LOGINหลังการแข่งขันในรอบที่สองสิ้นสุดลง เหล่าสาวงามผู้เข้าประชันขันแข่งชิงตำแหน่งโฉมงามยอดเมธีก็ถูกตัดออกกึ่งหนึ่ง ทำให้ยามนี้เหลือสาวงามอยู่ราวยี่สิบกว่าคน...จำนวนยี่สิบกว่าคนที่ว่านี้ นับว่าเยอะกว่าปีก่อนๆ ไม่เบา
โดยมากแล้ว เมื่อการแข่งขันรอบที่สองสิ้นสุดลง จะคงเหลือสาวงามเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น การที่ในปีนี้มีสาวงามผ่านเข้ามาถึงรอบที่สามมากมายถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าสมควรกล่าวว่าคุณธรรมความสามารถของเหล่าสตรีเทียนจินเรา พุ่งสูงขึ้นกว่าปีก่อนๆ หน้านี้ไม่น้อย หรือคำถามที่ใช้คัดสาวงามส่วนหนึ่งออกไปในรอบแรกเป็นคำถามที่ตอบได้ง่ายเกินไปกันแน่…ก็กระทั่งคุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกงที่ไม่เคยเข้ารับการศึกษาจากสำนักศึกษาชื่อดังใด ก็ยังสามารถตอบคำถามได้ถูกต้องจนผ่านเข้ารอบมาได้นี่นา...
ต่างคนก็ต่างใจ เหล่าพ่อค้าและชาวเมืองซึ่งนั่งชมอยู่บนที่นั่งรอบๆ ลานต่างก็มีความคิดเป็นของตนเองทั้งนั้น เฉินชิวเยว่เองก็เช่นกัน
เฉินชิวเยว่ในยามนี้ กำพัดในมือแน่นจนข้อนิ้วยิ่งกว่าซีดขาว ยิ่งเห็นว่าน้องสาวสารเลวสมควรตายของตน กำลังนั่งจิบน้ำชาชิมขนม หัวร่อต่อกระซิกอยู่กับอู๋ชิงชิงที่เป็นเหมือนคู่แข่งตลอดกาลของตน ในใจคุณหนูใหญ่จวนเฉินกั๋วกงก็ยิ่งกว่าเดือดดาล
เฉินชิวเยว่อาศัยจังหวะที่เฉินเหม่ยลี่กำลังสนทนากับญาติข้างมารดาจากสกุลจาง ส่งสายตาเรียก ชิงเอ๋อร์ สาวใช้คนสนิท ให้ขยับเข้ามาหา ก่อนกระซิบบอกเสียงเบา
“เปลี่ยนแผน ครั้งนี้ให้มุ่งเป้าไปที่น้องสามสารเลวสมควรตายของข้า!”
ชิงเอ๋อร์เหลียวสบตาอนุหานที่อยู่ด้านข้างเล็กน้อย เมื่อเห็นอนุหานยกถ้วยชาขึ้นจิบ สีหน้าเรียบเฉย แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น สาวใช้คนสนิทของเฉินชิวเยว่ก็รีบรับคำ ก่อนถอยออกไปถ่ายทอดคำสั่งให้ผู้ที่ตนได้จ้างวานไว้ทันที
เฉินชิวเยว่มองตามแผ่นหลังสาวใช้ที่จงใจเปลี่ยนชื่อให้เหมือนกันกับคู่แข่งที่ขับเคี่ยวแย่งชิงความเป็นหนึ่งกับตนมานานอย่างอู๋ชิงชิง แววตามาดหมาย
หึ...เหตุที่คุณหนูใหญ่อย่างนางโยนภาระการสร้างผลงานสักชิ้นเพื่อใช้ลงสมัครเข้าร่วมการคัดเลือกเข้าขันแข่งชิงตำแหน่งโฉมงามยอดเมธีให้น้องสามที่โง่เง่าของตน ก็แค่เพราะพี่สาวอย่างนางต้องการทุ่มเทวันเวลาอันมีค่าทั้งหมดไปกับการฝึกซ้อมวาดภาพ แต่งกวี บรรเลงฉิน และอ่านตำรับตำราทั้งหมดที่ตระกูลหานซึ่งไร้หลานสาวในตระกูลเข้าร่วมการแข่งขันหามาให้เท่านั้น กับแค่ปักผ้า เหตุใดนางจะปักไม่เป็น!
