คำว่าพลังธาตุอัคคีที่รุนแรงและป่าเถื่อนดังก้องอยู่ในหัวของเซียวหลันราวกับเสียงก้องจากก้นบึ้งของอดีต นางหันไปมองหลี่หยางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม หลี่หยางไม่ได้สบตานาง แต่กำปั้นที่แน่นขึ้นของเขาบ่งบอกถึงอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ภายใน
"ไปกันเถอะ" หลี่หยางเอ่ยเสียงแผ่ว แต่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ เขาพานางเดินออกจากสำนักแพทย์หลวงโดยไม่รอช้า โดยมีเฉินเหวินที่ยังคงยืนนิ่งตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง
เมื่อออกมาจากสำนักแพทย์หลวงได้แล้ว เซียวหลันก็อดไม่ได้ที่จะถามในสิ่งที่นางสงสัยมาตลอด "พลังธาตุอัคคีที่รุนแรง... นั่นคือพลังเดียวกับที่ทำร้ายท่านใช่หรือไม่"
หลี่หยางหยุดเดิน เขาหันมามองนางด้วยแววตาที่เจ็บปวด "ใช่... และเป็นพลังของคนที่ทำลายครอบครัวของข้า"
"คนพวกนั้นเป็นใคร" เซียวหลันถาม
"พวกเขาคือผู้ที่เคยฝึกฝนพลังต้องห้าม" หลี่หยางตอบเสียงหนักแน่น "เป็นกลุ่มคนที่ถูกขับไล่ออกจากยุทธภพ เพราะพลังของพวกเขาอันตรายเกินไป"
"แต่ทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่" เซียวหลันถามต่อ "แล้วพวกเขาเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลของท่าน"
"พวกเขาต้องการพลังที่ซ่อนเร้นในตัวของพวกเรา" หลี่หยางตอบ "ตระกูลของข้าเป็นผู้สืบทอดพลังธาตุแห่งธรรมชาติ ซึ่งเป็นพลังที่บริสุทธิ์และสงบสุข แต่พลังของพวกมัน... เป็นพลังที่รุนแรงและเต็มไปด้วยความชั่วร้าย"
เซียวหลันนิ่งอึ้ง นางเริ่มเข้าใจถึงปมในอดีตของหลี่หยาง และเข้าใจถึงความอันตรายที่รออยู่เบื้องหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ
"แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป" นางถาม
"เราต้องไปหาคนผู้หนึ่ง" หลี่หยางตอบ "เขาเป็นอาจารย์ของข้า เป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถไขปมปริศนาทั้งหมดนี้ได้"
การเดินทางไปยังสำนักกระบี่ล่องลอยใช้เวลาอีกหลายวัน ระหว่างการเดินทาง หลี่หยางก็เริ่มเล่าเรื่องราวในอดีตให้เซียวหลันฟังอย่างละเอียดมากขึ้น เขามิได้มาจากตระกูลที่ถูกขับไล่เหมือนที่เขาเคยบอก แต่มันเป็นสำนักที่มีพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวผู้สืบทอด พลังที่เรียกว่า "พลังธาตุอัคคีแห่งความเที่ยงธรรม" แต่แล้ววันหนึ่งก็มีกลุ่มคนชั่วร้ายที่ใช้พลังธาตุอัคคีแห่งความป่าเถื่อนเข้ามาทำลายสำนักและครอบครัวของเขาเพื่อแย่งชิงพลังดังกล่าว มีเพียงเขากับอาจารย์ที่รอดชีวิตมาได้
เซียวหลันรับฟังเรื่องราวของหลี่หยางอย่างตั้งใจ นางมองเห็นความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความเย็นชาของเขา และรู้สึกเห็นใจเขาอย่างสุดซึ้ง ความผูกพันระหว่างพวกเขาจึงแน่นแฟ้นขึ้นไปอีกขั้น
เมื่อมาถึงสำนักกระบี่ล่องลอย เซียวหลันก็ต้องตกใจเมื่อพบว่ามันไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนที่เธอเคยจินตนาการไว้ แต่มันเป็นเพียงกระท่อมหลังเล็กๆ ที่ตั้งอยู่กลางป่าลึก
