Home / รักโบราณ / ย้อนเวลาไปเป็นชายาอ๋องผู้ร้ายกาจ / ตอนที่ 7 โรงครัวหลวงวันแรก บททดสอบของหัวใจ

Share

ตอนที่ 7 โรงครัวหลวงวันแรก บททดสอบของหัวใจ

Author: Bosskerr
last update Last Updated: 2025-10-08 01:45:35

แสงเช้าสาดลงบนสายน้ำ ริมคลองถูกจัดเป็นโรงครัวหลวงชั่วคราวอีกครั้ง กลิ่นควันไม้คลุ้งทั่ว บวกกับเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นข้างแถวรอรับข้าวต้มร้อน ๆ ทำให้บรรยากาศที่ควรเต็มไปด้วยความลำบากกลับอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด

หลินอวิ๋นเอ๋อร์ขยับแขนเสื้อขึ้นสูง มือจับทัพพีใหญ่ตักข้าวต้มใส่ถ้วยให้ชาวบ้านทีละใบ ดวงตาเป็นประกายสดใสแม้เหงื่อจะเกาะขมับ

“ต่อไป ๆ ไม่ต้องแย่งกัน อาหารมีเพียงพอสำหรับทุกคน”

เสียงนุ่มนวลนั้นทำให้แถวยาวกลับเป็นระเบียบอย่างน่าประหลาดใจ ไป๋เยี่ยนหรงในชุดงามสะดุดตายังคงยืนสง่า ถือผอบยาหอมส่งให้ชาวบ้านด้วยท่าทีอ่อนหวาน

“สูดกลิ่นนี้แล้วจะไม่เวียนศีรษะ รับไปสิ”

รอยยิ้มละมุนทำให้หลายคนพากันชมเปาะ แต่เมื่อสายตาชาวบ้านเลื่อนจากนางไปยังพระชายาหลินที่กำลังช่วยหั่นผักข้าง ๆ เด็กเล็ก ก็อดที่จะหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขไม่ได้ มันคือภาพธรรมดาที่จับใจยิ่งกว่า

“พระชายาเพคะ เด็ก ๆ ชอบกินหวาน หม่อมฉันควรใส่น้ำตาลเพิ่มหรือไม่เพคะ” แม่ครัวเฒ่าถามเสียงดังพอให้ได้ยินกันถ้วนหน้า

หลินอวิ๋นเอ๋อร์หันไปยิ้ม “ใส่นิดเดียวพอนะ เด็กวิ่งเล่นทั้งวัน หวานมากไปจะปวดท้องได้”

ชาวบ้านพยักหน้าหงึก ๆ อย่างเห็นด้วย พร้อมเอ่ยเสียงขำ “พระชายานี่ใส่ใจเหมือนแม่แท้ ๆ ของพวกเด็ก ๆ เลยนะ”

            “นั่นสิ ข้าเคยได้ยินคำเล่าลือว่าพระชายาหลินโหดเหี้ยม ไม่เห็นจะจริงเลย”

เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นรอบโรงครัวหลวง ไป๋เยี่ยนหรงที่ยืนฟังอยู่ข้าง ๆ กัดริมฝีปากน้อย ๆ ยังคงยิ้ม แต่ในใจกลับแสบร้อน

ยามสาย แดดเริ่มแรงขึ้น เหงื่อไหลพรากเต็มหน้าผากของทุกคน ขณะที่หลินอวิ๋นเอ๋อร์ยังยืนยิ้ม แจกข้าว แจกขนม เดินตรวจแถวคอยเตือนให้คนตักให้พอดี ไม่เบียดและไม่แย่งกัน เสียงหัวเราะและชาวบ้านได้กินท้องอิ่มคือรางวัลที่นางภูมิใจ

ในเงามุมหนึ่งของกระโจม จ้าวเยี่ยนฝูยืนกอดอกมองภาพนั้นอย่างเงียบ ๆ ไม่มีคำสั่งและไม่มีคำพูดใด แต่ดวงตาคมกริบไม่ได้หันไปทางใครอื่นเลยนอกจากนาง เว่ยหลางที่ยืนข้าง ๆ แอบเหลือบมองเจ้านาย เห็นมุมปากกระตุกขึ้นวูบเดียวก่อนหายไป

