คะนิ้งนอนเฝ้ามองประตูห้องน้ำอยู่ไม่ยอมหลับ เธอมักจะตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อรู้ว่าเขานั้นจะกลับจากทำงานและมาอยู่กับเธอ เธอเฝ้ารอวันที่จะได้อยู่กับเขาแบบไม่ต้องแยกจาก คงอีกไม่นานนี้สินะ ตอนนี้เธอมีหน้าที่เรียนให้จบ ให้ปะป๊าตาแก่สี่สิบที่คอยส่งเสียเธอเรียนได้ภูมิใจกับเธอ
รู้สึกเหมือนเขาเป็นพ่อเธอจริง ๆ เลย ก็เพราะความที่เขาเป็นผู้ใหญ่มาก สุขุม สุภาพ ฐานะและการศึกษาก็ล้วนแต่ดีเยี่ยม บางครั้งเธอยังแอบคิดว่าตนนั้นรู้สึกจะห่างไกลกับเขาไปหรือเปล่า แต่ทว่าเขากลับไม่ยอมทำให้เธอคิดแบบนั้นน่ะสิ
“แน่ะ ป๊าบอกให้นอนก่อนทำไมไม่นอน”
เสียงดุน้อย ๆ เจ้าของร่างล่ำสัน หุ่นแน่นปึ๊กกล้ามเป็นมัด เดินออกมาจากห้องน้ำ ร่างส่วนบนเปลือยมีเพียงส่วนล่างที่ถูกพันด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก รูปร่างเขาดีเหลือเกิน ยิ่งบวกกับหน้าตาที่หล่อเหลาของเขาแล้ว มันทำให้เธอตัดใจไม่มองไม่ได้เลย
“หนูก็รอปะป๊ามากอดหนูไงคะ ไม่งั้นก็นอนไม่หลับน่ะสิ”
“มีข้ออ้างตลอดเลยนะยัยเด็กน้อย”
ชายหนุ่มส่ายหน้าให้กับคำพูดคำจาของเจ้าหล่อน มันน่านักนะ ดูสายตาที่มองเขาราวกับจะกลืนกินนั่นสิ เขาว่าหื่นแล้วเธอหื่นกว่าเขาอีก
“ปะป๊าไม่ต้องใส่เสื้อหรอกค่ะ”
“ทำไมเหรอคะ? มันก็โป๊สิ” คิ้วหนาเลิกขึ้นสูงเล็กน้อยท่าทีสงสัย
“ไม่โป๊เลยค่ะ ดูดีซะอีก หนูอยากดู”
คนตัวเล็กทำหน้าหื่นกระหาย เขาดูออกหรอกว่าเธอต้องการสิ่งใด เพียงแต่ว่าวันนี้เขาคงทำไม่ได้ เพราะเธอนั้นต้องไปเรียนเช้าน่ะสิ หากจะทำจริงก็กลัวอีกคนไปเรียนไม่ไหว
“ป๊ารู้นะว่าอยากดูอะไร” เขาทิ้งตัวลงนอนข้างกายหญิงสาวทั้งอย่างนั้น ไม่ยอมใส่เสื้อผ้าดี ๆ ก็เพราะปกติเขาก็ขี้ร้อนอยู่แล้ว แก้ผ้านอนจะเป็นไรไป บ้านหลังนี้ก็มีแต่เขากับเธอนี่
“ดูจู๋”
“คะนิ้ง! ไม่เอาไม่พูดแบบนี้นะ มันไม่ดีรู้ไหม”
คนแก่ข้างกายเธอถึงกับดีดตัวลุกจากที่นอน เขาเอ่ยเสียงดังเล็กน้อยพร้อมกับคิ้วที่ขมวดมุ่นจนแทบจะชนกันอยู่แล้ว เขามักจะสอนเธอเฉพาะเรื่องดี ๆ เพื่อให้เธอออกไปใช้ชีวิตภายนอก หากแต่เรื่องอย่างอื่นเขาก็สอนเธอมาเองนี่
“ตอนนั้นปะป๊ายังพูดคว_ หนูได้ยินนะคะ”