"นี่คือสำนักของท่านหรือ" เซียวหลันถามด้วยความประหลาดใจ
"เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เหลืออยู่" หลี่หยางตอบเสียงแผ่ว
พวกเขาเดินเข้าไปด้านในกระท่อม และได้พบกับชายชราผู้หนึ่งที่กำลังนั่งสมาธิอยู่กลางห้อง เขามีใบหน้าที่สงบเงียบ แต่ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยพลังอำนาจที่ยากจะคาดเดา
"ท่านอาจารย์" หลี่หยางกล่าว
ชายชราลืมตาขึ้น เขามองหลี่หยางและเซียวหลันด้วยรอยยิ้ม "เจ้ากลับมาแล้ว... และนำพาแขกที่น่าสนใจมาด้วย"
"ท่านอาจารย์... มีคนใช้พลังธาตุอัคคีต้องห้ามปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งขอรับ" หลี่หยางกล่าวอย่างจริงจัง
สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไป “งั้นหรือ..” เขาหันมามองเซียวหลันด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง "ว่าแต่เจ้า... รู้จักเด็กสาวผู้นี้ได้อย่างไร"
"เขามาให้ข้ารักษาที่หอโอสถของข้า ข้ารู้จักเขาที่นั่น" แทนที่หลี่หยางจะได้เอ่ยปากตอบ แต่เซียวหลันกลับชิงตอบออกมาเสียก่อน
ชายชราลุกขึ้นยืน เขามองเข้าไปในดวงตาของเซียวหลันอย่างพิจารณา ก่อนจะเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจ
"ชะตากรรม... ช่างเล่นตลกนัก" เขากล่าว "เจ้า... เป็นผู้ที่สืบทอดพลังของท่านแม่ทัพจากยุคสงคราม... ผู้ที่สามารถเยียวยาได้ด้วยพลังแห่งแสง"
เซียวหลันเบิกตากว้าง นางไม่เข้าใจคำพูดของชายชราเลยแม้แต่น้อย
"ท่านอาจารย์พูดอะไรหรือขอรับ" หลี่หยางถามด้วยความสับสน
"เด็กผู้นี้... เป็นผู้สืบทอดของท่านแม่ทัพเซียวหลง" ชายชราตอบ "ผู้ที่มีพลังในการเยียวยาด้วยแสง ซึ่งเป็นพลังที่จะช่วยหยุดยั้งสงครามระหว่างพลังแห่งแสงและความมืดที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งได้"
เซียวหลันรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงกลางลำตัว ชื่อของบิดาในอดีตชาติที่เธอไม่เคยนึกถึงกลับกลายเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ และเธอก็คือผู้สืบทอดพลังที่ซ่อนเร้นมาตั้งแต่เกิด
"นี่เป็นเรื่องจริงหรือเจ้าคะ" เซียวหลันถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ชายชราพยักหน้า "พลังที่เจ้าใช้รักษาผู้คน... นั่นแหละคือพลังแห่งแสง”
หลังจากได้อ่านคัมภีร์โบราณแล้ว เซียวหลัน หลี่หยาง และเฉินเหวิน ก็ตระหนักได้ว่าสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นไม่ใช่แค่เรื่องของพลังอำนาจ แต่เป็นเรื่องของคำทำนายที่ถูกสืบทอดมาหลายชั่วอายุคน และพวกเขาทั้งสามก็คือผู้ที่จะต้องเข้ามามีบทบาทในสงครามนี้"ในคัมภีร์ไม่ได้ระบุวิธีหยุดยั้งสงครามไว้" เซียวหลันกล่าวด้วยความผิดหวัง "มันมีเพียงแค่คำทำนายเกี่ยวกับผู้ที่จะมาช่วยโลกเท่านั้น""แต่เราก็มาถูกทางแล้ว" หลี่หยางปลอบโยน "อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่าพลังที่แท้จริงของพวกเราคืออะไร และเราจะสามารถใช้มันในการต่อสู้กับคนพวกนั้นได้อย่างไร""ข้ามีแผน" เฉินเหวินกล่าว "เราจะกลับไปที่วังหลวง"เซียวหลันและหลี่หยางมองหน้ากันด้วยความไม่เชื่อ “อะไรนะ!?" เซียวหลันถาม "ท่านจะให้เรากลับไปที่นั่นได้อย่างไร ในเมื่อที่นั่นเป็นกับดัก""ใช่... มันเป็นกับดัก" เฉินเหวินตอบ "แต่ตอนนี้... เราก็สามารถใช้มันให้เป็นประโยชน์ได้เช่นกัน" เขามองไปยังแผนที่บนผนังถ้ำ "ในแผนที่นี้... มีสถานที่ลับอีกแห่งหนึ่
