จวนสกุลกง
“ข้าอยู่ที่ไหน... โอ๊ย!”
“คุณหนูท่านฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ อย่าพึ่งลุกนะเจ้าคะ ท่านมีแผลเต็มตัวไปหมดเลยคุณชายรองพึ่งจะส่งท่านหมอกลับไป”
กงเหรินซินจำได้เพียงลาง ๆ ว่านางถูกแส้ของจางลี่เหมยไปครั้งหนึ่งที่กลางหลัง จากนั้นก็ได้ยินเสียงพี่รองของตัวเองวิ่งเข้ามาพร้อมกับพูดอะไรบางอย่าง แต่นางก็มิได้ตอบกลับเขาก่อนจะหมดสติไปอีกครั้ง
“อาเจิงเจ้าร้องไห้ทำไม”
“คุณหนู ข้าทนเห็นท่านได้รับความอยุติธรรมนี้ไม่ได้จริง ๆ ตอนที่คุณชายรองพาท่านกลับออกมาจากจวนท่านอ๋อง…”
“อาเจิง เจ้าเป็นห่วงข้าหรือ”
สาวใช้ร้องไห้สะอึกสะอื้นซึ่งมิใช่เรื่องโกหก อย่างน้อยชาติใหม่ในการเป็นกงเหรินซินนางก็ยังมีคนที่จริงใจกับนางอยู่หนึ่งคน แม้ว่าก่อนหน้านี้อาเจิงเองก็จะไม่ได้มีท่าทีกลัวนางต่างจากคนอื่น แต่นางก็เป็นคนเดียวที่กล้าจะเข้ามาดูแลเหรินซินด้วยใจจริง
“อาเจิง ข้าไม่เป็นไรจริง ๆ”
“คุณหนู ตั้งแต่เล็กจนโตท่านไม่เคยบาดเจ็บ แทบไม่เคยมีแผลแต่ครั้งนี้… คุณชายรองโกรธมากถึงกับยื่นฎีกาฟ้องร้องท่านอ๋อง ตอนนี้เป็นเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ นายท่านเองก็ทราบเรื่องแล้วด้วย”
“อะไรนะ เหตุใดพี่รองถึงได้ทำให้เป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้…”
“คุณชายสั่งให้ข้าดูแลท่านให้ดี และบอกว่าเรื่องนับจากนี้ให้เป็นหน้าที่ของเขาเองเจ้าค่ะ คุณหนูข้าไม่เคยเห็นท่านถูกรังแกเช่นนี้มาก่อนเลย”
“เมื่อก่อนมีแต่ข้า ที่คอยรังแกผู้อื่นสินะ”
“ฮึก…. คือว่า…”
“ช่างเถอะ ข้าเป็นนางร้ายแห่งซานโจวไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมไม่ว่าก่อนหน้านี้ ตอนนี้หรือต่อไปภายภาคหน้าก็ยังจะเป็นเช่นเดิม ใครทำอะไรกับข้าไว้ก็อย่าได้คิดว่าข้าจะปล่อยไปง่าย ๆ อาเจิงเจ้าจะช่วยข้าหรือไม่”
“คุณหนู ท่านจะให้บ่าวทำสิ่งใดบ่าวยอมทั้งนั้นเจ้าค่ะ ขอเพียงท่าน…”
“เจ้าอย่าได้ห่วง ข้าไม่ได้ให้เจ้าไปทำร้ายคนหรอก แต่หากว่าคนอื่นมาทำร้ายเราก่อนข้าย่อมไม่มีปล่อยไปง่าย ๆ จางลี่เหมย ซ่งจินหรู หมิงเว่ยเซียว ความแค้นครั้งนี้ข้าจดจำเอาไว้แล้ว”
“ท่านนอนพักสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ หมอสั่งยาลดไข้กับยาสมานแผลให้ตอนนี้ร่างกายท่านต้องการพักผ่อน คุณชายบอกข้าแล้วว่าหากไม่มีเรื่องอันใดจะไม่ให้ผู้ใดมารบกวนท่านอีกเจ้าค่ะ”
“ขอบใจเจ้ามาก”
สี่วันผ่านไป
หลังจากเรื่องที่กงเหรินซินถูกพาตัวไปสอบสวนที่จวนอ๋องครั้งก่อนก็ไม่มีผู้ใดมาเยี่ยมนางอีก เรื่องฎีกาฟ้องร้องชินอ๋องที่ถูกส่งโดยรองเจ้ากรมคลัง “กงอวี้หาน” ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ท่านอ๋องหยุดสอบสวนเรื่องนี้โดยทันที ส่วนสกุลจางถูกสั่งให้จ่ายค่าทำขวัญให้กับสกุลกงเป็นเงินสามพันตำลึง จางลี่เหมยถูกลงโทษโบยสิบไม้เพราะทำร้ายกงเหรินซินโดยไร้คำสั่ง
