การแข่งขันตกลงกันว่าจะใช้ปืนสั้น ยิงคนละสิบนัด ใครเข้าเป้ามากที่สุดคนนั้นชนะ ผู้ที่ร่วมแข่งคือหนุ่มๆ ทุกคนได้แก่ เมฆา พัทธดนย์ คิรินทร์ ศิวัชและคมกริช
“น้องออไม่แข่งเหรอครับ” พัทธดนย์ถาม
“ไม่ล่ะค่ะ ซ้อมมาตั้งแต่เช้าแล้ว”
ในขณะที่การแข่งขันกำลังจะเริ่ม เสียงร้องไห้จ้าดังมาจากในบ้าน อรุณีมาลาทิ้งทุกอย่างรีบเข้าไปดูลูก ทุกคนพากันวิ่งตาม หญิงสาวพบว่าลูกสาวหกล้มเพราะแม่บ้านทำน้ำหกไว้ยังไม่ทันได้เช็ด
“โอ๋...เจ็บตรงไหนแม่เป่าให้ค่ะ” เด็กหญิงล้มหน้าคะมำกับพื้นปากเป็นแผลเลือดออกนิดหน่อย แต่น่าจะเจ็บมาก
“เดี๋ยวแม่ทำแผลให้นะ หนูมีแผลตรงไหนคะต้นข้าวให้แม่ดูหน่อย” เธอปลอบลูกที่ยังไม่คลายสะอื้น แม่บ้านเข้ามาขอโทษหญิงสาวโบกมือบอกไม่เป็นไร
“ไม่เป็นไรค่ะ ทีหลังก็ระวังหน่อย” อรุณีมาลาพูดแค่นั้น เธอเข้าใจว่าไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้
“พวกพี่ออกไปเล่นเกมกันตามที่คุยไว้เถอะค่ะ ตรงนี้ไม่มีอะไรแล้ว” แต่หลายคนส่ายหน้าบอกว่าไม่สนุกแล้ว
“พาลูกไปหาหมอดีกว่าไหมออ เดี๋ยวพี่ขับรถพาไปให้ก็ได้” ศิวัชพูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอไม่รีบพาลูกไปหาหมอ
แต่คำพูดของเขาทำให้ทุกคนหันมามอง ปกติคนอย่างศิวัชแทบไม่เคยเสนอตัวเองช่วยทำอะไรให้ใคร
“ไม่เป็นไรค่ะขอบคุณ” อรุณีมาลาพูดอย่างห่างเหิน
“แล้วต้นกล้าไปไหนล่ะออ” อัญญานึกถึงหลานชายขึ้นมาได้
“ออกไปข้างนอกกับพิณค่ะพี่อัญ” เธอพูดในขณะที่พี่สาวพยักหน้ารับ
“ยังไงเดี๋ยวออพาลูกไปห้องพยาบาลก่อนนะคะ” หญิงสาวขยับตัว ศิวัชอาศัยความไวกว่าอุ้มเด็กหญิงขึ้นมาไว้เองทันที
“พี่จะอุ้มน้องข้าวไปให้” เขาทำในสิ่งที่ทุกคนไม่คุ้นเคยแต่ชายหนุ่มไม่สนใจ
“ส่งลูกฉันคืนมาเดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวจ้อง คิรินทร์เข้ามาไกล่เกลี่ย
“พี่ว่าให้วัชมันอุ้มไปให้ก็ได้ครับ น้องออจะได้ขับรถถนัด”
“นั่นสิออ คุณวัชอยากช่วยอย่าไปว่าเขาเลย” อัญญาผู้ไม่สงสัยอะไรพูดอีกคน
หญิงสาวกัดฟัน เหมือนว่ามีคนมากมายรอบตัวแต่ไม่มีใครเข้าใจเธอเลยอรุณประภาก็ไม่อยู่เสียด้วย แต่ความห่วงลูกที่มีมากกว่าทำให้เธอตัดสินใจเลิกต่อล้อต่อเถียง หยิบกุญแจรถตรงไปด้านนอกโดยมีศิวัชเดินตามไปติดๆ หญิงสาวสตาร์ทรถปลดล็อกประตูอีกฝั่ง ศิวัชกำลังจะเปิดประตูรถ คิรินทร์ขยับจะก้าวตามไปด้วยแต่ดร.หนุ่มพูดว่า
“นายไม่ต้องไป ฉันมีอะไรจะคุยกับออพอดี”
ใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็ถึงห้องพยาบาลของรีสอร์ท พยาบาลประจำห้องรับตัวเด็กหญิงไปดูแลทำแผลทันที อรุณีมาลาเลี่ยงไปล้างมือ เมื่อออกมาเด็กหญิงทำแผลเสร็จแล้ว
“คุณออคะ นี่ยาแก้ปวดนะคะเผื่อน้องปวดแผล ถ้าไม่ปวดก็ไม่ต้องกินค่ะ” พยาบาลส่งยาน้ำสำหรับเด็กให้
“ขอบคุณมากค่ะ” เธอรับถุงยาในขณะที่ศิวัชอุ้มตัวเด็กหญิงเตรียมกลับ อรุณีมาลามองภาพลูกสาวที่ซบหน้ากับบ่าของเขาแล้วเธอพูดไม่ออก ปกติน้องข้าวไม่ได้ให้คนแปลกหน้าอุ้มง่ายๆ แบบนี้
“น้องข้าว..อายุเท่าไหร่ครับออ” เขาตัดสินใจถามในตอนที่กลับจากห้องพยาบาล
อรุณีมาลาไม่ตอบ เธอไม่จำเป็นต้องตอบทุกคำถามของใคร เมื่อเธอเฉยศิวัชจึงเป็นฝ่ายพูดเสียเอง
“ลูกอายุสี่ขวบครึ่งใช่ไหมออ”
หญิงสาวจอดรถเธอกำลังข่มอารมณ์โกรธ “คุณกลับไปได้แล้ว ลูกฉันต้องพักผ่อน”
“ออยังไม่ได้ตอบคำถามพี่” เขาท้วง แต่เธอสวนกลับทันที
“เมื่อห้าปีก่อนตอนที่คุณขอให้ฉันออกไปจากชีวิตของคุณ ฉันก็ทำตามนั้นและไม่ได้ถามอะไรมากมาย ในวันนี้ฉันขอให้คุณออกไปจากบ้านฉันไปจากชีวิตของฉัน ฉันก็อยากให้คุณทำตามด้วย”
คำพูดของหญิงสาวทำให้ศิวัชนิ่งอึ้ง
“หลังจากที่เราเลิกกัน พี่ไปหาออที่อพาร์ทเม้นท์แต่ไม่เจอเขาบอกว่าออย้ายไปแล้ว ไปหาที่ยูออก็ดรอปเรียนเทอมต่อจากนั้น”
“เพื่ออะไรคะ”
เธอถามแต่เขาตอบไม่ได้ อรุณีมาลาลงจากรถเธอก้าวเร็วๆ ไปเปิดประตูรถอีกฝั่ง ฉวยตัวลูกสาวที่กำลังหลับซบกับบ่าของศิวัชจนเด็กหญิงร้องจ้าเพราะตกใจ หญิงสาวก้าวจ้ำพรวดๆ เข้าบ้านท่ามกลางสายตาของคนอื่นๆ ที่ยังรอดูอาการเด็กหญิง
“ออจะทำให้ลูกร้องทำไม โกรธพี่ก็ลงกับพี่สิ” ศิวัชก้าวตามไม่ลดละ เขาไม่สนใจแล้วว่าคนอื่นๆ ที่ได้ยินจะคิดยังไง
“ไปตายซะ” อรุณีมาลาหันมาพูดใส่หน้า เธอกัดฟันด้วยความโกรธถึงขีดสุด ก่อนจะอุ้มลูกสาวหนีหายไปชั้นบน
ทุกคนตรงนั้นตกตะลึงมองตามเธอไป และหันมาจ้องศิวัชเป็นตาเดียวโดยไม่ได้นัดหมาย
อัญญาคิดไล่เรียงเหตุการณ์ตั้งแต่วานนี้ เธอมองหน้าศิวัชสีหน้าไม่บอกอารมณ์
“อัญคิดว่าเราน่าจะมีเรื่องต้องคุยกันนะคะ คุณศิวัช”
อัญญาขอให้เมฆาพาคนอื่นกลับไปที่ตึกใหญ่ เธอขอคุยกับศิวัชเป็นการส่วนตัวที่บ้านของเธอเอง และมีอิงควัตและไอยวรินทร์เข้าฟังด้วยในฐานะพี่ชายและพี่สาวของอรุณีมาลา
