Masukเทร่าปล่อยให้ไคเอลวุ่นวายกับเสียงความคิดแล้วหันมาหาเซรัสที่เอาแต่ปิดปากเงียบทั้งที่เธอพูดไปแทบจะหมดแล้ว
“ว่าอย่างไร เจ้าจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ ข้าว่าเจ้าต้องเป็นคนอธิบายมากที่สุดเลยนะ” เธอกอดอกทิ้งสะโพกพิงโต๊ะอาหาร นาทีนี้เทร่าคือผู้เหนือกว่าเพราะเรื่องของเธอไม่ใช่ความลับและไม่มีอะไรเสียหายหรือจะทำให้ใครเสี่ยงอันตราย แต่กับเซรัสเขาเหยียบอะไรอยู่บ้างก็ไม่รู้ ดวงตาเฉี่ยวปรายมองคนที่เบนหน้าไปทางอื่น แม้เสี้ยวหนึ่งหางตาของเขาจะหันมาแต่ก็หาได้หันกลับมาสบตากันตรง ๆ “จะอยู่แบบนี้ได้ทั้งวันจริง ๆ เหรอ? มีอะไรที่อยากขอข้าหรือเปล่า” เทร่าเปิดปากอีกครั้ง “ข้าไม่รู้จะเริ่มอย่างไรต่างหาก ใช่ว่าอยากจะปิดเงียบเสียที่ไหน” เซรัสตอบอย่างไม่สบอารมณ์นัก แล้วหันไปมองไคเอลที่ บิ ขนมปัง ใส่ปากด้วยดวงตาเหม่อลอย “เพราะเจ้านั่นแหละที่ยึดห้องนอนข้าเอาไปเป็นห้องนักประดิษฐ์น่ะ” “อะไร? ทำไมวนมาที่ข้า เจ้าเป็นคนไปพานางมาเองไม่ใช่เหรอ หรือนางลอยมาจากไหนเจ้าก็พูดไปสิจะมาโยนให้ข้าทำไมล่ะ” ไคเอลฉุนนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก “เข้าเรื่องสักทีเถอะเซรัส เพราะอะไรนางถึงมาอยู่ตรงนี้” เทร่าพูด “เมื่อคืน ข้าออกไปหลังบ้าน แล้วก็เลยเข้าไปในป่าลึกเพราะจะไปหาของมาให้ไคเอลทำสิ่งประดิษฐ์” “ไม่วายวนมาสินะ” ไคเอลบ่น แม้เสียงจะรบกวนคนทั้งสองแต่ไม่มีใครหันมาใส่ใจ “แล้วข้าก็เห็นแสงบางอย่างตกลงมาตอนแรกก็จะหนีแต่ว่าข้าได้ยินเสียงหายใจ” เทร่ายังคงยืนท่าเดิมและฟังด้วยสีหน้าเช่นเดิม ไม่มีความรู้สึก ไม่ตัดสิน “พอเข้าไปดู ก็เจอนางนอนไม่ได้สติ เนื้อตัวก็ตามที่เจ้าเห็น” “แล้วเจ้าก็พานางเข้ามา?” ไคเอลถาม “อือ” คนถามขยับตัวมายืนอยู่ตรงหน้า สีหน้านั้นทั้งอึ้งกับสิ่งที่เพื่อนทำและเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “แค่เห็นเป็นผู้หญิงเจ้าก็ไว้ใจ?” “ข้าไม่ได้ไว้ใจ แต่ถ้าทิ้งนางไว้กลางป่ามันก็จะใจร้ายเกินไปหน่อยหรือเปล่า” “แต่พานางเข้ามาในบ้านลับของเราโดยที่นางก็ไม่ได้เหมือนพวกเราเจ้าก็ใจร้ายกับข้าเกินไปหน่อยหรือเปล่า” “อย่าพูดเหมือนว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นมาแล้วเจ้าจะเอาตัวรอดไม่ได้สิ เจ้าเป็นผู้ชายนะ เจ้าเป็นลูกนักรบนะไคเอล” “แต่ข้าจับดาบไม่ได้ด้วยซ้ำ” “พอเถอะ…” เทร่าขัดเสียงเรียบ “ก่อนเจ้าทำ เจ้าคงคิดมาดีแล้วใช่ไหม, เซรัส?” ชายหนุ่มไม่หลบตา ร้องตอบในลำคอเบา ๆ ทว่าสายตานั้นหนักแน่นกว่าเสียงที่ใช้ เทร่าถอนหายใจเบา ๆ แล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์ครัวมีสมุนไพรวางอยู่หลายชนิด เธอหยิบมาเพียงสามอย่างใส่หม้อต้มที่มีน้ำเล็กน้อยพัดไฟให้แรงจนท่วมหม้อ ทุกอย่างที่ทำนั้นไม่มีเวทมนตร์เข้ามาเกี่ยวข้องจนไคเอลที่ยืนคิ้วผูกโบอยู่อดปากถามไม่ได้ “เจ้าทำอะไร?” “ยาทาแผลให้นาง” “ยาที่เจ้าปรุงก็มีเยอะแยะ หายได้ในชั่วพริบตา จะมาพึ่งยาที่ต้องใช้เวลาหลายคืนทำไม” ครั้งนี้เป็นเซรัส “แล้วเจ้ารู้หรือว่านางเป็นคนปกติเหมือนพวกเจ้า หรือเป็นแบบข้า” ครานี้คนถูกกดดันคือเซรัส สองสายตามองมาเหมือนจะเค้นเอาคำตอบแต่แล้วเขาก็ส่ายหน้าหนีแล้วเดินออกไปนั่งที่โซฟาหยิบหนังสือจากกองมาหนึ่งเล่ม สายตาที่มองมันนั้นว่างเปล่า แล้ว ยื่นหนังสือ ไปให้เทร่าที่เดินตามมา “ข้าขนพวกมันมาจากห้องสมุดของข้า” หนังสือเกี่ยวกับสัตว์วิเศษและเทพในดินแดนลึกลับมากมายกองพะเนิน อีกฝั่งกระจัดกระจายบอกว่ามันถูกรื้อค้นและอ่านจนหมดแล้ว “ไม่มีข้อไหนหรือเล่มไหนที่กล่าวถึงนางเลย” เทร่าเปิดมันช้า ๆ ในระดับสายตา ไคเอลแทรกตัวเข้ามามองหนังสือที่ลอยอยู่ กวาดสายตาอ่านทว่าก็ไม่ทันแม่มดอยู่ดี “เจ้าอ่านอะไร?” “นอกจากสีผม แล้วก็เสื้อผ้าที่นางใส่ มี อะไรที่แตกต่างจากพวกเจ้า หรือมีข้าอีกไหม” เธอหันไปถามเซรัส เจ้าตัวคิดเล็กน้อยแล้วส่ายหน้า “ไม่นะ แต่จะ ยังไง ก็แล้วแต่ ข้าจะให้นางฟื้น หายดีแล้วค่อยให้นางออกไปจากที่นี่” “แต่ถ้านางกลับมาแก้แค้นล่ะ” ไคเอลดูตื่นตระหนกกว่าใคร “พวกเราไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับนาง นางจะทำแบบนั้นทำไม เจ้าน่ะตระหนกเกินไปนะ” “แต่ข้าว่า ห่าง ๆ ไว้น่าจะดีกว่า