Masukหน้าคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ภายใต้ร่มเงาไม้หน้าคณะนิเทศศาสตร์ จารวี หรือ 'จี๊ด' สาวสวยหุ่นแซ่บที่ใครเห็นเป็นต้องเหลียวมอง กำลังนั่งหัวเราะเสียงดังอย่างมีชีวิตชีวา เธอมีรูปร่างหน้าตาที่เซ็กซี่ขยี้ใจ ทว่าบุคลิกกลับเป็นอารมณ์ดี และร่าเริงสดใส เป็นสีสันประจำกลุ่มเพื่อน
"ยัยเมย์! ตกลงแกจะมาแต่งตัวที่ห้องฉัน หรือจะให้คนขับรถที่บ้านมาส่งฉันวันงานเปิดตัว 'คุณหนูริสา' กันแน่ยะ?" จารวีเอ่ยแซวเพื่อนสนิทอย่างอารมณ์ดี
เมย์หัวเราะเบา ๆ "แกก็ว่าไปจี๊ด 'คุณหนู' อะไรกันล่ะ ก็แค่คุณพ่อจัดงานเลี้ยงต้อนรับแม่ริสาเฉย ๆ ไม่ได้เป็นงานเปิดตัวอะไรใหญ่โต"
"แหม่ ๆๆ ไม่ได้นะ! งานเปิดตัวต้อนรับคุณหนูคนสวยคนใหม่ทั้งที ฉันต้องจัดเต็ม! ต้องไปหาชุดสวย ๆ มาฟาดแล้วล่ะ!" จารวีทำท่าทางประกอบ
"จัดเต็มอะไรของแกยัยจี๊ด? แค่เสื้อเปิดหน้าอกแกยังไม่กล้าใส่เลย! ฉันล่ะไม่เข้าใจแกจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่หุ่นอย่างกับนางแบบ นมก็ใหญ่เบิ้ม ทำไมถึงไม่มั่นใจเลยสักนิด?" เมย์ถามด้วยความข้องใจ
จี๊ดเบ้ปาก "ก็เพราะใหญ่นี่แหละเลยไม่ชอบ! หนักก็หนัก! คนก็เอาแต่จ้อง... น่ารำคาญจะตาย"
"งั้นแกแบ่งมาให้ฉันบ้างสิ!" ไม่ทันขาดคำ เมย์ก็ยื่นหน้าอกตัวเองไปชนกับจารวีเบา ๆ "นี่แน่ะ ๆ! แบ่งมาเลย!" พร้อมกับใช้มือบีบ 'ปี๊บๆ' สองครั้ง
สิ้นเสียง เมย์และจารวีก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างสนุกสนาน
งานเลี้ยงหรูหราต้อนรับ
เสียงเพลงบรรเลงคลอเบา ๆ ภายในงานเลี้ยงต้อนรับที่ดูหรูหราอลังการ
"โห... บอกงานไม่ใหญ่ ไฮซงไฮโซมาเพียบขนาดนี้ นี่ฉันมาผิดงานหรือเปล่าเนี่ย?" จารวีบ่นพึมพำขณะยืนจ้วงขนมและเครื่องดื่มอย่างไม่สนใจใคร "ว่าแต่ยัยเมย์... แกเหมือนรู้ธีมงานเขาเลยนะ ถึงเอาชุดมาให้ฉันใส่เนี่ย ดีนะที่มีแก ไม่งั้นฉันได้เป็นตัวตลกของงานนี้แน่เลย"
"งานเลี้ยงต้อนรับ งานไหนๆ ก็ใส่ประมาณนี้แหละแก" เมย์หัวเราะเอ็นดูเพื่อนสนิทที่มาจากต่างจังหวัด ไม่คุ้นเคยกับสังคมแบบนี้ "เราแค่มายืน ๆ กิน ๆ แบบนี้แค่นั้นจบเหรอเมย์? เราต้องทำอะไรบ้างไหม?"จารวีถามอย่างซื่อ ๆ
เมย์ส่ายหน้า "ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่มาแสดงความยินดีกับริสาก็พอแล้ว"
ในขณะที่เธอกำลังเคี้ยวขนมเต็มปาก ภาพที่ปรากฏตรงทางเข้างาน ก็ทำให้เธอชะงักกึก เธอเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่าที่คุ้นตาเดินเข้ามา!