“ผมยอมรับผิดทุกอย่าง จะให้ผมทำอะไรก็ได้ให้ออกับลูก” ศิวัชสารภาพเรื่องทั้งหมดเมื่อห้าปีก่อนให้บรรดาพี่ๆ ของหญิงสาวฟังโดยไม่ปิดบัง
อัญญาฟังอย่างสงบ เหตุการณ์ผ่านมานานจนเธอไม่รู้ว่าจะโมโหอะไรกับสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ชีวิตเป็นของอรุณีมาลาน้องสาวเธอต้องเป็นคนเลือกและตัดสินใจเอง
“อัญตัดสินแทนน้องไม่ได้หรอกค่ะ และการชดใช้ที่มาตามหลังมันก็ไม่ได้ชดเชยทุกสิ่งที่เสียไปแล้วได้เสมอไป ออต้องแก้ปัญหาเองตั้งแต่แรก ต้องเป็นแม่ตั้งแต่อายุ 23 มาถึงตอนนี้มันนานเกินไปแล้วสำหรับการเยียวยา”
ศิวัชฟังการปฏิเสธแบบสุภาพจากครอบครัวของอรุณีมาลาด้วยความปวดแปลบใจ ส่วนอิงควัตและไอยวรินทร์ถึงแม้จะไม่พอใจศิวัช แต่พวกเขายอมรับในการตัดสินใจของอัญญา และมองว่ามันดีที่สุดแล้วสำหรับเรื่องในตอนนี้
“อัญรู้ว่าความเป็นพ่อลูกคงห้ามไม่ได้ คงจะตัดขาดหลานกับคุณไม่ได้ แต่ทุกอย่างขอให้เป็นไปบนความยินยอมของออ ด็อกเตอร์เข้าใจใช่ไหมคะ”
“ความจริงคุณก็แค่ลืมเรื่องที่นี่ ลืมว่าพบออที่นี่คุณก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตที่มีความสุขของคุณได้เหมือนเดิม” อิงควัตพูด
“ผมไม่เคยมีความสุข ห้าปีที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยคบใครอีกหลังจากเลิกกับออ” ศิวัชพูดทันที
“นั่นคือผลของการกระทำของคุณ เป็นสิ่งที่คุณเลือกเอง ไม่ใช่เรื่องที่ออหรือใครจะต้องมาเห็นใจคุณ” อิงควัตพูดเสียงห้วน แค่นั้นมันยังน้อยสำหรับคนที่มองน้องสาวเขาเป็นของเล่น ศิวัชควรได้รับบทเรียนมากกว่านี้
“ผู้หญิงทุกคนที่กำลังท้องต้องการพ่อของลูกอยู่ใกล้ๆ ถ้าออผ่านช่วงนั้นมาได้โดยที่ไม่มีคุณ ในวันนี้คุณก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกแล้วค่ะ ให้ทุกอย่างมันผ่านไปต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด” ไอยวรินทร์กล่าวเสริม ยิ่งทำให้ศิวัชรู้สึกแย่แต่วันนี้เขาโทษใครไม่ได้เลย
สิบสองปีต่อมา ณ เกาะพยาม อธิปหรือต้นกล้ายืนมองทะเลไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา เขาเพิ่งกลับจากการไปเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่สหรัฐอเมริกา ชายหนุ่มเรียนจบแล้วและตั้งใจจะมาอยู่ที่นี่สักพัก ก่อนที่จะกลับไปเรียนต่อปริญญาโทแต่วันนี้บ้านพักที่เคยสงบกลับเต็มไปด้วยผู้คนเพราะเป็นงานวันเกิดของนายหัวภาคย์ คุณปู่ของเขาเอง