ใครจะนึกว่าน้องสามสารเลวตัวดีผู้นี้กลับรู้มาก ส่งผลงานผ้าปักที่ไม่ต้องบอกก็เดาได้ว่าคงเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับที่นางขอให้ปักให้ ลงสมัครเข้าคัดเลือกร่วมกับนาง ไม่รู้ว่าคิดเปิดโปงนาง หรือเกิดมีภูตผีตนใดมันปากสว่างไปกระซิบบอก นางสารเลวนั่นจึงได้ฉวยโอกาสลอกเอาคำตอบของโจทย์ในรอบส่งผลงานเข้าสมัครคัดเลือกเพื่อชิงสิทธิ์การเข้าร่วมแข่งขันของนาง ไปใช้สร้างผลงานเพื่อสมัครเข้าร่วมการแข่งขันด้วยอีกราย!
แต่ไหนแต่ไรมาสตรีโง่เง่าอย่างน้องสามสารเลวของนาง หากจะมีดีอยู่บ้าง ก็มีดีอยู่ที่มักยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ ยามพูดจาพาทีแต่ละคำ ไม่เพียงเต็มไปด้วยความซื่อเซ่อโง่เง่า ยังล้วนหวานล้ำ ระรื่นหู พาให้ผู้คนโกรธเกลียดรังแกตัวโง่งมเช่นนั้นไม่ค่อยจะลง อีกทั้งในแต่ละวันที่ใช้ชีวิตอยู่ในจวน ตัวโง่งมนั่นยังมีน้ำใจต่อสาวใช้บ่าวชาย พวกข้ารับใช้แทบทั้งหมดในจวนเฉินกั๋วกง หากไม่รักเอ็นดูสงสารคุณหนูสาม ก็ยิ่งกว่ารักใคร่เทิดทูนนางน้องสาวสารเลวคนที่สามน่าโมโหนั่น
เหตุใดนางจึงไม่เคยระแวงสงสัยมาก่อน ว่าความซื่อเซ่อโง่เง่าทั้งหมดในตลอดหลายปีมานี้ อาจเป็นเพียงการแสดงละครเพื่อเอาตัวรอดของน้องสาวคนที่สามร้อยเล่ห์นั่น...ไม่แน่ว่าน้องสาวสารเลวสมควรตายคนที่สามของนาง อาจใช้ประโยชน์จากความรักความเอ็นดูและความสงสารที่สาวใช้บ่าวชายในจวนมีต่อตนเอง คอยลอบสืบเรื่องราวความเป็นไปภายในจวน รวมถึงเรื่องต่างๆ ที่ผู้คนในจวนคิดและทำก็เป็นได้
น่าตายนัก! คุณหนูใหญ่อย่างนางสู้อุตส่าห์ทุ่มเทฝึกฝนเพื่อชิงชัยในวันนี้มานับตั้งแต่จำความได้ นางจะไม่ยอมให้น้องสาวสารเลวสมควรตายหน้าไหน และใครอื่น มาแย่งชิงความโดดเด่นไปจากนางทั้งนั้น! หึ! จู่ๆ น้องสามโง่เง่าที่เอาแต่เก็บตัวเงียบเชียบในเรือนหลังก็เก่งกาจขึ้นมาแล้วอย่างไร? น้องสามที่น่าอดสูของนาง นับตั้งแต่ยังเยาว์ก็ตกเป็นข่าวเล่าลือเหม็นคาวคละคลุ้งจนถึงกับถูกบิดาที่เย็นชาของนางกักตัวไว้ในจวนมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ผู้คนทั่วทั้งเมืองหลวงล้วนรู้กันหมด นางไม่เชื่อหรอกว่า หากน้องสาวสารเลวที่ชื่อเสียงเสียหายนั่น ถูกขุดคุ้ยอดีตอันฟอนเฟะออกมาประจาน จะยังมีผู้ใด ณ ที่นี้ อยากยกตำแหน่งโฉมงามยอดเมธีของเทศกาลชมบุปผาให้สตรีที่แปดเปื้อนราคีคาว!
