LOGINเสียงครวญครางหวานแผ่วด้วยความเสียวซ่านและจุกแน่น มือเรียว ของคนน้องกำผ้าปูจนยับยู่ยี่ หายใจขาดห้วงไปทั่วท้องเพราะต้องทนกับแรงกระแทกที่หนักหน่วงและเร่าร้อน
"จะ...จี๊ด... รักพี่... รัก....รักพี่เมฆ... อ้าา~"
"จะยั่วพี่ไปถึงไหน.. ฮื้อ~"
เสียงหวานของเธอที่เปล่งคำว่ารักออกมาท่ามกลางห้วงอารมณ์นั้น ทำให้เมฆินทร์แทบคลั่ง สติสัมปชัญญะของเขาแตกกระเจิงไปหมดสิ้น ความดิบเถื่อนถูกปลุกให้ตื่น เขาไม่รอช้าอีกต่อไป
"พี่ก็รัก... รักที่สุด จี๊ด...อ้าา"
พูดจบ เอวสอบก็กระหน่ำซอยถี่อย่างบ้าคลั่ง แท่งเนื้อใหญ่โตพุ่งเข้าใส่ร่องรักที่ตอดรัดแน่นอยู่ราวกับจะดูดกลืน จังหวะกระแทกเร็วกว่าเดิม หนักหน่วงกว่าเดิม จนร่างบางแทบจะปลิวไปตามแรง
"อ๊ายยยย! อื้อออ! พ...พี่เมฆ! อ้าาาา~"
คนน้องร้องครางเสียงหลง ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวด้วยความสุขสมปนเจ็บจุก หน้าท้องแบนราบกระเพื่อมไหวรุนแรง ทุกการกระแทกส่งผลให้เธอกระตุกสั่นไปทั้งตัว น้ำตาคลอเบ้าด้วยความซ่านเสียวที่ถาโถมไม่หยุดหย่อน
คนพี่ก้มลงมองใบหน้าหวานที่กำลังจะถึงขีดสุด เขาเห็นดวงตาที่พร่ามัวไปด้วยไฟราคะ มือหนาบีบเคล้นสะโพกมนอย่างแรงเพื่อตรึงร่างบางไว้ไม่ให้หนีไปไหน เขาต้องการให้เธอรับเอาทุกอย่างจากเขา!
"อึ๊ก! อ้าาาา! จี๊ดไม่ไหวแล้ววว...พี่เมฆ! ...อ๊างงงงงงง!~"
พร้อมเสียงหวานที่กรีดร้องออกมาสุดเสียง ร่องรักของเธอก็ บีบรัดเกร็งตัว ตอดรัดแก่นกายของเขาไว้จนเมฆินทร์ต้องซี้ดปากอย่างทรมาน คลื่นสวรรค์ของเธอซัดสาด ทำให้น้ำรักเอ่อล้นไหลออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
"อ่าาา... นักเรียนของพี่เก่งที่สุด!"
เมฆินทร์กระซิบเสียงแหบพร่าข้างใบหู ก่อนจะเร่งจังหวะให้เร็วและหนักหน่วงขึ้นอีกครั้ง ตามสัญชาตญาณที่สั่งให้เขาปล่อยความปรารถนาทั้งหมดลงไป
"อึ๊ก! ซี๊ดดดด! อ้าาาา!"
เขาคำรามออกมาอย่างไม่อาย แท่งเนื้อร้อนผ่าวฉีดพ่นน้ำอุ่นหนืด จนแทบจะล้นถุง...ออกมา ความสุขสมที่ปะทุขึ้นพร้อมกัน ทำให้ร่างแกร่งเกร็งค้างอยู่เหนือร่างบาง ดวงตาคมวาวโรจน์ด้วยความอิ่มเอม หัวใจเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก
ทั้งคู่ค้างอยู่ในท่าทางนั้นเนิ่นนาน ลมหายใจหอบถี่พ่นรดใส่กันและกัน ร่างกายเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อและน้ำรักที่ผสมปนเป
เมฆินทร์ทรุดตัวลงนอนข้าง ๆ ดึงร่างบางที่อ่อนปวกเปียกเข้ามากอดแน่น เธอซบใบหน้าลงกับแผงอกแกร่งเขาอย่างออดอ้อน
<...~...>
"รู้ไหมว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมามันไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องความผิดพลาดหรือความบังเอิญหรอกที่ทำให้เราได้ใกล้ชิดกันแต่มันเป็นเพราะ...." เมฆินทร์เสียงนุ้มนวลแต่จิงจัง
เขาก้มมองใบหน้าหวานที่ระเรื่อไปด้วยสีแดงก่ำของเธอ มืออบอุ่นค่อย ๆ เชยคางมน ขึ้นมาอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มอ่อนโยนแต้มอยู่บนมุมปาก เมื่อเห็นแววตาอยากรู้ที่ฉายชัดอย่างน่ารักของเธอ
"พี่... อยากเห็นหน้าเราต่างหากล่ะ" เขาตอบอย่างชัดเจนด้วยน้ำเสียงที่นุ่มละมุน
จารวี อึ้งไปเล็กน้อย หัวใจเต้นระรัวในอก "อะไรนะคะ... อยากเห็นหน้าจี๊ดเนี่ยนะ?"
