บ้านขจรวิทย์
"ฮือ ฮือ พ่อ พ่อคะดาวขอร้องนะคะ อย่าทำแบบนี้เลย ฮือ ฮือ" ฉันร้องไห้พร้อมวิ่งเข้ามาห้ามพ่อที่พึ่งจะตบหน้าแม่อย่างแรงจนล้มลงไปนั่งอยู่ที่พื้น "แกอย่าเข้ามายุ่งได้ไหม! ที่แม่แกต้องเจ็บตัวแบบนี้มันเป็นเพราะแกทั้งนั้นแหละ เพราะแกเพราะแม่ของแกฉันถึงเกือบจะเสียลูกชายของฉันไป ถอยไป!! พ่อตะคอกเสียงก่อนจะสลัดฉันออก ตอนนั้นฉันรู้สึกกลัวมากแต่ฉันไม่อาจทนเห็นแม่ถูกพ่อทำร้ายแบบนี้ได้จึงรีบเข้าไปห้ามพ่ออีกครั้งแต่ก็ถูกพ่อหันมีใช้มือชี้หน้าพร้อมกับมองจ้องฉันด้วยสายตาดุๆ เพื่อเป็นการเตือนฉันให้อยู่เฉยๆ "คุณอย่ามาว่าลูกนะมีอะไรก็มาลงที่ฉันนี่ ลูกไม่ผิดคุณไม่มีสิทธิ์ไปว่าลูกเข้าใจไหม!" แม่รีบลุกขึ้นมาปัดมือพ่อที่กำลังชี้หน้าฉันอยู่ออก "ไม่ผิดงั้นหรอแล้วที่มันคอยกลั่นแกล้งเดือน ทำให้เดือนต้องร้องไห้เสียใจจนคุณผกากรองเขาเครียดกินไม่ได้นอนไม่หลับเนี่ยมันไม่ผิดเหรอ!?...คุณเลี้ยงลูกประสาอะไรปล่อยให้มันไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเขาต้องทุกข์ทรมานใจจนเกือบจะแท้ง ผมถามหน่อยเถอะทุกวันนี้ที่ผมดูแลคุณกับลูกมันยังดีไม่พออีกหรอ ฮะ! คุณกับลูกสาวตัวดีของคุณถึงได้เที่ยวไปอิจฉาคนอื่นเขาอยู่เรื่อย" พ่อตะคอกใส่แม่เสียงดังแต่แม่ก็ยังจ้องมองพ่อด้วยความโกรธแบบไม่ลดละ น้ำตาของแม่ไหลอาบเต็มแก้มสองแก้มด้วยหัวใจที่แตกสลาย "มองทำไมฮะ! อย่าคิดว่าเป็นเมียแต่งแล้วผมจะยอมคุณนะ หึ! ลองหัดมองดูตัวเองดูบ้างสิว่าจะมีทุกวันนี้ได้มันเพราะใคร เมื่อก่อนก็เป็นแค่แคชเชียร์ ในร้านอาหารเล็กๆ ถ้าผมไม่เมตตาเอามาขัดสีฉวีวรรณจนกลายมาเป็นคุณหญิงคุณนายอย่างทุกวันนี้ คุณก็คงไม่มีทางออกมาจากสลัมได้หรอก...พูดแล้วยังจ้องอยู่อีกหัดสำนึกบุญคุณให้เป็นนะจะได้มีที่คุ้มกะลาหัวต่อไป" พ่อพูดไปยิ้มเยาะเย้ยแม่ไปด้วย ตอนนี้ผู้ชายคนนี้แทบจะไม่ใช่พ่อที่ฉันรู้จักอีกแล้ว ฉันมองพ่ออย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้ ในความทรงจำของฉันมันมีแต่พ่อที่ดูแลแม่ด้วยความรักจนสุดหัวใจมาโดยตลอดแต่ตอนนี้มันไม่มีอีกแล้วผู้ชายผู้เป็นต้นแบบของฉัน "พ่อ...