อธิปไม่ชอบคนเยอะเขาจึงปลีกตัวออกมาหาความสงบตามลำพัง“ต้นกล้า” เสียงเรียกของผู้หญิงคนที่เขารักที่สุดดังอยู่ด้านหลัง “คุณแม่” เขาหันกลับไปหาอรุณีมาลา แม่ของเขาในวัยสี่สิบสี่ยังสวยพริ้งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ยังทำให้พ่อเขาหึงได้อยู่เสมอ“แม่เดินหาลูกตั้งนาน มาทำอะไรตรงนี้” เธอถามลูกชายที่โตขึ้นผิดหูผิดตา ก่อนที่เขาจะจากไปเรียนต่อในตอนอายุ 17 ปีต้นกล้ายังเป็นวัยรุ่น แขนขายาวเก้งก้างแต่สี่ปีผ่านไปเขากลายเป็นหนุ่มเต็มตัว ตัวสูงกว่าเธอเสียอีก“ผมไม่ค่อยชอบคนเยอะเลยครับแม่ รำคาญ” คำพูดของลูกชายทำให้เธอหัวเราะ“วันนี้มีแต่พี่ๆ น้องๆ ทั้งนั้นเลยลูก” เธอหมายถึงต้นข้าวและต้นน้ำ และบรรดาหลานๆ เช่น ไอย่าลูกสาวของอัญญาและเมฆา อัครินทร์และมุกจันทร์ ลูกชายลูกสาวของอรุณประภาและคิรินทร์
เวลาผ่านล่วงเลยมาสี่ปี เด็กชายต้นกล้าในวัยเก้าขวบเขาบอกมารดาว่า“คุณแม่ ต้นกล้าอยากย้ายไปอยู่กับคุณปู่คับ”อรุณีมาลาเงยหน้าขึ้นมองลูกชาย“ลูกเพิ่งเรียนเกรด 3 เองนะลูก ที่นั่นไม่มีนานาชาติให้ไปต่อนะ”“เปิดเทอมหน้าต้นกล้าก็เรียนเกรด 4 แล้วคุณแม่ ปู่บอกว่าถ้าอยากไป ก็เรียนโรงเรียนประจำที่ภูเก็ตได้ ปิดเทอมกลับไปอยู่กับคุณปู่” เด็กชายพูด“ต้นกล้าไม่อยากอยู่กับแม่แล้วเหรอ” หญิงสาวเริ่มน้อยใจลูกชายนิดๆ ศิวัชเดินเข้ามาในห้องเขาได้ยินพอดี ชายหนุ่มวางมือบนบ่าของเธอเป็นเชิงให้ใจเย็น“ลูกไม่เคยเรียนโรงเรียนประจำจะอยู่ได้เหรอลูก” เขาถามต้นกล้า“ปู่บอกว่าพ่อก็เคยเรียน พ่ออยู่ได้ต้นกล้าก็ต้องอยู่ได้ครับ” เด็กชายตอบหนักแน่นศิวัชหันไปถามต้นข้าว “ต้นข้าวล่ะลูก หนูอยากไปไหม” เด็กหญิงส่ายหน้า “หนูอยากอยู่กับพ่อแม่ค่ะ” “คืนนี้พ่อจะคุยกับคุณปู่อีกที ปิดเทอมนี้ต้นกล้าไปเยี่ยมคุณปู่ตามปกติก่อนแล้วกันลูก” ศิวัชสรุปคืนนั้นศิวัชคุยกับอรุณีมาลา เขารอจนเธอลมหายใจสงบเป็นปกติจากบทรักหนักหน่วง ชายหนุ่มดึงร่างเธอมากอดลูบแผ่นหลังเรียบเนียน“เรื่องต้นกล้า ออคิดยังไง” “ออเป็นห่วงลูกค่ะ ต้นก
หลังจากที่คู่แต่งงานใหม่ใช้เวลาด้วยกันตามลำพังสามวัน คุณปู่คุณย่าก็พาเด็กๆ ตามมาสมทบที่เกาะพยาม และเพราะว่าอยู่ในช่วงปิดเทอมใหญ่ จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องโรงเรียนของเด็กๆเช้านี้นายหัวภาคย์มีแผนจะพาเด็กๆ ไปชมปะการังโดยขึ้นเรือท้องกระจกขนาดใหญ่ ศิวัชสวมเสื้อชูชีพให้ต้นกล้าและต้นข้าว