Share

๑๘ เด็กสาวไม่ธรรมดา

last update Last Updated: 2025-10-17 22:16:27

กาลเวลาผันผ่านราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ หลายเดือนนับจากการเผชิญหน้ากันครั้งล่าสุดที่ห้างสรรพสินค้าได้ผ่านพ้นไป ซูเหม่ยลี่เก็บตัวเงียบราวกับอสรพิษที่เร้นกายอยู่ในโพรงเพื่อเลียแผลใจของตนเอง ความเงียบสงบที่ได้รับมานี้เองที่เปิดโอกาสให้หลินเยว่ซินได้ทุ่มเทสติปัญญาและพละกำลังทั้งหมดให้กับการสร้างอาณาจักรของเธออย่างเต็มที่

บัดนี้ ร้านของเยว่ซินไม่ได้เป็นเพียงร้านค้าริมถนนอีกแล้ว แต่มันได้กลายเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับมากที่สุดในอำเภอ

ความต้องการสินค้ามีมากเกินกว่าที่ร้านเล็ก ๆ แห่งเดียวจะรองรับได้ไหว ลูกค้าจากเมืองและอำเภอใกล้เคียงต่างดั้นด้นเดินทางมาเพื่อเลือกซื้อเสื้อผ้าของเธอโดยเฉพาะ โรงงานขนาดย่อมที่หลังร้านต้องทำงานกันจนดึกดื่นทุกคืน แต่ก็ยังผลิตสินค้าไม่ทันต่อความต้องการ

วันหนึ่ง ภรรยาของนายอำเภอจากเมืองชิงหยวนซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่และเจริญกว่าได้เดินทางมาที่ร้านของเธอด้วยตนเอง เธอประทับใจในคุณภาพและดีไซน์ของเสื้อผ้าเป็นอย่างมาก หลังจากเลือกซื้อไปหลายชุด เธอก็ได้เอ่ยกับเยว่ซินว่า

“เถ้าแก่เนี้ยน้อยหลิน เสื้อผ้าของเธอสวยงามและมีรสนิยมมากจริง ๆ ถ้าเธอไปเปิดร้านที่เมืองชิงหยวนนะ รับรองได้เลยว่าพวกคุณนายที่นั่นจะต้องคลั่งไคล้กันอย่างแน่นอน”

คำพูดนั้นเป็นดั่งประกายไฟที่จุดชนวนความคิดอันยิ่งใหญ่ในใจของเยว่ซิน

เธอเรียกประชุมครอบครัวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่มีแววตาแห่งความลังเลหรือหวาดกลัวปรากฏขึ้นอีกแล้ว มีเพียงความตื่นเต้นและเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของผู้นำอย่างเต็มเปี่ยม

“ไปเลยเยว่ซิน!” พ่อหลินกล่าวอย่างกระตือรือร้น “บอกมาเลยว่าต้องให้พ่อทำอะไรบ้าง!”

“ฉันจะไปดูแลร้านใหม่เอง!” ต้าเฉียงอาสาทันที “ฉันเรียนรู้งานจากเธอมานานแล้ว รับรองว่าไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน!”

พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงครอบครัวอีกต่อไปแล้ว แต่ได้กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุด

ด้วยเงินทุนมหาศาลที่ได้จากการลงทุนอย่างชาญฉลาดเมื่อปีก่อน การขยายสาขาในครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย เยว่ซินทุ่มเงินเช่าทำเลที่ดีที่สุดในย่านการค้าของเมืองชิงหยวน ตกแต่งร้านใหม่ให้ดูหรูหราและทันสมัยยิ่งกว่าเดิม และที่สำคัญที่สุด เธอได้เดินทางไปจดทะเบียนการค้าอย่างเป็นทางการในชื่อใบไหวดีไซน์ โดยใช้แซ่หลิ่วที่แปลว่าต้นไหว ซึ่งพ้องเสียงกับแซ่เดิมของเธอ และยังเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ที่ทุกคนจดจำได้อีกด้วย

เธอเริ่มว่าจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นหลายสิบคน ทั้งช่างเย็บผ้าและพนักงานขาย โดยให้แม่หลินรับหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายการผลิต คอยควบคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐานสูงสุด เยว่ซินให้ค่าแรงที่เป็นธรรมและสวัสดิการที่ดีแก่ลูกจ้างทุกคน ทำให้เธอได้รับทั้งความเคารพและความภักดีจากพวกเขาอย่างเต็มเปี่ยม

สถานะทางสังคมของครอบครัวหลินได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง...