ตลอดการเดินทางไปยังหมู่บ้านว่อหลงที่มีซู่ซินรออยู่ หลี่จือหลินซื้อรถม้าคันหนึ่งให้นางนั่งอยู่ด้านใน ส่วนตัวเขาขับรถม้าด้านนอก เขาให้เหตุผลว่าจะทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นนั่นก็จริงอยู่นับตั้งแต่มีรถม้า นางก็ไม่เคยต้องนอนบนพื้นหินพื้นหญ้าให้เจ็บหลังปวดเอว หรือคันเนื้อคันตัวเหมือนก่อนหน้านี้หลังจากที่เปิดเผยตัวตนแล้ว หลี่จือหลินปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่ง ไม่ว่านางอยากกินอยากดื่มอะไร เมื่อผ่านเข้าไปในหมู่บ้านหรือเมืองเล็กๆ ก็จะหาซื้อให้นางทุกอย่าง หากเป็นกลางป่ากลางเขา ไม่ว่าจะจับสัตว์ใดได้เขาก็จะแบ่งเนื้อส่วนที่ดีที่สุดให้นาง ปรุงรสด้วยเกลือหรือเครื่องเทศต่างๆ เท่าที่จะหาได้เพื่อให้นางเจริญอาหารยิ่งขึ้น ทั้งยังบ่นพึมพำทุกคืนว่านางผอมลงไม่น้อย ไม่เต็มไม้เต็มมือ...น่าเกลียดที่สุด ปากบอกว่านางผอมเกินไป แต่ใครกันที่คอยจับนางกินทุกคืน!คนเจ้าเล่ห์พรรค์นั้นตั้งใจทำให้นางได้พักผ่อนเต็มที่ในเวลากลางวันเพื่อรับใช้เขาในเวลากลางคืนชัดๆ!แม้จะรู้เช่นนั้น แต่เซียงหรงก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงอ้อมกอดนั้นได้เลยเวลากลางคืนช่างหนาวเหน็บนัก แม้ว่าจะเหนื่อย
“ตอนที่เจ้ายังเป็นทารก ข้าจำได้ ในตอนนั้นข้าบอกเจ้าว่า ข้าจะคอยปกป้องเจ้าไปชั่วชีวิต...คำพูดประโยคนั้นเป็นทั้งคำสัญญาและคำสาบานแรกในชีวิตข้า” หลี่จือหลินพูดพร้อมกับยิ้มจางๆ “ในเทศกาลหยวนเซียวคืนนั้น ตอนที่ข้าซื้อถังหูลู่ให้เจ้า เจ้าคงไม่รู้หรอกว่ารอยยิ้มที่เจ้ามอบให้ข้ายามนั้นทั้งงดงามอ่อนโยนและหวานล้ำเพียงใด เพราะจดจำภาพนั้นได้ ข้าจึงไม่เคยยอมแพ้ในสงคราม ทุกครั้งที่เพลี้ยงพล้ำ ข้ามักคิดเสมอว่าจะต้องได้กลับมาเจอเจ้าเพื่อทำตามคำสัญญาสาบานและจะต้องปกป้องรอยยิ้มที่บริสุทธิ์งดงามเช่นนั้นเอาไว้ให้ได้ หรงเอ๋อร์ ข้าออกศึกมากมาย แม้กึ่งหนึ่งเพื่อบ้านเมือง แต่อีกกึ่งหนึ่งล้วนเป็นเพราะแผ่นดินเทียนจินคือบ้านของเจ้า เพราะที่แห่งนี้มีคนที่ข้าต้องการปกป้องเอาไว้อย่างเจ้าอยู่ข้างหลัง”เซียงหรงได้แต่จ้องเขาด้วยความงุนงง นางไม่เคยจำเรื่องราวเหล่านี้ได้เลย แต่เขากลับเล่าได้ละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้ง…เรื่องสาเหตุที่เขาออกรบและไม่เคยยอมแพ้จนมีชีวิตรอดกลับมาก็ช่าง…เขายังกล่าวต่อไป “หลายปีผ่านไป ข้าคิดว่าเจ้าอาจลืมข้าไปแล้ว แต่ข้ากลับไม่เคยล