เมื่อก่อนพ่อไม่เคยพูดแบบนี้กับแม่เลยนะ พ่อรักแม่ที่สุดไม่ใช่หรอคะ ทำไมจู่ๆ วันนี้ถึงได้พูดกับแม่แรงแบบนี้ละคะ แค่ทะเลาะกันไม่จำเป็นต้องเอาชนะกันด้วยวิธีแบบนี้ก็ได้" ฉันถามออกไปอย่างไม่เชื่อหูตัวเองในใจของฉันมันเจ็บปวดทรมานมากซึ่งฉันคิดว่าแม่ก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน "เพราะฉันเริ่มรำคาญพวกแกสองแม่ลูกแล้วไง วันๆ เอาแต่สร้างปัญหาให้ฉันไม่หยุดหย่อนจนฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว ได้เป็นเมียแต่งแถมยังได้อภิสิทธิ์เหนือทุกคนทำไมยังจะสร้างความวุ่นวายในบ้านกันอีก ฮะ!!" พ่อตอบเสียงดัง "ทำไมตอนที่คุณมาจีบฉันคุณไม่พูดแบบนี้ละทำไมตอนนั้นคุณไม่บอกว่าถ้าฉันแต่งงานกับคุณแล้วฉัันจะต้องมาเป็นของตายอยู่ในบ้านหลังนี้ ทำไมไม่บอกฉันแต่แรกว่าคุณจะมักมากพาผู้หญิงคนอื่นเข้ามาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของฉัน....ฮือ.. ฮือ...ทำไม ทำไมไม่บอกว่าคุณจะทำให้ฉันกับลูกกลายเป็นตัวตลกของทุกคน ฉันจะได้หนีคุณไปไกลๆ แต่แรกไม่ต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้และไม่ต้องรู้สึกผิดกับลูกที่เลือกพ่อเลวๆ แบบนี้ให้เขา...ฮือ...ฮื้อ..ฮือ...ถ้าฉันรู้ว่าคุณจะเลวและไร้ความรับผิดชอบกับฉันและลูกแบบนี้ ฉันคงไม่มีทางแต่งงานกับคุณแน่คุณอนุวัฒน์!!" แม่ตอบกลับพ่อด้วยความโมโหและเสียใจเช่นกัน ฉันไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้ปานจะขาดใจแบบนี้มาก่อนเลย "หึ" พ่อเงยหน้าขึ้นไม่มองหน้าพวกเราสองคน "งั้นคุณก็ไปซะ เอาลูกของคุณออกไปด้วยเลยถ้าคุณคิดว่าคุณมีปัญญาอยู่ได้โดยไม่มีผม...คุณก็ไปซะสิ!" พ่อพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนฉันกลัวจากนั้นฉันก็รีบนั่งลงคลานเข่าไปจับมือจับขาของพ่อไว้เพื่อขอความเห็นใจ "ไม่ได้นะคะพ่อ ไม่ได้นะคะ...ฮื้อ...ฮือ...ถ้าพ่อไล่เราออกไปพวกเราจะไปอยู่ที่ไหนคะ ตอนนี้แม่เองก็ไม่ค่อยสบายพ่ออย่าไล่พวกเราเลยนะคะดาวขอร้อง ขอนะคะพ่อ** ฉันพรั่งพรูคำพูดออกมามากมายเพื่อหวังว่าพ่อจะเห็นใจพวกเราบ้าง พ่อก้มหน้ามามองฉัน "ต้องโทษแม่แกแล้วละที่ทำตัวโอหังเองแล้วแกก็ช่วยหัดจำในสิ่งที่ฉันสอนแกบ้างก็ดีนะไม่ใช้เอานิสัยแม่แกมาหมด...มีลูกแบบแกนี่มันน่าเหนื่อยใจจริงๆ" พ่อพูด ฉันช็อคกับคำพูดของพ่อฉันค่อยๆ ปล่อยมือออกจากพ่อ "พ่อ~" ฉันพูดไม่ออกจริงๆ ได้แต่ปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาอาบแก้ม "แกเลือกเอาว่าจะอยู่อย่างสุขสบายๆ กับฉันหรือจะตามแม่แกไปลำบากอยู่ในสลัม" ฉันหมดคำจะพูดกับเขาแล้วจริงๆ ฉันค่อยๆ ก้มหน้าลงแล้วถอยหลังกลับไปพยุงแม่ให้ลุกขึ้น ฉันมองไปที่หน้าของพ่อด้วยความรู้สึกที่ผิดหวังมากๆ "หนูขอโทษนะคะ แต่หนูทิ้งแม่ไม่ได้จริงๆ" สีหน้าของพ่อดูตกใจเล็กน้อยเพราะปกติฉันไม่เคยปฎิเสธพ่อเลยสักครั้ง "แม่ไม่เหลือใครแล้วค่ะพ่อ ไม่เหลือคุณตา คุณยายและสามีของเธออีกแล้วเพราะฉะนั้น...