"ใช่สิครับ" เมฆินทร์กระซิบ "ไม่เคยคิดเลยเหรอว่าทำไมวันนั้น... วันที่พี่พาเราไปโรงพยาบาล แล้วพี่ถึงต้องขอเบอร์ ขอไลน์ไว้ตั้งแต่ตอนนั้น?"
"ก็พี่บอกว่าเผื่อฉุกเฉินไงคะ" เธอย้อนกลับอย่างไม่แน่ใจ แม้เสียงจะเบาลงอย่างน่ารัก เขากระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นอีกนิด ปล่อยให้ใบหน้าของเธอซบอยู่กับแผงอกอุ่น ๆ ของเขา
"มันก็จริง... แต่ความจริงคือ... ตอนนั้นพี่อยากคุยกับเราใจจะขาด ถ้าพี่ไม่ขอเบอร์ไว้ พี่จะได้คุยกับนางฟ้า คนนี้ไหมล่ะ ฮื้อ?"
"ก็แล้วพี่จะอยากคุยกับจี๊ดทำไม พี่ก็เพิ่งเจอจี๊ดวันงานเลี้ยงต้อนรับริสากับแม่เองไม่ใช่เหรอ?"
เมฆินทร์ ถอนหายใจยาว ก่อนจะก้มลงจูบที่เรือนผมหอมกรุ่น "ก็เพราะเราเพิ่งเจอกันไงครับ... พี่ถึงไม่อยากให้มันพลาดโอกาสไปอีก"
คำพูดนั้นทำให้เธอรีบขยับตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงอย่างจริงจัง เธอจ้องหน้าเขาอย่างไม่ลดละ ดวงตาเป็นประกายวับวาว
"หมายความว่ายังไงคะ? พูดให้รู้เรื่องสิคะ!"
เมฆินทร์ เงียบไปครู่หนึ่ง เขายื่นมือไปจับมือเรียว ๆ ของเธออย่างอ่อนโยน สัมผัสที่อบอุ่นทำให้เธอใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
"บอกพี่มาก่อน... เสื้อของพี่... ยังอยู่ไหม? ทิ้งไปหรือยัง?"
จารวีเบิกตากว้าง ความทรงจำที่เธอกดเอาไว้ลึกสุดใจพลันพุ่งเข้ามาในหัวอย่างรุนแรง
"เสื้อ... เสื้ออะไรคะ..." เธอถามเสียงสั่น
"สามปีก่อน... จำพี่ไม่ได้เหรอ... แล้วก็....เสื้อของพี่"
น้ำตาของเธอรื้นขึ้นมาในดวงตา เธอรีบก้มหน้าซ่อนใบหน้าที่แดงจัดจากความเขินอายและความรู้สึกที่อัดแน่น
"แสดงว่าเสื้อ... ของพี่ยังอยู่" เมฆินทร์ยิ้มอย่างมีความสุข เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีกครั้งราวกับจะไม่ยอมปล่อยเธอไปไหน
"พี่... รู้มาตลอดว่าเป็นจี๊ดเหรอคะ"
เมฆินทร์ จูบลงบนหน้าผากของเธอด้วยความเอ็นดู แล้วกระชับร่างบางไว้แน่นในอ้อมแขน เขารับรู้ได้ว่าการคลายปมความเข้าใจผิดครั้งนี้สำคัญกับเธอมาก
"ถามแบบนี้แสดงว่าจำพี่ได้มาตลอดเลยใช่ไหม"
เขาดึงเธอเข้าไปกอดแล้วพูดต่อ
"พี่ไม่ได้อยากจะรุกเข้าหาตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้จักกันอย่างเป็นทางการในงานเลี้ยงของริสา... มันไม่ใช่แค่เรื่องคืนนั้นที่ไนท์คลับ แต่เป็นเพราะพี่สนใจเรามานาน... นานเกินกว่าที่เราจะรู้ตัว"
เขาลูบผมเธอเบา ๆ พลางนึกย้อนไปถึงภาพในอดีต ภาพความทรงจำที่ติดอยู่ในใจเขาตลอดมา
สามปีก่อน
"วันที่พี่ไปส่งเมย์ที่มหาวิทยาลัย... พี่เห็นนักศึกษาสาวคนหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาดูอะไรบางอย่างอยู่ใต้ต้นไม้หน้าคณะ
