Share

บทที่ 2 ใจแข็งให้มาก

last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-04 18:14:26

ปัจจุบัน

ต้นยามอิ๋น[1]แล้ว ทว่าเจ้าของร่างสูงโปร่งยังคงเดินวนไปมาราวกับแมลงตัวเล็กที่ถูกขังไว้ในถ้วยชา ครอบปิดไว้บนโต๊ะไม้สลักลายสวยงาม ไร้หนทางหลบซ่อนหลีกหนี หัวคิ้วของเขาแทบชนกัน ริมฝีปากเม้มอยู่เนือง ๆ ราวกับมีปัญหาใหญ่ที่ต้องขบคิดทำความเข้าใจ

หลี่จินหมิงยามนี้ยากจะควบคุมอารมณ์พลุ่งพล่าน ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาไม่ว่าเรื่องใดก็มิสามารถทำให้เขาเปิดเผยความรู้สึกของตนได้ ความสูญเสียทำให้เขากลายเป็นบุรุษที่มีสีหน้าเรียบเฉยและหนักแน่นดุจเขาไท่ซาน แต่สามวันที่ผ่านมาทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปราวกับพลิกฝ่ามือ

‘หึ! ไม่นึกว่าเจ้าโตมาจะเป็นสตรีเช่นนี้ สวรรค์กลั่นแกล้งข้าแล้วจริง ๆ’

เขามิแน่ใจว่า ‘ภรรยาลับ’ จะตีความหมายไปในทางใด เข้าใจว่าประโยคที่หลุดออกจากปากเป็นเพราะความผิดหวังที่นางมีนิสัยต่างไปจากเดิม หรือมองลึกทะลุทะลวงและเห็นว่า ‘ท่านอา’ กำลังคิดถึงเรื่องผิดบาป ในยามเห็นดวงตาหวานซึ้งที่ซ่อนความกระวนกระวายไว้แทบมิได้

ความดื้อรั้นทว่าเย้ายวนของนางทำให้เขามิสบายใจ กลัวว่าจะผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับตวนอ๋องสูงศักดิ์ ถึงขั้นกล่าวโทษสวรรค์ว่ากลั่นแกล้งให้ต้องเผชิญกับความงามที่ต้านทานได้ยากยิ่ง

เสวียนหนิงอันเติบโตแล้วงดงามมากเกินไป

“ไม่ได้ เจ้าจะลืมคำพูดของตนไม่ได้!”

หลังจากถูกวางยาชีวิตของหลี่จินหมิงก็เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง เขาจำได้ดีว่าถูกศิษย์พี่ร่วมอาจารย์ทำร้ายร่างกาย ตวนอ๋องเฉินฟาหยางกระชากคอเสื้อแทบขาด ก่อนเหวี่ยงหมัดที่หนักไม่ต่างจากวันวานกระแทกกับโหนกแก้มเต็มแรง ชั่วพริบตานั้นเองที่หลี่จินหมิงฟื้นคืนสติราวแปดส่วน อีกสองส่วนยังมึนงงเพราะหมัดที่คุ้นเคย แม้ปากอยากถามว่าหาวิธีแก้ไขที่ดีกว่าการใช้กำลังมิได้แล้วหรือ แต่พอเห็นเรือนร่างบอบบางสวมเพียงเสื้อตัวในนั่งหันหลังร้องไห้สะอึกสะอื้นกับมารดาอยู่ไม่ไกล เขาจึงเข้าใจทุกอย่างได้ในทันที

หลี่จินหมิงถูกเจ้าตัวเล็กเล่นงานเสียแล้ว!

หลังจากทบทวนอยู่ชั่วขณะ เขาก็บอกกับตวนอ๋องเฉินฟาหยางว่ามิได้มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น ทั้งยังเรียกร้องให้ตามหมอหลวงมาตรวจดูร่างกาย ทว่าเสียงหัวเราะและคำตอบที่เย็นชากลับทำให้เขาต้องประหลาดใจ

‘ข้ารู้ว่าไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น’

‘แล้วเหตุใดท่านจึงต่อยข้าเล่า!’

‘เพราะเจ้ามันโง่งม! รู้อยู่แก่ใจดีว่านางรู้สึกกับเจ้าเช่นไร นางมากเล่ห์แสนกลมากมายเพียงใด แล้วไยยังไม่รู้จักระมัดระวัง ปล่อยให้ตนเองตกหลุมพรางนางได้อีกเล่า!’