ฮือ" ฉันพูดแทบไม่ออกเลยมันจุกอกมากส่วนแม่ตอนนี้ก็ยืนร้องไห้ตัวโยนและพยายามยื่นมือขึ้นมาจับมือฉันเป็นการบอกให้ฉันใจเย็นอย่าพูดกับพ่อแบบนั้นแต่ฉันทนไม่ไหวแล้ว พักหลังมานี้พ่อทำร้ายความรู้สึกเราสองคนมากเกินไปแล้วจริงๆ ฉันหันมาหาแม่ แม่ก็พยายามส่ายหน้าบอกฉันให้หยุดทั้งที่น้ำตาเธอไหลเต็มหน้า ฉันไม่ได้กลัวว่าถ้าพ่อโกรธแล้วทำให้ตัวฉันเองจะลำบากเลยสักนิดช่างมันสิต่อให้ต้องลำบากฉันก็ไม่มีวันปล่อยให้แม่ต้องเดินออกไปคนเดียวแน่นอน "หนูจะทิ้งแม่ได้ยังไงคะ" ฉันบอกแม่ แลูกไม่ต้องลำบากหรอกจ่ะ" แม่ตอบด้วยน้ำตา ฉันหันกลับไปหาพ่อ "ดาวจะไปกับแม่ค่ะ" ฉันพูดกับพ่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแล้วพาแม่เดินออกมาจากตรงนั้น ส่วนพ่อนิ่งไปไม่พูดอะไรสักคำ ฉันหยุดเดินแล้วเอียงหน้าไปมองพ่อ "ดาวขอเวลาอยู่ในบ้านหลังนี้ต่ออีกแค่แปปเดียวนะคะพ่อ หลังจากที่เราสองคนเก็บของเสร็จแล้วพวกเราจะรีบออกไปจากบ้านของพ่อทันที"ฉันพูดแล้วก็เดินขึ้นบันไดพาแม่ไปเก็บข้าวของบนห้อง พ่อมองตามหลังของพวกเราจนสุดทางจากนั้นเขาแล้วก็คว้ากุญแจรถขับออกไปข้างนอกอย่างหัวเสียท่าทางดูโกรธกว่าเดิมอีก ห้องนอนของดาว "ทำแบบนี้ทำไมลูก ลูกรู้ไหมถ้าลูกออกจากบ้านนี้ไปลูกจะลำบากขนาดไหนดาว" แม่พูดพร้อมลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยน "ดาวจะรู้ได้ไงละคะ ชีวิตนี้พ่อกับแม่ไม่เคยให้ดาวต้องลำบากเลยสักนิด" ฉันตอบ "งั้นดาวรีบไปขอโทษพ่อนะลูก ถึงช่วงนี้พ่อเขาจะชอบพูดแรงๆ กับดาวแต่ว่าพ่อเขารักดาวมากนะลูก ถ้าดาวไปขอโทษพ่อเขาตอนนี้แม่เชื่อว่ายังไงพ่อเขาก็ให้อภัยดาวอยู่แล้ว...แต่ถ้าดาวไปกับแม่แล้วแบบนี้ใครจะดูแลพ่อละลูก" แม่พูด ฉันยกมือขึ้นไปจับมือของแม่ที่ลูบหัวฉันแล้วเอามาวางประกบกับจับมือของฉัน "แม่คะ...ช่างมันเถอะค่ะดาวไม่มีวันทิ้งแม่หรอก ต่อให้ดาวไม่อยู่ที่นี่ คุณพ่อเขาก็ยังมีเดือนมีน้าผกากรองอยู่ด้วยเขาไม่เหงาหรอกค่ะอีกอย่างดาวจะอยู่กับพวกเขาได้ยังไงถ้าแม่ไม่อยู่ด้วย แม่ไม่สงสารดาวหรอคะ" ฉันพูดแล้วจ้องตาแม่เพื่อบอกให้แม่เชื่อในสิ่งที่ฉันตัดสินใจ "แม่รอดาวแปปนึงนะคะเดี๋ยวดาวจะรีบเก็บของให้แม่ ำำพวกเราไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกันข้างนอกเถอะนะค"ะ ฉันพูด แม่ยิ้มให้ฉันแล้วพยักหน้าตอบ "จ้ะ" แม่ตอบ1 