ตอนที่กระโปรงเธอไปเกี่ยวกับลวดแล้วขาด... พี่นั่งอยู่ในรถแล้วเห็นเหตุการณ์พอดี เลยรีบคว้าเสื้อในรถวิ่งออกไปทันที พี่เอาเสื้อมาผูกให้เธอเพราะกลัวคนจะเห็น...แต่พี่เดินกลับมาที่รถโดยที่ไม่ทันได้ถามชื่อ พอหันกลับไปอีกที เธอก็หายไปซะแล้ว ตั้งแต่วันนั้น... พี่จำเธอได้ แม้จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชื่ออะไร"
งานเลี้ยงบ้านธนา
"วันงานเลี้ยง... ทันทีที่พี่เห็นหน้าเรายืนอยู่กับเมย์ พี่จำได้ติดตาเลย ผู้หญิงที่พี่เคยช่วยไว้สามปีก่อน คือผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าพี่ตอนนี้ ตอนที่เธอถูกเหวี่ยงเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนพี่ แถมเหยียบเท้าพี่อีก! หัวใจพี่เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมา"
"ตอนนั้น พี่อยากจะเข้าไปถาม... ว่าจำพี่ได้ไหม? แต่พี่ไม่กล้า กลัวจะดูเหมือนนักล่า... กลัวจะดูรุกใส่เรามากเกินไป พี่เลยทำได้แค่เฝ้ามองห่าง ๆ"
คืนที่ไนท์คลับและโรงพยาบาล
"แล้วโชคชะตาก็ทำให้เราได้ใกล้ชิดกันเป็นครั้งแรก วันที่เธอปวดท้องหนักอยู่หน้าไนท์คลับ นั่นคือโอกาสที่ทำให้พี่ได้ช่องทางการติดต่อของเธอมา... พี่แค่ต้องการจะรู้ว่าเธอสบายดีไหม และอยากมีข้ออ้างได้คุยกับเธออีก"
เมฆินทร์ ก้มลงมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก "ส่วนเรื่องริสา... พี่แค่แกล้งแหย่ธนา เพราะอยากรู้อาการของมันว่าคิดยังไงกับริสา พี่ไม่คิดเลยว่าจะทำให้จี๊ดเข้าใจแบบนั้น"
เขาหยุดพูดและจ้องมองดวงตาเธออย่างสื่อความหมาย "แล้วคืนที่เราเข้าใจผิดว่าพี่ไปดื่มเหล้าจนเมา... พี่แค่... แค่อยากพาไปเที่ยวบ้าง ก็เห็นว่าวันนั้นต้องเข้าโรงพยาบาลและอดเที่ยวกับเพื่อน ๆ พี่แค่อยากเห็นเราสนุก... ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลยเถิดไปถึงขั้น... ในคืนที่แสนวิเศษนั้น..."
เมฆินทร์ ประคองใบหน้าเธอขึ้นมา และสบตาอย่างลึกซึ้ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความจริงใจที่ทำให้โลกของเธอหยุดหมุน
"พี่ไม่ได้ผิดหวังจากใครแล้วมาบอกชอบเรานะ... พี่รู้สึกกับจี๊ดมานานแล้ว ตั้งแต่สามปีก่อน... ตั้งแต่ที่พี่เห็นเรานั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ถึงมันจะยังไม่ใช่ความรักในตอนนั้น แต่ภาพของผู้หญิงคนนั้น... มันก็ติดตาพี่มาตลอด"
เขาลากจมูกไปตามแก้มของเธออย่างอ่อนโยน สัมผัสที่ทำให้หัวใจของเธอละลาย
"และเรื่องที่พี่โทรชวนไปเยี่ยมริสา... มันไม่ใช่แค่นั้นหรอก... พี่แค่อยากเจอหน้าเราต่างหากล่ะ มันก็ต้องเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ ถึงจะมีโอกาสได้อยู่ใกล้ ไม่คิดบ้างเหรอ ว่าทำไมพี่ต้องโทรหาจี๊ด ถ้าพี่อยากจะไปเยี่ยมริสาจริง ๆ ทางไปบ้านธนาเพื่อนรักของพี่ พี่ก็รู้ รถพี่ก็ขับเป็น... ไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม"
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







