Share

บทที่ 6 

บทที่ 6 

         อัครวัฒน์เดินเข้าห้องน้ำแล้วล้างหน้าด้วยน้ำเย็นๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อลบล้างภาพของคู่หมั้นที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดแดงฉาน สุดท้ายเขาก็ต้องหยุดเพราะมันไม่ได้ช่วยอะไร แต่สิ่งที่ชัดเจนอยู่ในสายตาของเขาขณะนี้อีกภาพคือภาพใบหน้าของชายหนุ่มที่ขอบตาลึกโหลหนวดเคราเฟิ้มรุงรังเรือนดกดำยาวยุ่งเหยิง... ไร้คราบคุณโดมผู้งามสง่าแสนสำอางเช่นหนุ่มเจ้าสำราญที่หญิงสาวครึ่งค่อนโลกใฝ่ฝันถึงเหมือนในวันวาน ดวงตาสีน้ำเงินเข้มนั้นหม่นมัวเต็มไปด้วยความหมองหม่น เมื่อนึกถึงจุดร้าวฉานที่นำไปสู่การสูญเสียที่ไม่ว่าเขาหรือเนวินก็ไม่มีวันได้มันกลับคืนมา... 

จุดร้าวฉานของเขากับเนวินนั้นมาจากการเสียชีวิตของ เนวิกา น้องสาวเนวินซึ่งต่างมารู้กันภายหลังว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ได้สามเดือนและอัครวัฒน์ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบ ทำน้องสาวของเนวินท้องแล้วไม่ยอมรับทำให้ เนวิกาต้องฆ่าตัวตาย เพราะช่วงเวลานั้นเขากับเนวิกาไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ แต่ความจริงแล้วเขากับเนวิกาไม่เคยมีความสัมพันธ์กันเกินเลยมากกว่าคำว่าเพื่อนเลยสักนิดเดียว แต่ไม่มีใครเชื่อและเนวินก็ฝังใจเจ็บว่าเขาคือต้นเหตุ การตายของเนวิกาและพยายามหาทางแก้แค้นทำร้ายเขามาตลอดทั้งทางตรงและทางอ้อม

จนตอนนี้ที่เนวินทำสำเร็จ เนวินได้ทำลายดวงใจของเขาจนป่นปี้โดยที่ตัวเนวินเองก็เพิ่งรู้ว่า คนที่ทำเนวิกาท้องนั้นคือเพื่อนชายอีกคนซึ่งอยู่ในกลุ่มเพื่อนๆ กลุ่มเดียวกันนั่นเอง และเพื่อนชายคนนั้นก็ฆ่าตัวตายตามเนวิกาไปโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าสาเหตุการฆ่าตัวตายของเขาคืออะไร มีเพียงคนเดียวที่รู้ดีคืออัครวัฒน์ซึ่งพยายามจะบอกแก่เนวินหลายครั้งแล้วว่าตนไม่ใช่คนที่ทำเนวิกาท้องแต่เนวินก็ไม่ยอมฟัง สุดท้ายก็เกิดเรื่องเศร้าขึ้น

ในวันที่เขาตามจับตัวเนวินได้และต้องการจัดการกับเนวินขั้นเด็ดขาดนั้นอัครวัฒน์ได้นำหลักฐานทุกอย่างที่ตนพยายามจะบอกแก่เนวินหลายครั้งหลายครามาให้เนวินดูเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองและเพื่อให้เนวินตาสว่างว่าสิ่งที่เนวินพยายามทำนั้นมันคือความเข้าใจผิดมาตลอด

ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวอัครวัฒน์เองคิดว่าไม่ควรจะรื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะมันจะเป็นการขุดคนตายมาขายให้อับอาย อะไรที่ควรจะจบสิ้นก็ควรจะจบไป แต่อัครวัฒน์ไม่คิดเลยว่าเนวินจะแค้นเขาถึงขนาดคิดทำร้ายกันจนนำไปสู่การสูญเสียชีวิตเช่นนี้ และเมื่อเนวินได้รับรู้ความจริงทุกอย่างจากจดหมายและเทปวีดีโอของเพื่อนชายคนนั้นที่อัดไว้และได้นำมันมาให้กับอัครวัฒน์ก่อนจะฆ่าตัวตาย ทำให้เนวินถึงกับเข่าทรุดหมดแรงเมื่อทุกสิ่งที่ทุกอย่างที่ทำมานั้นมันมาจากความเข้าใจผิดของตนที่คิดไปเองทั้งสิ้น...