สัปดาห์ต่อมาฉัันยังคงมาทำงานตามปกติเหมือนทุกวันแต่ที่ดูจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็คือการทำงานของฉันดูราบลื่นขึ้นมากและได้รับคำชมจากเพื่อนร่วมงานอยู่บ่อยๆ แถมพนักงานหลายๆ คนก็เริ่มให้ความการเคารพฉันในฐานะเลขาของคุณทศบ้างแล้วจากที่ตอนแรกดูจะตึงๆ และไม่ชอบฉันอย่างเห็นได้ชัด"คุณดาวหลังจากที่ทีมการตลาดได้โฆษณาออกไปผลตอบรับของโครงการหมู่บ้านที่พัทยาเป็นยังบ้าง" คุณทศถาม"ดีมากเลยค่ะคุณทศ ตอนนี้ลูกค้ากำลังให้ความสนใจโครงการของเราเป็นอย่างมากแล้วก็มีสปอนเซอร์รายใหญ่ติดต่อมาหลายบริษัทเลยค่ะ" "งั้นก็ดีแล้ว คุณไปทำงานต่อเถอะ" คุณทศพูดจบฉันก็เดินออกจากห้องทำงานของเขาแล้วมานั่งทำงานของตัวเองต่อเหมือนเดิม พอใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันฉันก็กดสั่งอาหารมาไว้ให้เขาตามปกติก่อนจะลงไปทานมื้อกลางวันของตัวเองที่โรงอาหารโรงอาหารทุกคนนั่งทานอาหารกลางวันและพูดคุยกันถึงปัญหาต่างๆ ในแต่ละวันกันอย่างสนุกสนานมีทั้งเรื่องรถติดบ้าง ทะเลาะกับสามีบ้าง มีปัญหาหากับเพื่อนร่วมงานบ้าง"น้องดาวเย็นนี้ว่างไหมจ๊ะ" พี่เจนถามก็ว่างนะคะพี่เจน พอดีดาวไม่ได้มีงานด่วนอะไรด้วย" ฉันตอบงั้นน้องดาวไปกับพวกเราไหม" พี่เจนถาม"พวกพี
"อะไรนะ!!" เสียงของอนุวัฒน์ดังขึ้นเมื่อลูกน้องคนสนิทมารายงานข่าวเรื่องที่ดิน ที่เขาเคยยื่นขอเสนอไปแต่ก็ถูกตัดหน้าไปก่อนอย่างหน้าเสียดาย"คึ...คือคุณลดาเธอบอกว่าเธอนำที่ดินไปลงทุนกับบริษัท KTK แล้วครับ" ดนัยตอบ (ลูกน้องของอนุวัฒน์)"เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อเราติดต่อพูดคุยกับคุณลดาไว้ตั้งแต่หลายเดือนแล้วนิว่าเราจะขอซื้อที่ดินตรงนั้นของเธอด้วยเงินสด ทำไมเธอถึงยังปฎิเสธเราได้อีก นี่แกประสานงานยังไงกันแน่ว่ะ" อนุวัฒน์ถามด้วยความโมโห"คือผมทำตามที่คุณอนุวัฒน์สั่งจริงๆ นะครับแต่ผมทราบมาว่าคุณทศราชผู้บริหารคนใหม่ของทางบริษัท KTK ได้ยื่นขอเสนอให้คุณลดาเป็นหุ้นส่วนโครงการใหม่ที่ทางบริษัทนั่นกำลังจะทำขึ้นในอีกไม่ช้าแถมยังให้เปอร์เซ็นที่สูงอีกด้วย เธอก็เลยเกิดลังเลกับข้อเสนอของเราแล้วตกลงเซ็นต์สัญญากับทางนู้นครับ" ดนัยตอบ อนุวัฒน์รู้สึกโกรธยิ่งขึ้นอีกเมื่อรู้ว่าเด็กรุ่นใหม่ที่พึ่งจะก้าวเข้าวงการของธุรกิจอย่างทศราชมาชิงตัดหน้าเขาไป เขาติดต่อกับคุณลดามาเป็นเวลานานมากกว่าคุณลดาจะยอมเปิดใจอ่านสัญญาซื้อขายกับเขา เสียทั้งเงินทั้งเวลทไปก็ไม่ใช้น้อยเพื่อซื้อใจฝั่งนั้นแต่กลับมารู้ทีหลังว่าสิ่งที่เ