คนตัวเล็กแกล้งเถียงกลับ ซึ่งแน่นอนว่าเขาต้องร้อนตัวเอ่ยอึกอัก ตอนเวลาปกติปะป๊าของเธอไม่เคยพูดคำหยาบกับเธอเลยสักครั้ง ครับค่ะตลอดราวกับเทพบุตร แต่วันนั้นเธอได้ยินเขาคุยโทรศัพท์ และด่าปลายสาย เธอจึงยกเอามาพูดได้
“อะ เอ่อ…นั่นป๊าโมโหไงคะ แต่ต่อไปหนูไม่พูดแบบนี้นะ ครั้งนี้ป๊าไม่ว่าแล้วกัน นอนเถอะครับดึกแล้ว” ภูผารีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที ก่อนที่จะมุดตัวเข้ากอดร่างที่เขาคิดถึงสุดหัวใจ
“ฟอด~ ตัวห๊อมหอม” จมูกหนาสูดดมซอกคอขาวไปหนึ่งฟอด
เขาเอ่ยชมเธอเสียงไม่ดังมากนัก แต่แน่นอนว่าเธอยังไม่หลับย่อมได้ยิน หญิงสาวแอบยิ้มในอ้อมกอดแกร่ง เธอดีใจที่เขาแสดงความรักและมักจะเอ่ยชมเธอทุกครั้ง เธอคิดไม่ออกเลยว่าหากวันใดวันหนึ่งชีวิตเธอไม่มีเขาแล้วจะเป็นอย่างไร
“พรุ่งนี้ป๊าจะไปส่งหนูไหมคะ?”
“ไปสิคะ ป๊าจะคอยรับคอยส่งหนูทุกวันที่ป๊าอยู่กับหนูเลย”
” รักป๊าที่สุดเลยยยย” หญิงสาวกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นพร้อมกับยิ้มดีใจ
“ป๊าก็รักหนูครับ รักที่สุดเลย” ชายหนุ่มบอกรักเธอในขณะที่ตากำลังจะปิดลง
“ปะป๊าไปทำงานปะป๊าเหนื่อยมากไหมคะ?”
“เหนื่อยครับ แต่เจอหนูก็หายเหนื่อยเลย”
เขาไม่ได้พูดเพียงเพื่อเอาใจเธอเท่านั้น ต่อให้เขาจะทำงานเหนื่อยแค่ไหน แต่คะนิ้งคือยารักษาความเหนื่อยล้าในชีวิตเขาจริง ๆ
เขาไป ๆ มา ๆ อยู่หลายวันหลายปีใช่ว่าจะไม่เหนื่อย แต่เพราะทุกอย่างยังไม่เข้าที่เข้าทาง เขาจึงไม่สามารถพาผู้หญิงที่เขารักไปอยู่ข้างกายได้ในตอนนี้
“ปากหวานจัง~” คนตัวเล็กว่าพลันเอานิ้วจิ้มริมฝีปากที่เธอชื่นชอบ
“ถ้ายังไม่นอนป๊าจะทำอย่างอื่นแล้วนะ”
“นอนค่ะ”
นี่ไม่ใช่คำขู่ธรรมดา คะนิ้งรีบหลับตาปี๋ ซุกตัวเข้าสู่อ้อมกอดเขาทันที เธอรู้ดีว่าหากให้เขาทำอย่างอื่นที่ว่ามีหวังไม่ได้หลับได้นอนข้ามวัน เธอมีเรื่องมากมายอยากจะเล่าให้เขาฟัง และก็อยากฟังเรื่องของเขาด้วยเช่นเดียวกัน
แต่เอาไว้คุยกันวันพรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย เขาอยู่กับเธออีกตั้งสองอาทิตย์ นึกได้ดังนั้นหญิงสาวก็นอนหลับพักผ่อนไปพร้อมกับชายคนรักทันที…
.