“ท่านอ๋อง ไม่เสด็จเข้าไปหรือพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยหลางถามเบา ๆ

“ไม่มีความจำเป็น” น้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่สายตาที่ไม่ยอมละจากนางบ่งบอกอีกอย่าง

ยามบ่ายแก่ ๆ ขณะที่กำลังเก็บของก็มีเสียงโวยวายดังมาจากชายแถว มีชายตัวใหญ่กำลังลากถังข้าวสารออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต

“เฮ้ย! หยุดนะ!” บ่าวในครัวร้องไล่ แต่ชายผู้นั้นกลับตะคอกเสียงดัง

“บ้านข้าทนหิวมาหลายวัน จะเอาข้าวสารไปแค่ถังเดียวก็ไม่ได้รึ!”

บรรยากาศเริ่มวุ่นวาย เสียงซุบซิบดังขึ้นทั่วบริเวณ ไป๋เยี่ยนหรงทำท่าจะก้าวเข้าไปห้าม แต่ยังชะงักเพราะนางไม่รู้จะเริ่มต้นห้ามอย่างไร หลินอวิ๋นเอ๋อร์กลับก้าวออกไปข้างหน้า ยกมือห้ามทุกคนไม่ให้เข้าขวาง

“ใจเย็น ๆ ก่อน ข้าวถังนี้ข้ายกให้เจ้าก็ได้”

            นางเดินเข้าไปหยิบถังข้าวออกจากมือชายผู้นั้นอย่างสงบ ทุกสายตาเบิกกว้าง พระชายาหลินที่ขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยม ยอมให้ข้าวคนข้างถนนง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ? แถมยังไม่สั่งลงโทษคนผู้นั้นอีก

“แต่...” หลินอวิ๋นเอ๋อร์ยิ้มบาง “ในกฎบอกไว้ว่า ทุกบ้านต้องรับข้าวสารไปตามจำนวนคน ห้ามเกินกว่านั้น เพื่อให้ทุกคนมีสิทธิ์ได้เท่าเทียมกัน”

            นางหันไปขอสมุดเล่มเล็กจากม่ออี๋ เขียนชื่อบ้านชายผู้นั้นลงไปแล้วหันมายื่นตะกร้าข้าวสารที่ตักแบ่งตามจำนวนคนในครอบครัวให้เขา

“นี่คือส่วนที่เจ้าสมควรได้รับ และถ้าขาดแคลนจริง ๆ พรุ่งนี้เจ้าก็มาต่อแถวใหม่ได้ ที่นี่มีอาหารแจก ข้าจะแจกให้เจ้าได้กินอิ่มท้อง”

เสียงซุบซิบกลายเป็นเสียงหัวเราะเบา ๆ และเสียงตบมือจากชาวบ้าน บรรยากาศที่ตึงเครียดคลายลงทันตา ชายผู้นั้นยืนนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะก้มศีรษะคำนับยาว ๆ

“ขอบพระทัยพระชายา ขอบพระทัยพระชายาที่เมตตา”

ไป๋เยี่ยนหรงที่ยืนมองอยู่ริมแถว กำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ เพราะทุกสายตาหันไปชื่นชมพระชายาหลินแต่เพียงผู้เดียว ทำให้นางไม่ถูกมองเห็นเลยสักนิด!

ยามเย็น ขณะที่คนงานทยอยเก็บของ เสียงฝีเท้าเรียบหนักดังเข้ามา จ้าวเยี่ยนฝูปรากฏกาย เงาของเขาทาบลงตรงแผ่นหลังของนาง ราวกับประกาศโดยไม่ต้องออกเสียงว่าเขายืนอยู่ข้างนาง

“เจ้าทำให้พวกชาวบ้านยอมเชื่อฟังได้โดยไม่ต้องใช้การลงโทษมาบังคับ” เขาเอ่ยเสียงทุ้ม

หลินอวิ๋นเอ๋อร์หันมาสบตา ยิ้มบางให้เขา “เพราะความยุติธรรม บางครั้งก็หวานกว่าความกลัวเพคะ”

ความเงียบปกคลุมไปชั่วครู่ แต่หัวใจของใครบางคนกลับเต้นแรงกว่าที่เคยเป็นมา...