พันธมิตรที่เปราะบางได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วในถ้ำลับอันมืดมิด เฉินเหวินที่เคยเป็นศัตรูร้าย บัดนี้ยืนอยู่เบื้องหน้าเซียวหลันและหลี่หยางในฐานะสหายร่วมชะตากรรม"ก่อนที่เราจะเริ่ม" เซียวหลันเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของนางยังคงเจือความระแวง "ท่านต้องบอกความจริงทั้งหมด... ว่าท่านเกี่ยวข้องอะไรกับอดีตของพวกเรา"เฉินเหวินยิ้มอย่างขมขื่น เขามองไปยังแผนที่บนผนังถ้ำ "เจ้าคิดว่าข้าชื่นชอบการเป็นหมากในเกมอำนาจของตระกูลข้าหรือ"เขาเริ่มเล่าเรื่องราวในอดีตให้เซียวหลันและหลี่หยางฟังอย่างละเอียด เขาเกิดในตระกูลที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและต้องการครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ พลังที่เขาใช้ในการต่อสู้ไม่ใช่พลังของตนเอง แต่เป็นพลังที่ถูกผนึกไว้ในตัวเขาตั้งแต่ยังเด็ก เขาถูกฝึกฝนให้กลายเป็นอาวุธที่มีชีวิต เพื่อที่จะใช้ในการทำลายศัตรูของตระกูล"ข้าถูกบังคับให้ทำร้ายครอบครัวของเจ้า" เฉินเหวินกล่าว "และข้าก็ถูกบังคับให้ทำร้ายครอบครัวของมัน" เขาชี้ไปที่หลี่หยาง "ข้า... เป็นเพียงหุ่นเชิดที่ไร้หัวใจ"
เมื่อรุ่งอรุณมาเยือนเมืองหลวงอีกครั้งเซียวหลันและหลี่หยางก็เดินทางมาถึงนอกกำแพงเมืองที่เคยเป็นเสมือนกรงขังเมื่อคืนวานนี้แล้ว พวกเขายังคงสวมชุดที่มอมแมมและเต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้ แต่ดวงตาของทั้งสองกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะเดินไปบนเส้นทางที่พวกเขาเลือกแล้ว"เราจะไปไหนกันดี" เซียวหลันถามขณะมองดูเมืองที่เงียบสงบในยามเช้า"เราต้องไปหาคนที่จะช่วยเราได้" หลี่หยางตอบ "และข้ารู้ว่าใครคือคนผู้นั้น"เซียวหลันพยักหน้าอย่างเข้าใจ พวกเขาทั้งสองเริ่มเดินทางไปยังทิศทางที่หลี่หยางบอก เส้นทางที่พวกเขาเลือกนั้นคือเส้นทางที่เต็มไปด้วยอันตรายและอุปสรรค พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มโจรที่ดักซุ่มอยู่ตามเส้นทาง และต้องต่อสู้กับสัตว์ร้ายในป่าที่รกทึบแต่ด้วยความสามารถของพวกเขา ทั้งสองคนก็สามารถเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้นไปได้ในที่สุด หลี่หยางใช้พลังอัคคีที่เพิ่งฟื้นคืนมาในการต่อสู้ ในขณะที่เซียวหลันก็ใช้พลังแห่งแสงในการรักษาบาดแผลที่เกิดขึ้น และนั่นก็ทำให้ทั้งสองคนได้เรียนรู้ที่จะร่วมมือกันอย่างสมบูรณ์แบบ