ฉันค่อยๆ นั่งลงตามที่คุณทศสั่ง"คุณทศจะไม่กลับบริษัทหรอคะ" ฉันถาม"ผมหิวข้าวน่ะ" คุณทศตอบ ฉันตกใจรีบยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาทันทีถึงได้รู้ว่านี่มันเลยเวลาอาหารกลางวันของคุณทศมานานแล้ว"โอ้! จริงด้วย ดาวขอโทษนะคะที่ไม่ได้สั่งอาหารกลางวันมาให้คุณทศ" ฉันพูด"เราอยู่กันที่ร้านอาหารนะไม่ใช่บริษัท ถึงคุณจะสั่งอะไรมาให้ผมผมก็กินไม่ได้อยู่แล้วป่ะ" คุณทศตอบ"ดาวขอโทษค่ะ" ฉันมัวแต่ลนจนทำขายหน้าคุณทศอีกแล้ว"อยู่กับผม คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรที่ไม่ได้ทำผิด เข้าใจไหม! ได้ยินทีไรล่ะรู้สึกหงุดหงิดทุกที" คุณทศพูด"ขอโท- " ฉันกำลังจะเผลอพูดคำนั้นออกมาอีกครั้งแล้วแต่ก็เจอเข้ากับสายตาที่มองมาอย่างดุๆ ก็เลยชะงักไปก่อน"เอ่อ~...รับทราบค่ะ" ฉันตอบ"แล้วนี่คุณไม่หิวหรือไง" คุณทศถาม"ดาวว่าจะกลับไปทานที่บริษัทค่ะ" ฉันตอบ"นี่มันจะบ่ายสองแล้วกว่าจะไปถึงบริษัทก็เกือบเลิกงานพอดี ผมทนไม่ไหวหรอกนะ" คุณทศตอบแล้วยกมือเรียกให้พนักงานมารับออร์เดอร์"คุณอยากกินอะไรก็สั่งเลยนะเดี๋ยวผมเลี้ยงเอง" คุณทศพูดแล้วลงไปดูเมนูอาหาร ฉันรับเมนูจากพนักงานมาเปิดดูก็ถึงกับอึ้งไปเลย ไม่รู้ทำไมอาหารทุกอย่างมันถึงได้แพงขนาดนี้ ราคาอาหาร
ฉันกับคุณทศมาถึงร้านได้ประมาณ 30 นาที แล้ว ฉันนั่งอยู่ข้างๆคุณทศได้แต่เงียบไม่กล้าพูดอะไร คุณทศสั่งน้ำผมไม้มาให้ฉันระหว่างที่นั่งรออยู่ ฉันก็เห็นว่ามีผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่งเดินตรงมาที่โต๊ะของพวกเราเมื่อพวกเขาเดินมาถึงคุณทศกับฉันก็รีบยืนขึ้นทันที "สวัสดีค่ะคุณทศราชรอนานไหมคะ" คุณลดาถาม "สวัสดีครับคุณลดา คุณเอกภพ รอไม่นานเลยครับพวกเราเองก็พึ่งมาถึงเหมือนกัน เชิญนั่งก่อนสิครับ" คุณทศพูดด้วยคำสุภาพน้ำเสียงทุ้มน่าฟังสุดๆ แต่เดี๋ยวนะรอไม่นานอะไรละนี่มันตั้งครึ่งชั่วโมงเลยนะ"คุณลดากับคุณเอกภพสั่งอะไรก่อนดีไหมครับ" "ไม่ดีกว่าครับพวกเราทานมาแล้ว" "เอ่อ! นี่คือคุณดวงดาวเลขาของผมครับ" ฉันรีบก้มหัวเพื่อแสดงความเคารพและกล่าวแนะนำตัวอย่างมีมารยาท "งั้นเรามาเข้าเรื่องกันเลยนะครับ" พอคุณทศเริ่มพูดฉันก็หยิบแผนโครงการออกมาส่งให้คุณลดากับคุณเอกภพทันที "โครงการนี้คาดว่าจะเปิดพร้อมเข้าอาศัยประมาณสิ้นปีนี้ครับ จะมีบ้านทั้งโครงการทั้งหมด 25 หลังใหญ่ 10 หลังและบ้านขนาดกลาง 15 หลังครับ ทางเราคาดการงบของโครงการประมาณไว้ไม่เกินหนึ่งพันล้านบาทครับ ตอนนี้จากการคำนวณของทางบริษัทบ้านหลังใหญ่เราจะได้กำไร