เด็กชายถามบิดาว่า“แล้วเราจะลงไปดูในทะเลจริงๆ ได้ไหมคับพ่อ”“ได้ลูก แต่ลูกต้องโตกว่านี้แล้วไปเรียนดำน้ำก่อนครับ” ศิวัชตอบลูกชายที่ตื่นเต้นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่บ้านคุณปู่“ต้นข้าวไม่เห็นอยากลงไปเลย แม่บอกว่าเดี๋ยวตัวดำ” เด็กหญิงพูดขึ้นบ้าง“นี่มันเรื่องของลูกผู้ชาย” ต้นกล้าหันไปพูดกับน้อง เขาจำคำพูดของปู่มาใช้“ไปกันลูกเรียบร้อยแล้ว ห้ามดื้อ ห้ามโผล่หน้าออกนอกเรือ เข้าใจไหมครับ” ดร.หนุ่มบอกลูกแฝดต้นข้าวไม่เท่าไร เขากลัวต้นกล้าจะทำอะไรแผลงๆ มากกว่าเริ่มสายทั้งหมดจึงลงเรือกัน เรือที่ใช้วันนี้เป็นเรือขนาดใหญ่ มีที่ให้เดินหรือนั่งนอนได้ตามสบายตรงกลางท้องเรือเป็นแผ่นกระจกหนาเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 2.5 เมตร ทว่า..เด็กชายต้นกล้ากลับไปสนใจมองปะการังนอกตัวเรือ เขาชะโงกหน้าออกไปเรื่อยๆ “ต้นกล้า หยุ
งานแต่งงานของศิวัชและอรุณีมาลาถูกกำหนดขึ้นในอีกสองเดือนหลังจากนั้น ยิ่งช่วงใกล้วันงานทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ยิ่งมีเรื่องวุ่นวาย คุณศิตามาอยู่ยาวที่กรุงเทพฯ เพื่อช่วยเตรียมงานล่วงหน้าถึง 1 เดือนงานนี้มีเพื่อนเจ้าสาวเพียงคนเดียวคืออรุณประภา ซึ่งอรุณีมาลาต้องการให้เป็นแบบนั้น เธอถือว่าพวกเธออยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิดดังนั้นในวันสำคัญของชีวิต เธอต้องการให้คู่แฝดรับหน้าที่นี้เพียงคนเดียวส่วนเพื่อนเจ้าบ่าวอรุณีมาลาขอว่าเธอจะเลือกเอง เธอต้องการให้สีหราชซึ่งเคยแนะนำให้เธอกับศิวัชพบกันเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ซึ่งชายหนุ่มก็ยินดีอย่างยิ่งในวันลองชุดของหนุ่มสาวสี่คน ซึ่งเป็นร้านเดียวกันในระหว่างที่สองสาวฝาแฝดอยู่ด้วยกันในห้องแต่งตัว“ออจะไปฮันนีมูนที่ไหนนะ” พี่สาวถาม“จะไปเกาะพยามน่ะ ไปรอบที่แล้วมัวแต่ทะเลาะกัน ไม่ได้ดูอะไรเลย” อรุณีมาลาพูดปนหัวเราะนิดๆ“พิณดีใจด้วยที่ออมีความสุขสักที” อรุณประภาดีใจกับคู่แฝด เธอไม่เห็นอรุณีมาลาหัวเราะได้จริงๆ มานานแล้ว“จะดีกว่านี้ถ้าเราได้แต่งพร้อมกัน” แฝดน้องพูดด้วยน้ำเสียงสดใสพวกเธอออกมาจากห้องแต่งตัว อรุณีมาลาในชุดไทยจักรพรรดิสีงาช้าง ส่วนอรุณประภาสวมชุดไทย