"เฮ้ย! แปลกจัง ยัยเมย์ชวนพี่ชายมางานแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย?" จารวีได้แต่สงสัยอยู่ในใจ
เมฆินทร์... ผู้ชายที่เธอเคยเจอตั้งแต่ตอนปี 1 และภาพเขาก็ติดตาตรึงใจมาจนถึงทุกวันนี้ นี่คือความประทับใจมากที่สุดของเธอ ในวันนั้น...
เธอจำได้ดี วันที่กระโปรงนักศึกษาของเธอขาดขึ้นสูงเพราะไปเกี่ยวกับตะปูหรือลวดอะไรสักอย่างซึ่งเขาน่าจะมาส่งน้องสาว เขาที่มาทำอะไรสักอย่างที่มหาวิทยาลัย ในตอนนั้น เขาได้หยิบเสื้อคลุมมาผูกปิดไว้ที่เอวของเธออย่างสุภาพ จนถึงวันนี้ เธอยังไม่เคยมีโอกาสได้คืนเสื้อตัวนั้นให้เขาเลย... นั่นคือความประทับใจที่เขาสลักไว้ในความทรงจำ โดยที่ตัวเขาไม่เคยรับรู้เลยแม้แต่น้อย
"อ้าว! ยัยเมย์! มางานนี้ได้ยังไง? กลับจากเชียงใหม่ไม่เห็นบอกพี่เลย!" เสียงทุ้มเมฆินทร์ดังขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามากับกลุ่มเพื่อนสนิท
"อ้าว! ยัยเมย์... นี่แกรู้จักเจ้าของบ้านหลังนี้ด้วยเหรอ?" จารวีถามเพื่อนด้วยความงง
"เออ! พอดีพ่อกับแม่ฉันสนิทกับคุณอาผู้หญิงที่เสียไปแล้วน่ะ ตอนแรกฉันก็ไม่รู้ว่างานอะไร บอกแค่มางานเลี้ยงต้อนรับแม่ริสา พอมาถึงฉันมัวแต่ตกใจ เลยยังไม่ได้บอกว่าฉันรู้จักเจ้าของบ้านนี้"
"โธ่เอ๊ย! แกไม่ยอมบอกฉัน ฉันก็ลืมไปว่าแกก็ลูกคุณหนู น่าจะอยู่ในแวดวงนี้อยู่แล้ว" จารวีบ่นอย่างขำ ๆ
เมย์รีบแนะนำเพื่อนให้รู้จักกับพี่ชายและกลุ่มเพื่อน "พี่ ๆ คะ คนนี้จี๊ด เพื่อนสนิทของเมย์ ส่วนนี้คงไม่ต้องแนะนำนะคะ ริสาคนสำคัญของงาน"
เมย์หันไปทางจารวี "จี๊ด... นี่ พี่เมฆ พี่ชายฉันเอง จำได้มั้ย...ได้เจออีกกันซักทีนะ...ส่วนนั่น พี่ธนา แล้วก็... พี่วายุ เอาล่ะ ทุกคนรู้จักกันแล้วนะ งั้นก็แยกย้ายแยกย้ายๆ หาอะไรกิน...!"
ในขณะที่จารวรีกำลังเพลินกับขนมอีกครั้ง เธอก็เหลือบไปเห็นเมฆินทร์เต้นรำกับริสาเพื่อนรักของเธอ เธอรีบหันหน้าหนี แต่แล้วเสียงทุ้มเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
"มีใครจะเต้นรำกับพี่ไหม?"
จารวีสะดุ้งหันไปมองเมย์ แต่เมย์ก็ยืนเงียบ เธอจึงเป็นฝ่ายอาสา "เออ…ได้ค่ะพี่ธนา"
ธนา ลากจารวีออกไปเต้นรำข้าง ๆ คู่ของริสากับเมฆินทร์ แต่เพลงก็กำลังจะจบลงอย่างรวดเร็ว เธอที่เต้นไม่เป็นในจังหวะนั้นอยู่ดี ๆ ก็ถูกเหวี่ยงอย่างแรงโดยไม่รู้ตัว...