          อัครวัฒน์รู้ดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันมาจากทิฐิที่ต่างคิดจะเอาชนะคะคานกันระหว่างเขากับเนวินทั้งสิ้น จึงทำให้ผู้บริสุทธิ์เช่นชลิตาต้องมารับเคราะห์กรรม... นั่นคือสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองรู้สึกผิดอยู่มิวายซึ่งเหตุผลข้อนี้เองทำให้เนวินสำนึกได้ในวาระสุดท้ายของชีวิตที่เนวินเป็นผู้ตัดสินใจจบชีวิตตนเองเพื่อชดใช้ให้แก่ชลิตา

เนวินเลือกที่จะใช้วิธีเดียวกันกับที่ชลิตาใช้เมื่อได้รับรู้ความจริงซึ่งแม้อัครวัฒน์จะแค้นใจมากถึงขนาดจะฆ่าเขาได้แต่เนวินก็เลือกที่จะจบชีวิตตนเองโดยไม่ให้ใครสูญเสียอีกและเพื่อไม่ให้คนที่เขาเข้าใจผิดมาตลอดต้องมาแปดเปื้อนเพราะตน การฆ่าตัวตายของเนวินทำให้อัครวัฒน์เสียใจอยู่บ้างและคิดว่าการสูญเสียมันคงจบสิ้นเพียงเท่านี้ เขายกโทษให้เนวิน...

แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผู้ชายคนนั้น คนที่ลักพาตัวชลิตาไปให้เนวินมันยังจะต้องชดใช้...

“ถึงยังไงแกก็จะต้องชดใช้...”

อัครวัฒน์ขบกรามแน่นด้วยความแค้นใจที่ยังไม่ได้สะสางกับผู้สมรู้ร่วมคิดอีกคน... ยิ่งได้รับรู้ว่าชลิตาใจเด็ดถึงขนาดต่อสู้สุดกำลังจนสุดท้ายเธอได้ใช้เศษแจกันจีนโบราณปาดคอของตนเพื่อหนีเงื้อมมือคนที่คิดข่มเหงเธอเขาก็ยิ่งแค้น... เธอปลิดชีพตัวเองด้วยเศษแจกันแตกๆ เพื่อรักษาเกียรติของตน... โอ ชลิตา เธอช่างเป็นผู้หญิงที่ใจคอเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก...

หากชายคนนั้นไม่ลักพาตัวเธอไป เธอก็คงไม่จบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า ยิ่งคิดอัครวัฒน์ก็ยิ่งแค้นใจ ยิ่งคิดใจของเขาก็ยิ่งเหมือนแหลกสลายไปพร้อมๆ กับควันไฟที่ล่องลอยออกจากปล่องเมรุในวันเผาศพของเธอ... แม้เหตุผลที่เนวินทำร้ายชลิตาจะมาจากความเข้าใจผิด และแม้ว่าเนวินจะชดใช้ความผิดของตนเองด้วยการฆ่าตัวตายไปแล้วก็ตาม แต่ความชั่วร้ายของ มิ่งเมือง ก็จะไม่ได้รับการยกเว้น...

ใครก็ตามที่ทำร้ายคนของดีแลนด์ให้เจ็บช้ำสูญเสีย มันจะถูกลงโทษด้วยวิธีการของดีแลนด์ที่ไม่ต้องพึ่งพากฎหมายให้ยุ่งยากความแค้นนั้นจะต้อง ชดใช้ด้วยชีวิตต่อชีวิต......  

