เข้าสู่ระบบ
บ้านขจรวิทย์
"ฮือ ฮือ พ่อ พ่อคะดาวขอร้องนะคะ อย่าทำแบบนี้เลย ฮือ ฮือ" ฉันร้องไห้พร้อมวิ่งเข้ามาห้ามพ่อที่พึ่งจะตบหน้าแม่อย่างแรงจนล้มลงไปนั่งอยู่ที่พื้น "แกอย่าเข้ามายุ่งได้ไหม! ที่แม่แกต้องเจ็บตัวแบบนี้มันเป็นเพราะแกทั้งนั้นแหละ เพราะแกเพราะแม่ของแกฉันถึงเกือบจะเสียลูกชายของฉันไป ถอยไป!! พ่อตะคอกเสียงก่อนจะสลัดฉันออก ตอนนั้นฉันรู้สึกกลัวมากแต่ฉันไม่อาจทนเห็นแม่ถูกพ่อทำร้ายแบบนี้ได้จึงรีบเข้าไปห้ามพ่ออีกครั้งแต่ก็ถูกพ่อหันมีใช้มือชี้หน้าพร้อมกับมองจ้องฉันด้วยสายตาดุๆ เพื่อเป็นการเตือนฉันให้อยู่เฉยๆ "คุณอย่ามาว่าลูกนะมีอะไรก็มาลงที่ฉันนี่ ลูกไม่ผิดคุณไม่มีสิทธิ์ไปว่าลูกเข้าใจไหม!" แม่รีบลุกขึ้นมาปัดมือพ่อที่กำลังชี้หน้าฉันอยู่ออก "ไม่ผิดงั้นหรอแล้วที่มันคอยกลั่นแกล้งเดือน ทำให้เดือนต้องร้องไห้เสียใจจนคุณผกากรองเขาเครียดกินไม่ได้นอนไม่หลับเนี่ยมันไม่ผิดเหรอ...คุณเลี้ยงลูกประสาอะไรปล่อยให้มันไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเขาต้องทุกข์ทรมานใจจนเกือบจะแท้ง ผมถามหน่อยเถอะทุกวันนี้ที่ผมดูแลคุณกับลูกมันยังดีไม่พออีกหรอ ฮะ! คุณกับลูกสาวตัวดีของคุณถึงได้เที่ยวไปอิจฉาคนอื่นเขาอยู่เรื่อย" พ่อตะคอกใส่แม่เสียงดังแต่แม่ก็ยังจ้องมองพ่อด้วยความโกรธแบบไม่ลดละ น้ำตาของแม่ไหลอาบเต็มแก้มสองแก้มด้วยหัวใจที่แตกสลาย "มองทำไมฮะ! อย่าคิดว่าเป็นเมียแต่งแล้วผมจะยอมคุณนะ หึ! ลองหัดมองดูตัวเองดูบ้างสิว่าจะมีทุกวันนี้ได้มันเพราะใคร เมื่อก่อนก็เป็นแค่แคชเชียร์ ในร้านอาหารเล็กๆ ถ้าผมไม่เมตตาเอามาขัดสีฉวีวรรณจนกลายมาเป็นคุณหญิงคุณนายอย่างทุกวันนี้ คุณก็คงไม่มีทางออกมาจากสลัมได้หรอก...พูดแล้วยังจ้องอยู่อีกหัดสำนึกบุญคุณคนให้เป็นนะจะได้มีที่คุ้มกะลาหัวต่อไป" พ่อพูดไปยิ้มเยาะเย้ยแม่ไปด้วย ตอนนี้ผู้ชายคนนี้แทบจะไม่ใช่พ่อที่ฉันรู้จักอีกแล้ว ฉันมองพ่ออย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้ ในความทรงจำของฉันมันมีแต่พ่อที่ดูแลแม่ด้วยความรักจนสุดหัวใจมาโดยตลอดแต่ตอนนี้มันไม่มีอีกแล้วผู้ชายผู้เป็นต้นแบบของฉัน "พ่อ...เมื่อก่อนพ่อไม่เคยพูดแบบนี้กับแม่เลยนะ พ่อรักแม่ที่สุดไม่ใช่หรอคะ ทำไมจู่ๆ วันนี้ถึงได้พูดกับแม่แรงแบบนี้ละคะ แค่ทะเลาะกันไม่จำเป็นต้องเอาชนะกันด้วยวิธีแบบนี้ก็ได้" ฉันถามออกไปอย่างไม่เชื่อหูตัวเองในใจของฉันมันเจ็บปวดทรมานมากซึ่งฉันคิดว่าแม่ก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน "เพราะฉันเริ่มรำคาญพวกแกสองแม่ลูกแล้วไง