"ระวังครับ!"
เธอหลับตาปี๋ และเมื่อลืมตาขึ้น ก็พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนที่อบอุ่นและมั่นคงของ เมฆินทร์ ร่างสูงโปร่งและรอยยิ้มอ่อนโยนของเขาทำให้หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ กลิ่นน้ำหอมเย็น ๆ ผสมกับความสุภาพอ่อนโยน ทำให้เธอถึงกับตะลึงในความหล่อและสุภาพของเขา
"ขะ...ขอบคุณค่ะ พี่เมฆ"
"ไม่เป็นไรครับ น้องจี๊ด... เอ่อ พอดีจังหวะเมื่อกี้ดูจะวุ่นวายนิดหน่อย"
เมื่อเพลงใหม่บรรเลงขึ้น เมฆินทร์ประคองหญิงสาวให้เต้นตามจังหวะช้า ๆ เธอที่ดูเก้ ๆ กัง ๆ เต้นผิดเต้นถูก เหยียบเท้าของเขาไปหลายรอบ
ใบหน้าแดงเธอก่ำด้วยความเขินอาย "ขอโทษนะคะพี่เมฆ... จี๊ดเต้นรำไม่ค่อยเก่งค่ะ"
เมฆินทร์ยิ้มบาง ๆ "แบบนี้เขาไม่เรียกไม่ค่อยเก่งครับ... เขาเรียกว่าไม่เป็นเลยต่างหาก" เขาหัวเราะเบา ๆ "ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวพี่นำให้เอง ไม่ต้องตื่นเต้น" ไม่ต้องกังวล แค่ตามจังหวะพี่ไปเรื่อย ๆ นะครับ"
เขาจับมือเธอไว้แน่นขึ้นอย่างให้กำลังใจ แล้วค่อย ๆ โน้มตัวกระซิบเบา ๆ ข้างหู...
"ผ่อนคลายหน่อย... หายใจเข้าออกลึก ๆ ครับ"
ความใกล้ชิดนั้นทำให้จารวีใจเต้นแรงจนหูอื้อ เธอได้แต่พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย แล้วพยายามตั้งใจเต้นตามจังหวะที่เมฆินทร์นำพาไปอย่างเชี่ยวชาญ
ในห้วงความคิดของจารวี: โอ้โห... นี่แหละสวรรค์! ผู้ชายคนนี้ช่างดีงามอะไรขนาดนี้ รอยยิ้มก็อ่อนโยนมาก... โดนเหยียบเท้ายังไม่โกรธ! แถมยังสอนเราเต้นอย่างใจเย็นอีกต่างหาก! ผู้ชายอะไรเพอร์เฟกต์ขนาดนี้!
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใสและเปล่งปลั่งขึ้นทันตาเห็น เธอเต้นตามเขาจนจบเพลงด้วยหัวใจที่พองโต ความประทับใจครั้งที่สองที่ได้รับจากสุภาพบุรุษคนนี้ ทำให้ภาพของเมฆินทร์ถูกสลักไว้ในความทรงจำและความรู้สึกของเธอในฐานะ... รักแรกพบ
ทันทีที่เพลงจบลง เมฆินทร์โค้งคำนับเล็กน้อย
"ขอบคุณที่ให้เกียรติเต้นรำด้วยนะครับ น้องจี๊ด"
"ยินดีค่ะ!"
ในใจของจารวีอยากจะเต้นกับพี่เมฆอีกสักร้อยเพลง!...
เมื่อเธอกลับถึงคอนโด ก็มีเสียงโทรศัพทร์ดังขึ้น
<คลืด คลืด....>
ว่าไงยัยเมย์....
แกถึงคอนโดหรือยัง ฉันเป็นห่วง?
ถึงแล้ว....พึ่งถึง
ดีแล้ว...สรุปวันเสาร์นี้ปาร์ตี้เปิดไนท์คลับพี่วายุ ไปแต่งสวยห้องแกนะ
โอเค...ตามนั้น
ความคิดในใจ พี่พึ่งรู้จักจี๊ด...แต่จี๊ดรู้จักพี่มาตั้งนานแล้วนะคะ...พี่เมฆ...เมฆินทร์
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







