Mag-log inมันคงจะไม่น่ารักเท่าไรหากให้แขกนอนตรงโซฟาแล้วเจ้าของบ้านนอนในห้องตัวเอง ยิ่งเป็นเจ้าของบ้านผู้ชายกับแขกผู้หญิงที่ยังบาดเจ็บยิ่งไม่ควร แต่มันคงจะลดโทษลงมาได้นิดหน่อยหากเจ้าของบ้านนั้นต้องออกมานอนที่ห้องนั่งเล่นดมกลิ่นอาหารและยาสมุนไพรโดยมีแขกผู้บาดเจ็บนอนในห้องหนังสือที่มีเพียงโซฟาหวายตัวยาวเป็นที่นอน ที่เป็นแบบนี้เหตุก็เพราะเพื่อนชายนักประดิษฐ์ของเขาปิดการพบเจอผู้คนเป็นวันที่สอง การดูแลผู้บาดเจ็บจึงต้องเป็นตามมีตามเกิด เซรัสอุ่นกับข้าวเมื่อวานในหม้อ พยายามเลี้ยงไฟให้มันเดือดน้อย ๆ อยู่ตลอดเพื่อที่มันจะมีอายุจนถึงพรุ่งนี้ จะให้เข้าไปในวังบ่อย ๆ แล้วแอบขนอาหารออกมามันก็กินพลังงานไม่น้อย และหากการเตรียมตัวของเทร่าและไคเอลพร้อมเขาคงจะต้องเข้าไปเล่นละครในวังอีกหลายวัน ฉะนั้นขอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่แบบสบาย ๆ สักหน่อยแล้วค่อยออกไปสู้ศึก
“ท่าน...จะนอนตรงนี้จริง ๆ เหรอ” แต่มันก็คงจะไม่ง่ายนักเมื่อเขาต้องลุกขึ้นมาอธิบายเพื่อให้เฟย์ลินสบายใจ หญิงสาวกอดผ้าห่มมองเขาแววตาเจือความรู้สึกผิดอยู่นานสองนานซึ่งจะพูดเท่าไรหญิงสาวก็ไม่เข้าใจ “ฉันนอนได้จริง ๆ เธอไปนอนให้สบายเถอะ” “กลางคืนมันจะหนาว ฉันไม่ควรรบกวนท่านมากขนาดนี้” เซรัสส่ายหน้าแล้วมองเก้าอี้ตัวเล็กเหมือนจะบอกให้เฟย์ลินไปนั่งซึ่งเธอก็เข้าใจสาส์นนั้น นั่งลงตรงเก้าอี้ตัวเล็กแล้วกองผ้าห่มคั่นระหว่างตนและเซรัสเอาไว้ “แล้วเธอจะให้ฉันทำอย่างไง” “เข้าไปนอนในห้องสิ เดี๋ยวฉันนอนตรงนี้เอง” เซรัสมองเฟย์ลินแม้เธอจะไม่ได้สวมชุดเดิมแล้วแต่กางเกงผ้าขายาวกับเสื้อนอนของตนก็ไม่ได้กันหนาวได้เท่าที่ควร “ฉันไม่เป็นอะไรหรอกนะ เธอเพิ่งบาดเจ็บมา ไปนอนพักให้สบายเถอะ” “แต่ท่านเป็นเจ้าของบ้านนี่” “แต่ฉันเป็นผู้ชาย” เซรัสกดเสียงต่ำสยบคนช่างเถียงให้เงียบลง พอเห็นแววตาประกายสงบลงเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มขึ้น “แล้วการที่นอนตรงนี้มันใกล้กับทางเข้าออก ถ้ามีใครเข้ามาทำอันตราย เธอเองจะรับมือได้แค่ไหน” เธอหลุบตาต่ำเหมือนกำลังคิด แล้วก็ถูกดึงขึ้นมาอีกครั้งด้วยเสียงเรียกของเซรัส “ฉันเข้าใจว่าเธอเกรงใจ แต่ถ้าฉันจะช่วยแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นเห็นแก่ความพยายามของฉัน เธอเข้าไปพักผ่อนให้สบายเถอะ เอาไว้ห้องนอนว่างเมื่อไรเราค่อยแลกกัน” เฟย์ลินพยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินออกไปก็หันมามองเป็นระยะ ๆ จนเซรัสพยักหน้าให้เธอจึงหันกลับไป “อ้อ...