.
.
“คะนิ้ง คะนิ้ง ยัยคะนิ้ง!”
เสียงเรียกปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ เธอกำลังฝันดีเพราะอ้อมกอดอบอุ่นของชายหนุ่ม แต่ทว่าต้องถูกรบกวนจากเสียงเพื่อนสนิทที่ปีนกำแพงเข้ามาแหกปากร้องเรียกเธออยู่หน้าบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าเธอได้ยิน เพราะเธออยู่ห้องนอนชั้นสองและเมื่อคืนภูผาก็เปิดประตูกระจกไว้ เพราะเขาชอบอากาศที่ปลอดโปร่งโล่งสบาย
“อื้อ~ปะป๊าปล่อยหนูก่อนได้ไหมคะ เดลมา”
“อะ อื้ม~ ครับ”
คนตัวโตที่นอนกอดเธอแน่นยอมคลายอ้อมแขน ก่อนที่คะนิ้งจะลุกขึ้นจากเตียง หาเสื้อมาคลุมทับชุดนอนที่วาบหวิวอีกชั้นก่อนจะเดินลงไปชั้นล่าง
“มาทำอะไรตั้งแต่เช้าขนาดนี้เดล?”
“ก็มาหาแกน่ะสิย่ะ วันนี้มีเรียนเช้า แต่รถฉันเสียเลยจะมาบอกแกว่าไม่รู้จะซ่อมเสร็จตอนไหน”
เสียงหวีดแหลมจากหนุ่มร่างบางผิวใส อย่าง ‘โมเดล’ เพื่อนสาวสองคนสนิทของคะนิ้งที่อยู่บ้านหลังติดกันนี่เอง ปกติแล้วเธอจะติดรถไปกับโมเดลตลอดเวลาที่เขาไม่อยู่
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้ปะป๊าไปส่ง” คะนิ้งเอ่ยอย่างใจเย็น และแอบยิ้มน้อย ๆ
“หา!? ไหน? ฉันขอขึ้นไปหาปะป๊าหน่อยสิ”
โมเดลพอได้ยินว่าเป็นผัวเพื่อนมาก็ร้องด้วยความตื่นเต้นทันที เพราะปะป๊าภูผาคืออาหารตาชั้นเลิศน่ะสิ ยิ่งหุ่นล่ำ ๆ นั่นล่ะก็เห็นแล้วใจสั่นสุด ๆ
“หยุด ของนิ้งจ้ะ” หญิงสาวยืนขวางไว้อย่าคนหวงแหน
“ขอดูหน่อยนิดเดียว ตอนนี้อยู่ในห้องถอดเสื้อนอนอยู่ข้างบนใช่ป่ะ?”
โมเดลยังคงทำท่าตาโตอยากขึ้นไปชั้นบน แต่แล้วก็มีเสียงที่มาพร้อมร่างสมบูรณ์แบบลงมาจากชั้นสองของบ้าน ซึ่งก็คือภูผาที่สวมเพียงกางเกงนอนขายาว ไม่สวมเสื้อแม้กระทั่งกางเกงในยังไม่ใส่ ทำให้เจ้าขาที่สามแกว่งไปแกว่งมาตามจังหวะเดินของเขา
“อ้าว มาแต่เช้าเลยนะเรา” ภูผาเอ่ยทักทายเพื่อนสนิทของคะนิ้งอย่างเช่นทุกครั้ง
“อู้ว~ ว้าว~” โมเดลถึงกับตาลอย
“ปะป๊า!”
หญิงสาวร้องเรียกอีกฝ่ายเสียงดังก่อนที่เธอจะวิ่งขึ้นมาด้วยท่าทีตื่นตะหนก หญิงสาวรีบขึ้นบันไดมากอดเอวเขาไว้ ทำให้เขาต้องหยุดเดินลงชั่วขณะ พร้อมกับเอ่ยถามสาวน้อยที่ทำหน้าไม่พอใจ
“หนูเป็นอะไรคะ?”