จากครอบครัวชาวนาที่เคยยากจนข้นแค้นที่สุดในหมู่บ้าน บัดนี้พวกเขาได้กลายเป็นตระกูลนักธุรกิจใหม่ที่ได้รับการยอมรับและนับหน้าถือตาจากคนทั้งเมือง พวกเขาย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านทรงลานสี่ทิศหลังใหญ่ที่กว้างขวางและสวยงาม มีรถยนต์เป็นของตัวเอง และสามารถกินใช้ได้อย่างสุขสบายโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทองอีกต่อไป

หลินเจี้ยนกั๋วในตอนนี้คือผู้จัดการหลินที่สุขุมและน่าเกรงขาม หลินต้าเฉียงก็ได้สลัดคราบเด็กหนุ่มบ้านนอก จนกลายมาเป็นผู้จัดการสาขาที่มีความสามารถ และหลินซิวอิงก็ได้เบ่งบานจากเด็กสาวขี้อายกลายเป็นผู้ช่วยดีไซเนอร์ที่มีความคิดสร้างสรรค์ เรื่องราวการจากตมสู่ดาวของพวกเขาได้กลายเป็นเรื่องเล่าที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนไปทั่วทั้งอำเภอ

แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยก็คือความรักความผูกพันอันแน่นแฟ้นภายในครอบครัว พวกเขายังคงนั่งกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันทุกเย็น และยังคงเป็นครอบครัวหลินที่แสนอบอุ่นเหมือนเดิม...

ในขณะที่ชื่อเสียงของใบไหวดีไซน์และหลินเยว่ซินกำลังขจรขจายไปทั่วทั้งภูมิภาค เรื่องราวของเธอก็ได้เดินทางข้ามผ่านหุบเขาและแม่น้ำนับพันลี้ ไปเข้าหูของบุคคลที่ทรงอำนาจที่สุดในเมืองหลวง

ณ บ้านพักตระกูลลู่ในกรุงปักกิ่ง ภายในห้องหนังสือที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยอำนาจและบารมี ชายชราผมสีดอกเลาผู้มีแววตาดุจพยัคฆ์กำลังนั่งจิบชาอยู่เงียบ ๆ ท่านนายพลลู่เจิ้งเฟิง ปรมาจารย์แห่งกองทัพผู้เกษียณอายุราชการแล้วแต่ยังคงทรงอิทธิพลอย่างสูงในแวดวงการเมืองและการทหาร

ตรงข้ามกับเขาคือภรรยาคู่ชีวิต คุณนายลู่ซูเหวิน สตรีผู้สง่างามและมีแววตาที่เฉียบคมราวกับสามารถมองทะลุเข้าไปถึงจิตใจของคนได้

“อาเฟิงส่งจดหมายมาอีกแล้วค่ะคุณพี่” คุณนายลู่เอ่ยขึ้นขณะคลี่จดหมายฉบับล่าสุดของหลานชายสุดที่รักออกมาอ่าน

ลู่เฟิงนั้นแม้จะเย็นชาและพูดน้อย แต่เขาก็เขียนจดหมายกลับมาเล่าเรื่องราวที่บ้านเกิดให้ปู่ท่านย่าฟังอยู่เสมอ

“ครั้งนี้ดูเหมือนจะมีเรื่องน่าสนใจนะคะ” คุณนายลู่ยิ้มบาง ๆ “เขาเล่าเรื่องเด็กสาวคนหนึ่งในหมู่บ้าน อืม... ชื่อหลินเยว่ซิน เขาเขียนถึงเธอเสียยืดยาวเลยค่ะ บอกว่าเป็นเด็กสาวที่น่าทึ่งมาก สร้างตัวขึ้นมาจากความว่างเปล่า แถมยังฉลาดและใจเด็ดอย่างหาตัวจับได้ยาก...”