ช่วงเช้าตรู่ ละอองหมอกยังเกาะตามปลายใบไผ่ ริมคลองกลับมาคึกคักอีกครั้ง เสียงตักน้ำกระทบโอ่งดังจ๋อม ๆ ปะปนเสียงเด็กเล็กหัวเราะคิกคัก ข้าวต้มหม้อใหญ่เดือดปุด ๆ ส่งกลิ่นหอมลอยฉุยจนชาวบ้านต่อแถวกันอย่างเป็นระเบียบ

“หวานพอดี เน้นเด็กกับพวกคนงานนะ” หลินอวิ๋นเอ๋อร์บอกแม่ครัวเฒ่าพร้อมชิมด้วยช้อนเล็ก

“โสม ใช้ครึ่งนิ้วพอนะ วันนี้แดดแรง อย่าให้หนักท้อง”

“บ่าวจำขึ้นใจแล้วเพคะพระชายา” แม่ครัวเฒ่าหัวเราะตาหยี

ม่ออี๋วิ่งเข้ามาพร้อมกระดานไม้ “รายชื่ออาสาสมัครล้างหม้อกับคนหั่นผักวันนี้เพคะ”

นางแอบทำตาใส พูดงุบงิบต่อท้าย “ชาวบ้านเริ่มหลงรักพระชายาเยอะขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะเพคะ”

หลินอวิ๋นเอ๋อร์หัวเราะ “หลงกฎที่ชัดเจนต่างหาก” แล้วชี้ป้ายวลีสามคำบนเสาไม้ เมตตา ราชกิจ วางตน ตัวอักษรดำสนิทเรียบง่ายจนติดตา

ไป๋เยี่ยนหรงมาถึงในชุดผ้าแพรสีครามเข้ม ผมเกล้าขึ้นอย่างเรียบงาม ในมือถือผอบยาหอมและชุดยาจืดดับร้อน

“วันนี้ข้านำเก๊กฮวยตากแห้งมาด้วย เอาไปต้ม คนแก่กินจะชื่นใจ” รอยยิ้มละมุนของนางทำให้ชาวบ้านผ่อนคลายทันที

“ดีมาก” หลินอวิ๋นเอ๋อร์พยักหน้า

“ตรงมุมนั้นคนสูงวัย รสจืด มุมโน้นเด็กเล็ก หวานหน่อย ส่วนกลุ่มคนใช้แรงแบกหาม เพิ่มข้าวอีกครึ่งทัพพี”

นางลากปลายพู่กันบนป้ายกระดานแบ่งโซนอย่างคล่องแคล่ว จนแม้แต่คนที่อ่านหนังสือไม่ออกยังเข้าใจได้ง่าย ๆ เพราะรูปสัญลักษณ์แบบง่าย ๆ ที่นางวาดขึ้น

หางหูของเว่ยหลางทิ้งเงาอยู่ปลายกระโจม เขาสบตามาแวบหนึ่งเป็นสัญญาณเฝ้าดูพร้อมรอจังหวะชี้ร่องรอยเหมือนเมื่อวาน

            ยามสาย แดดเริ่มกรุ่น ชายวัยกลางคนคนเดิมจากเมื่อวานแทรกแถวเข้ามา เขาก้มหัวงาม ๆ พร้อมแสดงบัตรไม้ที่ประทับตราเรียบร้อย หลินอวิ๋นเอ๋อร์รับถ้วยจากมือแม่ครัวส่งให้เขาเอง

“เอ้านี่ กินให้อิ่มนะ”

เขาชะงักเล็กน้อย “เมื่อวานข้าน้อยทำไม่ดี ขอบคุณที่พระชายาเมตตา ทำให้คนในครอบครัวข้าน้อยได้อิ่มท้อง”