หลี่จือหลินไม่อยากให้นางตั้งกำแพงในใจอีก ไม่ว่าอย่างไรเขากับนางก็ลงเอยกันไปแล้ว ไม่ว่านางจะยินดีแต่งให้เขาหรือไม่ นางก็หนีไปไหนไม่ได้อีกแล้วอยู่ดี…ทว่าเขาเองก็ยังอยากให้นางแต่งให้เขาด้วยความยินดี ไม่ใช่ด้วยความไม่เต็มใจเช่นนั้นเขาค่อยๆ ปัดปอยผมที่ล้อมกรอบหน้านางออก บีบนวดเนื้อตัวที่ปวดเมื่อยจากการร่วมรักเมื่อคืนพลางพูดเบาๆ เมื่อรำลึกถึงความทรงจำเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงยืนยันที่จะแต่งงานกับเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยากหนีข้าไปให้ไกลแค่ไหนก็ตาม” หลี่จือหลินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น ดวงตาคู่คมมองลึกเข้าไปในดวงตาของเซียงหรงที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลง“จะยังมีอะไรได้ นอกจากความดื้อด้านอยากเอาชนะคะคานของท่าน” นางตอบเสียงแข็ง ลุกขึ้นนั่งหันหน้าหนีราวกับไม่อยากรับฟังคำใดจากเขาอีกแต่หลี่จือหลินไม่ได้โกรธ เขายิ้มบางๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเคียงข้างนาง แววตาอ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“ไม่รู้เจ้ายังจำถังหูลู่ในเทศกาลหยวนเซียวได้หรือไม่”เซียงหรงขมวดคิ้วทั
“หรงเอ๋อร์…ชายหญิงร่วมเตียง จะเป็นอันใดกันได้ นอกจากสามีภรรยา” เขาพูดเสียงนุ่ม “อีกอย่าง เจ้าคิดว่าหากเฉินกั๋วกงได้ทราบ เขาจะไม่บังคับให้เจ้าแต่งงานจริงหรือ ต่อให้เป็นคุณชายใหญ่จวนเจ้าที่เจ้าคิดว่าจะเข้าข้างเจ้าแน่ๆ หากเป็นเรื่องนี้...เชื่อเถิดว่าเขาเองก็จะต้องเกลี้ยกล่อมให้เจ้ายอมแต่งให้ข้าเช่นกัน”คนฟังหน้าซีดเผือดลงทุกขณะ ยิ่งเมื่อเอ่ยถึงว่าเขาจะบอกบิดาและพี่ชายนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ เซียงหรงก็ยิ่งรู้สึกราวกับถูกหลอกขึ้นมาทันทีไม่หรอก...ไม่ได้รู้สึก...นางถูกหลอกจริงๆ นั่นล่ะ!ใบหน้าหวานล้ำเผือดซีด ความเจ็บปวดตรงกึ่งกลางกายราวกับจะส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันความโง่เขลาของนางนางวิ่งวนอ้อมไปทั่ว แต่สุดท้ายแล้วก็กลับตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาเช่นเดิมราวกับตัวตลก ราวกับสัตว์ที่ติดในกรง ต่อให้นางจะวิ่งไปข้างหน้าเช่นไร ก็มีเพียงกับดักที่รออยู่เท่านั้น“หากเจอท่านกั๋วกงแล้ว ข้าจะรีบปรึกษาว่าเราจะเร่งแต่งงานกันให้เร็วที่สุด ยังต้องหาฤกษ์ยาม ต้องดูก่อนว่าท่านพ่อตาต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษ อ้อ