ฉันมาถึงบริษัทตั้งแต่เช้าและตอนนี้ก็กำลังนั่งคุณทศอยู่ที่ล็อบบี้ ฉันคิดมาตลอดทางว่าฉันจะทำทุกอย่างที่คุณชัชเคยทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ผิดต่อความตั้งใจของเขา พอรถของคุณทศมาจอดที่ประตูหน้าบริษัทฉันก็รีบเดินไปรอรับเขา ตอนแรกฉันกะว่าจะช่วยเปิดประตูรถให้แต่ก็เข้าไปไม่ทันพี่รปภ.ที่ยืนรออยู่ ฉันเลยได้แต่ยืนมองดูด้วยความเสียดาย ทันทีที่คุณทศลงจากรถฉันก็ยื่นมืือไปขอกระเป๋าและเอกสารในมือเขาทันที คุณทศมองหน้าฉันแปปนึงก่อนที่จะส่งของทั้งหมดมาให้ ฉันรับมันแล้วเดินตามหลังคุณทศไปติดๆ ฉันเห็นคุณทศเหล่มองมาที่ฉันหลายครั้งสงสัยคงยังไม่ชินละมั้ง พอประตูลิฟต์เปิดออกฉันก็รีบเดินตามเข้าไปจนเผลอชนเข้ากับหลังของเขาจังๆ "ขอโทษค่ะ" ฉันพูดแล้วรีบถอยตัวหนีทันที"เอกสารที่ให้เตรียมพร้อมหรือยัง" คุณทศถาม"เรียบร้อยแล้วค่ะ" ฉันตอบ ฉันพูดจบคุณทศเดินออกไปเลย เขาเป็นคนที่เดินเร็วมากไม่รู้ว่าเป็นเพราะขายาวด้วยหรือเปล่าทำเอาฉันที่สับแทบตายก็ยังตามไม่ทันบวกกับมีรองเท้าส้นสูงด้วยแล้วนี่ยิ่งไปกันใหญ่"เดี๋ยวคุณเข้าไปคุยกับผมในห้องด้วยนะ" คุณทศพูดแล้วเปิดประตูเข้าไปห้อง ฉันวางของของคุณทศลงบนโต๊ะทำงานของตัวเองแล้วเดินอ้อมไป
หลังจากเลิกงานฉันก็ออกมานั่งรอแท็กซี่อยู่ที่หน้าบริษัท"ไปไหนครับ" พี่คนขับถาม"ไปตลาดคุ้มฟ้าค่ะ" ฉันตอบ "ได้ครับ" เค้าตอบฉันแล้วกดมิเตอร์ทันที พอมาถึงตลาดฉันก็รีบหยิบเงินส่งให้พี่คนขับแล้วลงจากรถเพื่อไปหาแม่กับป้าน้อยในตลาด ปกติหนึ่งวันของบ้านเราช่วงเช้้าแม่กับป้าน้อยจะทำขนมออกมาขายด้วยกัน พอสายๆ หน่อยคนเริ่มซาแล้วป้าน้อยก็จะเดินไปซื้อพวกของสดในตลาดเพื่อมาเตรียมไว้ทำพวกข้าวแกงมาขายตอนเย็น โชคดีที่ตลาดที่นี่ติดกับโรงงาน โรงเรียน วัดและก็ศาลเจ้าเลยทำให้มีคนเดินพลุกพล่านอยู่ตลอดเวลา ยิ่งถ้าเป็นวันพระพวกเราก็จะทำขนมและกับข้าวถุงมาแต่เช้าเลย ถึงอย่างนั้นก็ยังขายหมดเร็วมาก ส่วนตอนเย็นก็จะเน้นขายไปที่พนักงานโรงงานที่เลิกค่ำๆ หน่อยเพราะตลาดคุ้มฟ้าของเราจะเปิดตั้งแต่ตี 5 ครึ่งถึง 3 ทุ่มเลย ฉันเดินเข้าที่แผงของเราก็เห็นคนกำลังมาต่อคิวซื้อกับข้าวของเราเต็มเลย แม่ฉันจะคอยหยิบกับข้าวใส่ถุง รับเงินทอนเงินส่วนป้าน้อยก็ตักกับข้าวใส่ถุงมัดยางวางใส่ถาดไว้ให้แม่ ตอนนี้ทั้งสองคนดูยุ่งมากเลยฉันก็เลยรีบเข้าไปช่วยทันที"มาเลยจ้าๆ อร่อยทุกอย่างเลยนะคะ" ฉันพูดพร้อมกับเอากระเป๋าไปวางไว้ข้างหลังแผง "อ้าว เล