“พรุ่งนี้ก็ยังมีอีก” นางยิ้ม “แต่อย่าลืมต่อแถวให้เด็ก ๆ ก่อนนะ คนเราอยู่ร่วมกับผู้อื่นต้องรู้จักกฎระเบียบและเสียสละ”

ไป๋เยี่ยนหรงสังเกตอยู่เงียบ ๆ ปลายนิ้วลูบผอบยาหอมพลางครุ่นคิด ภาพลักษณ์ของพระชายาหลินในสายตาคนกำลังแปรเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน นางกำมือแน่นวูบหนึ่ง ก่อนจะปรับรอยยิ้มกลับเป็นละมุนดังเดิม

“คุณหนูไป๋ เด็กเล็กตรงมุมนั้นไอแห้งสองคน” หลินอวิ๋นเอ๋อร์เอ่ยขึ้น “ถ้าตำรับยาหอมของเจ้าจะช่วยบรรเทาได้ ก็ไปช่วยด้วยนะ”

“ได้สิ” ไป๋เยี่ยนหรงย่อตัวคุยกับเด็กอย่างนุ่มนวล

“สูดเบา ๆ นะเด็กดี ใช่ แบบนั้น เก่งมาก”

เด็กน้อยยิ้มตาหยี ภาพนั้นทำให้ชาวบ้านหลายคนหันมามองด้วยความเอ็นดู นี่แหละความสามารถของไป๋เยี่ยนหรง นางปั้นหน้าปั้นอารมณ์ได้ แสดงได้เนียนราวกับว่าร่ำเรียนวิชาการแสดงมาเป็นสิบปี!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนเวลาไปเป็นชายาอ๋องผู้ร้ายกาจ   ตอนที่ 38 พบกันอีกครั้ง

    เช้าวันนัด บนท้องฟ้ามีเมฆบาง ๆ เคลื่อนช้าเหมือนใครตั้งใจยืดเวลาออกให้นานที่สุด ลมหลังฝนพัดเย็นจนใส่สูทแล้วพอดี หลินอวิ๋นเอ๋อร์ยืนหน้ากระจกในห้อง ทำผมหางม้าสูงเรียบร้อย ลองยิ้มเบา ๆ ที่ไม่ตึงเกินและไม่อ่อนปวกเปียกเกินไป จากนั้นสูดลมหายใจยาว ครั้งหนึ่งเพื่อบอกหัวใจว่า นี่คือโลกของความจริง ไม่ใช่วังหลังที่เธอเคยไปอยู่เธอสวมต่างหูมุกเม็ดเล็ก เหลือบมองสมุดไดอารี่ปกผ้าลินินบนโต๊ะ“ไปด้วยกันนะ”เธอเอ่ยกับสมุดเหมือนคุยกับเพื่อนทั้งที่รู้ว่ามันเป็นแค่สมุด ก่อนจะหยิบแล็ปท็อปสีน้ำตาลเข้ม กอดแฟ้มเอกสารไว้แน่น เธอพร้อมแล้วสำหรับวันนี้...ย่านธุรกิจยังไม่ถึงชั่วโมงเร่งด่วนเต็มกำลัง รถยังไหล เธอลงจากแท็กซี่หน้าตึกบริษัท อินฟินิตี้ เกม สตูดิโอ จำกัด ตึกกระจกสูงสะท้อนเมฆสีเทาอ่อนเหมือนผืนไหมแผ่ปกท้องฟ้า เสี้ยววินาทีที่ยกหน้าเงย เธอได้ยินเสียงหัวใจตัวเองดังเหมือนเสียงกลองยามล็อบบี้หินอ่อนกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ให้ความมั่นใจแปลก ๆ เสียงรองเท้าหนังของผู้คนจังหวะต่างกันสับสน แต่ทุกคนมีทิศทางของตัวเอง บนผนังหน้าจอแอลอีดีฉายฉากไฮไลต์จากเกมดัง“คุณหลินอวิ๋นเอ๋อร์ใช่ไหมคะ” เลขาหน้าตาคมในชุดสูทครีมก้าวเข้ามาหา ยิ้