ยามรุ่งอรุณแรกของวันใหม่ แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลอดเข้ามาผ่านปากถ้ำ เสียงนกร้องแว่วดังจากบนยอดไม้ ช่วยเสริมให้บรรยากาศดูเงียบสงบ แต่ภายในถ้ำเล็กๆ นั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ปะทุอยู่ในใจคนทั้งสองเฉินเซียงหรงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมความเจ็บปวดที่แล่นแปลบไปทั้งร่างเพียงนางขยับตัวเล็กน้อย ความเจ็บและเมื่อยล้าเนื้อตัว รวมถึงความปวดร้าวจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้นางข่มความเจ็บใจเอาไว้แทบไม่ไหว น้ำตาพลันเอ่อคลอเบ้าอีกครั้งหลี่จือหลินที่นอนตะแคงร่างหันหน้าเข้าหานางกลับอยู่อย่างเงียบๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่มักประดับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับดูซีดเซียวและเต็มไปด้วยความสำนึกผิด แววตาของเขาดูหม่นแสงราวกับแบกรับทุกความผิดบาปบนโลกนี้ไว้ "เจ้าเจ็บมากหรือไม่?" เสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเซียงหรงเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองหน้าเขาอีกแม้แต่น้อยนางกัดริมฝีปากแน่น พยายามลุกขึ้นด้วยตนเอง แต่เพียงแค่ขยับตัวเพียงนิด กลางกายที่ยังคงทั้งบวมทั้งแดงก็ส่งความเจ็บปวดจนต้องทรุดฮวบลงไปอีกครั้งหลี่จือหลินรีบประคองนางไว้ เขากุมมือนางเบาๆ แต่เซียงหรงกลับสะบั
หลี่จือหลินนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาฉายแววความเจ็บปวดและสับสน ก่อนที่เขาจะถอนหายใจยาว ปล่อยนางให้เป็นอิสระ รู้สึกได้ถึงความชื้นแฉะที่อก…พอเดาได้ว่ารอยกระบี่ฟันซึ่งได้จากการร่วมต่อสู้กับกลุ่มนักฆ่าที่หานชิงเยว่ส่งมาสังหาร ‘ตงหลิน’ องครักษ์ที่เขาวางตัวให้คอยติดตามคุ้มกัน เฉินเซียงหรงในที่แจ้ง ปริแยกเพราะแรงผลักของนางเมื่อครู่“เจ้าไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เฉินเซียงหรง” เสียงของเขาอ่อนลงเล็กน้อย “สำหรับข้า สัมพันธ์ระหว่างเราจะไม่ใช่และไม่มีทางเป็นสิ่งที่ทำเพื่อตัดความสัมพันธ์ แต่เป็นสิ่งที่ข้าหวังจะทำเพื่อให้เราสองคนผูกพันกันตลอดไป”เซียงหรงบอกอย่างปลดปลง “ท่านต่างหากที่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เรื่องนั้นก็ช่างเถอะ สำหรับข้า ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน หากท่านเพียงอยากได้ร่างกาย ท่านก็เอามันไปเถิด”ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน...อย่างนั้นหรือ?เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงเขา ต่อให้ต้องพลีกายให้ชายอื่น นางก็ไม่สนใจแม้จะต้องขึ้นเตียงกับเขา นางก็ยังดื้อด้านไม่ยอมแต่ง!หลี่จือหลินมองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาเจ็บ