เอ่อ ผ้าห่มเผื่อหนาวน่ะ ครั้งนี้อย่าปฏิเสธเลยนะ” เซรัสหยิบมันมาแล้วพยักหน้าให้ เธอจึงกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงไปยังห้องด้านล่าง เขานึกไม่ออกเหมือนกันว่าก่อนที่จะความจำเสื่อมเธอเคยเป็นใครมาก่อน เพียงแต่ตอนนี้มีแค่สาวน้อยขี้เกรงใจและแววตานั้นก็แสนจะอ่อนต่อโลก ช่วงเช้าวันใหม่พาดวงตะวันมาทักทายทุกชีวิต เฟย์ลินที่ตั้งใจรีบตื่นเพราะเกรงใจเจ้าของบ้านรีบขึ้นมายังชั้นบนมองซ้ายแลขวาดูว่าอะไรที่ยังไม่เรียบร้อยก็หวังจะช่วยจัดแจง แต่ก่อนจะผ่านไปที่อื่นเธอก็ต้องลดน้ำหนักเท้าเพราะเซรัสยังคงอยู่ในห้วงนิทรา ผ้าห่มที่ร่นลงมาถึงเอวขัดใจหล่อนเล็กน้อย จึงเบนทิศเข้าไปหาหยิบผ้าห่มดึงให้ปิดถึงคอแล้วถอยออกมาแต่ขาเจ้ากรรมดันหาแผลใหม่ ถอยไปชนเข้ากับขอบโต๊ะจนเจ็บจี๊ด เซไปอย่างไร้ทิศทางปากร้องหวีดขึ้นมาอย่างลืมตัวพอดีกับเซรัสที่อ้าแขนรับไว้ไม่ให้เธอล้มกระแทกไปเต็มแรง ดวงตาหวานตื่นตระหนกสองมือยันอกแกร่งเว้นระยะเอาไว้อย่างพอดีไม่ทำให้อีกคนบาดเจ็บ คนที่เพิ่งตื่นยังปะติดปะต่อเหตุการณ์ไม่ถูก เฟย์ลินก็เช่นกันเธอสบตาเขาจนลืมหายใจไม่มีใครพูดอะไรนอกจากเสียงก้อนเนื้อในอกมันดังตุบ ๆ กลบเสียงอื่นเหมือนว่าเซรัสหูดับไปเสียแล้ว “เอ่อ...” เพล้ง! แจกันดอกไม้ตกลงมาแตกแทนเสียงเรียกให้คนสองคนได้สติแล้วผละออกจากกัน มองไปที่หน้าบ้านหญิงสาวผิวขาวจนเกือบซีดในผ้าคลุมสีดำมองมายังพวกเขาหล่อนเก็บปลายนิ้วที่แต้มสีแดงเข้ามากอดอกปรายตามองแจกันใบที่ตกแตกแล้วตอบแก้เก้อว่า “ข้าไม่รู้จะเรียกพวกเจ้าอย่างไงน่ะ ขอโทษทีนะเดี๋ยวจะหาให้ใหม่” “ไม่เป็นไร” เซรัสตอบขณะลุกขึ้นมายืนคู่กับเฟย์ลินที่ยืนประหม่าไม่รู้จะเอามือไว้ตรงไหน “ขอโทษทีที่มาก่อนสามวัน แต่เจ้านั่นบอกว่าของประดิษฐ์เสร็จแล้ว” พูดแล้วบุ้ยปากไปทางไคเอลที่ยืนพิงกรอบประตู ผมยุ่งเหยิงพร้อมกับสีหน้าปั้นไม่ถูกมันรวมเป็นไคเอลที่แสนตลกแต่ตอนนี้ไม่มีใครขำออกเพราะภาพที่เห็นเมื่อครู่เล่นเอาพวกเขาเริ่มบทสนทนาไม่ง่ายเลย “เดี๋ยวข้ารีบเก็บห้องคืนให้เจ้า ไม่เกินห้านาที กินอาหารเช้ารอได้เลย” พูดจบก็หายเข้าไปด้านในแล้วก็ได้ยินเสียงตึงตังบอกว่าอีกฝ่ายนั้นรีบขนาดไหน เทร่าส่ายหน้ากับพฤติกรรมนี้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง “เรามาคุยเรื่องงานกันเลยดีไหม?” “ข้าว่ามีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่านั้นนะ” สายตาของเธอมองไปยังเจ้าของผมสีฟ้าที่ยังทำหน้าไม่รู้เรื่อง เสื้อผ้าผู้หญิงซึ่งส่วนมากเป็นกระโปรงสีพื้นถมลงบนโซฟาในห้องโถง เจ้าของมันถอยกลับมาแล้วบ่ายหน้าไปให้ของพวกนั้นเป็นเชิงว่าให้เฟย์ลินเลือกได้ตามสบาย “เข้าไปเลือกเถอะ นางน่าจะเอามาให้เธอนะ” พอเซรัสบอกเธอก็เดินเข้าไปช้า ๆ หยิบจับเสื้อผ้าตัวเล็ก ๆ ออกมาไม่กี่ชุดแล้วหันไปหาเทร่าเหมือนจะขออนุญาต “เอาไปเถอะ ของข้าตอนเด็ก เก็บไว้ก็ไม่ค่อยได้ใช้” “ไม่ได้ใช้เลยต่างหาก เพราะเจ้าคงไม่กลับไปตัวเล็กเหมือนเดิมแล้วใช่ไหม” ยังไม่ทันได้ความเทร่าก็หันไปค้อนให้ไคเอลหนึ่งที “ไง ทำความสะอาดห้องข้าหมดแล้วหรือไง?” “เรียบร้อยทุกกระเบียดขอรับรัช...” ก่อนที่จะพูดจบก็โดนสายตาดุ ๆ ของเทร่าปราม เขาจึงยืนตัวทื่อมองคนทั้งสามคุยกัน “เจ้าอาจจะต้องซักเอง บางอันคงมีพังอยู่บ้างแต่ข้ามีให้เจ้าแค่นี้ แต่มันก็คงจะเข้ารูปมากกว่าเสื้อผ้าผู้ชายของเจ้าสองคนนี่” เฟย์ลินพยักหน้ากอดเสื้อผ้าพวกนั้นไว้แล้วส่งยิ้มให้เทร่า “ขอบคุณนะ...ท่าน...” “เทร่า ยัยนี่ชื่อเทร่า ส่วนข้าชื่อไคเอล ยินดีที่ได้พบกันนะ” “อือ ข้าชื่อเฟย์ลิน ตอนนี้นึกได้เท่านี้ แต่ว่ายินดีที่ได้รู้จัก” เฟย์ลินยิ้มร่าต่างจากเทร่าที่มองมานิ่ง ๆ แล้วเดินสะบัดผ้าคลุมไปนั่งยังโต๊ะไม้ในครัว “ข้าว่าไปนั่งคุยที่ห้องหนังสือดีกว่า” เซรัสเสนอ “แล้วนางล่ะ” เทร่าถามถึงเฟย์ลินที่อยู่ตรงโซฟา น้ำเสียงไม่ได้อยากจะปิดบังอะไรกับเธอ “งั้นพวกท่านคุยตรงนี้เถอะ ฉันเสียสละไปห้องหนังสือเอง แค่นี้ก็รบกวนจะแย่อยู่แล้ว” แม้ไม่ถูกตำหนิแต่เธอก็เกรงใจเกินจะรอให้พวกเขาหาทางให้ รีบหอบเสื้อผ้าลงไปยังห้องชั้นล่างเงียบ ๆ และค้อมตัวเล็ก ๆ เมื่อเดินผ่านหน้าไคเอล “เจ้านี่เข้มงวดกับนางยิ่งกว่าเจ้าของบ้านตัวจริงเสียอีก” ไคเอลว่าพร้อมกับเดินมาหาหมายจะนั่งตรงเก้าอี้ข้าง ๆ เทร่าแต่มันกลับเลื่อนออกไปแล้วล้มตึง “ทำลายข้าวของเป็นอย่างที่สองแล้วนะ เซรัสดูนางสิ” คนถูกเรียกส่ายหน้าแล้วเดินเข้าไปหาเทร่าเตรียมให้การประชุมวันนี้เป็นทางการ “ข้าจะรบกวนเจ้าไม่เยอะ แต่จะทำแผนที่ใหม่อย่างไงก็ต้องมีเจ้า ถ้ามีแค่พวกข้าเจ็ดวันก็ไม่เสร็จ จะเดือนหนึ่งก็คงไม่ทัน” เทร่ายังคงกอดอกมองเขาเงียบ “ไม่ปฏิเสธแปลว่าเจ้าตกลงแล้วนะ”“ถ้าข้าปฏิเสธ พวกเจ้าจะยอมแพ้หรือไง?” เซรัสและไคเอลมองหน้าก่อนจะตอบออกมาพร้อมกัน“ไม่” แม่มดสาวถอนหายใจแล้วล้วงของที่อยู่ในแขนเสื้อตัวเองออกมา”“งั้นก็มาพูดเรื่องแผนกันเถอะ”“แผนที่บอกว่าจะสำรวจแผนที่ป่าใหม่ทั้งหมดเพื่อให้รู้ว่าตรงนั้นมีสัตว์อะไรบ้างแล้วค่อยนำไปประกบกับแผนที่งานประเพณีน่ะเหรอ?” ครั้งนี้สองเพื่อนรักมองหน้ากันแต่ก็ไม่มีใครรับว่าเป็นคนหลุดปาก“ไม่ต้องหาหรอก ต่อให้พวกเจ้าไม่บอกข้าก็รู้ได้อยู่ดี แต่แผนของพวกเจ้ามันสิ้นเปลืองเวลาไปหน่อยนะ”“สิ้นเปลืองอะไรก็ในเมื่อต้องทำแผนที่ใหม่อยู่แล้ว” ไคเอลเถียง จะมีหัวใครปราดเปรื่องเท่าหัวนักประดิษฐ์อย่างเขา ในเมืองนี้ไม่มีเทียบอีกแล้ว“เรายังคงต้องทำแผนที่เหมือนเดิม แต่จะทำตามแผนที่งานประเพณี” ไคเอลกำลังจะเถียงแต่ถูกเซรัสยกมือขึ้นห้ามเสียก่อน“พูดต่อสิ”“ไม่เจ้า ก็เจ้า ต้องเข้าไปหาแผนที่งานประเพณีแล้วนำมันออกมาก่อนที่จะถึงวันงาน จากนั้นเราจะสำรวจป่ารอบ ๆ แต่เรามีเวลาแค่สามคืนในการสำรวจ”“ทำไมแค่สามคืน ไม่ใช่สามวันหรือ?” ครั้งนี้เป็นเซรัสที่ถาม“ถ้าทำตอนกลางวันมันจะเป็นที่น่าสนใจเกินไป อีกอย่างสัตว์บางตัวหาง่ายแค่ตอนกลางคืน ถ้าอยากจะรู
มันคงจะไม่น่ารักเท่าไรหากให้แขกนอนตรงโซฟาแล้วเจ้าของบ้านนอนในห้องตัวเอง ยิ่งเป็นเจ้าของบ้านผู้ชายกับแขกผู้หญิงที่ยังบาดเจ็บยิ่งไม่ควร แต่มันคงจะลดโทษลงมาได้นิดหน่อยหากเจ้าของบ้านนั้นต้องออกมานอนที่ห้องนั่งเล่นดมกลิ่นอาหารและยาสมุนไพรโดยมีแขกผู้บาดเจ็บนอนในห้องหนังสือที่มีเพียงโซฟาหวายตัวยาวเป็นที่นอน ที่เป็นแบบนี้เหตุก็เพราะเพื่อนชายนักประดิษฐ์ของเขาปิดการพบเจอผู้คนเป็นวันที่สอง การดูแลผู้บาดเจ็บจึงต้องเป็นตามมีตามเกิด เซรัสอุ่นกับข้าวเมื่อวานในหม้อ พยายามเลี้ยงไฟให้มันเดือดน้อย ๆ อยู่ตลอดเพื่อที่มันจะมีอายุจนถึงพรุ่งนี้ จะให้เข้าไปในวังบ่อย ๆ แล้วแอบขนอาหารออกมามันก็กินพลังงานไม่น้อย และหากการเตรียมตัวของเทร่าและไคเอลพร้อมเขาคงจะต้องเข้าไปเล่นละครในวังอีกหลายวัน ฉะนั้นขอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่แบบสบาย ๆ สักหน่อยแล้วค่อยออกไปสู้ศึก“ท่าน...จะนอนตรงนี้จริง ๆ เหรอ” แต่มันก็คงจะไม่ง่ายนักเมื่อเขาต้องลุกขึ้นมาอธิบายเพื่อให้เฟย์ลินสบายใจ หญิงสาวกอดผ้าห่มมองเขาแววตาเจือความรู้สึกผิดอยู่นานสองนานซึ่งจะพูดเท่าไรหญิงสาวก็ไม่เข้าใจ“ฉันนอนได้จริง ๆ เธอไปนอนให้สบายเถอะ”“กลางคืนมันจะหนาว ฉันไม่ควรรบกว