หลี่จินหมิงถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ที่แท้ศิษย์พี่ลงมือเพราะเขามิรู้จักระวังตัว แต่เรื่องนี้จะโทษเขาฝ่ายเดียวได้อยู่หรือ มิใช่ว่าเสวียนหนิงอันนิสัยเจ้าเล่ห์มากแผนการเหมือนบิดาของนางหรอกหรือ

ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว หลี่จินหมิงจึงไม่คิดอีก

ต่อให้มิได้เกิดเรื่องอันใดขึ้นแล้วอย่างไร นางเป็นสตรีย่อมมิอาจชิดใกล้กับบุรุษ แม้มั่นใจว่าไม่มีเรื่องเกินเลย แต่เสื้อผ้าที่อยู่บนร่างของเขานั้นไม่เรียบร้อย ตัวนางเองก็ไม่เรียบร้อย

ทว่าทุกอย่างกลับเรียบร้อยสมใจเสวียนหนิงอัน

ตวนอ๋องเหยียดยิ้มไม่น่ามอง กล่าวโทษว่านางกลายเป็นสตรีที่เอาแต่ใจเช่นนี้ก็เพราะในวัยเด็กถูกตามใจมากเกินไป หลี่จินหมิงหลับตาคิดภาพตาม พบว่ามีความเป็นไปได้ว่านางเป็นเช่นนี้เพราะเขาคือตัวต้นเหตุ

หากเขารู้จักดุด่าหรือว่ากล่าวตักเตือนนางบ้าง ยามนี้ก็คงไม่ต้องมานั่งกังวลเพราะถูกลวงให้ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนมิได้กระทำ

‘ต้องปราบนางให้หายดื้อ แน่นอนว่าเจ้าต้องร่วมมือด้วย’

‘ท่านจะให้ข้าทำเรื่องชั่วช้าอันใดอีก’

ข้อเสนอของตวนอ๋องฟังดูแล้วมิใช่เรื่องลำบาก เพียงต้องทำให้นางตระหนักได้ว่าความรู้สึกที่มีนั้นเป็นเพียงความลุ่มหลงและต้องการเอาชนะ หาใช่ความรักลึกซึ้งแต่อย่างใดไม่ หลี่จินหมิงเห็นด้วยว่าสมควรให้บทเรียนแก่นางจึงยอมทำตามคำขอร้องที่แฝงการบังคับถึงเก้าส่วนของตวนอ๋องอย่างเต็มใจ

เต็มใจอยู่กระมัง?

เขาคิดว่าการกดดันคุณหนูที่มิเคยสัมผัสกับความลำบากมาก่อนให้ยอมแพ้นั้นเป็นเรื่องง่าย จึงยอมลงนามในหนังสือสัญญาของตวนอ๋อง เนื้อความในหนังสือฉบับนั้นสั้นกระชับ มีใจความว่าหากนางเข้าใจความรู้สึกของตนเองแล้วว่ามิได้รักใคร่ในเชิงชู้สาวก็ค่อยอธิบายทุกอย่างให้กระจ่างชัดในทันที

‘เป็นเพราะข้าตามใจนางมากไป…’

‘เรื่องเก่าไม่ต้องพูดแล้ว การแต่งงานในครั้งนี้ให้ถือว่าเป็นเพียงละครฉากหนึ่ง หากนางตระหนักได้ว่าตนมิได้รักใคร่ไยดีกับเจ้าจริง ยามนั้นค่อยเฉลยทุกอย่างต่อนาง’

‘เรื่องนี้ไม่ยาก ท่านเลี้ยงดูนางมิเคยให้ลำบาก ย่อมกลั่นแกล้งได้อย่างง่ายดาย’

‘เจ้าอย่าประมาทนางจนเกินไป หนิงเอ๋อร์อยากได้อันใดก็มิเคยพลาด เรียกได้ว่าไม่เคยยอมแพ้ ทั้งยังชอบแสดงละคร กล่าวถ้อยคำบิดเบือนโกหก…’ เขาจำได้ว่าตวนอ๋องเฉินฟาหยางกระแอมเบา ๆ เพราะตนเองก็เคยโกหกมามาก ‘หากเจ้าไม่รักบุตรสาวข้าก็อย่าให้ความหวังนางว่ารักใคร่ ห้ามผูกสัมพันธ์ลึกซึ้งทั้งทางกายและทางใจ’

‘มากความ ยุ่งยากยิ่งนัก!’

‘ยุ่งยากอย่างไรก็ต้องทำ นั่นหนิงเอ๋อร์นะ หรือว่าเจ้าไม่เอ็นดูนาง ไม่เห็นว่านางเป็นหลานสาวตัวเล็กของเจ้าแล้ว’

เมื่อถูกถามเช่นนี้หลี่จินหมิงก็พูดไม่ออก ใบหูของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงโดยไม่รู้ตัว พลางนึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อปีที่แล้ว เขาได้รับเทียบเชิญให้ไปร่วมพิธีปักปิ่น

เดิมทีก็ว่าจะไม่ไปแต่พอได้ฟังวาจากระทบกระเทียบขององค์ชายรัชทายาท ว่าเขาเป็นบุรุษที่ไม่รักษาสัญญาที่ว่าจะไปเยี่ยมนางอยู่บ่อย ๆ กอปรกับมีความทุกข์ในใจ ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศเพื่อให้ผ่อนคลายมากสักหน่อย เขาจึงตัดสินใจเข้าร่วมพิธีโดยมิได้แจ้งตำหนักเยว่ฉีล่วงหน้า