วันๆ เอาแต่สร้างปัญหาให้ฉันไม่หยุดหย่อนจนฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว ได้เป็นเมียแต่งแถมยังได้อภิสิทธิ์เหนือทุกคนทำไมยังจะสร้างความวุ่นวายในบ้านกันอีก ฮะ!!" พ่อตอบเสียงดัง "ทำไมตอนที่คุณมาจีบฉันคุณไม่พูดแบบนี้ละทำไมตอนนั้นคุณไม่บอกว่าถ้าฉันแต่งงานกับคุณแล้วฉัันจะต้องมาเป็นของตายอยู่ในบ้านหลังนี้ ทำไมไม่บอกฉันแต่แรกว่าคุณจะมักมากพาผู้หญิงคนอื่นเข้ามาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของฉัน....ฮือ.. ฮือ...ทำไม ทำไมไม่บอกว่าคุณจะทำให้ฉันกับลูกกลายเป็นตัวตลกของทุกคน ฉันจะได้หนีคุณไปไกลๆ แต่แรกไม่ต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้และไม่ต้องรู้สึกผิดกับลูกที่เลือกพ่อเลวๆ แบบนี้ให้เขา...ฮือ...ฮื้อ..ฮือ...ถ้าฉันรู้ว่าคุณจะเลวและไร้ความรับผิดชอบกับฉันและลูกแบบนี้ ฉันคงไม่มีทางแต่งงานกับคุณแน่คุณอนุวัฒน์!!" แม่ตอบกลับพ่อด้วยความโมโหและเสียใจเช่นกัน ฉันไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้ปานจะขาดใจแบบนี้มาก่อนเลย "หึ" พ่อเงยหน้าขึ้นไม่มองหน้าพวกเราสองคน "งั้นคุณก็ไปซะ เอาลูกของคุณออกไปด้วยเลยถ้าคุณคิดว่าคุณมีปัญญาอยู่ได้โดยไม่มีผม...คุณก็ไปซะสิ!" พ่อพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนฉันกลัวจากนั้นฉันก็รีบนั่งลงคลานเข่าไปจับมือจับขาของพ่อไว้เพื่อขอความเห็นใจ "ไม่ได้นะคะพ่อ ไม่ได้นะคะ...ฮื้อ...ฮือ...ถ้าพ่อไล่เราออกไปพวกเราจะไปอยู่ที่ไหนคะ ตอนนี้แม่เองก็ไม่ค่อยสบายพ่ออย่าไล่พวกเราเลยนะคะดาวขอร้อง...ขอนะคะพ่อ" ฉันพรั่งพรูคำพูดออกมามากมายเพื่อหวังว่าพ่อจะเห็นใจพวกเราบ้าง พ่อก้มหน้ามามองฉัน "ต้องโทษแม่แกแล้วละที่ทำตัวโอหังเองแล้วแกก็ช่วยหัดจำในสิ่งที่ฉันสอนแกบ้างก็ดีนะไม่ใช้เอานิสัยแม่แกมาหมด...มีลูกแบบแกนี่มันน่าเหนื่อยใจจริงๆ" ฉันช็อคกับคำพูดของพ่อฉันค่อย ๆ ปล่อยมือออกจากพ่อ "พ่อ~" ฉันพูดไม่ออกจริงๆ ได้แต่ปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาอาบแก้ม "แกเลือกเอาว่าจะอยู่อย่างสุขสบายๆ กับฉันหรือจะตามแม่แกไปลำบากอยู่ในสลัม" ฉันหมดคำจะพูดกับเขาแล้วจริง ๆ ฉันค่อย ๆ ก้มหน้าลงแล้วถอยหลังกลับไปพยุงแม่ให้ลุกขึ้น ฉันมองไปที่หน้าของพ่อด้วยความรู้สึกที่ผิดหวังมากๆ "หนูขอโทษนะคะแต่หนูทิ้งแม่ไม่ได้จริง ๆ" สีหน้าของพ่อดูตกใจเล็กน้อยเพราะปกติฉันไม่เคยปฎิเสธพ่อเลยสักครั้ง "แม่ไม่เหลือใครแล้วค่ะพ่อ ไม่เหลือคุณตา คุณยายและสามีของเธออีกแล้วเพราะฉะนั้น...