“ฉันจะต้องได้ตัวแกมาลงโทษ... ไอ้มิ่งเมือง ไม่ว่าแกจะหลบอยู่ที่ไหน ไม่นานฉันจะต้องเจอแก...” อัครวัฒน์ขบกรามแน่น หยิบสร้อยคอของคนที่เขากำลังตามล่าหาตัวขึ้นมามองด้วยความเกลียดชังเหมือนว่าคนคนนั้นมายืนอยู่ตรงหน้า มือแกร่งเปิดจี้ห้อยคอออกซึ่งข้างในนั้นมีรูปของชายหนุ่มคนหนึ่งกับเด็กสาวหน้าตาแสนธรรมดา แต่เขากลับสะดุดตากับดวงตากลมโตสุกใสและรอยยิ้มของเธอเหมือนต้องมนต์...

ดวงตาและรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหวไขว้เขว...

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • มนต์เสน่หาซาตานเถื่อน   บทที่ 61. อวสาน

    บทที่ 61. อวสาน “ไม่อยากนอนค่ะอยากทำอย่างอื่น..” มนตราบอกสามีเสียงพร่าเล็กน้อยแล้วเผยอกายขึ้นผลักเขานอนลงแทนที่ตนก่อนจะก้มลงไล้เลียยอดอกของเขาอย่างที่เขาทำกับเธอเมื่อครู่อัครวัฒน์ถึงกับครางเสียงดังเลยทีเดียว..“โอ้ว มนจ๋ามนที่รัก... ดีเหลือเกินเมียจ๋า...” อัครวัฒน์ครางกระเส่าเร่าร้อน กายแกร่งปวดหนึบไปด้วยความต้องการอยากจะโจนจ้วงเข้าสู่โพรงร่างสาว อัครวัฒน์ร้อนจนไม่อาจจะรีรอให้หล่อนเล่นเกมเหนือเขาได้ ชายหนุ่มผลักร่างเล็กลงนอนแทนที่ตนเปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุก มนตราหัวเราะเบาๆ อย่างถูกใจเมื่อเห็นแววตาและความพรั่งพร้อมของสามี อัครวัฒน์ก้มลงไปยังกึ่งกายสาวแล้วแตะแต้มริมฝีปากเลียไล้ไปทั้งกลีบกายสาวสดฉ่ำชุ่มชื้น...“อ๊า โอ้ววว... พี่โดมขา...” มนตราครางกระเส่าแล้วแอ่นหยัดสะโพกเข้าหาปากร้ายของเขาเร่าๆ ด้วยความเสียว ก่อนที่สะโพกมนจะเกร็งค้างกับปากและลิ้นของเขาเมื่อพุ่งทะยานไปสู่ความสุขสมอัครวัฒน์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วจับร่างเล็กให้ก้มก้งโค้งในท่าคลา

  • มนต์เสน่หาซาตานเถื่อน   บทที่ 60.

    บทที่ 60. มนตรามองสามีที่กำลังจูงมือลูกๆ มาหาตนในสวนผักปลอดสารพิษที่เธอกับลูกสาวฝาแฝดทั้งสองช่วยกันปลูก น้องมิ่งแก้ว กับ น้องมิ่งขวัญ ชอบกินผักซึ่งเธอพอใจมากที่เด็กๆ ชอบกินผัก ตอนนี้เด็กหญิงทั้งสองสี่ขวบแล้ว“คุณแม่ขา.. พวกเรามาแย้วววว..” เด็กหญิงหน้าตาน่ารักวิ่งมาหาผู้เป็นแม่จนผมเปียปลิวไสว มนตรากางแขนรอรับลูกสาวทั้งสองแล้วหอมแก้มแดงๆ ของสองสาวจอมซนหนักๆ อย่างรักใคร่และมันเขี้ยว“เหงื่อท่วมมาเชียวไปเล่นอะไรกันมาคะเนี่ย”“วิ่งจับผีเสื้อค่า แต่จับไม่ได้สักตัว” เด็กหญิงมิ่งขวัญตอบเจื้อยแจ้ว“ผีเสื้อบินเร็วๆๆ แบบนี้ค่า” เด็กหญิงมิ่งแก้วทำท่าบินๆ ให้ผู้เป็นแม่ดู“ผีเสื้อบินน่ารักจัง”“ช่ายค่า น่ารักเหมือนแก้วเหมือนขวัญ” เด็กหญิงทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกันแล้วกอดคอกันยิ้มแฉ่งให้บิดามารดาของตน“เซี้ยวจริงๆ เลยลูกพ่อ” อัครวัฒน์เดิน

  • มนต์เสน่หาซาตานเถื่อน   บทที่ 59.