ลูกแก้วสองลูกหมุนวนไปมาอยู่ในมือขณะที่สายตาทอดมองนาฬิกาทรายอย่างใจเย็น ชายหนุ่มปรายตามองสาวรับใช้แล้วสะบัดหน้าไปทางประตูเป็นสัญญาณว่าให้พวกหล่อนออกไป แต่ก่อนที่จะออกพวกเธอเดินเข้ามาเตรียมจะเก็บถาดอาหารของที่เซรัสทานไปได้เพียงครึ่งทว่าเขากลับยกมือห้ามแล้วสะบัดมือบอกให้พวกเธอออกไปอีกครั้ง เมื่อประตูห้องปิดลงแล้วก็วางลูกแก้วคู่นั้นลงบนโต๊ะแล้วหันกลับไปลงกลอนปิดประตูให้สนิท แล้วรีบวิ่งไปหยิบห่อผ้ามาคลุมอาหารแห้ง ๆ เอาไว้ เขาตักแต่ละสิ่งเพียงเล็กน้อยไม่ให้เสียหน้าตาเดิมแล้วซ้อนมันอีกชั้นด้วยผ้าตาถี่ที่มักใช้ห่ออาหารหนีออกหลังวังตอนที่เล่นกับไคเอลเขาปีนออกทางด้านหลังซึ่งเชื่อมกับทางเดินมืดอย่างที่เคย ไม่นานนักเท้าก็สัมผัสพื้นดินจึงรีบวิ่งไปทางเดิมไม่ลืมระวังอาหารให้อยู่ในสภาพดีเช่นเดิม ชุดที่ใส่ออกมาถูกกิ่งไม้ฟาดจนเป็นรอยดินรอยยางอีกครั้ง ระหว่างที่เปลี่ยนความเร็วเป็นและปรับจังหวะจากวิ่งเป็นเดินเขาก็มองรอยพวกนั้นพลางคิดในใจว่าคงจะต้องทิ้งเสื้อตัวนี้อีกแล้ว แต่อย่างไรเสียใครจะมาสนใจว่าเสื้อผ้าของเขามีครบหรือไม่ หากเขาไม่โวยวายขึ้นมาใครจะกล้าสงสัยเป็นเรื่องปกติที่เซรัสจะมาหยุดที่หน้าบ้านไม้
เทร่าหันหลังไม่ถึงสามนาทีไคเอลก็หันมายิ้มให้เขาพร้อมกับท่าทีร่าเริงเกินขอบเขตจนเขาต้องส่ายหัว“งั้น ข้าคงต้องยึดห้องนอนเจ้าสักสามวัน ถ้านอนห้องสมุดไม่สบายเจ้าก็ไปนอนที่วังเจ้านะ” พูดจบก็วิ่งเข้าห้องนอนของเซรัสโดยไม่รอให้เจ้าของอนุญาต ปิดประตูปังแล้วลงล็อกเหมือนกับประกาศว่าสามวันต่อจากนี้ไคเอลจะอยู่ในที่ของตน เซรัสส่ายหัวเล็กน้อยแต่ไม่มีก้อนความขุ่นเคืองติดมา เขาเดินไปหยิบแก้วน้ำผึ้งที่เทร่าผสมทิ้งไว้ให้หมุนแก้วเบา ๆ ให้สิ่งที่อยู่ข้างในเข้ากันก่อนจะเดินไปดูหม้อยาก็พบว่ามันยังไม่ยุบตามที่แม่มดสาวบอก แล้วจึงลงไปยังห้องสมุดชั้นล่างมองร่างบางที่นอนอยู่ผ่านประตูที่แง้มเอาไว้ เธอยังคงนอนนิ่งแต่เสียงลมหายใจยังดังเป็นระยะ เซรัสวางแก้วนั้นลงที่โต๊ะข้างโซฟาปิดมันไว้ด้วยหนังสือหนึ่งเล่มแล้วนั่งลงข้าง ๆ ถือวิสาสะประคองมือนางขึ้นมาสัมผัสเบา ๆ บริเวณชีพจรนับครั้งและจังหวะมันว่าปกติจึงวางลงเขาพินิจใบหน้าที่เต็มไปด้วยร่องรอยบาดเจ็บแต่ไม่อาจกลบประกายสีน้ำนมที่สะท้อนจากผิวของหล่อนได้ เปลือกตาของนางวิบวับเหมือนมีผงไข่มุกเจือตัดกับแพขนตาสีดำสนิทที่เรียงเส้นแต่พองาม มันไม่ใช่เชื้อพันธุ์ของหญิงสาวในอาณาจั