“คุณหนูยามาแล้วเจ้าค่ะ”
“ข้าต้องกินอีกนานแค่ไหน ตอนนี้บาดแผลก็หายเกือบหมดแล้ว”
“แต่ว่า…”
“ช่างเถอะไหน ๆ เจ้าก็อุตส่าห์ต้มมาแล้วข้าจะกินก็แล้วกัน”
หลังจากเรื่องในวันนั้นกงเหรินซินก็เหมือนกับได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ดูเหมือนว่าท่านอ๋องผู้นั้นจะมิได้มาสืบสาวเอาเรื่องกับนางอีก และแม้ว่าจะยังไม่เคยพบคู่กรณีของนางตรง ๆ อย่าง “ซ่งจินหรู” แต่นางเองก็ยังรู้สึกแปลกใจว่าเพราะเหตุใดซ่งจินหรูจึงได้ปักใจเชื่อว่ากงเหรินซินเป็นผู้ที่จะฆ่านางในวันนั้น
“ได้นอนพักผ่อนเต็มที่ ดูเหมือนว่ากำลังภายในของข้าจะกลับมาได้เกือบสมบูรณ์แล้ว ขาดก็เพียงแค่… อาเจิง”
“เจ้าค่ะคุณหนู ท่านเรียกข้าหรือเจ้าคะ”
สาวใช้ที่พึ่งนำชุดใหม่ของคุณหนูไปเก็บในหีบเดินออกมาพร้อมกับสีหน้าแปลกใจ
“เจ้าพอจะรู้จัก… "หอหลัวต๋า" หรือไม่"
“คุณหนู เหตุใดจู่ ๆ ท่านจึงได้ถามถึงเรื่องนี้เจ้าคะ”
สีหน้าของสาวใช้ทำให้นางรู้ว่าอาเจิงรู้ว่าหอหลัวต๋าคือสถานที่เช่นไร และเป็นที่ที่ไม่เหมาะสำหรับสตรีชั้นสูงเช่นกงเหรินซินเป็นแน่
“เปล่าหรอก ข้าก็แค่เหมือนเคยได้ยินใครพูดขึ้นมาสักคนหนึ่งเท่านั้น เจ้ารู้จักหรือไม่”
“รู้เจ้าค่ะ หอหลัวต๋าเป็นหอที่รวบรวมนักฆ่า นักสืบและองครักษ์เดนตายเอาไว้มากที่สุด อีกทั้งยังเป็นเจ้าของตลาดมืดในเมืองหลวง “ไม่มีสิ่งที่หอหลัวต๋าหาไม่ได้” นี่คือสิ่งที่หอหลัวต๋ายึดถือเป็นหลักปฏิบัติเจ้าค่ะ"
“เหตุใดเจ้าจึงรู้จักที่นั่นเล่าอาเจิง”
“คุณหนูนี่ท่านลืมไปแล้วจริง ๆ หรือเจ้าคะ ก็ท่านเป็นคนให้ข้าไปสืบหาเรื่องของหอหลัวต๋าเอง”
“ข้าหรือ เพราะเหตุใดกัน”
“ท่านจำไม่ได้สินะเจ้าคะ ครั้งก่อนท่านถูกใส่ร้ายว่าเป็นคนหลอกให้คุณหนูซ่งไปที่ตำหนักเย็นจนนางเกือบเสียสติและจับไข้ไปหลายวัน เรื่องนี้ทำให้ท่านอ๋องทรงกริ้วและมาหาเรื่องท่านถึงในจวนทั้ง ๆ ที่ท่านไม่รู้เรื่อง ดังนั้นจึงได้ให้ข้าไปหาข้อมูลของหอหลัวต๋า เพราะท่านได้ยินมาจากคุณชายรองคุยกับขุนนางในกรม”
“ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่น้องสาวไม่แท้ของอ๋องผู้นี้มีเรื่อง ปัญหามักจะวนมาที่ข้าเสมอเลยสินะ”
“เจ้าค่ะ ทุกเรื่องแม้ว่าท่านจะไม่ชอบหน้าคุณหนูซ่งเพราะเป็นสตรีเดียวที่อยู่ใกล้ชิดท่านอ๋อง และแม้ว่านางจะเป็นเพียงน้องสาวแต่ว่าท่านก็ไม่เคยคิดร้ายและลงมือแกล้งนางมากไปกว่า… เอ่อ…”
“ว่ามาเถอะ ข้าเองก็อยากรู้ในเรื่องที่ข้า… จำไม่ได้เช่นกัน บางทีข้าอาจจะหลงลืมไป หากว่าข้าทำผิดกับนางจริงเมื่อพบหน้ากันอีกครั้งจะได้ขอโทษนาง”
“ขอโทษ!”
