อรุณีมาลาปิดประตูห้องนอนกดล็อกแน่นหนา เธอกอดลูกสาวคนเล็กที่กำลังร้องไห้เพราะตกใจ
“แม่ขอโทษนะลูก” หญิงสาวกอดลูกแล้วร้องไห้เงียบๆ จนในอีกไม่กี่นาทีต่อมามือเล็กๆ ของเด็กหญิงจับที่หน้า เช็ดน้ำตาให้มารดา
“แม่อย่าร้อง หนูไม่ร้องแล้ว”
คำพูดของเด็กหญิงทำให้น้ำตาที่เริ่มแห้ง เพราะว่าเธอพยายามจะหยุดร้องไห้มันกลับมาอีก หญิงสาวกอดลูกไว้แน่นพึมพำขอบคุณเด็กน้อยนาทีนั้นเธอตัดสินใจที่จะกลับบ้านดังนั้นเธอจึงเริ่มเก็บของใช้ส่วนตัวเงียบๆ
อรุณีมาลาคิดว่าคืนนี้หากเธอไม่อยู่ในงานปาร์ตี้พี่สาวคงเข้าใจและไม่ว่าอะไร เธอเก็บของใส่กระเป๋าทั้งของตัวเองและลูกสองคนแล้วอุ้มเด็กหญิงลงมาข้างล่าง ในห้องโถงทุกคนไปกันหมดแล้วจึงเธอโล่งใจที่ไม่ต้องตอบคำถามใคร
หญิงสาวพาลูกขึ้นรถ เธอถอยรถออกก่อนจะชะลอเมื่อเจอแม่บ้าน เธอลดกระจกสั่งข้อความถึงพี่สาวว่า
“ฝากบอกพี่อัญด้วยนะว่าฉันมีธุระด่วนต้องกลับกรุงเทพฯ ก่อน มีอะไรเดี๋ยวฉันโทรหาพี่อัญเอง”
“ได้ค่ะคุณออ” อีกฝ่ายรับคำไม่สงสัยอะไร
เธอขับรถออกจากบ้าน ผ่านหน้าตึกใหญ่โดยไม่แวะทักใคร เมื่อออกพ้นประตูแล้ว หญิงสาวโทรหาอรุณประภาคุยผ่านสมอลทอล์ค
“พิณเหรอ ตอนนี้อยู่ไหน”
อีกฝ่ายตอบว่ากำลังจะกลับ อรุณีมาลาจึงนัดเจออีกฝ่ายกลางทาง
“แล้วนี่จะกลับกรุงเทพฯ เลยเหรอออ” อรุณประภาไม่ถามมาก เพราะโทรคุยกับพี่สาวคนที่สามแล้ว
“ฮื่อ ฝากขอโทษพี่อัญด้วยนะที่ทำให้เสียบรรยากาศ แต่เจอกันในงานแต่งที่กรุงเทพฯ เลยแล้วกัน” เธอพูดก่อนจะรับตัวเด็กชายต้นกล้าขึ้นรถ
“งั้นเดี๋ยวพิณตามไปตอนเย็น ออขับรถดีๆ นะ”
อรุณีมาลาพยักหน้าเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ขอบใจนะพิณ”
สองสาวแยกกันตรงนั้น อรุณีมาลาตรงกลับบ้านที่กรุงเทพฯ เธอต้องการเวลาคิดและรับมือกับปัญหาที่กำลังจะตามมา
อัญญาตัดสินใจยกเลิกปาร์ตี้สละโสดในเย็นวันนั้น เมฆาไม่คัดค้านใดๆ และไม่มีการตำหนิใคร
“ผมขอโทษนะที่ทำให้หมดสนุก” เมฆากล่าวกับคนรัก
“คุณไม่ได้ทำอะไรผิดค่ะ แต่มันเป็นปัญหาในครอบครัวของอัญเอง อัญสิที่ต้องขอโทษที่ทำให้ทุกคนเสียเวลา” อัญญาพูดอย่างเป็นกลางที่สุด
เมฆาฟังด้วยความลำบากใจ ในเหตุการณ์แบบนี้ไม่มีใครมีความสุข แต่ในความลำบากใจเขายังหวังว่าถ้าศิวัชจริงจังอยากแก้ปัญหา ทุกอย่างจะดีขึ้นได้ในที่สุด เด็กชายและเด็กหญิงทั้งสองจะได้มีพ่อ มีครอบครัวที่สมบูรณ์ ถึงแม้ว่าความหวังจะเลือนรางมากและเขาก็ยังไม่รู้ว่าไอ้ด็อกเตอร์มันคิดจะทำอะไรต่อไปก็ตาม