เพียงแวบแรกที่เห็นเจ้าตัวเล็ก หลี่จินหมิงก็พลันรู้สึกว่าหัวใจห่อเหี่ยวนั้นคล้ายถูกแมวข่วนจนคันยุบยิบ เขาลอบสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างละเอียด ใบหน้าของนางอมยิ้มเล็กน้อย ดวงตาหวานซึ้งแฝงความดื้อรั้นไม่ต่างจากบิดาผู้ให้กำเนิด กลีบปากสีดอกเหมยกุ้ยดูอวบอิ่มและหวานฉ่ำ จมูกโด่งน่าหยิกรั้นขึ้นเล็กน้อยนั้นเป็นเพียงส่วนเดียวที่คล้ายกับมารดา

หลี่จินหมิงคาดเดาว่าผิวของนางต้องงดงามอย่างมาก เพราะทั้งตวนอ๋องและพระชายาล้วนแต่มีผิวขาว นึกไม่ถึงว่าจะประเมินเรื่องนี้ต่ำไป

เขาชะงักไปชั่วครู่ในยามที่นางยกแขนโบกมือ เผยผิวบริเวณข้อมือและแขนเรียวสวย เอ่ยเรียกชายหนุ่มที่ดูแล้วน่าจะอายุราวยี่สิบปีที่อยู่ไม่ไกล ทว่าหลี่จินหมิงมิได้สนใจผู้มาใหม่ เขาถูกผิวพรรณงดงามและขาวดุจเรืองแสงได้สะกดเอาไว้ในพริบตา

หลี่จินหมิงชอบสตรีที่มีผิวพรรณดี แต่กับเสวียนหนิงอันต้องใช้คำว่าผิวพรรณงดงามอย่างมาก

ทว่าเรื่องเหล่านี้สมควรคิดอยู่หรือ นางเป็นหลานสาวของเขามิใช่หรือ ถึงจะไม่ได้มีความเกี่ยวพันทางสายเลือด แต่ก็เคยอุ้มชูดูแล ถึงจะมิได้เจอกันนานกว่าห้าปี แต่ก็เคยหยอกล้อเอาอกเอาใจ การมองนางอย่างที่บุรุษลอบมองสตรีนับว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมโดยแท้

หลี่จินหมิงพยายามเตือนสติตนเองอยู่นาน เดินห่างจากนางให้มากที่สุด แต่ทันทีที่ดวงหน้าหวานผินมองมาและยิ้มให้กับเขา ดวงตาสองคู่ประสานกัน ร่างกายของหลี่จินหมิงก็พลันเครียดแข็ง เลือดในกายสูบฉีดทั่วร่าง รีบสาวเท้าออกจากตำหนักเยว่ฉีและตรงเข้ารักษาความคิดอกุศลกับเหล่าสาวงามในหอหยวนเซียวทันที มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าค่ำคืนอันยาวนานนั้นเขาจินตนาการถึงใบหน้าของสตรีใด

‘ว่าอย่างไร เจ้าไม่เห็นนางเป็นหลานแล้วหรือ!’

‘ย่อมต้องเอ็นดูนางไม่ต่างจากวันวาน เอาเถิด เช่นนั้นก็ลองใช้เหตุผลที่ข้าอ้างกับพวกแม่สื่อดู’

หลี่จินหมิงให้คำตอบว่ายังรู้สึกกับนางเฉกเช่นในวันวาน พร้อมกับเล่าไปด้วยว่าเคยกล่าวความเท็จกับพวกแม่สื่อที่ตามตอแยให้แต่งงานใหม่ ว่าต้องการไว้ทุกข์ให้กับภรรยาและบุตรที่มิได้ลืมตามาดูโลกเป็นเวลาสามปี เขาใช้เหตุผลเดียวกันนี้มาต่อรองเพื่อให้ทุกอย่างออกมาดูสมจริงมากที่สุด

เพื่อปกปิดสถานะและรักษาเกียรติของเสวียนหนิงอันแล้ว หลี่จินหมิงต้องอ้างว่าไม่สามารถจัดพิธีอันใดได้เพราะต้องรักษาเกียรติของตนเอง มิให้ผิดคำกล่าวที่ว่าต้องการไว้ทุกข์สามปีก่อนแต่งภรรยาใหม่เข้าบ้าน

เสวียนหนิงอันจำต้องยอมรับตำแหน่งภรรยาลับ กล่าวว่ายินดีรอจนกว่าเขาจะออกจากการไว้ทุกข์ ซึ่งก็คือในอีกสิบเดือนข้างหน้า ถึงเวลานั้นแล้วค่อยจัดการทุกอย่างให้ถูกต้องตามประเพณี โดยมิได้รู้เลยว่าเขาคิดใช้ช่วงเวลาสิบเดือนนี้พิสูจน์ว่านางมิได้รัก ทว่าเป็นความลุ่มหลงและอยากเอาชนะเท่านั้นเอง

‘หากข้าทำไม่สำเร็จ พ่ายแพ้ต่อเล่ห์กลของนางเล่า!’