อรุณีมาลานอนโรงพยาบาลสองวันหมอจึงให้กลับได้ ในเช้าวันที่จะกลับบ้านเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของตัวเองที่แม่บ้านจัดมาให้ ศิวัชเปิดประตูเข้ามาหลังจากที่เขาไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายและรับยามาให้แล้ว“นี่ยานะครับออ” เขาวางถุงยาไว้บนโต๊ะ หญิงสาวเดินมานั่งที่เก้าอี้สำรวจถุงยาว่ามีอะไรบ้าง“ส่วนนี่พี่ซื้อกาแฟมาให้กับขนม” เขาวางกาแฟกับขนมถัดไปจากยา หญิงสาวพึมพำขอบคุณ“ส่วนนี่อีกอย่างครับ แม่พี่ให้มา” เขาวางกล่องกำมะหยี่ลง หญิงสาวมองของแล้วมองหน้าเขาศิวัชนั่งลงกับพื้นตรงหน้าเธอ “วันนี้ออจะได้กลับบ้านที่เป็นบ้านของเรา พี่อยากทำให้ถูกต้อง ไม่อยากให้ใครเอาออไปพูดเสียๆ หายๆ ออแต่งงานกับพี่นะครับ พี่จะได้ดูแลออได้เต็มที่” อรุณีมาลามองหน้าเขา ศิวัชเปิดกล่องแหวนมันเป็นแหวนมรกตน้ำงามล้อมรอบด้วยเพชร“แหวนนี่เป็นแหวนเก่าของท่านตาใช้สวมในท่านยายในวันแต่งงานของท่าน ตกทอดมาถึงคุณแม่ที่เป็นลูกคนเดียวแล้ววันนี้มันจะเป็นของออช่วยรับไว้เก็บไว้ให้ต้นข้าว ในวันแต่งงานของต้นข้าวนะครับ” “แต่งงานเหรอคะ” เธอพึมพำ“ครับ ถ้าออตกลงพ่อกับแม่พี่จะคุยกับคุณอัญ พี่อยากบอกออว่าทั้งหมดที่ผ่านมาพี่รักออ อยากอยู่ใกล้
หญิงสาวตื่นมาอีกทีในตอนเช้าของอีกวัน เวลาเดียวกับที่ศิวัชเปิดประตูห้องน้ำออกมา“พี่ทำออตื่นเหรอเปล่า” เขามองหน้าเธออย่างเป็นห่วง อังมือกับหน้าผากของเธอทำท่าโล่งใจ“ดีนะ ออไม่มีไข้”“กี่โมงแล้วคะ ลูกล่ะ” เธอถาม“ตอนนี้เพิ่งหกโมงเช้าเอง ลูกอยู่กับแม่น่ะออ แม่กับพ่อมาถึงเมื่อคืนตอนเที่ยงคืน ออหลับอยู่พี่เลยไม่ได้ปลุก”“ค่ะ เลยทำคนอื่นลำบากกันไปหมด” “อย่าพูดแบบนั้น ทุกคนที่พูดถึงก็ครอบครัวทั้งนั้น” ศิวัชปลอบ รู้ว่าอรุณีมาลายังกลัวอยู่ “ออย้ายไปอยู่บ้านพี่นะ” ศิวัชบอกเมื่อเห็นเธอพยักหน้าเขาจึงพูดต่อว่า“เดี๋ยวพี่ให้คนไปเก็บของให้ ถ้าออยังกลัวก็ไม่ต้องไปเอง”“อิ๋วด้วยนะคะ ให้มาอยู่ดูแลเด็กๆ ด้วยได้ไหม” อรุณีมาลาห่วงคนของตัวเอง ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างโดนทำร้ายอะไรตรงไหนเธอยังไม่ทันได้ดูเลย“ได้จ้ะ พี่ให้คนของออตรวจร่างกายแล้วเมื่อคืน หมอบอกว่าไม่มีอะไรมาก ฟกช้ำนิดหน่อยตรงข้อมือที่ถูกมัด พี่เลยให้ไปอยู่ที่บ้านตั้งแต่เมื่อคืน จะได้อยู่เป็นเพื่อนต้นกล้าต้นข้าวด้วย” ศิวัชพูดเสียงนุ่ม“ขอบคุณค่ะ” อรุณีมาลาสบายใจขึ้นบ้าง“ออหิวไหม อยากกินอะไรรึเปล่าพี่ลงไปซื้อให้นะ” เธอส่ายหน้า “เจ