  • ย้อนเวลาไปเป็นชายาอ๋องผู้ร้ายกาจ   ตอนที่ 37 เสนองานใหม่

    เช้าวันฝนตก เมฆครึ้มเหนือเมืองหลวงทอเงาหนาแน่นไปทั่วตึกสูงเรียงราย ถนนใหญ่เต็มไปด้วยรถที่เคลื่อนช้า ๆ ฝนโปรยละอองบางจนกระจกแท็กซี่พราวน้ำ หลินอวิ๋นเอ๋อร์นั่งเบาะหลัง กำเอกสารแฟ้มสีน้ำเงินแน่น แล็ปท็อปถูกเก็บอยู่ในกระเป๋าหนังสีน้ำตาลเรียบหรูที่เธอเพิ่งซื้อเพื่อโอกาสนี้โดยเฉพาะหัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่รถเคลื่อนผ่านตึกสูง จนกระทั่งแท็กซี่หยุดหน้าสำนักงานใหญ่ของบริษัท อินฟินิตี้ เกม สตูดิโอ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาเกมระดับท็อปของภูมิภาค ตึกกระจกสูงกว่าสี่สิบชั้นสะท้อนท้องฟ้าสีหม่น แต่โลโก้สีทองรูปมังกรพันวงล้อเกมกลับเปล่งประกายชัดเจนเหนือประตูใหญ่ เธอลงจากรถ สูดลมหายใจลึก พยายามบอกตัวเองให้ใจเย็น ๆ“หลินอวิ๋นเอ๋อร์ วันนี้ไม่ใช่แค่วันธรรมดา แต่คือวันที่อาจเปลี่ยนชีวิตเธอไปทั้งชีวิต สู้ ๆ นะ”โถงล็อบบี้โอ่อ่าตกแต่งด้วยหินอ่อน เงากระจกใสสะท้อนภาพพนักงานในชุดสูทยุคใหม่สลับกับจอแอลอีดีขนาดใหญ่ที่ฉายตัวอย่างเกมดัง ๆ ของบริษัท เสียงพนักงานต้อนรับเอ่ยทักพร้อมรอยยิ้ม“คุณหลินอวิ๋นเอ๋อร์ใช่ไหมคะ? เชิญที่ชั้น 15 ห้องประชุมใหญ่เลยค่ะ ทีมพัฒนารออยู่”“ขอบคุณค่ะ”เธอยกมือไหว้เล็กน้อยก่อนก้าวเข้าสู่ล

  • ย้อนเวลาไปเป็นชายาอ๋องผู้ร้ายกาจ   ตอนที่ 36 ลาออกเพื่อหนีความเศร้า

    หลังจากที่ตัดสินใจอยู่นาน ในที่สุดหลินอวิ๋นเอ๋อร์ก็ตัดสินใจยื่นใบลาออก เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะลืมเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เธอได้เผชิญมา แต่ก็ไม่สามารถทำได้เลย การลาออกไปพักกายพักใจ อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ บางทีการได้ไปสถานที่ใหม่ ๆ ทำสิ่งใหม่ ๆ อาจจะช่วยให้หายเศร้าไก้บ้าง ถึงแม้ว่าหัวหน้าของเธอจะพยายามบอกให้เธอตัดสินใจใหม่ แต่หลินอวิ๋นเอ๋อรก็ยังคงยืนกรานคำเดิม“ฉันตัดสินใจดีแล้วค่ะหัวหน้า ฉันจะอยู่ทำงานต่ออีก 2 สัปดาห์ เคลียร์งานที่ค้างอยู่ให้เสร็จค่ะ”“ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้ว งั้นก็โชคดีนะอวิ๋นเอ๋อร์ เธอเป็นคนเก่ง ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ต้องสำเร็จแน่”“ขอบคุณนะคะหัวหน้าที่เข้าใจฉัน และก็ขอบคุณที่ดูแลอย่างดีมาตลอดค่ะ”เวลา 2 สัปดาห์มาถึงอย่างรวดเร็ว โต๊ะทำงานถูกเก็บอย่างเรียบร้อย เธอเอ่ยลาเพื่อนร่วมทีมทีละคน“ไว้เจอกันนะ”“ไปพักให้เต็มที่ อย่าคิดถึงที่นี่ก็กลับมาได้เสมอ” หัวหน้าเอ่ยกับเธออีกครั้ง“ส่งรูปทะเลมาอวดด้วยนะ” เพื่อนอีกคนเอ่ยแซวหลังจากกอดลาทุกคนเสร็จแล้ว เธอก็เดินไปยังหน้าลิฟต์ได้อย่างไม่โหวกเหวก แต่พอประตูลิฟต์ปิดลง เธอก็เห็นภาพสะท้อนของตัวเอง หญิงสาวร่างบางเล็กที่กำล