เหรินซินหันไปมองใบหน้าที่ตกใจของสาวใช้ข้างกาย
“หรือว่าแม้แต่คำว่าขอโทษ เมื่อก่อนข้าก็พูดไม่เป็นงั้นหรือ”
“คุณหนูดูเหมือนว่าท่านตกน้ำครั้งนี้จะมีบางอย่าง ไม่สิหลาย ๆ อย่างในตัวท่านเปลี่ยนไปมากเลยนะเจ้าคะ”
“ช่างเถอะ ๆ เจ้าว่ามาสิว่าข้าเคยไปทำอะไร นางชื่ออะไรนะ”
“ซ่งจินหรูเจ้าค่ะ ท่านก็แค่ เคยเอาหนอนไปปล่อยนาง ครั้งนั้นนางแพ้จนผื่นขึ้นเต็มตัว แต่ก็น่าแปลกที่หลังจากนั้นหมอหลวงกลับวินิจฉัยว่านางถูกพิษ”
“ถูกพิษงั้นหรือ หนอนที่ข้าเอาไปปล่อยมีพิษหรือ”
“ไม่นะเจ้าคะ เป็นหนอนผีเสื้อที่ขึ้นอยู่ที่ต้นพุดซ้อนธรรมดาเจ้าค่ะ แม้แต่ท่านเองก็ยังแปลกใจว่าเหตุใดนางจึงถูกพิษ อีกครั้งก็ตอนที่ท่านมอบชาดทาปากให้กับนาง เมื่อนางทาก็เกิดอาการแพ้จนปากบวมและออกจากจวนไม่ได้เกือบสองเดือน”
“ในชาดทาปากข้าไปใส่อะไรถึงได้ทำให้นางเป็นเช่นนั้นกัน”
“ข้าเองก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ เรื่องนี้ท่านก็ไม่ได้พูดเพียงแค่โวยวายและไม่ยอมรับผิดเจ้าค่ะ สุดท้ายก็เรื่องที่พวกท่านตกสระน้ำในวังพร้อมกันนี่แหละเจ้าค่ะ”
“เรื่องที่เจ้าเล่าให้ข้าฟังมาทั้งหมด ฟังแล้วแปลก ๆ หรือไม่”
“แปลกหรือเจ้าคะ แต่ว่าในตอนนั้น เอ่อ…”
เมื่อมองหน้าอาเจิงนางจึงได้เข้าใจในทันที กงเหรินซินในตอนนั้นถือเป็นนางร้ายที่ใคร ๆ ต่างเกลียดและหวาดกลัว แม้นว่านางจะทำหรือไม่เรื่องทั้งหมดก็จะถูกตัดสินไปแล้วว่าเป็นฝีมือนาง
ด้วยนิสัยดื้อดึงและไม่ยอมคนที่ชอบโวยวาย ก็ยิ่งทำให้ผู้คนเชื่อในสิ่งที่คนอื่น ๆ พูดเพราะกงเหรินซินมิได้มีสหายในวัยเดียวกันเลยแม้แต่คนเดียว
“เช่นนั้นก็แสดงว่าท่านอ๋องผู้นั้นก็คงจะเกลียดข้า เพราะคิดว่าข้ากลั่นแกล้งน้องสาวของเขาสินะ”
“ใช่เจ้าค่ะ ใคร ๆ ต่างก็พูดกันว่าท่านริษยาคุณหนูซ่ง แต่ใคร ๆ ต่างก็ทราบว่านางมิใช่น้องสาวแท้ ๆ ของท่านอ๋อง ดังนั้นจึงคิดกันว่าท่านต้องการจะกำจัดนางเพื่อจะได้เป็นพระชายาท่านอ๋องเจ้าค่ะ”
“แต่ว่า… ใคร ๆ ต่างก็คิดว่านางเป็นคนทำ จะมีผู้ใดที่เลวร้ายและมีนิสัยแย่แบบนางอีก ท่านพี่เองก็ทราบว่านางไม่ชอบหม่อมฉันเพราะว่าอยู่เคียงข้างท่านพี่ นางจึงอยากกำจัด”"แต่เจ้าจะเอาเรื่องนี้มาใส่ร้ายนางโดยไร้หลักฐานไม่ได้ ข้าสอบสวนนางมาแล้วหลายครั้ง ทุกครั้งกงเหรินซินยืนยันหนักแน่น อีกอย่างนางเองก็ตกน้ำไปกับเจ้าหากว่านางอยากจะเอาชีวิตเจ้าจริง ๆ เหตุใดต้องทำให้ตัวเองเกือบตายไปด้วยเล่า""แต่ว่านางมักจะกลั่นแกล้งข้าอยู่ตลอดท่านก็ทราบ ท่านจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนางอย่างนั้นหรือเพคะ"“เช่นนั้นเจ้าบอกข้ามาหน่อยว่าเหตุใด เรื่องที่เจ้าถูกขังไว้ที่ห้องเก็บฟืนในคืนไหว้พระจันทร์จึงใส่ความนาง ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พระสนมลี่ที่คิดจะแกล้งเจ้า”“หม่อมฉัน! … นี่พระองค์”“ข้ารู้มาว่าเจ้ากับพระสนมลี่เคยมีปัญหากันเพราะเรื่องการดีดพิณหน้าพระที่นั่ง ก่อนที่จะถูกกงเหรินซินกลั่นแกล้งวางกบย่างในจานอาหารในงานคล้ายวันเกิดของสนมลี่จนทำให้นางโกรธและคิดเอาคืนเจ้า แต่เหตุใดจึงไปโทษว่ากงเหรินซินเป็นผู้ขังเจ้าในห้องฟืนเพียงเพราะนางอยู่ในงานวันนั้นด้วย”“ระ เรื่องนี้ พระสนมอยู่ในวัง อีกทั้งมีพรรคพวกมากมายด
“ท่านอ๋อง! แต่ว่าก่อนหน้านั้นพระองค์เองก็ปักพระทัยเชื่อว่าเป็นนาง อีกอย่างคุณหนูซ่งก็บอกว่า...”“ข้าเฝ้าใคร่ครวญคิดแล้วคิดอีกจนกระทั่งได้ไปพบนางหลังจากเกิดเรื่องขึ้น ทุกครั้งจะปฏิเสธเสียงแข็ง สายตานั่นบอกข้าว่านางไม่ได้โกหก อีกอย่างครั้งก่อนนำยาต้านชวนไปให้ นางก็ปฏิเสธไปแล้วครั้งหนึ่งเห็นทีครั้งนี้… เป็นข้าที่เข้าใจนางผิดไปจริง ๆ”“หากว่าไม่ใช่นาง เช่นนั้น...”“กำชับให้คนของเราเร่งกระจายการค้นหา และเรื่องนี้จะให้ผู้ใดล่วงรู้ไม่ได้เด็ดขาด”"ท่านอ๋องในเมื่อพระองค์มิได้สงสัยนางแล้ว ทำไมยังส่งของขวัญไปให้นางอีกเล่าพ่ะย่ะค่ะ""แกล้งโง่แล้วหลังจากนี้ก็ต้องหลอกล่อ หากอีกฝ่ายรู้ว่าข้าส่งของขวัญมากมายไปที่จวนสกุลกงย่อมไม่อยุ่เฉย ๆ แน่ สั่งให้คนของเราเร่งมือค้นหาให้ทั่วข้าไม่เชื่อว่าคนร้ายจะไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้"“รับทราบพ่ะย่ะค่ะ”ตันฉินเดินออกไปแล้วท่านอ๋องจึงได้คิดทบทวนหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านมา ทั้งคำพูด การกระทำและกงเหรินซินที่หลังจากหายดีนางก็ไม่ได้มาวุ่นวายและตามติดเขาเช่นเดิมเหมือนครั้งก่อนแม้ว่าจะเคยสงสัยว่าที่นางหายไปเป็นเพราะไม่อยากเป็นผู้ต้องสงสัย แต่จากที่ดูพฤติกรรมของกงเหรินซินในตอนนี
“คุณหนู นี่ท่านจำอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ หรือเจ้าคะ”อาเจิงถึงกับตกใจ เมื่ออีกฝ่ายหันมามองนางราวกับพึ่งเคยรู้เรื่องนี้เป็นครั้งแรก“อาเจิง เจ้าบอกว่าข้า…”“ใช่เจ้าค่ะคุณหนู ไม่ว่าจะเป็นคุณชายใหญ่ คุณชายรองและท่าน ทุกคนต่างก็เคยไปศึกษาที่สำนักไป๋ซานมาทุกคน แม้แต่ท่านอ๋องและองค์ชายคนอื่น ๆ ก็เคยไปที่นั่นมาหมดแล้วเช่นกัน”“อะไรนะ แม้แต่ท่านอ๋องหรือ… อาเจิงเจ้าช่วยเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ข้าฟังอีกทีสิ”“คุณหนู เหตุใดท่านจึงได้อยากฟังเรื่องนี้ขึ้นมาเจ้าคะ เมื่อก่อนเพียงแค่พูดคำว่าสำนักไป๋ซานท่านก็กรีดร้องออกมาและห้ามมิให้ข้าพูด”“ตอนนี้ข้าโตแล้ว อีกอย่างเจ้าก็เห็นแล้วนะว่าตกน้ำครั้งนี้ข้าก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด ดังนั้นควรจะต้องฝึกยุทธ์สักหน่อยแล้ว หากว่าไม่มีวิชายุทธ์ข้าก็แทบจะช่วยตัวเองไม่ได้เลย เราจะเอาแต่พึ่งอันเมี่ยนไม่ได้เข้าใจหรือไม่”“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ตอนนั้นคุณชายใหญ่เดินทางไปสำนักไป๋ซานพร้อมกับองค์ชาย…”เรื่องนี้ค่อนข้างทำให้เหรินซินรู้สึกแปลกใจไม่น้อย เพราะไม่คิดว่ากงเหรินซินและคุณชายสกุงกงทั้งหมดจะเคยไปศึกษาที่ไป๋ซาน แต่เมื่อฟังจากที่อาเจิงเล่าให้ฟังนางก็เริ่มจดจำพวกเขาแต่
เหรินซินแค่คิดว่าเจ้าของร่างคงจะเป็นนางร้ายที่ดูงี่เง่า แต่เท่าที่ฟังจากที่อาเจิงเล่า... มันมากกว่านั้นมากนัก จากนั้นอาเจิงจึงได้เล่าว่านางทำทุกทางให้ท่านอ๋องหันมาสนใจทั้งแอบเข้าไปในจวนอ๋องกลางดึก แอบวางยาในน้ำชาแต่ท่านอ๋องรู้ทันและออกคำสั่งห้ามนางเข้าไปในจวนอ๋องอีกแต่นางก็ไม่ยอมแพ้ ยังคงเฝ้าติดตามและใช้อำนาจของบุตรสาวแม่ทัพ ข่มขู่สตรีทุกคนที่คิดจะเข้าใกล้ท่านอ๋องมีเพียงคนเดียวที่เหรินซินทำอะไรไม่ได้ก็คือซ่งจินหรูที่เป็นน้องสาวของเขา นางจึงได้เกลียดและคอยหาเรื่องกลั่นแกล้งซ่งจินหรูอยู่เสมอเมื่อมีโอกาสแต่ก็ไม่เคยคิดจะเอาชีวิตนางเลยสักครั้ง“ก่อนหน้านี้ท่านก็เป็นคนที่ค่อนข้างจะรักมั่นคงเอามาก ๆ เลยนะเจ้าคะ เหตุใดจู่ ๆ ท่านก็ไม่ชอบท่านอ๋องแล้วเล่าเจ้าคะ”อันเมี่ยนเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าคุณหนูของนางที่นั่งฟังเรื่องราวที่อาเจิงเล่า มีท่าทางละเหี่ยใจอยู่ไม่น้อยเมื่อได้ฟังเรื่องก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้น“นี่ข้าเคยบ้าผู้ชายถึงเพียงนี้เชียวหรือนี่ มิน่าเล่าถึงได้… เกือบตายเพียงเพราะบุรุษเพียงคนเดียว”“คุณหนูเจ้าคะ คุณชายรองมาแล้ว”“พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ”""เจ้าค่ะ""เมื่อเห็นหน้าคุณชายรองสกุลจาง