“ทำไม่ป๊าไม่ใส่เสื้อผ้าดี ๆ มัน มัน…แกว่งไปแกว่งมาแล้ว โมเดลเห็นแล้วด้วย!”
อ๋อ…ที่แท้ยัยเด็กนี่ก็ขี้หวงนี่เอง
“หนูไปเรียนแล้วนะคะ”“…”“ป๊าคะ”“ครับ ครับ”เพราะเขานั้นง่วนอยู่แต่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ตั้งแต่ตื่นมาก็เอาแต่คุยโทรศัพท์บ้างพิมพ์แชท เธออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยจนกระทั่งจะออกไปเรียน อีกฝ่ายก็ยังวุ่นอยู่แต่กับโทรศัพท์เช่นเดิมเขาเงยหน้ามายิ้มให้เธอทีหนึ่ง ก่อนที่จะก้มหน้าสนใจอย่างอื่นต่อ วันนี้เธอคงต้องขับรถไปเรียนเองสินะ“เอ๊ะ”คะนิ้งรู้สึกเอะใจเล็กน้อย เธอเดินลงมายังหน้าบ้านเตรียมเปิดประตูรถเก๋งคันมินิคู่ใจ แต่ทว่ากลับรู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งจดจ้องมาที่เธอ เธอรับรู้ได้แบบนั้นจริง ๆพอหันไปยังหน้าบ้านก็มองเห็นเพียงแค่อะไรแว่บ ๆ ผ่านถนนหน้าบ้านไปเท่านั้น หรืออาจจะคิดมากไป ช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะจนอ๋องไปหมดแล้ว คงแค่คนเดินผ่านหน้าบ้านหรือไม่ก็เพื่อนบ้านปั่นจักรยานไปซื้อของเท่านั้นล่ะมั้ง“หลอนไปหมดแล้ว”คะนิ้งเปิดประตูเข้าไปในรถ เธอมองเข้าไปในตัวบ้านอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่จะตัดใจขับรถออกไปเรียนด้วยตัวเอง ในระหว่างทางก็คิดอะไรไ
หลังจากทำผมเสร็จคะนิ้งก็ต้องมาเอางานกับโมเดลที่บ้าน ปล่อยให้คนแก่รออยู่บ้านคนเดียวเกือบชั่วโมง ถึงเวลาจึงบอกลาเพื่อนก่อนกลับ“งั้นฉันกลับแล้วนะเดล”“โอเค เออคะนิ้ง แกได้บอกป๊าเรื่องนั้นยัง”จู่ ๆ โมเดลก็นึกขึ้นได้จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย เรื่องที่ว่าก็คือเรื่องที่คะนิ้งเกือบโดนลากไปปู้ยี่ปู้ยำนั่นเอง“ไม่อ่ะ ยังไม่อยากให้ป๊าไม่สบายใจ”หากเขารู้เขาอาจจะไม่สบายใจ หนักกว่านั้นก็คงรู้สึกผิดและเครียดเป็นแน่ เธออยากให้เขาเครียดแค่เรื่องงานก็พอ จึงได้แต่ปิดปากเงียบไม่เอ่ยถึงเรื่องนั้นให้เขาได้ฟัง“งั้นก็เอาที่แกสบายใจแล้วกัน” คะนิ้งพยักหน้ารับ เธอเก็บใบงานรวมกันก่อนที่จะเดินออกมาจากบ้านของโมเดลวันนี้เป็นวันหยุดสบาย ๆ เธอสวมเพียงเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นธรรมดา เดินกลับเข้าบ้านในช่วงเวลาเกือบหกโมงเย็น ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว ในบ้านเปิดไฟจนสว่าง ทำให้เธอเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ของคนที่อยู่บนชั้นสองของบ้านได้นิดหน่อยคะนิ้งรีบเข้าบ้านมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอตั้งใจว่าตนจะเข้าไปจุ๊บแก้มคนแก่สักฟอด ก่อนที่จ
หลังจากที่โมเดลกลับไปในช่วงสาย คะนิ้งจึงยอมลุกจากเตียงนอนเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย เมื่อคืนเธอนอนคิดหลายเรื่องจนนอนไม่หลับ ตื่นมาร่างกายจึงไม่สดชื่นเท่าไรเธอไม่ได้เล่าเรื่องนั้นให้ใครฟัง รวมทั้งโมเดลด้วย เก็บความสงสัยไว้เพียงคนเดียว รอเธอมั่นใจและหาหลักฐานให้ได้มากกว่านี้เสียก่อนแล้วกัน“อ๊ะ!”แต่ทว่าจู่ ๆ ก็มีมือหนาเข้ามารั้งเอวคอดกิ่ว คะนิ้งที่กำลังจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวตกใจจนสะดุ้ง ด้วยความที่เธอเหม่อลอยจึงไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนแอบย่องเข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!“ป๊าเองครับ”“ป๊า!”นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมัวแต่คิดเรื่องอื่นจนไม่ได้กลิ่นที่คุ้นเคย กลิ่นพิเศษที่มาจากตัวเขา ภูผาแปลกใจเล็กน้อยตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่เธอแปลกไป จนเขาไม่สบายใจรีบกลับมาเร็วกว่ากำหนด“ไหนป๊าบอกจะมาตอนบ่ายไงคะ” คะนิ้งถูกหมุนตัวให้กลับมาสบตากับเขา เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติ แต่เขากลับพบว่ามันไม่เป็นเช่นนั้น ความสับสนบนดวงตากลมคู่สวยที่เขาจ้องมอง มันทำให้เขาไม่สบายใจ“ป๊าคิดถึงหนู เลยกลับมาก่อน”
“แกดีขึ้นบ้างไหมนิ้ง”เป็นโมเดลที่เอ่ยถามด้วยความห่วงใย หลังจากเกิดเรื่องโมเดลก็ตามออกมา และพาคะนิ้งกลับมาบ้านอย่างปลอดภัย โมเดลต้องทนเห็นคะนิ้งร้องไห้เงียบ ๆ แบบไร้เสียงอีกแล้ว เป็นอะไรที่บีบหัวใจที่สุด“คิดถึงปะป๊า~”คะนิ้งยังคงเพ้อแค่คิดถึงปะป๊าของเธอ เวลาที่เธอหวาดกลัวหรือตกใจเธอมักจะคิดถึงเขาเสมอ เธออยากให้เขาอยู่ข้างกายเธอในตอนนี้ แต่ทว่าแม้กระทั่งสายจากเธอเขายังไม่ยอมรับ ไม่รู้ว่างานยุ่งอะไรนักหนา ขนาดที่ไม่สามารถรับสายเธอได้เลย เธอเกือบจะโดนลากไปข่มขืนอยู่แล้ว“เฮ้อ~ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนแกจนกว่าป๊าจะมานะ” โมเดลไม่รู้จะตอบอย่างไร ทั้งเข้าใจและเห็นใจความรู้สึกของคะนิ้งคะนิ้งได้ทุกอย่างที่อยากได้ เธอไม่ขาดเขินสิ่งใดนอกจากเวลาที่จะได้อยู่กับคนที่เธอรัก เธออยากอยู่กับเขา! เธอไม่ได้อยากอยู่กับเงินและสมบัติของเขาซะหน่อย!“ขอบใจนะเดล ฮึก~ แต่แกกลับไปพักผ่อนเถอะ ฉันอยู่คนเดียวได้ฉันชินเเล้ว”ประโยคนั้นราวกับตัดพ้อตัวเองเสียมากกว่า เธออยู่คนเดียวบ่อยจะตายไป จะอยู่อีกวันเป็นไรไป คงไม่ตายสินะ
