยกชายกระโปรงขึ้นแล้วรีบวิ่งไปดูทันทีเมื่อนางมาถึงอย่างเหนื่อยหอบ เหล่าองค์รักษ์ในจวนอ๋องต่างก็กำลังต่อสู้กับคนชุดดำปิดหน้าอยู่เจียงหวานหว่านมองแว๊บเดียวก็เห็นเงาร่างของหรงซี มีหลายคนกำลังล้อมวงโจมตีเขาอยู่ไอสังหารแผ่ซ่านออกจากตัวเขา ราวกับยมฑูตจากนรก ฆ่าได้อย่างเด็ดขาดคนชุดดำดูก็รู้ว่าเป็นนักฆ่าที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีนางเพียงต่อสู้ได้เล็กน้อย ต่อกรกับพวกนักเลงก็พอไหว ถ้าจะไปสู้กับคนชุดดำ นั่นก็จะไม่ประมาณตนเกินไปถึงแม้จะเป็นห่วงหรงซี อยากที่จะช่วยเขา แต่ก็ไม่กล้าผลีผลาม กลัวจะกลายเป็นตัวถ่วงหรงซีเปล่
หรงซียกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นๆ"ปรมาจารย์หมอเซียนเสียชีวิตไปแล้ว หลุมศพก็อยู่ที่บนเขาเชียนอัน!"หรงซีสีหน้าเคร่งขรึม"ในเมื่อเจ้าก็รู้ว่าปรมาจารย์หมอเซียนเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ก็ยังกล้าหลอกข้าให้ช่วยเจ้าอีก กล้าหาญเกินไปแล้วนะ"เจียงหวานหว่านสีหน้าเรียบสงบ"มิกล้าหลอกท่านอ๋อง ถึงแม้ปรมาจารย์หมอเซียนจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ประกาศแจกรางวัลข้าจะขอรับไว้เอง!""หึ ช่างกล้าพูด!"เจียงหวานหว่านพูดอย่างช้าๆ ชัดๆ"ข้าคือผู้สืบทอดวิชาของปรมาจารย์หมอเซียน!"หรงซีมองเจียงหวานหว่านอย่างประเมินตั้งแต่หัวจรดเท้าวันที่กลับจวนเจียง นางเห็นประกาศแจกรางวัลที่แปะไว้หน้าประตูเมือง ก็นึกขึ้นได้ว่าในร่างของหรงซีถูกพิษกู่ตั้งแต่วินาทีที่ได้พบกับหรงซี นางก็อยากจะช่วยเขาถอนพิษแล้ว แต่กลัวว่าจะกระทันหันเกินไป ทำให้เขาเกิดคิดสงสัยการอาศัยอำนาจเขาให้ได้กลับจวนเจียง ก็เป็นเรื่องจำเป็นในสถานการณ์นั้นเท่านั้นเจียงหวานหว่านพูดในสิ่งที่ทำให้ตกใจยิ่งกว่า "มากสุดก็ครึ่งปี หากท่านอ๋องไม่ถอนพิษกู่ในร่างกาย จะต้องตายแน่นอน"รอยยิ้มของหรงซียิ่งเย็นยะเยือกขึ้นไปอีกบนประกาศแจกรางวัล รางวัลคือที่อยู่ของหออ