ตอนนั้นเองที่คิรินทร์เข้ามาลาสองหนุ่มสาว เขาเองได้รับการร้องขอจากศิวัชให้ไปส่งที่กรุงเทพฯ เมื่อได้รู้ว่างานเลี้ยงยกเลิกก็คิดจะขอตัวกลับไปพร้อมกันด้วยเลย
“ผมขอตัวกลับเลยนะฮะคุณอัญ จะต้องไปส่งไอ้วัชที่กรุงเทพฯ ก่อนแล้วตีรถกลับใต้” เพราะศิวัชเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เขาจึงต้องไปส่งญาติหนุ่มก่อน
“ค่ะคุณคิน เดินทางปลอดภัยนะคะ” ว่าที่เจ้าสาวยิ้มให้ลูกพี่ลูกน้องของคนรัก
เจ้าของฟาร์มมุกพูดต่อ
“ขอบคุณฮะ งั้นเอาไว้เจอกันที่งานแต่งที่กรุงเทพฯ เลยนะครับคุณอัญ” เมฆาเดินมาส่งญาติหนุ่มสองคนขึ้นรถ
“ขับรถกลับกันดีๆ ล่ะ แล้วไอ้วัชมึงก็ค่อยๆ คิดว่าจะเอายังไงต่อ กับลูกมึงเมียมึงหรือจะต่างคนต่างอยู่ แล้วแต่จะคิดแต่คิดให้รอบคอบ” เมฆาอาศัยความเป็นพี่ใหญ่ของบ้านอบรมญาติผู้น้อง พลางถอนใจอย่างกลัดกลุ้มแทน
“ขอบใจนายมากแล้วก็ขอโทษที่ฉันเป็นต้นเหตุทำให้งานล่ม หวังว่านายจะไม่มีปัญหากับคุณอัญนะ ยังไงฉันก็ฝากขอโทษเธออีกครั้ง” สิ่งที่ได้รู้และหลายอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ด็อกเตอร์หนุ่มยังคิดอะไรไม่ออกว่าจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เจอในตอนนี้
สีหราชมาถึงบ้านฉัตรอรุณในช่วงบ่ายวันนั้น หลังจากที่เขาไม่ได้มาหลายปี ชายหนุ่มเพิ่งกลับจากยุโรปหลังจากที่เขาแต่งงานไปกับแฟนสาวชาวเยอรมันและย้ายไปอยู่ที่ประเทศของฝ่ายหญิงมาสี่ปีแล้ว
“ไหนว่ามีปาร์ตี้ไง”
เขาถามอิงควัตอย่างงุนงง ชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอิงควัตและสนิทกันมากกว่าพี่น้องของตระกูลนี้คนอื่นๆ
อิงควัตตัดสินใจถามสีหราชถึงเรื่องเมื่อ 5 ปีก่อน เขาจำได้ว่าอรุณีมาลาไปเรียนต่อที่เมืองเดียวกันกับญาติคนนี้
“นายรู้จัก ดร.ศิวัชไหม”
“รู้จัก มันเป็นเพื่อนฉันที่แอลเอตอนเรียนที่โน่น” สีหราชตอบตามตรง
“ออท้องกับมันเมื่อ 5 ปี” คำพูดนั้นของอิงควัตทำให้แก้วน้ำในมืออีกฝ่ายหลุดมือ
“นายว่าอะไรนะ ออท้องเหรอ” เขาทวนคำพูด
“ใช่ ออท้องแต่ไม่บอกว่าใครเป็นพ่อเด็ก แต่บังเอิญว่าหมอนั่นเป็นญาติของว่าที่พี่เขยฉันเลยมาเจอกันที่นี่ ก็เพิ่งรู้กันนี่ล่ะออหอบลูกกลับกรุงเทพฯ ไปแล้ว หมอนั่นมันก็ไปเหมือนกัน งานเลยล่ม”