ฮือ" ฉันพูดแทบไม่ออกเลยมันจุกอกมากส่วนแม่ตอนนี้ก็ยืนร้องไห้ตัวโยนและพยายามยื่นมือขึ้นมาจับมือฉันเป็นการบอกให้ฉันใจเย็นอย่าพูดกับพ่อแบบนั้นแต่ฉันทนไม่ไหวแล้ว พักหลังมานี้พ่อทำร้ายความรู้สึกเราสองคนมากเกินไปแล้วจริงๆ ฉันหันมาหาแม่ แม่ก็พยายามส่ายหน้าบอกฉันให้หยุดทั้งที่น้ำตาเธอไหลเต็มหน้า ฉันไม่ได้กลัวว่าถ้าพ่อโกรธแล้วทำให้ตัวฉันเองจะลำบากเลยสักนิดช่างมันสิต่อให้ต้องลำบากฉันก็ไม่มีวันปล่อยให้แม่ต้องเดินออกไปคนเดียวแน่นอน "หนูจะทิ้งแม่ได้ยังไงคะ" "ลูกไม่จำเป็นต้องลำบากเลยนะดาว" ฉันหันกลับไปหาพ่อ "ดาวจะไปกับแม่ค่ะพ่อ" ฉันพูดกับพ่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแล้วพาแม่เดินออกมาจากตรงนั้น ส่วนพ่อนิ่งไปไม่พูดอะไรสักคำ ฉันหยุดเดินแล้วเอียงหน้าไปมองพ่อ "ดาวขอเวลาอยู่ในบ้านหลังนี้ต่ออีกแค่แปปเดียวนะคะพ่อ หลังจากที่เราสองคนเก็บของเสร็จแล้วพวกเราจะรีบออกไปจากบ้านของพ่อทันที" ฉันเดินขึ้นบันไดพาแม่ไปเก็บข้าวของบนห้อง พ่อมองตามหลังของพวกเราจนสุดทางจากนั้นเขาแล้วก็คว้ากุญแจรถขับออกไปข้างนอกอย่างหัวเสียท่าทางดูโกรธกว่าเดิมอีก ห้องนอนของดาว "ทำแบบนี้ทำไมลูก ลูกรู้ไหมถ้าลูกออกจากบ้านนี้ไปลูกจะลำบากขนาดไหนดาว" แม่ลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยน "ดาวจะรู้ได้ไงละคะชีวิตนี้พ่อกับแม่ไม่เคยให้ดาวต้องลำบากเลยสักนิด" "งั้นดาวรีบไปขอโทษพ่อนะลูก ถึงช่วงนี้พ่อเขาจะชอบพูดแรงๆ กับดาวแต่ว่าพ่อเขารักดาวมากนะลูก ถ้าดาวไปขอโทษพ่อเขาตอนนี้แม่เชื่อว่ายังไงพ่อเขาก็ให้อภัยดาวอยู่แล้ว...แต่ถ้าดาวไปกับแม่แล้วแบบนี้ใครจะดูแลพ่อละลูก" แม่พูด ฉันยกมือขึ้นไปจับมือของแม่ที่ลูบหัวฉันแล้วเอามาวางประกบกับจับมือของฉัน "แม่คะ...ช่างมันเถอะค่ะดาวไม่มีวันทิ้งแม่หรอก ต่อให้ดาวไม่อยู่ที่นี่ คุณพ่อเขาก็ยังมีเดือนมีน้าผกากรองอยู่ด้วยเขาไม่เหงาหรอกค่ะอีกอย่างดาวจะอยู่กับพวกเขาได้ยังไงถ้าแม่ไม่อยู่ด้วย แม่ไม่สงสารดาวหรอคะ" ฉันพูดแล้วจ้องตาแม่เพื่อบอกให้แม่เชื่อในสิ่งที่ฉันตัดสินใจ "แม่รอดาวแปปนึงนะคะเดี๋ยวดาวจะรีบเก็บของให้แม่ จากนั้นพวกเราไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกันข้างนอกเถอะนะคะ" แม่ยิ้มให้ฉันแล้วพยักหน้าตอบ "จ้ะ"หลังจากหนีเข้ามาในบ้านฉันก็รีบปิดประตูแล้วยืนยิ้มออกมาด้วยความเขิน "ผู้ชายอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดเลย" ฉันพูดแล้วยิ้มอย่างกับคนบ้าอยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะเดินไปเข้าไปที่ห้องเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำแล้วเข้านอน