‘เรื่องนี้ย่อมแก้ไขได้ไม่ยาก…’

ตวนอ๋องเฉินฟาหยางทำราวกับว่าการแต่งคุณหนูที่เอาแต่ใจตนเองอย่างมากเป็นภรรยาลับนั้นเป็นเรื่องง่าย ในขณะที่หลี่จินหมิงเองแทบไม่เห็นชัยชนะ ยิ่งต้องเผชิญหน้ากับความงามที่แสนเย้ายวนด้วยแล้ว อาจเรียกได้ว่าพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังมิเริ่มต้นแผนการเลยเสียด้วยซ้ำ

“เช่นนั้นก็ต้องใจแข็งให้มาก พูดคุยให้น้อย… มองหน้าให้น้อยยิ่งกว่า”

กว่าหลี่จินหมิงจะข่มตาหลับได้ก็ยามเหม่า[2]แล้ว

‘รักมากถึงเพียงนั้นเลยหรือ

คำถามสั้น ๆ ที่ยังตราตรึงแม้ในยามตื่นนอนทำให้เสวียนหนิงอันถึงกับต้องพ่นลมหายใจออกมาอย่างกลัดกลุ้ม นางจำได้ว่าตอนนั้นร้องไห้สะอึกสะอื้น ก้มหน้ายอมรับความจริงอย่างปวดร้าว ทั้งยังจำได้อีกด้วยว่ามารดามิได้ดุด่าว่ากล่าวเหมือนทุกครั้งที่ก่อเรื่อง บนใบหน้างดงามมีเพียงความเห็นใจ มิตอกย้ำซ้ำเติมเรื่องการกระทำที่ไม่เหมาะสม แต่นั่นกลับทำให้นางรู้สึกแย่เสียยิ่งกว่าเดิม

‘ใช้หัวใจให้มาก ใช้สมองวางแผนน้อยลงหน่อย หนิงเอ๋อร์เข้าใจที่แม่พูดหรือไม่’

‘เจ้าค่ะ ท่านแม่’

‘อย่าลืมใช้สติให้มาก เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วย่อมแก้ไขไม่ได้ อดีต... แก้ไขไม่ได้ ที่ทำได้คือการมองไปข้างหน้าและทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด แล้วทุกอย่างจะออกมาดีเอง’

เสวียนหนิงอันคิดตามคำสอนของมารดาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เข้าใจดีแล้วว่าบุรุษมิชอบสตรีมากเล่ห์ร้อยกล แค่ถูกวางยาจัดฉากให้อยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะสมจนต้องรับนางมาเป็นภรรยา เพียงเท่านั้นก็ยากจะกอบกู้ความสัมพันธ์ให้กลับมาดีได้แล้ว แต่กระนั้นเสวียนหนิงอันก็ยังคาดหวังว่าเขาจะยังใจดีไม่ต่างจากวันวาน ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่นางคิดผิดไป

ลืมนึกไปว่าเขามิใช่คนเดิมที่นางเคยรู้จักแล้ว...

“ท่านจะต้องรักข้า...” นางปลอบใจตนเองมิให้ใส่ใจกับถ้อยคำร้ายกาจที่เขาเอ่ยเมื่อหลายชั่วยาม[3]ก่อน ในเมื่อนางทำผิดจริงก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา และในระหว่างนั้นก็หาทางทำให้เขากลับมาเอ็นดูนาง… รักนางดังเดิม

แน่นอนว่าต้องเป็นความรักฉันสามีภรรยา มิใช่อากับหลานเช่นเมื่อหลายปีก่อน แม้หนทางมีมากมายที่จะทำให้เขาลุ่มหลงจนถอนตัวได้ยาก แต่นางกลับเลือกวิธีที่ลำบากที่สุด

เสวียนหนิงอันเลือกที่จะไม่ใช้มารยาสตรี ละวางเล่ห์กลที่คล้ายฝังอยู่ในสายเลือดมาตั้งแต่กำเนิด หมายมาดว่าจะใช้ความจริงใจไถ่ความผิด และภาวนาว่าสักวันเขาจะเห็นถึงความตั้งใจดี นางมิได้ต้องการให้เขารักตอบอย่างที่นางรักเขา ขอเพียงไม่ผลักไสหรือดุเสียงแข็งเช่นเมื่อคืนที่ผ่านมาก็พอแล้ว

แต่กระนั้นนางก็ยังอดขุ่นเคืองใจมิได้

“ไม่มีสาวใช้จริง ๆ หรือนี่” นางสูดลมหายใจลึก ก่อนพาร่างบอบบางไปยังหลังฉากที่อยู่ไม่ไกลนัก

หลังจากล้างหน้าบ้วนปากด้วยน้ำเย็นเสวียนหนิงอันก็รีบแต่งตัวให้เรียบร้อย เสื้อผ้าที่เป็นของเก่าสวมแล้วอึดอัดเพราะทรวงอกของนางอวบขึ้นมากแล้ว ส่วนบังทรงนั้นรัดแน่นและทำให้หายใจลำบาก ทว่านางกลับไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยพรรค์นั้น ภาพสะท้อนบนกระจกต่างหากที่สำคัญจนถึงขั้นต้องอุทานออกมาอย่างตื่นตกใจ

“แย่แล้ว!”

มีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่เสวียนหนิงอันยอมไม่ได้ นั่นคือเรื่องของความงาม ยามนี้ขอบตาของนางบวมเล็กน้อย ริมฝีปากไม่อวบอิ่มเพราะเมื่อวานตื่นเต้นจนแทบมิได้ดื่มน้ำ ไหนจะเรื่องที่นอนหลับไม่สนิทตลอดคืนนั่นอีก

นางค้นของในหีบใบเล็กอย่างรวดเร็ว หวาดกลัวเหลือเกินว่าท่านพ่อจะมิอนุญาตให้สาวใช้บรรจุของสำคัญลงหีบมาด้วย แต่พอเห็นเครื่องประทินโฉมและสมุนไพรบำรุงผิวยังอยู่ครบถ้วน รวมถึงยาบำรุงร่างกายที่มีมากถึงสิบสองขวด ใช้ได้นานถึงสิบสองเดือน นางก็พลันรู้สึกอุ่นวาบทั่วทั้งหัวใจ

เสวียนหนิงอันทราบดีแล้วว่าท่านพ่อมิได้โกรธเคืองถึงขั้นลงโทษด้วยการยึดข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวทั้งหมด เรื่องเสื้อผ้าเก่าที่ส่งมานางยังพอทนได้ หากของสำคัญเหล่านี้มิได้ถูกขนย้ายตามมาด้วย เสวียนหนิงอันคงปวดใจมากเป็นแน่ แต่พอนึกดูให้ดีบิดาของนางภาคภูมิใจในความหล่อเหลาของตนอย่างมาก ย่อมไม่อาจหักใจทำร้ายบุตรสาวที่มีนิสัยเช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องยาบำรุงที่ต้องกินในทุก ๆ เช้าเป็นของที่ขาดไม่ได้ มีติดมาด้วยย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก

หลังจากกินยาที่กินมาตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัยสาวเรียบร้อยแล้ว มือเรียวจึงหยิบตลับขนาดเล็ก ตั้งใจว่าจะป้ายสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็นเพื่อให้ขอบตาของนางคล้ำน้อยลงสักหน่อย แต่สุดท้ายกลับชะงักมือชั่วคราว

หรือว่าจะใช้ร่องรอยเหล่านี้เรียกร้องความสนใจดี?

“ไม่ได้ ไม่ได้เป็นอันขาด”

เสวียนหนิงอันโคลงศีรษะเบา ๆ เตือนสติตนเองว่าจงใช้ความจริงใจเข้าสู้ มิใช่วางแผนจนถูกเกลียดชังมากขึ้นไปอีกขั้น นางทาสมุนไพรบำรุงผิวชั้นดีบนใบหน้า ซ่อนความไม่สดใสไว้ได้แปดส่วน แต่มิได้สนใจแต่งแต้มเครื่องประทินโฉมเพิ่มเติมแต่อย่างใด

นางพยายามเกล้าผมเช่นสตรีที่ออกเรือนแล้ว แต่กลับทำได้ไม่ดีจึงปล่อยผมยาวสยายลงตามเดิม ตั้งใจว่าจะทำผมเรียบง่ายเพราะคงได้อยู่แต่ในเรือนเล็กหลังนี้ ทว่ายังมิได้ทำอย่างที่ใจหวัง เสียงนุ่มทุ้มที่ดังมาแต่ไกลก็เปลี่ยนความตั้งใจนางเสียก่อน

เสวียนหนิงอันผลักประตูและเดินกึ่งวิ่งไปยังเจ้าของเสียงคุ้นเคย ปรากฏว่าเขายืนสั่งงานหญิงสูงวัยและสาวใช้อีกนาง ท่าทางเคร่งเครียดราวกับมีเรื่องคอขาดบาดตาย

“ท่านอา!” เสวียนหนิงอันเห็นเขาหยุดชะงักเล็กน้อย นางจึงยิ้มกว้างและก้าวขาเร็วยิ่งขึ้น แต่สุดท้ายกลับได้ยินประโยคที่ไม่น่าฟัง

“หากไม่มีเรื่องจำเป็นก็อย่าให้นางมารบกวนข้า”

น้ำเสียงเฉื่อยชาไร้อารมณ์ทำให้เสวียนหนิงอันหุบยิ้มทันที ใบหน้าของนางแดงก่ำเพราะความน้อยใจ ทั้งยังไม่รู้ว่าต้องทำเช่นใดต่อ ควรเดินกลับเข้าห้องไปขว้างปาข้าวของระบายอารมณ์ หรือว่าทักทายสตรีสูงวัยที่เมื่อวานเปิดประตูต้อนรับนางกลางดึกดี