ไว้นางช่วยเหลือตัวเองได้เมื่อไรก็ให้นางออกไปจากที่นี่ซะ ให้ออกไปทางที่จำยาก ๆ และปิดมันทิ้ง” พอฟังจบไคเอลกลับทำหน้าหยี แม่มดที่เขารู้จักคิดลึกลับและซับซ้อนกว่าที่เคยรู้หลายเท่า “แล้วที่เจ้าบอกว่า เจ้าเข้ามาในบ้านข้าไม่ได้คืออย่างไง?” “ข้ามองพวกเจ้าและภายในบ้านของพวกเจ้าผ่านลูกแก้วไม่ได้ต่างหาก กลัวว่าจะเป็นอะไรไปเลยรีบมาดู” “สิ่งเดียวที่จะทำให้พวกข้าเป็นอะไรไปได้คือทหารจากเมืองตะวันออกหรือไม่ก็ทหารของคิงส์มาลากพวกเราไป” ไคเอลพูด “หรือไม่ก็พ่อเจ้ามาตามเจ้าให้กลับไปซ้อม” เซรัสเอ่ย สีหน้าไคเอลดูไม่ค่อยพอใจเท่าไรและยิ่งออกอาการเมื่อเขาหันไปทางอื่น “เจ้าอย่าลืมนะว่าวันหนึ่งเจ้าต้องเป็นองครักษ์ และแน่นอนว่าข้าจะเลือกเจ้า” “ข้าเป็นเพื่อนของเซรัส ไม่ใช่องครักษ์ของรัชทายาทหรือคิงส์องค์ไหน” แทนที่บรรยากาศจะราบรื่นกลับมีความตึงเครียดเล็ก ๆ ผุดขึ้น เขารู้ดีว่าตนและอีกฝ่ายผูกพันกันในฐานะเพื่อน และรู้ดียิ่งกว่าเมื่อตนได้ครองเมืองนี้เพื่อนคนเดียวในชีวิตจะหายไปอย่างเงียบ ๆ “แต่ข้าไม่รับคนธรรมดามาช่วยปรุงยาหรอกนะ อย่าฝัน ถ้าเจ้าตัดเพื่อนกับเซรัส เจ้าจะต้องอยู่คนเดียว” เทร่าดึงบรรยากาศให้ดีขึ้นแค่เสี้ยววิแล้วกลับไปพูดเรื่องสำคัญ “ยานั่นเจ้ารอจนน้ำมันยุบเหลือครึ่งหนึ่งแล้วใส่น้ำตาลลงไปสามก้อน เสร็จแล้วก็ปล่อยให้มันแห้งจนเหนียวติดหม้อ ก่อนใช้ก็ผสมน้ำเล็กน้อยแล้วทาแผลให้นาง” “แล้วนางจะฟื้นเมื่อไร?” “ข้าไม่รู้ แต่ไม่ว่านางจะฟื้นเร็ว ๆ นี้หรือไม่เจ้าก็ต้องคอยทาแผลให้นาง” “แล้วยาของเจ้าล่ะ เจ้ามียาตั้งเยอะ เวทมนตร์อัดแน่น แต่ใจคอจะหวงเอาไว้ทั้งที่ช่วยคนได้งั้นเหรอ?” เธอส่ายหน้ากับคำถามของไคเอล แล้วเทน้ำผึ้ง เกลือปลายช้อน และ น้ำเปล่าใส่แก้วเอาไว้ “หากนางตื่นให้นางกินนี่เป็นอย่างแรกแล้วค่อยให้กินอย่างอื่น ไม่เกินสามวันอาการคงดีขึ้น เจ้าก็เตรียมหาลู่ทางไว้แล้วกัน ข้าคงจะไม่ได้ร่วมการช่วยเหลือนางหรอก” “แค่นี้ก็ช่วยมากแล้ว ขอบใจนะ” “แปลว่า สามวันนี้เจ้าจะไม่แวะเวียนมาที่นี่บ้างเลยเหรอ” ไคเอลถาม ท่าทางเกือบจะร้อนใจ เซรัสมองเพื่อนแล้วก็ส่ายหน้าเบา ๆ ไคเอลน่ะเหมือนคนที่เด็กสุดในกลุ่ม สิ่งใดที่คิดมักแสดงออกทางสีหน้าและน้ำเสียงเสมอ รอบนี้ก็เช่นกัน “ข้าก็มีเรื่องต้องทำ เจ้าเองก็มีงานต้องทำเหมือนกัน” คิ้วคมขมวดมุ่น “สิ่งที่เจ้าอยากให้ข้าช่วย จะมาใช้แรงข้าคนเดียวทั้งหมดก็ไม่ไหวหรอกนะ” “เจ้าหมายถึง?” “เรื่องแผนที่ที่เจ้าอยากให้ข้าช่วย เจ้าจะยืมมือข้าจัดการทั้งหมดไม่ได้ เพราะ ข้าไม่ได้มีส่วน ได้ส่วนเสียอะไรด้วยเลย” “…” เธอกวาดตามองไคเอลที่คอตกสลับกับเซรัสที่อมยิ้มน้อย ๆ เกริ่นมาเท่านี้ก็พอจะเดาคำตอบของหล่อนออกแล้ว “เจ้าก็ต้องมีเครื่องทุ่นแรงให้ข้าเหมือนกัน แล้วก็ควรจะร่วมลงมือด้วยทั้งเจ้าและเซรัส” “แปลว่า…” เหมือนกับมีหูเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาจากหัวไคเอลและมันกำลังกระดิกอย่างร่าเริง “แปลว่าเจ้ามีเวลาสามวัน เตรียมของประดิษฐ์นั้นให้เสร็จ แล้วเราค่อยมาว่ากันว่าจะทำอย่างไรให้แผนที่ใหม่เสร็จก่อนงานประเพณีของคิงส์”“ถ้าข้าปฏิเสธ พวกเจ้าจะยอมแพ้หรือไง?” เซรัสและไคเอลมองหน้าก่อนจะตอบออกมาพร้อมกัน“ไม่” แม่มดสาวถอนหายใจแล้วล้วงของที่อยู่ในแขนเสื้อตัวเองออกมา”“งั้นก็มาพูดเรื่องแผนกันเถอะ”“แผนที่บอกว่าจะสำรวจแผนที่ป่าใหม่ทั้งหมดเพื่อให้รู้ว่าตรงนั้นมีสัตว์อะไรบ้างแล้วค่อยนำไปประกบกับแผนที่งานประเพณีน่ะเหรอ?” ครั้งนี้สองเพื่อนรักมองหน้ากันแต่ก็ไม่มีใครรับว่าเป็นคนหลุดปาก“ไม่ต้องหาหรอก ต่อให้พวกเจ้าไม่บอกข้าก็รู้ได้อยู่ดี แต่แผนของพวกเจ้ามันสิ้นเปลืองเวลาไปหน่อยนะ”“สิ้นเปลืองอะไรก็ในเมื่อต้องทำแผนที่ใหม่อยู่แล้ว” ไคเอลเถียง จะมีหัวใครปราดเปรื่องเท่าหัวนักประดิษฐ์อย่างเขา ในเมืองนี้ไม่มีเทียบอีกแล้ว“เรายังคงต้องทำแผนที่เหมือนเดิม แต่จะทำตามแผนที่งานประเพณี” ไคเอลกำลังจะเถียงแต่ถูกเซรัสยกมือขึ้นห้ามเสียก่อน“พูดต่อสิ”“ไม่เจ้า ก็เจ้า ต้องเข้าไปหาแผนที่งานประเพณีแล้วนำมันออกมาก่อนที่จะถึงวันงาน จากนั้นเราจะสำรวจป่ารอบ ๆ แต่เรามีเวลาแค่สามคืนในการสำรวจ”“ทำไมแค่สามคืน ไม่ใช่สามวันหรือ?” ครั้งนี้เป็นเซรัสที่ถาม“ถ้าทำตอนกลางวันมันจะเป็นที่น่าสนใจเกินไป อีกอย่างสัตว์บางตัวหาง่ายแค่ตอนกลางคืน ถ้าอยากจะรู