ท่านนายพลลู่ยังคงนั่งนิ่ง แต่หูของท่านกลับตั้งใจฟังอย่างเต็มที่

คุณนายลู่ผู้ซึ่งรู้จักหลานชายของตนเองดีที่สุด เธอรู้ดีว่าการที่ภูเขาน้ำแข็งอย่างลู่เฟิงจะยอมเอ่ยปากชมใครยาว ๆ เช่นนี้ได้นั้น แสดงว่าเด็กสาวคนนั้นจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน และนี่เป็นครั้งแรกที่หลานชายของเธอเอ่ยถึงผู้หญิงคนอื่นนอกเหนือจากคนในครอบครัว

“อาเฟิงของเรา ดูเหมือนจะเจอคนที่น่าสนใจเข้าแล้วสินะคะ” เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ

เธอหันไปสั่งผู้ช่วยที่ยืนรอรับใช้อยู่ด้านข้าง “อาเฉิน ช่วยไปสืบเรื่องของเด็กสาวที่ชื่อหลินเยว่ซินจากหมู่บ้านหงซิง อำเภอหลิวอันมาให้ฉันที ขอประวัติอย่างละเอียดที่สุดเท่าที่จะหาได้”

ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา รายงานฉบับสมบูรณ์ก็ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะทำงานของท่านนายพลลู่

อาเฉินยืนรายงานด้วยความนอบน้อม “เรียนท่านนายพลและคุณนาย เด็กสาวหลินเยว่ซินคนนี้มีประวัติที่ไม่ธรรมดาเลยครับ เดิมทีเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกครอบครัวหลินรับมาเลี้ยง แต่เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งจะค้นพบว่าเป็นลูกสาวที่หายตัวไปของตระกูลซู แต่ที่น่าแปลกใจคือเธอกลับเลือกที่จะตัดขาดความสัมพันธ์กับครอบครัวที่แท้จริงอย่างเป็นทางการครับ”

“หืม?” ท่านนายพลลู่เลิกคิ้วขึ้นเป็นครั้งแรก

“นอกจากนี้ เธอยังสอบเทียบได้คะแนนเต็มทุกวิชาเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ของอำเภอ และได้ก่อตั้งธุรกิจเสื้อผ้าใบไหวดีไซน์ขึ้นมาด้วยตัวเองจากเงินทุนเพียงน้อยนิด จนตอนนี้ได้ขยายสาขาไปยังเมืองชิงหยวนแล้ว ชาวบ้านในพื้นที่ต่างยกย่องในความสามารถ ความกตัญญูต่อครอบครัวที่เลี้ยงดูมา และความใจสู้ไม่ยอมคนของเธอเป็นอย่างมาก และเอ่อ... ยังมีข่าวลือในท้องถิ่นว่าคุณชายลู่เฟิงของเราดูเหมือนจะให้ความสนใจในตัวเธอเป็นพิเศษด้วยครับ”

เมื่อรายงานจบลง ความเงียบก็เข้าปกคลุมห้องหนังสืออีกครั้ง

ท่านนายพลลู่และภรรยามองหน้ากัน เด็กสาวคนนี้ช่างแตกต่างจากหลานสาวตระกูลใหญ่ที่พวกท่านเคยหมายตาไว้ให้หลานชายโดยสิ้นเชิง ประวัติของเธอซับซ้อนเกินไป เป็นเด็กกำพร้า มีเรื่องบาดหมางกับอีกตระกูล ฐานะเดิมก็เป็นเพียงชาวนา...

ทว่า ความสำเร็จและคุณสมบัติส่วนตัวของเธอกลับโดดเด่นจนน่าเหลือเชื่อ เธอไม่ใช่แค่เด็กสาวบ้านนอกธรรมดา ๆ แต่เธอคือมังกรที่ซ่อนกายอยู่ในหนองน้ำ เสมือนเพชรที่เจียระไนตัวเองขึ้นมาจนส่องประกายเจิดจรัส

“หึ...” ท่านนายพลลู่แค่นเสียงในลำคอเบา ๆ แววตาปรากฏร่องรอยของความพึงพอใจอย่างหาได้ยาก “ตระกูลซูงั้นเหรอ? ฉันรู้จักอยู่ เป็นพวกที่ดีแต่เปลือกนอก เด็กคนนี้กล้าตัดขาดกับพวกนั้นได้ แสดงว่ามีกระดูกสันหลังที่แข็งแกร่ง มีจิตวิญญาณของทหารอยู่ในตัว”