“ฮูหยินน้อยรับมื้อเช้าเลยหรือไม่เจ้าคะ”

“ข้ายังไม่หิว…” ทว่าสายตาตำหนิของหญิงสูงวัยทำให้เสวียนหนิงอันกลืนน้ำลายพลางทัดปอยผมหลุดลุ่ยที่ใบหู พร้อมกับเตือนตนเองว่าที่นี่ไม่ใช่ตำหนักเยว่ฉี นางจึงควรระวังกิริยาให้มาก “ท่านป้าทำตามธรรมเนียมของบ้านนี้เถิด”

“เช่นนั้นก็รับอาหารเลยนะเจ้าคะ เลยเวลามาสองเค่อแล้ว”

เสวียนหนิงอันพยักหน้า ไม่ทำตัวยุ่งยากเอาแต่ใจอีก หากต้องการใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้อย่างราบรื่น นางก็ควรหาพรรคพวกไว้สักหน่อยมิใช่หรือ?

[1] ยามอิ๋น = ๐๓.๐๐ – ๐๔.๕๙ น.

[2] ยามเหม่า = ๐๕.๐๐ – ๐๖.๕๙ น.

[3] ๑ ชั่วยาม = ๒ ชั่วโมง

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ภรรยาลับพ่อค้าสกุลหลี่   บทที่ 8 สามีชรา 1

    ลูกค้าประจำของร้านซิงเยียนทยอยออกจากร้านในช่วงปลายยามอู่[1]เนื่องจากทราบดีว่าในทุก ๆ สิบห้าวันร้านจะเปิดเพียงครึ่งวันและปิดในช่วงบ่ายเพื่อตรวจรับสินค้าจากต่างเมือง ส่วนลูกค้าใหม่ที่ยังไม่ทราบก็ยังคงเลือกดูสินค้าต่อไปเรื่อย ๆ เสวียนหนิงอันที่เข้ามาสืบความเองก็เช่นกันนางมั่นใจเหลือเกินว่าจะไม่มีผู้ใดจำได้ มิใช่เพราะสวมเสื้อผ้าธรรมดาหรือทำผมต่างไปจากเดิม แต่เป็นเพราะหมวกที่สวมอยู่มีผ้าโปร่งปิดบังใบหน้า ช่วยพรางตัวให้พ้นจากสายตาของผู้คนได้เป็นอย่างดีเสวียนหนิงอันคิดผิด…เจ้าของร่างสูงเอ่ยลาลูกค้าสตรีอย่างมีมารยาท ก่อนเบือนหน้าหนีเหล่าแม่สื่อที่ขยันแวะเวียนมาบ่อยจนน่ารำคาญ แต่กระนั้นพวกนางกลับมิใช่สาเหตุที่ทำให้เขาปวดหัวจนแทบกุมขมับ แต่เป็นสาวงามในวัยสิบหกปีที่แสร้งทำเป็นเลือกสินค้าอยู่ต่างหากเล่าหลี่จินหมิงอยากตรงเข้าไปว่ากล่าวตักเตือนนาง แล้วพากลับบ้านเพื่อลงโทษให้หลาบจำ แต่สายตาสอดรู้สอดเห็นในร้านนั้น

  • ภรรยาลับพ่อค้าสกุลหลี่   บทที่ 7 ไม่อยากขอโทษ 2

    “แต่ถ้าไม่เอ่ยปากขอโทษ นายท่านก็จะโกรธฮูหยินน้อยต่อไปเรื่อย ๆ ไม่แวะมาหาที่เรือนให้ฮูหยินน้อยปรนนิบัติ ไม่นอนร่วมเตียง ไม่ผูกสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา…”“พอแล้วเจียอี ข้าไม่อยากฟัง”“ไม่อยากฟังก็ต้องฟังเจ้าค่ะ” เจียอีทราบดีว่าบิดาของฮูหยินน้อยน่ากลัวเพียงใด แต่กระนั้นก็ยังทำใจกล้า กล่าวขัดใจออกไปอีกหลายคำ “หากไม่ทำความเข้าใจกันในเร็ววัน นายท่านอาจเบื่อหน่ายและเลือกบุปผางามที่ว่านอนสอนง่ายมาประดับเรือน”“เจ้าหมายความว่า…” เสวียนหนิงอันหัวใจเต้นเร็ว เอ่ยถามทั้ง ๆ ที่เข้าใจเรื่องที่สาวใช้ต้องการสื่อชัดเจนดี“โธ่! ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ม่ายหนุ่มรูปงามฐานะร่ำรวยอย่างนายท่านเปรียบได้ดั่งขนมหวานสำหรับสาวแก่แม่ม่ายในเมืองหลวง ยิ่งยามอยู่ในร้านค้าเลี่ยงการพบปะผู้คนมากมายไม่ได้ด้วยแล้ว… เจียอีกลัวว่านายท่านจะหลงผิดไปเจ้าค่ะ”“เจ้าคิดว่าเขาจะมีคนอื่นอย่างนั้นหรือ”“หากฮูหยินน้อยยังดีกับนายท่านก็คงไม่น่ากังวลใจ แต่ในเมื่อตอนนี้ยังไม่ดี ยังไม่เข้าใจกัน โอกาสที่นายท่านจะสานสัมพันธ์กับสตรีอื่น…”“ไม่ต้องพูดแล้ว” นางคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำอย่างไรต่อ “เจียอี วันนี้อากาศดี เราไปเดินเล่นข

  • ภรรยาลับพ่อค้าสกุลหลี่   บทที่ 7 ไม่อยากขอโทษ 1

    บาดแผลเล็ก ๆ ของเสวียนหนิงอันจางลงจนแทบมองไม่เห็น แม้ก่อนหน้าจะแสดงทีท่าว่าไม่สนใจหากต้นแขนของตนต้องมีตำหนิ แต่ความจริงแล้วนางใส่ใจอย่างมาก ช่วงแรกถึงขั้นตรวจเกือบทุกสองเค่อเพื่อดูว่าแผลแห้งแล้วหรือยัง จนกระทั่งถูกขู่ว่ามองมากไปแผลอาจหายช้า เสวียนหนิงอันจึงได้ยอมปล่อยวางคนขู่ให้กลัวก็มิใช่ใครอื่น เป็นหลี่จินหมิงหรือท่านอาใจร้ายของนางนั่นเอง นอกจากจะไม่ให้มองแผลบ่อย ๆ แล้ว เขายังยืนยันว่าต้องทาขี้ผึ้งให้ตรงเวลาและขอเป็นคนดูแลด้วยตนเองเสวียนหนิงอันปฏิเสธ ทว่าคนหน้าไม่อายกลับไม่ยอมรับฟัง นางจึงต้องยกเอาเรื่องที่ถูกหยิกแก้มจนช้ำมาต่อรอง ขอร้องว่าหากยอมให้เจียอีช่วยดูแลแทนแล้วนางจะไม่โกรธเขาอีก หลังจากเจรจาอยู่นานเขาก็ยอมแพ้ แต่ก็ไม่ลืมเตือนว่าอย่าให้แผลโดนน้ำ หากครบเจ็ดวันแล้วก็ต้องมาให้ตรวจดูอีกครั้งเมื่อครบกำหนดเสวียนหนิงอันจึงสวมเสื้อคลุมตัวสวยเพราะอากาศค่อนข้างเย็น เดินไปยังห้องหนังสือเพื่อให้เขาตรวจสอบดูว่าผิวของนางไม่เป็นอะไรแล้วจริง ๆ“ท่านอาเจ้าคะ…”เสวียนหนิงอันเอ่ยเรียกเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงตอบรับก็เปิดประตูห้องหนังสือและสาวเท้าตรงเข้าไปหาคนที่กำลังนั่งตรวจบัญชี นางเห็นเขายกม

  • ภรรยาลับพ่อค้าสกุลหลี่   บทที่ 6 เสียใจเกินทน

    ยามอยู่ตำหนักเยว่ฉีเสวียนหนิงอันชอบทำอาหารอย่างมาก ท่านพ่อและท่านแม่ล้วนชมว่ารสชาติดีกว่าโรงเตี๊ยมชื่อดัง แม้กระทั่งขนมนางก็ยังทำออกมาได้อย่างไร้ที่ติ จนบิดาต้องขอร้องว่าให้เลิกเข้าครัวเพราะกลัวว่ารูปร่างของตนจะไม่งดงาม กลัวว่าพระชายาเสวียนจะไม่รัก‘ท่านพี่จะอ้วนหรือผอม ซือชิงก็รักเจ้าค่ะ’‘เรื่องนั้นทราบแล้ว แต่พี่อยากดูดีในสายตาเจ้า…’ตวนอ๋องเฉินฟาหยางแสดงความรักต่อพระชายาอย่างไม่ปิดบัง หลายครั้งกอดและหอมอย่างไม่เกรงใจ เพิ่งลดลงก็ตอนที่เสวียนหนิงอันเติบโตเป็นสาวน้อย แต่กระนั้นก็ยังมีหลุดพูดจาหยอกเย้าให้ท่านแม่แก้มแดงอยู่เรื่อย ๆแรก ๆ เสวียนหนิงอันก็เบื่อหน่ายอยู่บ้างที่ไม่ได้ทำอาหาร แต่หลังจากรับหน้าที่ดูแลร้านค้าเต็มตัว นางก็ยุ่งวุ่นวายจนลืมการเข้าครัว แต่นาน ๆ ครั้งก็ยังต้องแสดงฝีมือ เอาใจบิดาที่ขุ่นเคืองนางให้อารมณ์ดี หรือไม่ก็ยามที่น้องชายตัวน้อยเฉินหรานโอดครวญว่าอยากกินขนม โดยไม่ลืมกระซิบว่าอย่าลืมชงชาดอกโมลี่ฮวา[1]ให้ท่านแม่ด้วยยามซุนหยาชวนเข้าครัว นางที่คิดถึงครอบครัวอย่างมากจึงไม่ปฏิเสธเสวียนหนิงอันมีความสุขจนลืมปัญหากวนใจ ไม่นึกถึงบุรุษที่ทำให้ตนเองต้องเสียน้ำตาอีก นางทั

  • ภรรยาลับพ่อค้าสกุลหลี่   บทที่ 5 ไม่ยอมพบหน้า

    ยามถูกบิดาว่ากล่าวตักเตือนเสวียนหนิงอันมักหนีไปกอดมารดาอย่างเงียบ ๆ ไม่ต่อความยืดยาวเพราะทราบดีว่าตนเองเป็นฝ่ายผิด แทบทุกครั้งนางเอนตัวนอนนิ่งเฉยข้างมารดาหลายชั่วยาม พิจารณาว่าเหตุใดจึงทำผิด สำนึกได้แล้วจริงหรือไม่ ควรทำอย่างไรเพื่อบรรเทาโทษของตนเองตวนอ๋องเฉินฟาหยางมิได้ตามใจบุตรสาวอย่างที่คนร่ำลือ หลายครั้งถึงขั้นกักบริเวณและไม่พูดด้วยนานกว่าเจ็ดวัน แต่กระนั้นนางกลับไม่นึกกังวลเพราะทราบดีว่าบิดารักตนมาก อย่างไรก็ต้องได้รับการให้อภัยอย่างแน่นอนเสวียนหนิงอันเคยคิดว่าท่านพ่อคงไม่รู้สึกอันใดมากเพราะเป็นฝ่ายเลือกที่จะไม่พูดกับนางเอง แต่พอพบเจอกับสถานการณ์เดียวกัน โกรธเคืองคนที่ตนรักจนไม่อยากสนทนาด้วย เสวียนหนิงอันจึงเข้าใจแล้วว่าที่ผ่านมานางไม่ใช่บุตรสาวที่ว่านอนสอนง่ายสักเท่าใดนัก‘ท่านพ่อคงเหนื่อยใจมากเป็นแน่’ยามนั้นนางไม่รู้สึกว่าการถูกลงโทษเป็นเรื่องร้ายแรง ทำเพียงรออย่างใจเย็นสักสามวันแล้วค่อยเข้าไปคุกเข่าขอรับโทษ ร่ายความผิดของตนให้ฟังและสัญญาว่าจะไม่ทำอีก หลังจากนั้นตวนอ๋องผู้เป็นบิดาก็จะเผยรอยยิ้มเพียงเล็กน้อย โคลงศีรษะอย่างไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร ก่อนโบกมือให้นางกลับไปพักผ่อน

  • ภรรยาลับพ่อค้าสกุลหลี่   บทที่ 4 หว่านเสน่ห์ล่อลวง

    บ้านสกุลหลี่ที่ตั้งอยู่ตลาดฝั่งตะวันออกมีขนาดไม่ใหญ่โตนัก แต่กระนั้นก็ยังมีเรือนเล็กใหญ่มากกว่าห้าเรือน เรือนที่ใหญ่ที่สุดเป็นของหลี่จินหมิงอย่างมิต้องสงสัย เรือนที่อยู่ถัดไปนั้นมีไว้สำหรับต้อนรับแขก อีกสองเรือนปิดตายไร้ผู้คนอยู่อาศัย ส่วนเรือนสุดท้ายซึ่งเป็นเรือนหลังเล็กที่สุดนั้นเสวียนหนิงอันคือผู้ครอบครองตวนอ๋องเฉินฟาหยางส่งข้าวของเครื่องใช้ของบุตรสาวมายังบ้านสกุลหลี่หลังจากเกิดเรื่องได้เพียงวันเดียว ในยามนั้นเขาเห็นทุกอย่างที่เกี่ยวกับนางแล้วรู้สึกเกรี้ยวกราด มองอย่างไรก็ไม่สบอารมณ์ จึงสั่งให้สาวใช้นำข้าวของไปให้พ้นตา นึกไม่ถึงว่าหีบห้าใบจะอยู่ในห้องเก็บของ ส่วนอีกสองใบที่สาวใช้นำไปไว้ในเรือนเล็กนั้นล้วนมีแต่ของเก่าที่ใช้การไม่ได้ แต่กระนั้นนางก็ยังไม่ปริปากบ่น หรือพูดให้ถูกต้องคือเขาจงใจหลบหน้านาง กอปรกับต้องเดินทางอย่างกะทันหัน ความลำบากเรื่องเครื่องแต่งกายนั้นจึงถูกแก้ไขช้าไปสักหน่อยหลี่จินหมิงจำได้ดีว่ารู้สึกปั่นป่วนในท้องมากเพียงใดยามที่นางบอกว่ามิได้สวมบังทรง ยังจำได้อีกด้วยว่าตนตวาดเสียงดังจนนางหนีเตลิดจากห้องหนังสือ แต่หลังจากรวบรวมสติกลับมาสุขุมดังเดิมได้แล้ว เขาก็สั่งใ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status