มันคงจะไม่น่ารักเท่าไรหากให้แขกนอนตรงโซฟาแล้วเจ้าของบ้านนอนในห้องตัวเอง ยิ่งเป็นเจ้าของบ้านผู้ชายกับแขกผู้หญิงที่ยังบาดเจ็บยิ่งไม่ควร แต่มันคงจะลดโทษลงมาได้นิดหน่อยหากเจ้าของบ้านนั้นต้องออกมานอนที่ห้องนั่งเล่นดมกลิ่นอาหารและยาสมุนไพรโดยมีแขกผู้บาดเจ็บนอนในห้องหนังสือที่มีเพียงโซฟาหวายตัวยาวเป็นที่นอน ที่เป็นแบบนี้เหตุก็เพราะเพื่อนชายนักประดิษฐ์ของเขาปิดการพบเจอผู้คนเป็นวันที่สอง การดูแลผู้บาดเจ็บจึงต้องเป็นตามมีตามเกิด เซรัสอุ่นกับข้าวเมื่อวานในหม้อ พยายามเลี้ยงไฟให้มันเดือดน้อย ๆ อยู่ตลอดเพื่อที่มันจะมีอายุจนถึงพรุ่งนี้ จะให้เข้าไปในวังบ่อย ๆ แล้วแอบขนอาหารออกมามันก็กินพลังงานไม่น้อย และหากการเตรียมตัวของเทร่าและไคเอลพร้อมเขาคงจะต้องเข้าไปเล่นละครในวังอีกหลายวัน ฉะนั้นขอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่แบบสบาย ๆ สักหน่อยแล้วค่อยออกไปสู้ศึก“ท่าน...จะนอนตรงนี้จริง ๆ เหรอ” แต่มันก็คงจะไม่ง่ายนักเมื่อเขาต้องลุกขึ้นมาอธิบายเพื่อให้เฟย์ลินสบายใจ หญิงสาวกอดผ้าห่มมองเขาแววตาเจือความรู้สึกผิดอยู่นานสองนานซึ่งจะพูดเท่าไรหญิงสาวก็ไม่เข้าใจ“ฉันนอนได้จริง ๆ เธอไปนอนให้สบายเถอะ”“กลางคืนมันจะหนาว ฉันไม่ควรรบกว
ลูกแก้วสองลูกหมุนวนไปมาอยู่ในมือขณะที่สายตาทอดมองนาฬิกาทรายอย่างใจเย็น ชายหนุ่มปรายตามองสาวรับใช้แล้วสะบัดหน้าไปทางประตูเป็นสัญญาณว่าให้พวกหล่อนออกไป แต่ก่อนที่จะออกพวกเธอเดินเข้ามาเตรียมจะเก็บถาดอาหารของที่เซรัสทานไปได้เพียงครึ่งทว่าเขากลับยกมือห้ามแล้วสะบัดมือบอกให้พวกเธอออกไปอีกครั้ง เมื่อประตูห้องปิดลงแล้วก็วางลูกแก้วคู่นั้นลงบนโต๊ะแล้วหันกลับไปลงกลอนปิดประตูให้สนิท แล้วรีบวิ่งไปหยิบห่อผ้ามาคลุมอาหารแห้ง ๆ เอาไว้ เขาตักแต่ละสิ่งเพียงเล็กน้อยไม่ให้เสียหน้าตาเดิมแล้วซ้อนมันอีกชั้นด้วยผ้าตาถี่ที่มักใช้ห่ออาหารหนีออกหลังวังตอนที่เล่นกับไคเอลเขาปีนออกทางด้านหลังซึ่งเชื่อมกับทางเดินมืดอย่างที่เคย