สีหราชใจหายวาบเมื่อคิดว่าเรื่องนี้เขาอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เขาตัดสินใจบอกอีกฝ่ายว่า
“อิง นายฟังฉัน ฉันเองเป็นคนที่บอกไอ้วัชให้มันเลิกกับออตอนนั้น”
อิงควัตมองอีกฝ่ายเมื่อได้ยินในสิ่งที่คาดไม่ถึง “หมายความว่ายังไง”
“ฉันเป็นคนแนะนำให้ออรู้จักไอ้วัช แล้วมารู้อีกทีออก็คบกับไอ้วัชแต่พอถามมัน มันบอกว่ายังไม่ได้คิดว่าออจะเป็นอะไรสำหรับมัน ยังไม่ใช่แฟน ฉันไม่อยากให้ออมีความหวังไปเรื่อยๆ เลยบังคับให้ไอ้วัชบอกเลิกออ” สีหราชยกมือจับใบหน้าตนเองด้วยความรู้สึกผิด
“จริงๆ สองคนนั่นยังไม่ได้มีเรื่องอะไรที่จะต้องเลิกกัน แต่ฉันเองที่ใจร้อน ถ้าไม่เข้าไปยุ่งเรื่องมันอาจจะไม่เป็นแบบนี้ ปกติไอ้วัชมันไม่ใช่คนไม่มีความรับผิดชอบ ตอนนั้นมันอาจจะรักออก็ได้แต่เป็นฉันเองที่ทำให้เรื่องเป็นแบบนั้น”
อิงควัตฟังคำสารภาพของญาติด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย ทุกอย่างที่มันผิดเพี้ยนไปหมด เขาคงโทษใครไม่ได้เลยนอกจากเป็นเรื่องของชะตากรรม ทุกคนที่เกี่ยวข้องล้วนมีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น
และเมื่อทุกคนทราบเรื่องนี้ก็ได้แต่นิ่งงัน จะว่าสีหราชก็ไม่ได้เพราะเขาหวังดีต่ออรุณีมาลา อัญญาได้แต่ถอนใจด้วยความสงสารน้องสาวและหลานๆ
“อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ ทุกอย่างมันเป็นแค่ความคาดหวัง ถึงพี่สิงห์ไม่เข้าไปยุ่งเรื่องนี้ สองคนนั่นก็อาจจะเลิกกันอยู่ดีก็ได้” ไอยวรินทร์พูดปลอบใจญาติหนุ่ม
สิบสองปีต่อมา ณ เกาะพยาม อธิปหรือต้นกล้ายืนมองทะเลไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา เขาเพิ่งกลับจากการไปเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่สหรัฐอเมริกา ชายหนุ่มเรียนจบแล้วและตั้งใจจะมาอยู่ที่นี่สักพัก ก่อนที่จะกลับไปเรียนต่อปริญญาโทแต่วันนี้บ้านพักที่เคยสงบกลับเต็มไปด้วยผู้คนเพราะเป็นงานวันเกิดของนายหัวภาคย์ คุณปู่ของเขาเอง อธิปไม่ชอบคนเยอะเขาจึงปลีกตัวออกมาหาความสงบตามลำพัง“ต้นกล้า” เสียงเรียกของผู้หญิงคนที่เขารักที่สุดดังอยู่ด้านหลัง “คุณแม่” เขาหันกลับไปหาอรุณีมาลา