ณ ผับ A…“รอป๊าเหรอจ๊ะ?”“อื้อ”คะนิ้งที่นั่งหน้าหงอยอยู่ตอบกลับโดยการพยักหน้า เธอสวมชุดเดรสรัดรูปสีแดงเลือดหมู ตัดกับผิวขาวเนียนแบบสุด ๆ ใบหน้าที่สวยเป็นทุนเดิมแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ก็ยิ่งขับลุคให้เธอดูสวยมากขึ้นไปอีกเอาเป็นว่าเธอเป็นของดีของคณะที่หนุ่ม ๆ ต่างหมายตา แต่ทว่าเธอไม่เคยสนใจใครเลยสักคน เพราะเธอมีเจ้าของหัวใจแล้วนั่นเอง“ไปนานมาก บอกว่าจะไปหาที่จอดรถแต่ป่านนี้ก็ยังไม่มาเลย”คะนิ้งเอ่ยเสียงเศร้าพร้อมกับชะเง้อมองซ้ายทีขวาที เธอเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่เขาจะเดินมาหาเธอที่โต๊ะ อุตส่าห์อ้อนเขาให้มากับเธอได้แล้วเชียว แถมตอนนี้ยัยแก๊งขาสอสระเอือกอไก่ก็นั่งมองมายังฝั่งของเธอหลายหน“หาที่จอดยากมั้ง”“จะยากอะไรขนาดนั้น นี่ครึ่งชั่วโมงแล้วนะ”“งั้นโทรตามดีไหม?”“โทรไปแล้วไม่รับ”คะนิ้งเองก็ได้แต่ถอนหายใจ เธอใจจดใจจ่อรอเขาจนไม่เป็นอันสนุกสนานอย่างคนอื่น เธอดื่มไปเพียงแก้วเดียว ในนี้เป็นงานเลี้ยงคณะ ทุกคนต่างสนุกสนานแต่ท
“น่ารักที่สุดเลย~” คะนิ้งยิ้มจนตาแทบปิด เธอหอมแก้มสากหนึ่งทีก่อนจะขยับมานั่งยังเบาะข้างคนขับ เพื่อให้อีกฝ่ายขับรถได้สะดวกมากยิ่งขึ้น“อะแฮ่ม” เสียงกระเอมดังขึ้นเรียกให้เธอหันกลับไปมองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลา“จับได้นะ ป๊าสมาธิดี”ว่าจบเขาก็เด้งเป้าสองทีเป็นการเชิญชวนอีกฝ่าย จนเธออดขำไม่ได้ ถึงกับหัวเราะจนฟันแทบหลุด“พรืด! ฮ่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ตาแก่บ้ากามที่ชอบให้เธอลูบ ๆ คลำ ๆ จนเริ่มติดเป็นนิสัยแล้วสินะ ฟินล่ะซี้~“หัวเราะทำไมครับ?”“หัวเราะปะป๊าไงค่ะ ป๊าหื่น” เธอเอ่ยพลันเล่นหูเล่นตากับอีกฝ่าย“ก็หื่นแค่กับเมียไหมล่ะ ก็มีเมียเด็กนี่นา”“เมีย…”คำพูดที่หลุดออกมาจากปากเขา แม้เธอไม่รู้ว่าเขาตั้งใจเรียกเธอหรือไม่ แต่ทว่ามันกลับทำให้เธอดีใจจนยิ้มไม่หุบ เธอชอบเวลาที่ปะป๊าเรียกเธอว่าเมียเป็นที่สุด เธออยากเป็นเมีย เป็นเมียคนเดียวของเขา...“หนูไม่ชอบให้ป๊าเรียกแบบนี้เหรอครับ?” เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าเครียด มองเธอสล