ไม่นานนักเท้าก็สัมผัสพื้นดินจึงรีบวิ่งไปทางเดิมไม่ลืมระวังอาหารให้อยู่ในสภาพดีเช่นเดิม ชุดที่ใส่ออกมาถูกกิ่งไม้ฟาดจนเป็นรอยดินรอยยางอีกครั้ง ระหว่างที่เปลี่ยนความเร็วเป็นและปรับจังหวะจากวิ่งเป็นเดินเขาก็มองรอยพวกนั้นพลางคิดในใจว่าคงจะต้องทิ้งเสื้อตัวนี้อีกแล้ว แต่อย่างไรเสียใครจะมาสนใจว่าเสื้อผ้าของเขามีครบหรือไม่ หากเขาไม่โวยวายขึ้นมาใครจะกล้าสงสัยเป็นเรื่องปกติที่เซรัสจะมาหยุดที่หน้าบ้านไม้
เทร่าหันหลังไม่ถึงสามนาทีไคเอลก็หันมายิ้มให้เขาพร้อมกับท่าทีร่าเริงเกินขอบเขตจนเขาต้องส่ายหัว“งั้น ข้าคงต้องยึดห้องนอนเจ้าสักสามวัน ถ้านอนห้องสมุดไม่สบายเจ้าก็ไปนอนที่วังเจ้านะ” พูดจบก็วิ่งเข้าห้องนอนของเซรัสโดยไม่รอให้เจ้าของอนุญาต ปิดประตูปังแล้วลงล็อกเหมือนกับประกาศว่าสามวันต่อจากนี้ไคเอลจะอยู่ในที่ของตน เซรัสส่ายหัวเล็กน้อยแต่ไม่มีก้อนความขุ่นเคืองติดมา เขาเดินไปหยิบแก้วน้ำผึ้งที่เทร่าผสมทิ้งไว้ให้หมุนแก้วเบา ๆ ให้สิ่งที่อยู่ข้างในเข้ากันก่อนจะเดินไปดูหม้อยาก็พบว่ามันยังไม่ยุบตามที่แม่มดสาวบอก แล้วจึงลงไปยังห้องสมุดชั้นล่างมองร่างบางที่นอนอยู่ผ่านประตูที่แง้มเอาไว้ เธอยังคงนอนนิ่งแต่เสียงลมหายใจยังดังเป็นระยะ เซรัสวางแก้วนั้นลงที่โต๊ะข้างโซฟาปิดมันไว้ด้วยหนังสือหนึ่งเล่มแล้วนั่งลงข้าง ๆ ถือวิสาสะประคองมือนางขึ้นมาสัมผัสเบา ๆ บริเวณชีพจรนับครั้งและจังหวะมันว่าปกติจึงวางลงเขาพินิจใบหน้าที่เต็มไปด้วยร่องรอยบาดเจ็บแต่ไม่อาจกลบประกายสีน้ำนมที่สะท้อนจากผิวของหล่อนได้ เปลือกตาของนางวิบวับเหมือนมีผงไข่มุกเจือตัดกับแพขนตาสีดำสนิทที่เรียงเส้นแต่พองาม มันไม่ใช่เชื้อพันธุ์ของหญิงสาวในอาณาจั
เทร่าปล่อยให้ไคเอลวุ่นวายกับเสียงความคิดแล้วหันมาหาเซรัสที่เอาแต่ปิดปากเงียบทั้งที่เธอพูดไปแทบจะหมดแล้ว“ว่าอย่างไร เจ้าจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ ข้าว่าเจ้าต้องเป็นคนอธิบายมากที่สุดเลยนะ” เธอกอดอกทิ้งสะโพกพิงโต๊ะอาหาร นาทีนี้เทร่าคือผู้เหนือกว่าเพราะเรื่องของเธอไม่ใช่ความลับและไม่มีอะไรเสียหายหรือจะทำให้ใครเสี่ยงอันตราย