    บทที่ 59.“เมื่อคืนมนฝันถึงคุณชลิตาด้วยค่ะ” มนตราบอกสามีซึ่งซบหน้าหอบกระเส่าอยู่กับอกอวบใหญ่ของตนหลังจากที่เพลงรักเร่าร้อนที่ไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่จบลง...แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ความรักที่พวกเขามีให้กันก็ยังคงฉ่ำหวานอยู่ตลอดเวลา ยิ่งตอนนี้ลูกๆ ไม่อยู่ขัดความสำราญพวกเขาก็ยิ่งรักกันเหนียวแน่นมากขึ้น เพราะน้องมิ่งแก้วกับน้องมิ่งขวัญในวัยสองขวบนั้นไปเที่ยวพักผ่อนที่ไร่ของคุณลุงเด่นคุณป้ายอดรักกับคุณปู่คุณย่าที่ยังคงแข็งแรงสดใส ซึ่งยินดีจะเลี้ยงดูหลานๆ เพื่อให้โอกาสลูกชายลูกสะใภ้คนดีได้อยู่ด้วยกันลำพังบ้างมนตรากับอัครวัฒน์นั้นต่างช่วยกันเลี้ยงดูลูกๆ ฝาแฝดทั้งสองด้วยกันมาตลอด ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนพวกเขาก็จะยกกันไปทั้งครอบครัว มาดคุณโดมแฟมิลี่แมนจึงเป็นที่กล่าวขวัญและมนตราก็เป็นหญิงสาวที่ใครๆ ต่างก็อิจฉาในความโชคดีของเธอที่ได้สามีที่ดีแสนน่ารักอย่างคุณโดม อัครวัฒน์ ดีแลนด์ คนนี้...“จริงเหรอ เหมือนพี่เลย พี่ก็ฝันว่าหนูเล็กมาเยี่ยม เธอดูมีความสุขมากทั้งที่พี่ไม่ได้ฝันถึงเธอมานานมากตั้งแต่เราแต่งงานกัน...”

  • มนต์เสน่หาซาตานเถื่อน   บทที่58.

    บทที่58.“แล้วแก้แค้นเธอสำเร็จไหมคะ...” มนตราถามล้อๆ พลางยิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์...“ก็ไม่รู้สินะ รู้แต่ว่ามันทำให้พี่ได้ทั้งเมียและลูกมาพร้อมๆ กัน...”อัครวัฒน์ยิ้มกว้างพอๆ กับเธอที่ยิ้มไม่หุบ รอยยิ้มสดใสของมนตราดังมีมนต์ขลังที่ทำให้เขาถอนสายตาจากใบหน้านวลไม่ได้เลย ชายหนุ่มมองเธออย่างหลงใหลจนมนตรารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กับแววตาที่เริ่มจะพราวพรายของเขา“เราทานข้าวกันดีกว่าค่ะ มนอยากจะไปเดินเล่นในไร่...” หญิงสาวตัดบทและหาทางเอาตัวรอดจากเปลวเสน่หาของเขาไปก่อนในเช้านี้อัครวัฒน์รู้ทันความคิดเธอจึงคีบจมูกเล็กๆ นั้นเบาๆ อย่างมันเขี้ยวแล้วนั่งลงเคียงข้างกัน... หนุ่มสาวนั่งรับประทานอาหารเช้าด้วยกันและคุยกันด้วยความรักและเข้าใจ ความบาดหมางความแค้นเคืองขึ้งโกรธมลายหายไปจากใจของพวกเขาจนหมดสิ้นมีเพียงความรักอ่อนหวาน ที่โอบล้อมพวกเขาไว้ด้วยรักแท้ที่ต่างอภัยให้กันและกัน...หลังจากที่ปรับความเข้าใจกันแล้วอัครวัฒน์ก็จดทะเบียนกับมนตราไว้ก่อนแล้วจัดงานแต่งงานใ

  • มนต์เสน่หาซาตานเถื่อน   บทที่57.