  • ย้อนเวลาไปเป็นชายาอ๋องผู้ร้ายกาจ   ตอนที่ 35 ความว่างเปล่า

    ค่ำคืนที่ออฟฟิศปิดไฟหมดแล้ว มีเพียงแสงจากจอมอนิเตอร์สาดลงบนใบหน้าซีดของเธอ นิ้วพิมพ์ไปเรื่อย ๆ น้ำตาก็หยดลงบนคีย์บอร์ด เธอหัวเราะทั้งน้ำตา“หลินอวิ๋นเอ๋อร์ เธอนี่บ้าจริง ๆ ถึงขนาดคิดถึงคนที่ไม่มีอยู่จริงไปซะได้”เช้าวันจันทร์ฝนพรำ รถไฟฟ้าแน่นขนัดจนเธอต้องขยับเท้าตามแรงเบียด เหงื่อคนอื่นผสมกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ลอยปะทะ เธอตรึงสายตาไว้กับประกาศสีฟ้า “สถานีถัดไป” เหมือนตั้งใจจ้องอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้ใจหลุดไปไกลกว่านี้ แต่ระหว่างเสียงรถลากรางโลหะ เธอกลับได้ยินเสียงกลองยามเสียดขึ้นแทรกมาในหัวอย่างดื้อดึง จังหวะนั้นเองที่เธอก้มลงมองมือขวาของตัวเอง มือที่ครั้งหนึ่งเคยถูกกุมแน่นไว้ใต้ศาลาดอกเหมย แล้วรีบชักสายตาหนี ราวกับการมองนานจะทำให้ความทรงจำกลายเป็นจริงขึ้นมาอีกประตูรถเปิด ชุดทำงานพรืดไหลลงชานชาลา เธอก้าวเร็ว ๆ ฝนเม็ดเล็กกระทบแก้ม เธอแอบขำกับตัวเอง ฝนในโลกนี้ก็เย็นเหมือนฝนในโลกนั้น แต่ทันทีที่วูบนึกถึงคำว่า “โลกนั้น” หัวใจเธอก็ร่วงวูบเหมือนยืนอยู่บนโถงหินว่างเปล่าทันทีออฟฟิศกระจกสูงสะท้อนท้องฟ้า บัตรแตะประตูดังติ๊ด ไฟสีเขียวสว่างขึ้น เธอฝืนยิ้มทักทีม“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”เธอกล่าวทักทายเพื่อนร่