ในขณะที่ฉันกำลังจะถอดชุดออกก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองใส่ชุดและเครื่องประดับที่คุณทศให้ไว้อยู่ "ตายแล้วดาวเอ้ย~ ลืมขอบคุณคุณทศเรื่องชุดได้ไงเนี่ย" ฉันบ่นกับตัวเองที่หน้ากระจกอย่างรู้สึกเสียดาย "ไว้ค่อยขอบคุณเขาพรุ่งนี้แล้วกันจะได้เอาชุดกับสร้อยไปคืนด้วย" ฉันถอยหายใจแล้วพูดออกมาก่อนที่จะค่อย ๆ ถอดสร้อยเก็บใส่กล่องและถอดชุดไปซักอย่างทะนุถนอมจากนั้นก็กลับเข้าห้องไปอาบน้ำนอนทศราช Part00:30 น.ผมขับรถเข้ามาที่บ้านหลังจากไปส่งดาวซึ่งปกติแล้วผมจะนอนที่คอนโดเป็นส่วนใหญ่เพราะว่ามันใกล้และผมต้องทำงานตลอดเลยไม่อยากให้แม่ต้องมาเห็นผมนั่งทำงานหามรุ่งห่ามค่ำแล้วเป็นห่วงทีหลัง เมื่อก่อนผมไม่เข้าใจพ่อเลยว่าเขาจะบ้างานอะไรนักหนาแต่พอมาวันนี้ผมได้มาอยู่ตรงนี้แทนพ่อผมถึงได้เข้าใจว่า มันจำเป็นต้องทำจริง ๆ และผมก็เข้าใจความรู้สึกแม่ดีเพราะผมเองก็เคยอยู่ในจุดที่นั่งทุกข์ที่เห็นพ่อเป็นแบบนั้นดังนั้นผมจึงเลือกที
ผมนั่งฟังพวกผู้ใหญ่เขาคุยกันมาประมาณ 20 นาทีแล้วมันมีแต่เรื่องอวดกันไปอวยกันมาตลอดจนผมฟังแล้วรู้สึกเบื่อไปเลยแต่ก็ไม่สามารถแสดงอาการออกมาได้ ผมหันไปมองที่กลุ่มของดาวแต่ปรากฏกว่าเธอไม่อยู่ตรงนั้นแล้วจึงเกิดความกังวลเป็นอย่างมาก ผมกลัวว่าเธอจะกลับไปก่อนและถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ ผมคงเสียดายแย่ที่ยังไม่ได้คุยอะไรกับเธอ ผมพยายามมองไปรอบ ๆ จนทั่วงานแต่ก็ยังไม่เจอเธออยู่ดี"ผมขอตัวก่อนนะครับ คืนนี้เชิญทุกคนตามสบายเลยนะถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกกับออแกไนซ์ได้เลย" ผมพูดแล้วลุกออกจากโต๊ะทันทีโดยไม่รอให้พวกผู้ใหญ่ตอบกลับอะไรมาเลยเพราะกลัวเขาจะรั้งผมให้อยู่ต่อ ผมก้าวเท้าเดินไปหาชัชเพื่อถามเขา"ชัช คุณดาวไปไหนแล้ว" ผมพูดแบบเป็นกันเองกับชัชเพราะเราค่อนข้างสนิทกันบวกกับตอนนี้มันนอกเวลางานแล้วด้วย จริงๆ ถ้าเวลาทำงานผมจะเรียกเขาว่าคุณชัชตลอดเพื่อให้เกียรติเขา"คุณดาวเหรอครับ เห็นเธอบ่นว่าเบื่อ ๆ ก็เลยอยากจะออกไปสูดอากาศหน่อยครับ""ไปคนเดียวเหรอ" ผมถามด้วยความเป็นเพราะตอนนี้มันดึกมากแล้วแถมทุกคนยังดื่มกันไปไม่น้อยถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยัง "ครับ ตอนแรกผมจะตามไปเป็นเพื่อนนะแต่เธอไม่ยอม" "ไม่เป็นไร" ผมรีบ