ดูเหมือนว่าโชคชะตาของเซียวหลันและหลี่หยางจะอยู่ในกำมือของเฉินเหวินไปเสียแล้ว คำพูดของเฉินเหวินเป็นดังคำประกาศศักดิ์สิทธิ์ที่ลิดรอนอิสระไปจากพวกเขาทั้งคู่ ชะตากรรมของพวกเขาเหมือนถูกขังเอาไว้ในกรงขนาดใหญ่ ทั้งสองคนต่างรู้ดีว่าเป็นเรื่องยากที่จะหนีไปจากโชคชะตาในครั้งนี้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นพวกเขาก็ยังมีความมุ่งมั่นมากพอที่จะจับมือเดินไปข้างหน้าด้วยกันตามเส้นทางที่ตัดสินใจเลือก"เราจะทำอย่างไรกันดี" เซียวหลันถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง"เราจะออกจากที่นี่" หลี่หยางตอบอย่างหนักแน่น "เราจะไปจากวังแห่งนี้และทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่มันสร้างขึ้น"เซียวหลันส่ายหน้า “แต่... เราทำไม่ได้... ที่นี่เต็มไปด้วยทหารของเขา และท่านก็ยังไม่แข็งแรงพอที่จะต่อสู้""ข้าไม่เป็นไร" หลี่หยางกล่าว "ข้ายังมีพลังที่เหลืออยู่" เขามองเข้าไปในดวงตาของเซียวหลัน "เชื่อข้า... เราต้องไปจากที่นี่"เซียวหลันมองเขาด้วยความรู้สึกที่สับสน แต่ในที่สุดนางก็พยักหน้าอย่างจำยอม นางรู้ดีว่าห
เซียวหลันและหลี่หยางมองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้ คำพูดของเฉินเหวินยังคงดังก้องอยู่ในห้องอันเงียบสงบ พวกเขาทั้งคู่ต่างก็แบกรับความลับที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะจินตนาการได้ และบัดนี้ความลับนั้นได้กลายเป็นภาระที่พวกเขาต้องแบกรับร่วมกัน"ท่าน... ไม่เป็นไรใช่ไหม" เซียวหลันถามเสียงแผ่ว นางยังคงรู้สึกผิดที่ทำให้หลี่หยางต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้หลี่หยางพยักหน้าเล็กน้อย "ข้าไม่เป็นไร... แต่เราไม่มีเวลาแล้ว""เราจะทำอย่างไรกันดี" เซียวหลันถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง "เราถูกขังอยู่ที่นี่ และพลังของท่านก็... หายไปแล้ว""พลังของข้าไม่ได้หายไป" หลี่หยางกล่าว "มันแค่หลับใหลไปชั่วคราว" เขามองเข้าไปในดวงตาของเซียวหลัน "เจ้าต้องช่วยปลุกมันขึ้นมาอีกครั้ง"เซียวหลันส่ายหน้า "ข้าทำไม่ได้... ข้าเคยลองแล้ว และข้าก็เกือบจะเสียชีวิต""เชื่อข้า" หลี่หยางกล่าวอย่างหนักแน่น "ในตอนนี้มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่จะช่วยข้าได้"เซียว
เซียวหลันมองเฉินเหวินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น เพราะคำพูดของเขาฟังดูไม่เข้าหูนางเลยสักนิด คำพูดเหล่านั้นเป็นดั่งคมมีดกรีดลึกเข้าไปในจิตใจของนาง แต่นางก็ทำอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้นอกไปจากความรู้สึกยอมจำนน"ท่าน... ทำเช่นนี้ทำไม" เซียวหลันถามเสียงสั่นเครือ "ท่านต้องการอะไรกันแน่"เฉินเหวินยิ้มเล็กน้อย เขามองไปยังหลี่หยางที่นอนอยู่บนเตียง "ข้าต้องการพลังที่แท้จริงของเจ้า และข้าต้องการผู้ที่สามารถต่อกรกับคนพวกนั้นได้" เขาหันกลับมามองเซียวหลัน "ส่วนเรื่องการกอบกู้ชื่อเสียงของตระกูลเจ้า... มันเป็นเพียงสิ่งล่อใจให้เจ้าเข้ามาในวังของข้า"เซียวหลันกำหมัดแน่น นางรู้สึกราวกับถูกหลอกใช้ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกไร้หนทางที่จะหลีกหนี"แล้ว... ท่านจะทำอย่างไรกับข้า" เซียวหลันถาม"เจ้าไม่ต้องห่วง" เฉินเหวินตอบ "ข้าจะช่วยเจ้าฝึกฝนพลังของเจ้าให้แข็งแกร่งขึ้น และเมื่อถึงตอนนั้น... เจ้าก็จะเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดของข้า"เซียวหลันส่ายหน้า "ข้าจะไม่ยอม