แต่กับเซรัสเขาเหยียบอะไรอยู่บ้างก็ไม่รู้ดวงตาเฉี่ยวปรายมองคนที่เบนหน้าไปทางอื่น แม้เสี้ยวหนึ่งหางตาของเขาจะหันมาแต่ก็หาได้หันกลับมาสบตากันตรง ๆ“จะอยู่แบบนี้ได้ทั้งวันจริง ๆ เหรอ? มีอะไรที่อยากขอข้าหรือเปล่า” เทร่าเปิดปากอีกครั้ง“ข้าไม่รู้จะเริ่มอย่างไรต่างหาก ใช่ว่าอยากจะปิดเงียบเสียที่ไหน” เซรัสตอบอย่างไม่สบอารมณ์นัก แล้วหันไปมองไคเอลที่ บิ ขนมปัง ใส่ปากด้วยดวงตาเหม่อลอย“เพราะเจ้านั่นแหละที่ยึดห้องนอนข้าเอาไปเป็นห้องนักประดิษฐ์น่ะ”“อะไร? ทำไมวนมาที่ข้า เจ้าเป็นคนไปพานางมาเองไม่ใช่เหรอ หรือนางลอยมาจากไหนเจ้าก็พูดไปสิจะมาโยนให้ข้าทำไมล่ะ” ไคเอลฉุนนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก“เข้าเรื่องสักทีเถอะเซรัส เพราะอะไรนางถึงมาอยู่ตรงนี้” เทร่าพูด“เมื่อคืน ข้าออกไปหลังบ้าน แล้วก
แสงประกายสีม่วงสว่างวาบท่ามกลางความมืด ปลายนิ้วเรียวกรีดวนรอบลูกแก้วสีดำสนิท กระทั่งมีเงาน้ำหมุนวนกลืนกินสีของมันจนเหลือเพียงลูกแก้วว่าง ๆ ที่คอยฉายภาพบ้านไม้กลางป่า มันยังเงียบสงบเช่นเดิม ทว่าเธอไม่สามารถเข้าไปภายในบ้านได้ ไม่เห็นแม้การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ในนั้นแปะ!เทร่าแปะมือบนลูกแก้ว พลันเปลี่ยนเป็นสีดำพร้อมกับภาพนั้นที่หายไป เธอคว้าเสื้อคลุมและไม้คู่กายก่อนจะหายไปด้วยคาถาที่ทิ้งกลิ่นไฟเอาไว้กองไฟโหมขึ้นหน้าบ้านเพียงครู่ก็ปรากฏร่างหญิงสาวในผ้าคลุมสีดำ พร้อมกับไคเอลที่เดินงัวเงียออกมาจากบ้าน เขาประคองสิ่งประดิษฐ์มั่นแม้จะตกใจเล็กน้อยที่เจอหน้าเธอในตอนเช้า“ไฟอะไรหอบเจ้ามาที่นี่แต่เช้าเลยแม่มด”“ข้างในมีอะไร”“ข้างใน? ไม่มีนี่ ข้าไม่ได้ขโมยอะไรเจ้ามานะ” เขาวางสิ่งประดิษฐ์ลงบนพนักนั่งหน้าบ้านแล้วรีบยกมือเหมือนจะให้อีกฝ่ายค้นตัว ทว่าเทร่าเมินแล้วเดินผ่านเขาไป ไคเอลยกมือเกาหัวแกรก ๆ มองตามคนกันเองที่ทำตัวห่างไกล ทว่ากลับกล้าเข้าไปค้นทุกซอกทุกมุมในบ้าน“นี่ ข้าเป็นเจ้าของร่วมกับเซรัสนะ จะมีอะไรเจ้าก็ต้องบอกข้าหน่อยไหม” ไคเอลเดินเข้ามาเคียง พยายามดึงความสนใจ แต่ก็ถูกเทร่าหันมาจิ๊ปากใส่แล้