แม่ของเขาในวัยสี่สิบสี่ยังสวยพริ้งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ยังทำให้พ่อเขาหึงได้อยู่เสมอ“แม่เดินหาลูกตั้งนาน มาทำอะไรตรงนี้” เธอถามลูกชายที่โตขึ้นผิดหูผิดตา ก่อนที่เขาจะจากไปเรียนต่อในตอนอายุ 17 ปีต้นกล้ายังเป็นวัยรุ่น แขนขายาวเก้งก้างแต่สี่ปีผ่านไปเขากลายเป็นหนุ่มเต็มตัว ตัวสูงกว่าเธอเสียอีก“ผมไม่ค่อยชอบคนเยอะเลยครับแม่ รำคาญ” คำพูดของลูกชายทำให้เธอหัวเราะ“วันนี้มีแต่พี่ๆ น้องๆ ทั้งนั้นเลยลูก” เธอหมายถึงต้นข้าวและต้นน้ำ และบรรดาหลานๆ เช่น ไอย่าลูกสาวของอัญญาและเมฆา อัครินทร์และมุกจันทร์ ลูกชายลูกสาวของอรุณประภาและคิรินทร์
เวลาผ่านล่วงเลยมาสี่ปี เด็กชายต้นกล้าในวัยเก้าขวบเขาบอกมารดาว่า“คุณแม่ ต้นกล้าอยากย้ายไปอยู่กับคุณปู่คับ”อรุณีมาลาเงยหน้าขึ้นมองลูกชาย“ลูกเพิ่งเรียนเกรด 3 เองนะลูก ที่นั่นไม่มีนานาชาติให้ไปต่อนะ”“เปิดเทอมหน้าต้นกล้าก็เรียนเกรด 4 แล้วคุณแม่ ปู่บอกว่าถ้าอยากไป ก็เรียนโรงเรียนประจำที่ภูเก็ตได้ ปิดเทอมกลับไปอยู่กับคุณปู่” เด็กชายพูด“ต้นกล้าไม่อยากอยู่กับแม่แล้วเหรอ” หญิงสาวเริ่มน้อยใจลูกชายนิดๆ ศิวัชเดินเข้ามาในห้องเขาได้ยินพอดี ชายหนุ่มวางมือบนบ่าของเธอเป็นเชิงให้ใจเย็น“ลูกไม่เคยเรียนโรงเรียนประจำจะอยู่ได้เหรอลูก” เขาถามต้นกล้า“ปู่บอกว่าพ่อก็เคยเรียน พ่ออยู่ได้ต้นกล้าก็ต้องอยู่ได้ครับ” เด็กชายตอบหนักแน่นศิวัชหันไปถามต้นข้าว “ต้นข้าวล่ะลูก หนูอยากไปไหม” เด็กหญิงส่ายหน้า “หนูอยากอยู่กับพ่อแม่ค่ะ” “คืนนี้พ่อจะคุยกับคุณปู่อีกที ปิดเทอมนี้ต้นกล้าไปเยี่ยมคุณปู่ตามปกติก่อนแล้วกันลูก” ศิวัชสรุปคืนนั้นศิวัชคุยกับอรุณีมาลา เขารอจนเธอลมหายใจสงบเป็นปกติจากบทรักหนักหน่วง ชายหนุ่มดึงร่างเธอมากอดลูบแผ่นหลังเรียบเนียน“เรื่องต้นกล้า ออคิดยังไง” “ออเป็นห่วงลูกค่ะ ต้นก
หลังจากที่คู่แต่งงานใหม่ใช้เวลาด้วยกันตามลำพังสามวัน คุณปู่คุณย่าก็พาเด็กๆ ตามมาสมทบที่เกาะพยาม และเพราะว่าอยู่ในช่วงปิดเทอมใหญ่ จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องโรงเรียนของเด็กๆเช้านี้นายหัวภาคย์มีแผนจะพาเด็กๆ ไปชมปะการังโดยขึ้นเรือท้องกระจกขนาดใหญ่ ศิวัชสวมเสื้อชูชีพให้ต้นกล้าและต้นข้าว เด็กชายถามบิดาว่า“แล้วเราจะลงไปดูในทะเลจริงๆ ได้ไหมคับพ่อ”“ได้ลูก