“กงเหรินซินเหตุใดเจ้าจึงถามเช่นนี้ ตัวเจ้าเองก็รู้อยู่แก่ใจ”“ใช่! ตัวข้าย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจว่าข้ามิได้ทำ แต่เจ้าเล่ากล้ายอมรับความจริงได้หรือไม่ซ่งจินหรู ว่าเรื่องในวันนั้นเกิดอะไรขึ้น!!”“เฮือก!” “น้องหญิง! กงเหรินซินเจ้าหยุดหยาบคายได้แล้ว”ซ่งจินหรูเพียงแค่เห็นสายตาดุของเหรินซินก็ทรุดตัวล้มลงทันที จางลี่เหมยรีบวิ่งมาพยุงตัวซ่งจินหรูทันทีพร้อมกับหันมาตวาดกงเหรินซิน ตอนนี้แขกในงานเริ่มเข้ามาดูในห้องโถง ท่านอ๋องเมื่อเห็นว่าซ่งจินหรูล้มลงก็รีบวิ่งเข้ามาทันที“จินหรู! เกิดอะไรขึ้น…กงเหรินซิน”เหรินซินหันไปมองพักตร์ท่านอ๋องที่หันมาถามนางอีกครั้ง นางจึงหันไปหัวเราะขำในโชคชะตาของตัวเอง ไม่ว่าชาติใดแม้แต่นางเพียงแค่ยืนหายใจก็ผิดแล้ว“ข้าอีกแล้วงั้นหรือ ดูเหมือนว่าพระองค์จะทรงตัดสินเพียงแค่ตาเห็นสินะ ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่จะหูเบาถึงเพียงนี้”“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ข้ายังไม่ทันได้พูดอันใดเลย”ท่านอ๋องหันมาจับแขนของนางอย่างแรง แต่กงเหรินซินที่เชิดหน้าขึ้นพร้อมกับสะบัดแขนออกมาทันที ใบหน้านี้ทำให้เว่ยเซียวรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่ได้เห็น“ปล่อย! ท่านไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องข้า”“เจ้าจะทำสิ่งใด…”“ข้
แม้ว่าจะไม่อยากทักทาย แต่ผู้ที่กำลังเข้ามาก็จงใจจะเดินมายังที่นั่งของกงเหรินซินอย่างตั้งใจ ดังนั้นนางจึงจำเป็นจะต้องวางจอกชาและลุกขึ้นมาถวายความเคารพ“ถวายบังคมหมิงชินอ๋องเพคะ”“กงเหรินซิน ดูเหมือนว่าเจ้าจะหายดีแล้ว”“ขอบพระทัยที่ทรงถามไถ่ หม่อมฉันหายดีแล้วเพคะ”“ข้ามิได้ถามไถ่ เพียงแค่พูดตามสิ่งที่เห็นเท่านั้น”กงเหรินซินเงยหน้าขึ้นมามองพักตร์ที่ถือดีตรงหน้า อีกทั้งสตรีที่เกาะแขนของชินอ๋องเอาไว้แน่นอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าตื่นกลัวจนเกินพอดี“เช่นนั้นหม่อมฉันก็จะคิดว่า เป็นเพียงการสนทนาที่ไร้ซึ่งแก่นสารเท่านั้น”“คุณหนูกง เหตุใดเจ้าจึงกล้าหยาบคายกับท่านพี่เช่นนี้ มิใช่ว่าเจ้า...”“ช่างเถอะจินหรู เจ้าก็น่าจะรู้ดีถึงนิสัยของนางมิใช่หรือ”กงเหรินซินเชิดจมูกขึ้นมองท่านอ๋อง แม้ว่าคุณชายรองจะรีบเดินเข้ามาห้ามแต่ก็ดูเหมือนว่าจะทัดทานศึกนี้มิได้เสียแล้ว“นั่นสิเพคะหม่อมฉันเองก็ยังไม่มีทางลืม “มารยาท” ของคนจวนอ๋องที่เคยเชิญหม่อมฉันไปที่จวนเช่นกัน”ท่านอ๋องพักตร์แดงถึงใบหูเพราะความโกรธ แต่สีหน้าของพระองค์กลับนิ่งพร้อมกับรอยยิ้มประหลาดที่สุดเท่าที่ซ่งจินหรูเคยเห็น นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีวันที่