Share

ภรรยาลับพ่อค้าสกุลหลี่
ภรรยาลับพ่อค้าสกุลหลี่
Penulis: เทียนเหอ

บทนำ คืนวิวาห์

last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-04 18:03:22

ลมร้อนพัดเอื่อยพากลิ่นหอมอบอวลของดอกไม้นานาพรรณ ลอยฟุ้งผ่านเรือนใหญ่และเรือนเล็กในเขตรั้วบ้านพ่อค้าชื่อดังแห่งเมืองหลวง กลิ่นบุปผาใกล้โรยราอ่อนกว่าแรกผลิบานอยู่หลายส่วน ทว่ายังสามารถปลอบประโลมหัวใจของคนที่กำลังเฝ้ารออย่างกระวนกระวายให้รู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง หากพิจารณาให้ดีจะได้กลิ่นดอกเหมยกุ้ย[1]โดดเด่นที่สุด ความหอมเย้ายวนแทรกมาตามสายลมทำให้เจ้าของเรือนร่างบอบบางดุจต้นหลิวเผลอสูดลมหายใจลึก พลางภาวนาให้ค่ำคืนนี้ผ่านไปด้วยดี

เทียนจะดับแล้ว…

บนโต๊ะกลางห้องมีเทียนมงคลสีแดงส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิด ส่วนที่สัมผัสกับความร้อนค่อย ๆ ละลายอย่างเชื่องช้า น้ำตาเทียนทุกหยาดหยดล้วนมิหลุดพ้นจากการสังเกตของดวงตาหวานเศร้า นางเฝ้ามองเปลวเทียนสีสวยสลับกับประตูบานเล็กอย่างมีความหวัง สุดท้ายจึงตระหนักได้ว่าอีกไม่นานแสงสว่างในห้องคงหมดไป

บุรุษที่นางรอยังไม่เข้ามาในเรือน...

มีความเป็นไปได้ถึงเก้าส่วนว่าเขาจะไม่มา เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วมือเรียวเล็กก็พลันขยุ้มอาภรณ์สีแดงสดที่สวมอยู่อย่างไม่พอใจนัก นางยอมลดเกียรติตนเอง กระทั่งชุดเจ้าสาวสวยสมฐานะก็มิได้สวมใส่ มีเพียงชุดธรรมดาสีแดงทดแทน

ทุกอย่างผิดไปจากที่คุณหนูผู้สูงศักดิ์คาดหวัง ไม่มีการเข้าพิธีอย่างครบถ้วนถูกต้องตามประเพณีเพราะเหตุผลประหลาดที่เขาอ้าง แต่ในเมื่อเลือกแล้วนางจึงไม่มีสิทธิ์โอดครวญ

รักหมดหัวใจ... ต่อรองอันใดไม่ได้อีก

เสวียนหนิงอัน กวาดตามองรอบห้องนอน เครื่องเรือนทุกอย่างสะอาดสะอ้าน ทว่าเก่าคร่ำคร่าไม่น่ามอง ลึกเข้าไปด้านในมีห้องสำหรับอาบน้ำ แต่กลับไม่มีสาวใช้เตรียมน้ำร้อนให้อาบ จริง ๆ แล้วไม่มีสิ่งมีชีวิตใดออกมาต้อนรับนาง นอกจากหญิงสูงวัยที่เปิดประตูหลังบ้านให้ในราวยามโฉ่ว[2]

นางนิ่วหน้าไม่พอใจ ชุดเจ้าสาวที่สวมอยู่แทบไม่นับว่าเป็นชุดเจ้าสาว หากไร้ผ้าคลุมหน้าสีแดงคงยากจะบอกได้ว่าหญิงงามในวัยสิบหกปีมาที่บ้านหลังนี้ในฐานะใด ไหนจะเรื่องที่เดินเข้าทางประตูเล็ก ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ไม่มีขบวนนำทางอันสมเกียรตินั่นอีก แต่ในเมื่อเขาแจ้งชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องต้องเป็นเช่นนี้ นางจึงทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับชะตากรรม

“อย่างน้อยก็ควรอนุญาตให้นำสาวใช้มาด้วยสักสองคน...” นางพึมพำอย่างเบื่อหน่าย

หลังจากมั่นใจแล้วว่าค่ำคืนนี้ต้องอยู่ตามลำพัง เสวียนหนิงอันจึงตัดใจไม่รั้งรอเพราะไม่อยากรู้สึกผิดหวังไปมากกว่าที่เป็นอยู่ นางถอดผ้าคลุมหน้าวางไว้บนโต๊ะกลางห้อง เปลี่ยนเทียนเล่มใหม่เพื่อให้ยังพอมีแสงสว่างสำหรับทำธุระส่วนตัว แต่หลังจากเปิดหีบเล็ก ๆ ที่วางอยู่ถัดจากเตียง นางก็อารมณ์เสียขึ้นมาอีกครั้ง

เสื้อผ้าในหีบล้วนเป็นชุดที่นางเคยใส่เมื่อสองปีก่อน

เสวียนหนิงอันคว้าผ้าผืนเล็กตรงไปยังห้องอาบน้ำ ก่อนค่อย ๆ ล้างเครื่องประทินโฉมและทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำเย็น โชคดีที่ช่วงนี้อากาศไม่หนาวมาก กอปรกับร่างกายของนางทนต่อความหนาวได้เป็นอย่างดี ต่างจากเมื่อครั้งยังเยาว์ที่ต้องปกปิดเนื้อหนังด้วยอาภรณ์หนานุ่มอยู่เสมอ

หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เสวียนหนิงอันจึงเตรียมดับเทียนเพื่อเข้านอน ทว่าเสียงกุกกักด้านนอกกลับทำให้นางต้องรีบคว้าผ้าสีแดงมาคลุมศีรษะ พลางย้ายร่างไปนั่งบนเตียงอย่างรวดเร็ว นางลอบมองผ่านผ้าผืนบาง พบว่าผู้มาเยือนคือเจ้าของร่างสูงโปร่งในชุดสีขาวสะอาดตา ปักลวดลายสีทองวิจิตรงดงาม มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นของมีราคา ทว่าเสวียนหนิงอันมิได้ยินดีกับความหรูหราเหล่านั้น นางผิดหวังที่เขาไม่สวมชุดเจ้าบ่าวสีแดง

“เหตุใดจึงไม่พักผ่อน” น้ำเสียงเย็นชาทำเสวียนหนิงอันเจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก

“รอท่านพี่เจ้าค่ะ”

“หึ! ใครอนุญาตให้เรียกข้าว่าท่านพี่!”

“เราสองคนแต่งงานกันแล้ว มิให้ข้าเรียกท่านพี่แล้วจะให้เรียกว่าอย่างไร” เสวียนหนิงอันถามเสียงสั่นสะท้าน ทราบดีว่าการแต่งงานในครั้งนี้ช่างไร้เกียรติ ไม่มีสิ่งใดถูกต้อง ไม่มีการคำนับบิดามารดาหรือฟ้าดิน เรื่องคำนับกันและกันยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เพราะเขาไม่ได้เต็มใจที่จะแต่งกับนาง

เขาถูกบังคับให้แสดงความรับผิดชอบ

“เสวียนหนิงอัน เจ้าย่อมรู้ดีที่สุดว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่ควรเกิดขึ้น เป็นเจ้าที่วางแผนชั่วร้าย เอาแต่ใจตนเองไม่แปรเปลี่ยน นิสัยช่างเหมือน...” เขากลืนคำพูดของตนเอง ข่มใจให้สงบก่อนกล่าวประโยคที่ทำให้คนฟังปวดร้าวเสียยิ่งกว่าเก่า “ในเมื่อการแต่งงานในครั้งนี้เป็นความลับ ยังเปิดเผยไม่ได้ เจ้าจึงเป็นได้เพียงภรรยาลับของข้า และในเมื่อข้าไม่เคยปรารถนาที่จะแต่งเจ้ามาเป็นภรรยา เรื่องอันใดที่ยังไม่ควรเกิดขึ้นก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน... คำว่าท่านพี่เองก็เช่นกัน”

“เจ้าค่ะ หนิงเอ๋อร์จะเชื่อฟัง”

“บ่าวในบ้านเหลือเพียงคนที่ไว้ใจได้ ไม่จำเป็นต้องปิดบังสถานะของเจ้ากับข้ายามอยู่ที่นี่ หากอยู่นอกบ้านและมีผู้ใดตั้งข้อสงสัย ให้บอกว่าเจ้าคือหลานที่มาจากต่างเมือง...” เขาหยุดคิดครู่หนึ่ง

“ความจริงแล้วไม่ออกไปข้างนอกจึงจะดี”

“ท่านคิดกักขังข้า?” เสวียนหนิงอันถามด้วยเสียงที่ไม่อ่อนน้อมนัก

“หากไม่เชื่อฟัง การแต่งงานครั้งนี้คงต้องยกเลิก...”

“เจ้าค่ะ หนิงเอ๋อร์จะเชื่อฟัง อยู่ในบ้านเป็นภรรยา อยู่นอกบ้านเป็นเพียงหลานสาว ห้ามมิให้ใครอื่นล่วงรู้สถานะเพื่อรักษาเกียรติของท่าน ส่วนเกียรติของข้า ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”

“เสวียนหนิงอัน! เจ้าวางแผนต่ำช้าเพื่อครอบครองข้า ยังต้องพูดถึงเรื่องใส่ใจเกียรติอันใดอยู่อีกหรือ!”

เสียงตวาดทำให้เสวียนหนิงอันสะดุ้งตัวโยน ตั้งแต่เกิดมาจนอายุได้สิบหกปี นี่นับเป็นครั้งแรกที่นางถูกตวาดโดยบุรุษที่มิใช่บิดา ความจริงแล้วกระทั่งบิดาก็ทำเพียงเอ่ยตักเตือนเท่านั้น มิใช่ตะโกนเสียงดังลั่น ทำให้นางเผลอกำมือแน่นจนข้อนิ้วขาวซีดน่าสงสาร แต่กระนั้นนางก็ยังอดทน

“หนิงเอ๋อร์ผิดไปแล้วเจ้าค่ะ”

ใบหน้าสวยหวานยังคงซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมสีแดง นางข่มความน้อยใจ สาบานกับตนเองว่าจะมิยอมให้น้ำตาไหลโดยง่าย ถึงอย่างไรนางก็เป็นบุตรสาวของตวนอ๋องสูงศักดิ์ ไม่สมควรแสดงความอ่อนแอให้ผู้ใดเห็น แม้ว่าคนผู้นั้นจะได้ชื่อว่าเป็นสามีของนางแล้วก็ตาม

“มิแน่ใจว่าคำพูดของเจ้าเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด” เสียงแข็งกร้าวไม่น่าฟังอ่อนลงมากแล้ว “เสวียนหนิงอัน หากเปิดผ้าคลุมหน้าแล้ว ข้าคือเจ้าของชีวิตของเจ้า หากสั่งอันใดก็ต้องทำตาม เอาแต่ใจตนเองเช่นที่ผ่านมาไม่ได้แล้ว เข้าใจหรือไม่”

“เจ้าค่ะ หนิงเอ๋อร์จะทำหน้าที่ภรรยามิให้บกพร่อง ดูแลบ้าน... ดูแลท่าน” นางเอ่ยเสียงหวานใส ทว่าแฝงความเศร้าเล็กน้อย ทราบดีว่าใช้น้ำเสียงเช่นนี้แล้วไม่ว่าบุรุษหรือสตรีที่ได้ฟังล้วนใจอ่อน อยากได้สิ่งใดก็มิเคยพลาด แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะใจแข็งกว่าที่คาดไว้มากนัก

“คิดว่าทำเสียงออดอ้อนเช่นนี้แล้วข้าจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นได้หรือ เสวียนหนิงอัน จำไว้ว่าข้ามีสิทธิ์ในตัวเจ้า แต่เจ้าไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอันใดจากข้า นอกจากทำหน้าที่ภรรยาในส่วนที่ข้าอนุญาตเท่านั้น เสวียนหนิงอัน เจ้ายังต้องการเป็นภรรยาข้าอยู่หรือไม่”

“รักแรกฝังใจไม่ลืมเลือน หนิงเอ๋อร์ไม่มีวันเปลี่ยนใจเจ้าค่ะ” เสวียนหนิงอันมองเจ้าของร่างสูงที่ขยับเข้ามาใกล้ ลมหายใจของเขาเปลี่ยนจังหวะเล็กน้อยราวกับกำลังตื่นเต้น ทว่านางกะพริบตาครั้งหนึ่งก็สัมผัสได้ว่าทุกอย่างยังคงสงบนิ่งดังเดิม

เป็นนางที่เข้าใจผิดไป

“เจ้าแค่ลุ่มหลงและต้องการเอาชนะ ความรู้สึกเช่นนี้ย่อมเรียกว่าความรักไม่ได้”

เสวียนหนิงอันไม่เถียง ทว่าจ้องมองฝ่ามือใหญ่ที่ค่อย ๆ เปิดผ้าคลุมหน้าสีแดงอย่างเชื่องช้า แม้เขาไม่อยากมองนางก็จำต้องมอง ทันทีที่ดวงตาของทั้งคู่ประสานกัน ดวงตาสีเข้มก็ทอประกายที่สื่อความหมายไม่แน่ชัด เสวียนหนิงอันไม่ทราบว่าเขาปรารถนาสิ่งใด หากต้องการร่วมเตียงตามธรรมเนียมนางก็ยินดี แต่กระนั้นก็ยังหวาดหวั่นจนร่างกายสั่นสะท้าน มิได้พร้อมทำหน้าที่ภรรยาอย่างที่พร่ำบอกตนเองเลยสักนิด

“ท่านอาจะนอนที่นี่หรือไม่”

นางรีบร้อนถาม ‘ท่านอา’ เพราะยังไม่พร้อม แต่เขากลับตีความหมายผิดไป

“หึ! ไม่นึกว่าเจ้าโตมาจะเป็นสตรีเช่นนี้ สวรรค์กลั่นแกล้งข้าแล้วจริง ๆ” สิ้นวาจาร้ายกาจ บุรุษผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเสวียนหนิงอันก็เดินจากไป ทิ้ง ‘ภรรยาลับ’ ไว้ในห้องหอตามลำพัง

ใบหน้างดงามของเสวียนหนิงอันปราศจากน้ำตา ทว่าหัวใจดวงน้อยกลับปวดร้าวราวกับถูกเข็มเล็ก ๆ นับร้อยนับพันทิ่มแทง ทั้งยังรู้สึกหนาวเหน็บมิต่างจากถูกน้ำเย็นจัดราดศีรษะในยามเหมันตฤดู แต่หลังจากใช้เวลาเกือบสองเค่อ[3] ข่มความผิดหวังและความน้อยใจที่ประดังเข้ามาได้แล้ว เสวียนหนิงอันก็เผยรอยยิ้มเด็ดเดี่ยว กระซิบกับตนเองด้วยน้ำเสียงที่หมายมาดอย่างยิ่ง

“สักวันท่านจะต้องรักข้า หากข้าทำให้ท่านกลับมายิ้มได้อีกครั้ง ท่านจะทนใจแข็งไม่รักข้าได้อยู่อีกหรือ...”

[1] ดอกกุหลาบ

[2] ยามโฉ่ว = ๐๑.๐๐ – ๐๒.๕๙ น.

[3] ๑ เค่อ = ๑๕ นาที

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ภรรยาลับพ่อค้าสกุลหลี่   บทที่ 8 สามีชรา 1

    ลูกค้าประจำของร้านซิงเยียนทยอยออกจากร้านในช่วงปลายยามอู่[1]เนื่องจากทราบดีว่าในทุก ๆ สิบห้าวันร้านจะเปิดเพียงครึ่งวันและปิดในช่วงบ่ายเพื่อตรวจรับสินค้าจากต่างเมือง ส่วนลูกค้าใหม่ที่ยังไม่ทราบก็ยังคงเลือกดูสินค้าต่อไปเรื่อย ๆ เสวียนหนิงอันที่เข้ามาสืบความเองก็เช่นกันนางมั่นใจเหลือเกินว่าจะไม่มีผู้ใดจำได้ มิใช่เพราะสวมเสื้อผ้าธรรมดาหรือทำผมต่างไปจากเดิม แต่เป็นเพราะหมวกที่สวมอยู่มีผ้าโปร่งปิดบังใบหน้า ช่วยพรางตัวให้พ้นจากสายตาของผู้คนได้เป็นอย่างดีเสวียนหนิงอันคิดผิด…เจ้าของร่างสูงเอ่ยลาลูกค้าสตรีอย่างมีมารยาท ก่อนเบือนหน้าหนีเหล่าแม่สื่อที่ขยันแวะเวียนมาบ่อยจนน่ารำคาญ แต่กระนั้นพวกนางกลับมิใช่สาเหตุที่ทำให้เขาปวดหัวจนแทบกุมขมับ แต่เป็นสาวงามในวัยสิบหกปีที่แสร้งทำเป็นเลือกสินค้าอยู่ต่างหากเล่าหลี่จินหมิงอยากตรงเข้าไปว่ากล่าวตักเตือนนาง แล้วพากลับบ้านเพื่อลงโทษให้หลาบจำ แต่สายตาสอดรู้สอดเห็นในร้านนั้น

  • ภรรยาลับพ่อค้าสกุลหลี่   บทที่ 7 ไม่อยากขอโทษ 2

    “แต่ถ้าไม่เอ่ยปากขอโทษ นายท่านก็จะโกรธฮูหยินน้อยต่อไปเรื่อย ๆ ไม่แวะมาหาที่เรือนให้ฮูหยินน้อยปรนนิบัติ ไม่นอนร่วมเตียง ไม่ผูกสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา…”“พอแล้วเจียอี ข้าไม่อยากฟัง”“ไม่อยากฟังก็ต้องฟังเจ้าค่ะ” เจียอีทราบดีว่าบิดาของฮูหยินน้อยน่ากลัวเพียงใด แต่กระนั้นก็ยังทำใจกล้า กล่าวขัดใจออกไปอีกหลายคำ “หากไม่ทำความเข้าใจกันในเร็ววัน นายท่านอาจเบื่อหน่ายและเลือกบุปผางามที่ว่านอนสอนง่ายมาประดับเรือน”“เจ้าหมายความว่า…” เสวียนหนิงอันหัวใจเต้นเร็ว เอ่ยถามทั้ง ๆ ที่เข้าใจเรื่องที่สาวใช้ต้องการสื่อชัดเจนดี“โธ่! ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ม่ายหนุ่มรูปงามฐานะร่ำรวยอย่างนายท่านเปรียบได้ดั่งขนมหวานสำหรับสาวแก่แม่ม่ายในเมืองหลวง ยิ่งยามอยู่ในร้านค้าเลี่ยงการพบปะผู้คนมากมายไม่ได้ด้วยแล้ว… เจียอีกลัวว่านายท่านจะหลงผิดไปเจ้าค่ะ”“เจ้าคิดว่าเขาจะมีคนอื่นอย่างนั้นหรือ”“หากฮูหยินน้อยยังดีกับนายท่านก็คงไม่น่ากังวลใจ แต่ในเมื่อตอนนี้ยังไม่ดี ยังไม่เข้าใจกัน โอกาสที่นายท่านจะสานสัมพันธ์กับสตรีอื่น…”“ไม่ต้องพูดแล้ว” นางคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำอย่างไรต่อ “เจียอี วันนี้อากาศดี เราไปเดินเล่นข

  • ภรรยาลับพ่อค้าสกุลหลี่   บทที่ 7 ไม่อยากขอโทษ 1

    บาดแผลเล็ก ๆ ของเสวียนหนิงอันจางลงจนแทบมองไม่เห็น แม้ก่อนหน้าจะแสดงทีท่าว่าไม่สนใจหากต้นแขนของตนต้องมีตำหนิ แต่ความจริงแล้วนางใส่ใจอย่างมาก ช่วงแรกถึงขั้นตรวจเกือบทุกสองเค่อเพื่อดูว่าแผลแห้งแล้วหรือยัง จนกระทั่งถูกขู่ว่ามองมากไปแผลอาจหายช้า เสวียนหนิงอันจึงได้ยอมปล่อยวางคนขู่ให้กลัวก็มิใช่ใครอื่น เป็นหลี่จินหมิงหรือท่านอาใจร้ายของนางนั่นเอง นอกจากจะไม่ให้มองแผลบ่อย ๆ แล้ว เขายังยืนยันว่าต้องทาขี้ผึ้งให้ตรงเวลาและขอเป็นคนดูแลด้วยตนเองเสวียนหนิงอันปฏิเสธ ทว่าคนหน้าไม่อายกลับไม่ยอมรับฟัง นางจึงต้องยกเอาเรื่องที่ถูกหยิกแก้มจนช้ำมาต่อรอง ขอร้องว่าหากยอมให้เจียอีช่วยดูแลแทนแล้วนางจะไม่โกรธเขาอีก หลังจากเจรจาอยู่นานเขาก็ยอมแพ้ แต่ก็ไม่ลืมเตือนว่าอย่าให้แผลโดนน้ำ หากครบเจ็ดวันแล้วก็ต้องมาให้ตรวจดูอีกครั้งเมื่อครบกำหนดเสวียนหนิงอันจึงสวมเสื้อคลุมตัวสวยเพราะอากาศค่อนข้างเย็น เดินไปยังห้องหนังสือเพื่อให้เขาตรวจสอบดูว่าผิวของนางไม่เป็นอะไรแล้วจริง ๆ“ท่านอาเจ้าคะ…”เสวียนหนิงอันเอ่ยเรียกเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงตอบรับก็เปิดประตูห้องหนังสือและสาวเท้าตรงเข้าไปหาคนที่กำลังนั่งตรวจบัญชี นางเห็นเขายกม

  • ภรรยาลับพ่อค้าสกุลหลี่   บทที่ 6 เสียใจเกินทน

    ยามอยู่ตำหนักเยว่ฉีเสวียนหนิงอันชอบทำอาหารอย่างมาก ท่านพ่อและท่านแม่ล้วนชมว่ารสชาติดีกว่าโรงเตี๊ยมชื่อดัง แม้กระทั่งขนมนางก็ยังทำออกมาได้อย่างไร้ที่ติ จนบิดาต้องขอร้องว่าให้เลิกเข้าครัวเพราะกลัวว่ารูปร่างของตนจะไม่งดงาม กลัวว่าพระชายาเสวียนจะไม่รัก‘ท่านพี่จะอ้วนหรือผอม ซือชิงก็รักเจ้าค่ะ’‘เรื่องนั้นทราบแล้ว แต่พี่อยากดูดีในสายตาเจ้า…’ตวนอ๋องเฉินฟาหยางแสดงความรักต่อพระชายาอย่างไม่ปิดบัง หลายครั้งกอดและหอมอย่างไม่เกรงใจ เพิ่งลดลงก็ตอนที่เสวียนหนิงอันเติบโตเป็นสาวน้อย แต่กระนั้นก็ยังมีหลุดพูดจาหยอกเย้าให้ท่านแม่แก้มแดงอยู่เรื่อย ๆแรก ๆ เสวียนหนิงอันก็เบื่อหน่ายอยู่บ้างที่ไม่ได้ทำอาหาร แต่หลังจากรับหน้าที่ดูแลร้านค้าเต็มตัว นางก็ยุ่งวุ่นวายจนลืมการเข้าครัว แต่นาน ๆ ครั้งก็ยังต้องแสดงฝีมือ เอาใจบิดาที่ขุ่นเคืองนางให้อารมณ์ดี หรือไม่ก็ยามที่น้องชายตัวน้อยเฉินหรานโอดครวญว่าอยากกินขนม โดยไม่ลืมกระซิบว่าอย่าลืมชงชาดอกโมลี่ฮวา[1]ให้ท่านแม่ด้วยยามซุนหยาชวนเข้าครัว นางที่คิดถึงครอบครัวอย่างมากจึงไม่ปฏิเสธเสวียนหนิงอันมีความสุขจนลืมปัญหากวนใจ ไม่นึกถึงบุรุษที่ทำให้ตนเองต้องเสียน้ำตาอีก นางทั

  • ภรรยาลับพ่อค้าสกุลหลี่   บทที่ 5 ไม่ยอมพบหน้า

    ยามถูกบิดาว่ากล่าวตักเตือนเสวียนหนิงอันมักหนีไปกอดมารดาอย่างเงียบ ๆ ไม่ต่อความยืดยาวเพราะทราบดีว่าตนเองเป็นฝ่ายผิด แทบทุกครั้งนางเอนตัวนอนนิ่งเฉยข้างมารดาหลายชั่วยาม พิจารณาว่าเหตุใดจึงทำผิด สำนึกได้แล้วจริงหรือไม่ ควรทำอย่างไรเพื่อบรรเทาโทษของตนเองตวนอ๋องเฉินฟาหยางมิได้ตามใจบุตรสาวอย่างที่คนร่ำลือ หลายครั้งถึงขั้นกักบริเวณและไม่พูดด้วยนานกว่าเจ็ดวัน แต่กระนั้นนางกลับไม่นึกกังวลเพราะทราบดีว่าบิดารักตนมาก อย่างไรก็ต้องได้รับการให้อภัยอย่างแน่นอนเสวียนหนิงอันเคยคิดว่าท่านพ่อคงไม่รู้สึกอันใดมากเพราะเป็นฝ่ายเลือกที่จะไม่พูดกับนางเอง แต่พอพบเจอกับสถานการณ์เดียวกัน โกรธเคืองคนที่ตนรักจนไม่อยากสนทนาด้วย เสวียนหนิงอันจึงเข้าใจแล้วว่าที่ผ่านมานางไม่ใช่บุตรสาวที่ว่านอนสอนง่ายสักเท่าใดนัก‘ท่านพ่อคงเหนื่อยใจมากเป็นแน่’ยามนั้นนางไม่รู้สึกว่าการถูกลงโทษเป็นเรื่องร้ายแรง ทำเพียงรออย่างใจเย็นสักสามวันแล้วค่อยเข้าไปคุกเข่าขอรับโทษ ร่ายความผิดของตนให้ฟังและสัญญาว่าจะไม่ทำอีก หลังจากนั้นตวนอ๋องผู้เป็นบิดาก็จะเผยรอยยิ้มเพียงเล็กน้อย โคลงศีรษะอย่างไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร ก่อนโบกมือให้นางกลับไปพักผ่อน

  • ภรรยาลับพ่อค้าสกุลหลี่   บทที่ 4 หว่านเสน่ห์ล่อลวง

    บ้านสกุลหลี่ที่ตั้งอยู่ตลาดฝั่งตะวันออกมีขนาดไม่ใหญ่โตนัก แต่กระนั้นก็ยังมีเรือนเล็กใหญ่มากกว่าห้าเรือน เรือนที่ใหญ่ที่สุดเป็นของหลี่จินหมิงอย่างมิต้องสงสัย เรือนที่อยู่ถัดไปนั้นมีไว้สำหรับต้อนรับแขก อีกสองเรือนปิดตายไร้ผู้คนอยู่อาศัย ส่วนเรือนสุดท้ายซึ่งเป็นเรือนหลังเล็กที่สุดนั้นเสวียนหนิงอันคือผู้ครอบครองตวนอ๋องเฉินฟาหยางส่งข้าวของเครื่องใช้ของบุตรสาวมายังบ้านสกุลหลี่หลังจากเกิดเรื่องได้เพียงวันเดียว ในยามนั้นเขาเห็นทุกอย่างที่เกี่ยวกับนางแล้วรู้สึกเกรี้ยวกราด มองอย่างไรก็ไม่สบอารมณ์ จึงสั่งให้สาวใช้นำข้าวของไปให้พ้นตา นึกไม่ถึงว่าหีบห้าใบจะอยู่ในห้องเก็บของ ส่วนอีกสองใบที่สาวใช้นำไปไว้ในเรือนเล็กนั้นล้วนมีแต่ของเก่าที่ใช้การไม่ได้ แต่กระนั้นนางก็ยังไม่ปริปากบ่น หรือพูดให้ถูกต้องคือเขาจงใจหลบหน้านาง กอปรกับต้องเดินทางอย่างกะทันหัน ความลำบากเรื่องเครื่องแต่งกายนั้นจึงถูกแก้ไขช้าไปสักหน่อยหลี่จินหมิงจำได้ดีว่ารู้สึกปั่นป่วนในท้องมากเพียงใดยามที่นางบอกว่ามิได้สวมบังทรง ยังจำได้อีกด้วยว่าตนตวาดเสียงดังจนนางหนีเตลิดจากห้องหนังสือ แต่หลังจากรวบรวมสติกลับมาสุขุมดังเดิมได้แล้ว เขาก็สั่งใ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status