แต่ลูกต้องโตกว่านี้แล้วไปเรียนดำน้ำก่อนครับ” ศิวัชตอบลูกชายที่ตื่นเต้นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่บ้านคุณปู่“ต้นข้าวไม่เห็นอยากลงไปเลย แม่บอกว่าเดี๋ยวตัวดำ” เด็กหญิงพูดขึ้นบ้าง“นี่มันเรื่องของลูกผู้ชาย” ต้นกล้าหันไปพูดกับน้อง เขาจำคำพูดของปู่มาใช้“ไปกันลูกเรียบร้อยแล้ว ห้ามดื้อ ห้ามโผล่หน้าออกนอกเรือ เข้าใจไหมครับ” ดร.หนุ่มบอกลูกแฝดต้นข้าวไม่เท่าไร เขากลัวต้นกล้าจะทำอะไรแผลงๆ มากกว่าเริ่มสายทั้งหมดจึงลงเรือกัน เรือที่ใช้วันนี้เป็นเรือขนาดใหญ่ มีที่ให้เดินหรือนั่งนอนได้ตามสบายตรงกลางท้องเรือเป็นแผ่นกระจกหนาเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 2.5 เมตร ทว่า..เด็กชายต้นกล้ากลับไปสนใจมองปะการังนอกตัวเรือ เขาชะโงกหน้าออกไปเรื่อยๆ “ต้นกล้า หยุ
งานแต่งงานของศิวัชและอรุณีมาลาถูกกำหนดขึ้นในอีกสองเดือนหลังจากนั้น ยิ่งช่วงใกล้วันงานทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ยิ่งมีเรื่องวุ่นวาย คุณศิตามาอยู่ยาวที่กรุงเทพฯ เพื่อช่วยเตรียมงานล่วงหน้าถึง 1 เดือนงานนี้มีเพื่อนเจ้าสาวเพียงคนเดียวคืออรุณประภา ซึ่งอรุณีมาลาต้องการให้เป็นแบบนั้น เธอถือว่าพวกเธออยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิดดังนั้นในวันสำคัญของชีวิต เธอต้องการให้คู่แฝดรับหน้าที่นี้เพียงคนเดียวส่วนเพื่อนเจ้าบ่าวอรุณีมาลาขอว่าเธอจะเลือกเอง เธอต้องการให้สีหราชซึ่งเคยแนะนำให้เธอกับศิวัชพบกันเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ซึ่งชายหนุ่มก็ยินดีอย่างยิ่งในวันลองชุดของหนุ่มสาวสี่คน ซึ่งเป็นร้านเดียวกันในระหว่างที่สองสาวฝาแฝดอยู่ด้วยกันในห้องแต่งตัว“ออจะไปฮันนีมูนที่ไหนนะ” พี่สาวถาม“จะไปเกาะพยามน่ะ ไปรอบที่แล้วมัวแต่ทะเลาะกัน ไม่ได้ดูอะไรเลย” อรุณีมาลาพูดปนหัวเราะนิดๆ“พิณดีใจด้วยที่ออมีความสุขสักที” อรุณประภาดีใจกับคู่แฝด เธอไม่เห็นอรุณีมาลาหัวเราะได้จริงๆ มานานแล้ว“จะดีกว่านี้ถ้าเราได้แต่งพร้อมกัน” แฝดน้องพูดด้วยน้ำเสียงสดใสพวกเธอออกมาจากห้องแต่งตัว อรุณีมาลาในชุดไทยจักรพรรดิสีงาช้าง ส่วนอรุณประภาสวมชุดไทย