คุณนายลู่ยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มที่อ่านความหมายได้ยากยิ่ง “งั้นหรือคะ นี่สินะเด็กสาวที่สามารถทลายกำแพงของหลานชายพวกเราได้”

ชื่อของหลินเยว่ซินได้ถูกสลักลงในความทรงจำของสองผู้ยิ่งใหญ่แห่งตระกูลลู่แล้ว เรื่องราวของเธอได้ถูกโยนลงไปในสระน้ำอันสงบนิ่งของตระกูลทหารที่ทรงอิทธิพลที่สุด และไม่มีใครรู้ว่าระลอกคลื่นที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะนำพาโชคชะตาของเธอไปในทิศทางใด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๖ จุดจบของตัวร้าย

    กาลเวลาได้ล่วงเลยเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิของปี 1989 โลกได้หมุนไปข้างหน้าอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง...ณ กรุงปักกิ่ง หลินเยว่ซิน หลินต้าเฉียง และหลินซิวอิงได้กลายเป็นนักศึกษาที่โดดเด่นในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ บริษัทหลิวเยว่ แฟชั่นกรุ๊ปได้เปิดสำนักงานใหญ่และสาขาแฟล็กชิปที่เมืองหลวงเป็นที่เรียบร้อย และได้กลายเป็นแบรนด์แฟชั่นระดับชาติที่ทรงอิทธิพลทว่าณ อำเภอหลิวอันที่ห่างไกล ช่วงนี้ได้มีข่าวลือระลอกใหม่เกิดขึ้นในวงน้ำชาของเหล่าแม่บ้าน ข่าวลือที่เกี่ยวกับบุคคลที่แทบจะถูกลบหายไปจากความทรงจำของผู้คนแล้ว“นี่เธอได้ยินเรื่องนั้นหรือยัง?” หญิงคนหนึ่งกระซิบกับเพื่อนบ้าน “เห็นว่านังหนูซูเหม่ยลี่อะไรนั่นกำลังจะกลับมาแล้วนะ”“หา?! กลับมาอะไรกัน?” อีกคนถามด้วยความไม่ใส่ใจ“ก็ฉันได้ยินมาว่าเธอไปเจอผู้อุปถัมภ์คนใหม่ เป็นถึงเถ้าแก่จากต่างเมืองที่ร่ำรวยมากเลยล่ะ เห็นว่าเธอกำลังจะกลับมาทวงทุกอย่างคืน เธอบอกกับคนไปทั่วว่าความจริงทั้งหมดกำลังจะถูกเปิดโปง ที่แท้หลินเยว่ซินนั่นแหละคืออสรพิษตัวจริง!”ในอดีต ข่าวลือที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้คงจะกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ร้อนแรงที่สุดไปแล้ว แต่ในวันนี้ปฏิกิริยาของผู้คนกลับแตกต

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๕ คำตอบรับ

    วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ท่านนายพลลู่และภรรยาเดินทางกลับไปแล้ว บ้านของตระกูลหลินก็ยังคงอบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุขและความตื่นเต้นไม่จางหาย ทุกคนต่างพูดคุยกันถึงเรื่องงานมงคลที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมสุขท่ามกลางความชื่นมื่นนั้น หลินเยว่ซินกลับรู้สึกว่าหัวใจของตนเองยังคงมีม่านหมอกบาง ๆ ปกคลุมอยู่ เธอยอมรับการสู่ขอ แต่ทว่าเธอยังไม่เคยได้ให้คำตอบแก่เขาจากหัวใจของเธออย่างแท้จริงเลยบ่ายวันนั้น ขณะที่เธอกำลังนั่งออกแบบเสื้อผ้าชุดใหม่อยู่ในห้องทำงาน ลู่เฟิงในชุดลำลองสบาย ๆ ก็เดินเข้ามาหาอย่างเงียบ ๆ“เยว่ซิน” เขาเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ไปเดินเล่นกับฉันหน่อยได้ไหม?”แม้จะเป็นคำเชิญที่เรียบง่าย แต่กลับแฝงไว้ด้วยความหมายอันลึกซึ้ง นี่คือการนัดหมายครั้งแรกของพวกเขาในฐานะคู่หมั้นอย่างเป็นทางการเยว่ซินพยักหน้ารับเบา ๆ เธอรู้ดีว่าถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกของตัวเองเสียทีทั้งสองเดินเคียงข้างกันออกจากตัวเมือง ไม่ได้มุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่สวยงามหรือโรแมนติกใด ๆ แต่กลับเดินไปตามเส้นทางดินสายเก่าที่ทอดตัวมุ่งตรงไปยังหมู่บ้านหงซิง จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดส

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๔ คำขอจากใจจริง

    ฤดูสารทของปี 1988 ได้นำพาสายลมเย็นสบายและใบไม้สีทองโปรยปรายมาสู่เมืองหลิวอัน ครอบครัวหลินกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่เปี่ยมสุขและวุ่นวายที่สุด พวกเขากำลังเตรียมการใหญ่สำหรับการย้ายไปตั้งรกรากที่เมืองหลวงของต้าเฉียง ซิวอิง และเยว่ซินในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าท่ามกลางความวุ่นวายนั้นเอง จดหมายฉบับหนึ่งจากลู่เฟิงก็ได้ถูกส่งมาถึง ซึ่งเนื้อหาข้างในนั้นก็ค่อนข้างที่จะสั้นกระชับ แต่ทว่ากลับทำให้หัวใจของเยว่ซินเต้นไม่เป็นส่ำ เขาเขียนว่าเขาจะกลับมาเยี่ยมบ้านในสัปดาห์หน้า และครั้งนี้เขาจะไม่ได้มาคนเดียวสัญชาตญาณของเยว่ซินร้องบอกว่าการมาเยือนในครั้งนี้จะต้องมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด และดูเหมือนว่าทุกคนในบ้านก็จะรู้สึกได้เช่นเดียวกัน แม่หลินถึงกับลงมือทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่และสั่งให้พ่อหลินไปซื้อใบชาต้าหงเผาชั้นดีที่สุดมาเตรียมไว้ต้อนรับแขกเช้าวันหนึ่งที่อากาศแจ่มใส รถยนต์เก๋งหงฉีสีดำมันวาวสองคันแล่นเข้ามาจอดเทียบที่หน้าประตูบ้านทรงลานสี่ทิศของตระกูลหลินอย่างเงียบเชียบแต่แฝงไว้ด้วยบารมีอันน่าเกรงขาม การปรากฏตัวของรถยนต์ระดับผู้นำประเทศเช่นนี้ทำให้เพื่อนบ้านที่สัญจรผ่านไปมาถึงกับต้องหยุดยืนมองด้วยความตก

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๓ ตระกูลใหม่ที่รุ่งโรจน์

    ฟ้าหลังฝนสำหรับครอบครัวหลินแล้ว ท้องฟ้าของพวกเขาในตอนนี้ไม่เพียงแต่จะสดใสไร้เมฆหมอกบดบัง แต่มันยังประดับประดาไปด้วยดวงดาวแห่งเกียรติยศที่ส่องประกายเจิดจรัสอีกด้วยเวลาได้ล่วงเลยเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนของปี 1988 หนึ่งปีกว่านับตั้งแต่การล่มสลายของตระกูลซู ช่วงเวลาที่ปราศจากมารผจญนี้เองที่ทำให้ธุรกิจใบไหวดีไซน์ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดราวกับมังกรทะยานขึ้นสู่สรวงสวรรค์บัดนี้ หลิวเยว่ แฟชั่นกรุ๊ป ไม่ได้เป็นเพียงร้านค้าในอำเภอเล็ก ๆ อีกแล้ว แต่ได้กลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีโรงงานตัดเย็บเป็นของตัวเอง มีสาขากระจายอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ ๆ ทั่วทั้งมณฑล และกำลังจะเริ่มขยายตลาดไปยังเมืองหลวงอย่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ แบรนด์ใบไหวได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของแฟชั่นที่ทันสมัย คุณภาพดี และเป็นความภาคภูมิใจของสินค้าที่ผลิตในประเทศอย่างแท้จริงครอบครัวหลินเองก็ได้ย้ายออกจากบ้านหลังเดิมมาอาศัยอยู่ในบ้านทรงลานสี่ทิศ หลังใหญ่ที่เยว่ซินทุ่มเงินซื้อมันมาแล้วตกแต่งใหม่ทั้งหมด ที่นี่กว้างขวางและงดงามราวกับจวนของขุนนางในสมัยก่อน กลางลานบ้านมีสวนหย่อมที่จัดแต่งอย่างสวยงาม มีสระปลาคาร์ปเล็ก ๆ และต้นไหวที่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา ปร

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๒ เปิดโปงสู่สาธารณะ

    หากคิดจะจับ ก็ต้องแสร้งปล่อยไปก่อนนี่คือกลยุทธ์ที่หลินเยว่ซินและลู่เฟิงได้วางไว้ร่วมกัน...สองวันหลังจากที่ซูเหม่ยลี่ได้จ่ายเงินก้อนสุดท้ายของเธอไป บทความชิ้นเอกอันแสนสกปรกของเฒ่าเหมาก็ได้ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ใต้ดินฉบับหนึ่ง มันถูกนำไปแจกจ่ายตามร้านน้ำชาและแผงลอยต่าง ๆ ทั่วทั้งเมือง เรื่องราวที่ถูกปรุงแต่งขึ้นอย่างสุดฝีมือได้สร้างความสับสนให้กับผู้คนอีกครั้ง ความสงสัยระลอกใหม่เริ่มซัดสาดเข้าใส่ชื่อเสียงของหลินเยว่ซินอีกคราทางฝั่งร้านใบไหวดีไซน์ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด ยอดขายตกลงเล็กน้อย และมีเสียงซุบซิบนินทาจากลูกค้ามากขึ้น หลินเยว่ซินดูเหมือนจะตกอยู่ในภาวะตั้งรับ เธอเก็บตัวเงียบ ไม่ได้ออกมาโต้ตอบใด ๆ ท่าทีที่ดูเหมือนยอมจำนนนี้เองที่ทำให้ซูเหม่ยลี่หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความสะใจ แต่แล้ว ในขณะที่ข่าวลือกำลังคุกรุ่นถึงขีดสุด ร้านใบไหวดีไซน์ก็ได้เคลื่อนไหวในแบบที่ไม่มีใครคาดคิดบัตรเชิญที่ถูกออกแบบอย่างสวยหรูได้ถูกส่งไปยังสำนักข่าวทุกแขนง ทั้งสื่อท้องถิ่นและสื่อสิ่งพิมพ์ระดับมณฑล เนื้อหาในบัตรเชิญระบุว่าทางร้านจะจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวเสื้อผ้าคอลเลกชันฤดูใบไม้ผลิ

  • ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันไม่ขอกลับไปตระกูลเดิม!   ๒๑ สิ้นไร้หนทาง

    ลมหนาวในช่วงปลายปี พัดพาเอากลิ่นอายของเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงให้ลอยอบอวลไปทั่วทั้งเมือง บนถนนหนทางประดับประดาไปด้วยโคมไฟสีแดงสดใส ผู้คนต่างมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสจับจ่ายซื้อของเพื่อเตรียมเฉลิมฉลองวันปีใหม่ แต่สำหรับตระกูลซูแล้วฤดูหนาวในปีนี้มันช่างหนาวเหน็บและโหดร้ายเสียเหลือเกินธุรกิจที่เคยยิ่งใหญ่ของพวกเขาได้ล่มสลายลงโดยสมบูรณ์แล้ว...การที่ข่าวในหนังสือพิมพ์ถูกระงับไปอย่างรวดเร็วผิดปกติ เป็นดั่งสิ่งสุดท้ายที่ทำให้คู่ค้าและธนาคารต่างหมดสิ้นความเชื่อมั่นในตระกูลซู พวกเขารู้ดีว่าตระกูลซูไม่เพียงแต่กำลังจะล้มละลาย แต่ยังไปเหยียบตาปลาของผู้มีอำนาจระดับสูงเข้าให้อีกด้วย ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือพวกเขาอีกตอนนี้พวกเขาอยู่ในสภาวะสิ้นไร้ไม้ตอกอย่างแท้จริง คฤหาสน์หลังงามกำลังจะถูกยึดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทรัพย์สินเงินทองที่เคยมีก็ร่อยหรอลงไปจนแทบไม่เหลือ พวกเขาไม่มีทางไปอีกแล้วค่ำคืนหนึ่ง ท่ามกลางความเงียบงันอันน่าสมเพชภายในคฤหาสน์ที่เคยโอ่อ่า ซูเจิ้งกั๋วที่บัดนี้ดูแก่ชราลงไปนับสิบปีได้เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ“เรายังเหลือหนทางสุดท้าย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งแ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status