ฉันกลับมาถึงบ้านประมาณบ่ายโมงครึ่งด้วยความรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากจะทำอะไรแล้ว "นอนพักเอาแรงสักหน่อยแล้วกัน" ฉันเดินขึ้นไปนอนทิ้งตัวบนเตียงทั้งที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ17:30ฉันใส่ชุดคลุมเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วจากนั้นฉันก็เดินไปหน้ากระจกหยิบกล่องที่คุณทศให้ขึ้นมาเปิดดู ภายในกล่องนั้นมีชุดเดรสยาวสีแดงประกายเพชรวิบวับดูสวยมาก"แพงมากแน่เลยเนี่ย" ฉันพูดแล้วหยิบชุดนั้นออกมาดูชัด ๆ ฉันตะลึงกับสิ่งที่คุณทศเตรียมไว้ให้มากไม่คิดเลยว่าเขาจะเลือกเสื้อผ้าให้ผู้หญิงได้เก่งขนาดนี้และที่นึกไม่ถึงมากที่สุดก็คือเขาจะช่วยเตรียมมันมาให้ฉันโดยเฉพาะ ฉันค่อย ๆ วางมันลงบนเตียงแล้วหันกลับไปมองกล่องกำมะหยี่เล็กๆ ที่คุณทศเตรียมมาให้พร้อมกับชุดนี้ หลังจากเปิดออกดูฉันก็ยิ่งตกใจยิ่งกว่าเพราะว่าฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้ประมาณ 2 อาทิตย์กว่า ๆ ฉันได้เอาเอกสารไปวางไว้บนโต๊ะทำงานของคุณทศก่อนที่เขาจะมาทำงานเหมือนปกติทุกวันแต่ว่าวันนั้นฉันแอบไปเห็นมันมีกระดาษจำนวนนึงถูกแฟ้มวางทับไว้อย่างไม่เป็นระเบียบก็เลยคิดว่าจัดให้มันเรียบร้อยแต่มันกลับไม่ใช่เอกสารงานอะไรเลยแต่เป็นแบบตัวอย่างสร้อยเพชร ยอม
"งานทุกอย่างเรียบร้อยไหมคะ" ฉันเดินตรวจเช็คงานกล่าวแล้วเดินไปถามกับหัวหน้าทีมออแกไนซ์ที่รับผิดชอบดูแลงานในวันนี้"เรียบร้อยดีค่ะคุณดาว" คุณนัทตอบ"ดีจ่ะ อย่าให้มีอะไรผิดพลาดนะคะ" ฉันพูด "ค่ะคุณดาว" เธอตอบแล้วก็เดินออกไปทำงานต่อ ส่วนฉันก็ยืนดูรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ต่ออีกนิดหน่อยเผื่อว่ามีอะไรจะได้แก้ไขได้ทันเวลา"เป็นไงบ้าง" ฉันหันไปตามเสียงมาดังมาจากด้านหลัง"เรียบร้อยดีค่ะคุณท" ฉันตอบ "ผมฝากคุณด้วยนะ รู้ใช่ไหมว่าผมไม่ชอบให้มีอะไรผิดพลาด" คุณทศพูด "ทราบค่ะ" ฉันตอบ วันงาน ฉันมาถึงบริษัทแต่เช้าเพื่อตรวจดูความพร้อมอีกครั้ง วันนี้เป็นวันสำคัญของบริษัท แขกและสปอนเซอร์ที่เชิญมาก็มีจำนวนมากไหนจะนักข่าวจากช่องต่าง ๆ อีกแถมเมื่อคืนนี้ฉันก็เพิ่งได้รับอีเมลว่าขอเพิ่มชื่อแขกพิเศษเข้ามาอีกหลายคนเลย วันนี้ฉันก็เลยต้องรีบมาจัดการดูแลตั้งแต่แต่เช้าตรู่เลย ในขณะที่ฉันกำลังหัวหมุนกับงานตรงหน้า ฉันก็หันไปเห็นคุณทศที่กำลังเดินเข้ามาหาฉัน(ซวยแล้วไงยัยดาวเอ้ย~ นี่เรามัวแต่เตรียมงานจนลืมเวลาไปเลยเหรอ) ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาคุณทศแล้วก้มหัวขอโทษเขาจากใจจริง "ดาวขอโทษนะคะคุณทศ คึ...คือดาวมัวแต่ยุ่งอยู่