เทร่าปล่อยให้ไคเอลวุ่นวายกับเสียงความคิดแล้วหันมาหาเซรัสที่เอาแต่ปิดปากเงียบทั้งที่เธอพูดไปแทบจะหมดแล้ว“ว่าอย่างไร เจ้าจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ ข้าว่าเจ้าต้องเป็นคนอธิบายมากที่สุดเลยนะ” เธอกอดอกทิ้งสะโพกพิงโต๊ะอาหาร นาทีนี้เทร่าคือผู้เหนือกว่าเพราะเรื่องของเธอไม่ใช่ความลับและไม่มีอะไรเสียหายหรือจะทำให้ใครเสี่ยงอันตราย แต่กับเซรัสเขาเหยียบอะไรอยู่บ้างก็ไม่รู้ดวงตาเฉี่ยวปรายมองคนที่เบนหน้าไปทางอื่น แม้เสี้ยวหนึ่งหางตาของเขาจะหันมาแต่ก็หาได้หันกลับมาสบตากันตรง ๆ“จะอยู่แบบนี้ได้ทั้งวันจริง ๆ เหรอ? มีอะไรที่อยากขอข้าหรือเปล่า” เทร่าเปิดปากอีกครั้ง“ข้าไม่รู้จะเริ่มอย่างไรต่างหาก ใช่ว่าอยากจะปิดเงียบเสียที่ไหน” เซรัสตอบอย่างไม่สบอารมณ์นัก แล้วหันไปมองไคเอลที่ บิ ขนมปัง ใส่ปากด้วยดวงตาเหม่อลอย“เพราะเจ้านั่นแหละที่ยึดห้องนอนข้าเอาไปเป็นห้องนักประดิษฐ์น่ะ”“อะไร? ทำไมวนมาที่ข้า เจ้าเป็นคนไปพานางมาเองไม่ใช่เหรอ หรือนางลอยมาจากไหนเจ้าก็พูดไปสิจะมาโยนให้ข้าทำไมล่ะ” ไคเอลฉุนนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก“เข้าเรื่องสักทีเถอะเซรัส เพราะอะไรนางถึงมาอยู่ตรงนี้” เทร่าพูด“เมื่อคืน ข้าออกไปหลังบ้าน แล้วก
แสงประกายสีม่วงสว่างวาบท่ามกลางความมืด ปลายนิ้วเรียวกรีดวนรอบลูกแก้วสีดำสนิท กระทั่งมีเงาน้ำหมุนวนกลืนกินสีของมันจนเหลือเพียงลูกแก้วว่าง ๆ ที่คอยฉายภาพบ้านไม้กลางป่า มันยังเงียบสงบเช่นเดิม ทว่าเธอไม่สามารถเข้าไปภายในบ้านได้ ไม่เห็นแม้การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ในนั้นแปะ!เทร่าแปะมือบนลูกแก้ว พลันเปลี่ยนเป็นสีดำพร้อมกับภาพนั้นที่หายไป เธอคว้าเสื้อคลุมและไม้คู่กายก่อนจะหายไปด้วยคาถาที่ทิ้งกลิ่นไฟเอาไว้กองไฟโหมขึ้นหน้าบ้านเพียงครู่ก็ปรากฏร่างหญิงสาวในผ้าคลุมสีดำ พร้อมกับไคเอลที่เดินงัวเงียออกมาจากบ้าน เขาประคองสิ่งประดิษฐ์มั่นแม้จะตกใจเล็กน้อยที่เจอหน้าเธอในตอนเช้า“ไฟอะไรหอบเจ้ามาที่นี่แต่เช้าเลยแม่มด”“ข้างในมีอะไร”“ข้างใน? ไม่มีนี่ ข้าไม่ได้ขโมยอะไรเจ้ามานะ” เขาวางสิ่งประดิษฐ์ลงบนพนักนั่งหน้าบ้านแล้วรีบยกมือเหมือนจะให้อีกฝ่ายค้นตัว ทว่าเทร่าเมินแล้วเดินผ่านเขาไป ไคเอลยกมือเกาหัวแกรก ๆ มองตามคนกันเองที่ทำตัวห่างไกล ทว่ากลับกล้าเข้าไปค้นทุกซอกทุกมุมในบ้าน“นี่ ข้าเป็นเจ้าของร่วมกับเซรัสนะ จะมีอะไรเจ้าก็ต้องบอกข้าหน่อยไหม” ไคเอลเดินเข้ามาเคียง พยายามดึงความสนใจ แต่ก็ถูกเทร่าหันมาจิ๊ปากใส่แล้