    บทที่57.พระมิ่งเมืองกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบนุ่มเต็มไปด้วยเมตตาธรรมซึ่งมนตราสัมผัสได้ น้ำตาแห่งความปลื้มปีติเอ่อล้นออกจากดวงตางามช้าๆ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือคนคนเดียวกันที่เคยทำร้ายเธออย่างเลือดเย็นมาก่อน...“ชีวิตคนเราไม่ได้ยืนยาวสักเท่าไหร่หรอกนะโยมน้องมน... อะไรที่ดีๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตก็ควรจะคว้าไว้ โดยเฉพาะความสุขเพราะมันอาจจะอยู่กับเราไม่นาน หรือ เราอาจจะไม่ได้อยู่จนพบเจอมัน หากให้มิจฉาทิฐิบดบังจิตใจ... หลวงพี่จะบอกกล่าวเพียงเท่านี้...” มนตรารู้สึกเหมือนมีใครเขี่ยผงเล็กๆ ออกจากตาทั้งที่รู้แต่เธอกลับเขี่ยมันออกเองไม่ได้“ไหนแบมือมาสิโยมน้องมน...” หญิงสาวยื่นมือออกไปตามที่หลวงพี่บอก แล้วพระมิ่งเมืองก็วางของสิ่งหนึ่งลงบนมือของเธอด้วยการปล่อยให้มันตกลงมาเบาๆ มนตรามองของตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ“ฝากไปให้โยมโดมด้วย บอกว่าเป็นของขวัญจากหลวงพี่ให้เป็นของขวัญแต่งงาน... เจริญพร...”“สาธุค่ะหลวงพี่...” มนตราสาธุการด้วยความซาบซึ้งมองตามหลังพระมิ่งเมืองไปด้วยดวงใจที่เปี่ยมล้นด้วยควา

  • มนต์เสน่หาซาตานเถื่อน   บทที่ 56.

    บทที่ 56.“หากไม่ยุ่งกับเมียจะไปยุ่งกับใครล่ะครับ ไม่เอาไม่ทะเลาะกันนะ เดี๋ยวลูกเราจะหน้ายุ่ง...”“เมื่อไหร่คุณจะกลับไปคะ”“ทำไมน้องมนพูดแบบนี้ล่ะครับ เมียอยู่ที่ไหนผัวก็ต้องอยู่ที่นั่นสิครับ”“ฉันจำได้ว่าไม่เคยแต่งงานกับคุณนะคะ และเราก็ไม่ได้มีสถานะอะไรที่เกี่ยวข้องกันแล้ว แม้แต่แฟน หรือคนรัก เราก็ไม่เคยใช้มันร่วมกันมาก่อน...” คำพูดของเธอทำให้อัครวัฒน์สะอึกถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว...“พี่...”“พอเถอะค่ะ หากคุณจะทำทุกอย่างให้ฉันเพื่อไถ่โทษ หรือเพราะรู้สึกผิดที่หลอกใช้ฉันเพื่อนแก้แค้น เราจบสิ้นกันไปแล้ว ฉันยกโทษให้คุณ เราเป็นอิสระต่อกัน... ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ ถือว่าเราให้โอกาสกันและกัน ให้อิสระกันและกัน ฉันอาจจะได้เจอผู้ชายสักคนที่รักฉันจริงและพร้อมจะดูแลฉันกับลูก คุณเองก็อาจจะเจอผู้หญิงดีๆ ที่เหมาะสมกับคุณทุกๆ ด้าน ผู้หญิงที่ไม่ใช่ลูกสาวพ่อบ้านกระจอกๆ อย่างฉัน...”มนตราตัดสินใจพูดออกมาเพื่อไม่ให้ตัวเองมีหวังอะไรลมๆ แล้ง

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status