คุณทศเดินไปเปิดประตูที่นั่งด้านหลังให้แม่กับป้าน้อย ทั้งคู่หันมามองที่ฉันเหมือนเป็นการถามเพื่อความแน่ใจว่าขึ้นไปได้จริง ๆ ใช่ไหมฉันเลยพยักหน้าตอบเพื่อให้พวกเขาสบายใจแม้แม่กับป้าน้อยจะรู้สึกเกรงใจคุณทศมาก ๆ แต่การที่เขาเปิดประตูรอแบบนั้นก็ทำเอาแม่กับป้าน้อยไม่อาจปฏิเสธได้เลย ฉันมองดูการกระทำของคุณทศที่ปฏิบัติต่อแม่และป้าน้อยอยู่ตลอดด้วยความพอใจเพราะถึงเขาจะเป็นถึงเจ้าของบริษัทแต่ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งหรือทำตัวไม่ดีต่อครอบครัวที่แสนจะธรรมดาของฉันเลยแม้แต่น้อยและเพราะเขาเป็นแบบนี้เนี่ยแหละฉันถึงยิ่งประทับใจเขามากขึ้นทุกที พอแม่กับป้าน้อยขึ้นไปนั่งบนรถแล้วคุณทศก็หันกลับมามองฉัน พอสบตากับเขาอีกครั้งฉันก็ถึงสะดุ้งเลยจากนั้นฉันก็รีบเดินไปเปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งฝั่งข้างคนขับทันที แม้จะไม่ได้หันไปมองหน้าเขาอีกครั้งแต่ฉันรู้สึกได้เลยว่าคุณทศต้องกำลังยืนขำท่าทางตลก ๆ ของฉันเมื่อกี้อยู่แน่ ๆ ร้านอาหารมาถึงร้านฉันก็บอกให้แม่กับป้าน้อยเข้าไปก่อนเลยเพราะฉันจองโต๊ะเอาไว้แล้ว"คุณไม่ลงเหรอ" ฉันค่อย ๆ หันหน้าไปหาเขาด้วยความตื่นเต้น "หรือว่าอยากจะกลับบ้านพร้อมกับผม" น้ำเสียงและสีหน้าทีเล่นที่จริงของเขา
"เมื่อกี้คุณทศยิ้มให้เราเหรอ" ฉันถามตัวเองเบา ๆ ด้วยหัวใจที่เต้นรัวอย่างกับจะระเบิดออกมา"แล้วทำไมเราต้องดีใจขนาดนี้ด้วยละ...ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ เลย" หลังจากยืนคุยกับตัวเองอยู่แป๊ปนึงฉันก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานจากนั้้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาแม่"ฮัลโหลค่ะแม่""ว่าไงจ๊ะลูก""วันนี้ช่วงบ่ายแม่กับป้าน้อยไม่ต้องทำกับข้าวออกไปขายที่ตลาดนะคะ""ทำไมล่ะลูก""ไม่มีอะไรหรอกค่ะ วันนี้ประมาณห้าโมงเย็นแม่กับป้าน้อยขึ้นแท็กซี่มาหาดาวที่บริษัทนะคะ""อะไรอีกล่ะเนี่ย""ต้องมานะคะ""จ่ะ ๆ ไว้เจอกันนะเดี๋ยวแม่ต้องไปช่วยป้าน้อยแกขายของต่อแล้ว""ค่ะ ดาวรักแม่นะคะ""จ่ะ แม่ก็รักดาวนะลูก"ทศราช Partผมนั่งมองกล่องสีดำเล็ก ๆ นั่นด้วยรอยยิ้มมาอยู่สักพักหลังจากที่เธอออกจากห้องไป"ของขวัญตอบแทนเหรอ ฮึ ๆ ดีกว่าที่คิดไว้อีกแฮะ" ผมพูดแล้วหยิบเสื้อสูทตัวโปรดที่คลุมอยู่บนเก้าอี้ขึ้นมาใส่จากนั้นก็ดึงปากกาด้ามเก่าที่เหน็บอยู่บนกระเป๋าเสื้อออกแล้วแทนที่ด้วยปากกาด้ามใหม่ที่เธอเพิ่งให้เมื่อกี้แทนดวงดาว Partหน้าบริษัทหลังจากเลิกงานฉันก็ออกมายืนรอแม่กับป้าน้อยอยู่หน้าบริษัท ในระหว่างที่ฉันยืนรออยู่นั้นรถของคุณทศ