อรุณีมาลานอนโรงพยาบาลสองวันหมอจึงให้กลับได้ ในเช้าวันที่จะกลับบ้านเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของตัวเองที่แม่บ้านจัดมาให้ ศิวัชเปิดประตูเข้ามาหลังจากที่เขาไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายและรับยามาให้แล้ว“นี่ยานะครับออ” เขาวางถุงยาไว้บนโต๊ะ หญิงสาวเดินมานั่งที่เก้าอี้สำรวจถุงยาว่ามีอะไรบ้าง“ส่วนนี่พี่ซื้อกาแฟมาให้กับขนม” เขาวางกาแฟกับขนมถัดไปจากยา หญิงสาวพึมพำขอบคุณ“ส่วนนี่อีกอย่างครับ แม่พี่ให้มา” เขาวางกล่องกำมะหยี่ลง หญิงสาวมองของแล้วมองหน้าเขาศิวัชนั่งลงกับพื้นตรงหน้าเธอ “วันนี้ออจะได้กลับบ้านที่เป็นบ้านของเรา พี่อยากทำให้ถูกต้อง ไม่อยากให้ใครเอาออไปพูดเสียๆ หายๆ ออแต่งงานกับพี่นะครับ พี่จะได้ดูแลออได้เต็มที่” อรุณีมาลามองหน้าเขา ศิวัชเปิดกล่องแหวนมันเป็นแหวนมรกตน้ำงามล้อมรอบด้วยเพชร“แหวนนี่เป็นแหวนเก่าของท่านตาใช้สวมในท่านยายในวันแต่งงานของท่าน ตกทอดมาถึงคุณแม่ที่เป็นลูกคนเดียวแล้ววันนี้มันจะเป็นของออช่วยรับไว้เก็บไว้ให้ต้นข้าว ในวันแต่งงานของต้นข้าวนะครับ” “แต่งงานเหรอคะ” เธอพึมพำ“ครับ ถ้าออตกลงพ่อกับแม่พี่จะคุยกับคุณอัญ พี่อยากบอกออว่าทั้งหมดที่ผ่านมาพี่รักออ อยากอยู่ใกล้
หญิงสาวตื่นมาอีกทีในตอนเช้าของอีกวัน เวลาเดียวกับที่ศิวัชเปิดประตูห้องน้ำออกมา“พี่ทำออตื่นเหรอเปล่า” เขามองหน้าเธออย่างเป็นห่วง อังมือกับหน้าผากของเธอทำท่าโล่งใจ“ดีนะ ออไม่มีไข้”“กี่โมงแล้วคะ ลูกล่ะ” เธอถาม“ตอนนี้เพิ่งหกโมงเช้าเอง ลูกอยู่กับแม่น่ะออ แม่กับพ่อมาถึงเมื่อคืนตอนเที่ยงคืน ออหลับอยู่พี่เลยไม่ได้ปลุก”“ค่ะ เลยทำคนอื่นลำบากกันไปหมด” “อย่าพูดแบบนั้น ทุกคนที่พูดถึงก็ครอบครัวทั้งนั้น” ศิวัชปลอบ รู้ว่าอรุณีมาลายังกลัวอยู่ “ออย้ายไปอยู่บ้านพี่นะ” ศิวัชบอกเมื่อเห็นเธอพยักหน้าเขาจึงพูดต่อว่า“เดี๋ยวพี่ให้คนไปเก็บของให้ ถ้าออยังกลัวก็ไม่ต้องไปเอง”“อิ๋วด้วยนะคะ ให้มาอยู่ดูแลเด็กๆ ด้วยได้ไหม” อรุณีมาลาห่วงคนของตัวเอง ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างโดนทำร้ายอะไรตรงไหนเธอยังไม่ทันได้ดูเลย“ได้จ้ะ พี่ให้คนของออตรวจร่างกายแล้วเมื่อคืน หมอบอกว่าไม่มีอะไรมาก ฟกช้ำนิดหน่อยตรงข้อมือที่ถูกมัด พี่เลยให้ไปอยู่ที่บ้านตั้งแต่เมื่อคืน จะได้อยู่เป็นเพื่อนต้นกล้าต้นข้าวด้วย” ศิวัชพูดเสียงนุ่ม“ขอบคุณค่ะ” อรุณีมาลาสบายใจขึ้นบ้าง“ออหิวไหม อยากกินอะไรรึเปล่าพี่ลงไปซื้อให้นะ” เธอส่ายหน้า “เจ