  • ย้อนเวลาไปเป็นชายาอ๋องผู้ร้ายกาจ   ตอนที่ 34 ตื่นจากความฝัน

    เสียงพัดลมคอมหมุนเบา ๆ ภายในห้องเงียบงัน ต่างกับเมื่อครู่ที่ยังเต็มไปด้วยเสียงกลองและเสียงเอ่ยถวายบังคม เธอก้มลงกอดเข่า น้ำตาไหลพรั่งพรู“นี่มันแค่ความฝันจริง ๆ หรือว่า ข้าจะไม่ได้เจอท่านอีกแล้วใช่ไหม ท่านอ๋อง...”หน้าจอสี่เหลี่ยมวาวแสงสีฟ้าจาง ๆ สะท้อนเงาใบหน้าซีดของหลินอวิ๋นเอ๋อร์ ดวงตาแดงฉ่ำชื้นด้วยน้ำตา ขนตาเปียกชิดกันเป็นแพ เธอยังนั่งท่าเดิม มือซ้ายคาเหนือแป้นพิมพ์ มือขวาวางทับเมาส์ เหมือนโลกทั้งใบเพิ่งถูกหยุดเวลาไว้ตอนที่เธอยังหายใจเข้าไม่สุดเธอเหลือบสายตาไปมุมจอ นาฬิกาดิจิทัลบอกเวลา 03:17 น. ตัวเลขนิ่งสนิทจนทำให้หัวใจเจ็บยิ่งขึ้น เพราะเวลาตี 3 ของโลกนี้ ไม่ใช่ยามสามของวังหลังที่เธอเคยได้ยินเสียงฆ้องยามจากหอระฆังดังกังวานก้องบนหน้าจอเกมเล่ห์รักวังบุปผาค้างอยู่ที่ฉากสุดท้าย กล่องข้อความกรอบทองหม่นกึ่งโปร่งปรากฏอยู่กลางจอ ปุ่มยืนยันกะพริบเป็นจังหวะช้า ๆ เหมือนจงใจกลั่นแกล้ง สายตาเธอถูกตรึงด้วยบรรทัดเดียวที่เย็นชากว่าดาบ“จบสิ้นแล้ว”เธอขยับนิ้วโป้งไถแป้นเมาส์เล็กน้อย ความเคยชินบอกให้ลองคลิก คลิกเพื่อย้อน คลิกเพื่อหาเส้นทางลับ คลิกเพื่อเปิดอะไรสักอย่างที่พาเธอกลับไป แต่หน้าจอกลับ

  • ย้อนเวลาไปเป็นชายาอ๋องผู้ร้ายกาจ   ตอนที่ 33 การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย

    ท้องพระโรงวันนี้แตกต่างจากทุกครั้ง เสียงกลองดังขึ้นสามครั้ง ฮ่องเต้เสด็จมาประทับบนบัลลังก์ ขุนนางน้อยใหญ่เรียงรายตามลำดับชั้น จ้าวเยี่ยนฝูและหลินอวิ๋นเอ๋อร์ยืนเคียงกันต่อหน้าพระพักตร์ สายตาผู้คนจับจ้องพวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหมายเว่ยหลางก้าวออกมากลางลาน ก้มคำนับแล้วรายงาน“กระหม่อมได้หลักฐานยืนยันจากกรมอาญาและหมอหลวง ว่ากระปุกยาที่พบในเรือนของพระชายา ไม่ใช่ยาพิษร้ายแรง หากแต่เป็นเพียงยาล่อให้คนเข้าใจผิด อีกทั้งพบปิ่นปักผมของสาวใช้สกุลไป๋ ที่กำแพงฝั่งตะวันตก นอกจากนี้ เซวียนเอ๋อร์สาวใช้คนสนิทของคุณหนูไป๋ก็ได้สารภาพแล้วว่าทุกสิ่งที่ทำเป็นคำสั่งของนาง”เสียงฮือฮาดังก้องไปทั่วท้องพระโรง ประตูด้านข้างถูกเปิดออก ไป๋เยี่ยนหรงถูกนำตัวเข้ามา นางยังคงแต่งกายงดงามแต่ใบหน้าเคร่งเครียด สายตาแดงกร้าวจ้องหลินอวิ๋นเอ๋อร์อย่างไม่ปิดบัง“เป็นเจ้า! นังสารเลว! นังคนชั่วที่มาแย่งสิ่งที่ควรเป็นของข้า!” เสียงของนางก้องสะท้อน สั่นไปทั่วท้องพระโรงหลินอวิ๋นเอ๋อร์ไม่หวั่นไหว นางก้าวออกมายืนกลางลาน ใบหน้าอ่อนโยนแต่สายตาแน่วแน่“สิ่งที่เจ้าพยายามไขว่คว้ามาแต่ต้นคือหัวใจของเขา แต่หัวใจไม่ใช่สิ่งที่จะปล้นหรือบังคั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status