Home / รักโบราณ / รักนี้ ที่มอดไหม้ / บทที่ 4 แลกเปลี่ยน

Share

บทที่ 4 แลกเปลี่ยน

last update Last Updated: 2025-09-10 22:04:41

            เมื่อทำอะไรไม่ได้ในเวลานี้ หนิงอวี่ก็ถือโอกาสที่ไปไหนไม่ได้เยี่ยมชมหอบุปผาที่นางเขียนขึ้นเสียเลย บรรยากาศของหอบุปผาช่างทำให้นางตื่นตาตื่นใจ หญิงคณิกาที่เชื้อเชิญเหล่าบุรุษมาร่วมดื่มกินอย่างไม่เขินอาย บ้างก็คลอเคลียกันขึ้นหอนอน เสียงเพลงที่บรรเลงสร้างบรรยากาศที่สุขสม จนทำให้หนิงอวี่รู้สึกขนลุก ‘ไม่อยากจะเชื่อว่านางจะได้มาเห็นหญิงคณิกาของตัวเป็น ๆ’

            หนิงอวี่สังเกตเห็นว่า เหล่านางโลมมองนางด้วยท่าทีหวาดกลัว เมื่อนางเดินไปทางใดสตรีเหล่านั้นกลับหลบเลี่ยงไปหมด

                “เจียลี่ ทำไมคนพวกนี้ต้องหลบข้าขนาดนี้”

                “เอ่อ...คุณหนูค่อนข้างเคร่งครัดกับพวกนางมากไปหน่อยเจ้าค่ะ”

            ใช่แล้ว นางลืมไปว่าบัดนี้คือหนิงอวี่ผู้เป็นดังความชั่วร้ายของหอบุปผา

                “ข้าเคร่งครัดอย่างไรหรือ” หนิงอวี่ถามด้วยความสงสัย

                “คุณหนูมักจะใช้เข็มจิ้มไปที่ต้นขาของพวกนางหากไม่ทำตามเจ้าค่ะ”

            หนิงอวี่ถึงกับขนลุกกับสิ่งที่ได้ยิน นี่มันทารุณกรรมชัด ๆ

                “แล้วพวกนางไม่ทำตามเรื่องอะไร?”

                “ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องปรนนิบัติแขกเจ้าค่ะ เหล่าบุรุษที่มายังหอบุปผาไม่ใช่คนดีอันใด บ้างก็รุนแรงกับพวกนางบ้างก็เหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นคน บ้างก็เข้าหอนอนกับพวกนางทีละหลาย ๆ คน พวกนางไม่สามารถรับได้คุณหนูก็จะทำร้ายพวกนาง  ทำให้ทุกคนหวาดกลัวเจ้าค่ะ”

            เจียลี่อาศัยที่ตนติดตามนางตั้งแต่เด็ก เมื่อหนิงอวี่เปิดใจที่จะรับฟังเป็นครั้งแรกเช่นนี้ นางก็ไม่พลาดโอกาสที่จะพูดแทนเหล่าหญิงคณิกา

            ‘หากยังเป็นเช่นนี้อยู่ ถึงหลี่หยางจะไม่ฆ่านางก็ไม่แน่ว่าผู้หญิงเหล่านี้จะปล่อยนางไป นางต้องรีบทำให้พวกเขาเห็นว่านางเปลี่ยนไปแล้วจึงจะมีทางรอด’

            หนิงอวี่ได้แต่รับฟัง ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกไปอีก ทำให้เจียลี่ก็ไม่มั่นใจว่านางจะเห็นใจหญิงเหล่านั้นหรือไม่

                “เจียลี่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าคุณชายจ้าวทำงานอยู่ที่ใด?”

            คำถามของหนิงอวี่ ทำให้เจียลี่เกิดความวิตกกังวลในทันที นางไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำของหนิงอวี่ แต่นางเองเป็นเพียงสาวใช้ที่ถูกขายให้กับหอนางโลมตั้งแต่เด็ก ดีที่ฮูหยินเว่ยมารดาของคุณหนูซื้อนางไว้ ทำให้นางไม่ต้องเป็นหญิงคณิกา นางจึงจงรักภักดีกับสองแม่ลูกตลอดมา แม้บัดนี้ฮูหยินเว่ยจะเสียชีวิตแล้ว ความภักดีของนางก็ไม่เปลี่ยน

                “บ่าวไม่รู้เจ้าค่ะ” เจียลี่เลือกที่จะปิดบัง

                “ข้าสั่งให้เจ้าบอกมา!” หนิงอวี่พูดเสียงดังด้วยสีหน้าโหดร้าย ทำให้เจียลี่ตกใจจนตัวสั่น

                “แต่ก่อนข้ามักจะทำเช่นนี้ใช่หรือไม่”

            อยู่ ๆ หนิงอวี่ก็เปลี่ยนทีท่าและน้ำเสียง จนทำให้เจียลี่ งงงวยกับท่าทางของนาง

                “นี่คุณหนูหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”

                “เจ้าวางใจเถอะ ต่อไปนี้ข้าจะไม่เป็นเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่เจ้าต้องช่วยข้า” หนิงอวี่จับไหล่ของเจียลี่ไว้แน่น ก่อนพูดด้วยแววตาจริงใจ

                “เจ้าค่ะ” เจียลี่เมื่อรู้ว่านายหญิงน้อยจะกลับตัว นางก็รับคำอย่างเชื่อมั่น

              ‘ขอบคุณสวรรค์ หรือสิ่งใดก็ตามที่ทำให้คุณหนูล้มหัวฟาด จนทำให้นางคิดอยากจะเป็นคนดีได้’ เจียลี่ได้แต่กล่าวคำพวกนี้ในใจ

                “พาข้าไปหาคุณชายจ้าวเร็วเข้า ข้าต้องชดเชยให้กับเขา”

                “เจ้าค่ะ” คราวนี้เจียลี่รับคำอย่างว่าง่าย

            .............รถม้าของพวกนางหยุดอยู่สุดตรอกถนน ที่นี่มีแต่เหล่าคนยากไร้อาศัยอยู่ เมื่อเห็นรถม้าวิ่งเข้ามาก็พากันกรูเข้าไปขออาหาร แต่เมื่อคนในรถม้าเปิดม่านออกมา เหล่าคนยากไร้ถึงกับตกใจและพากันเลี่ยงหนีไป

            เว่ยหนิงอวี่ตกใจกับสิ่งที่นางเห็น

                “นี่ชื่อเสียงข้าโด่งดังขนาดนี้เชียว?” นางได้แต่ระอาใจกับตัวเอง

                “คุณชายจ้าวทำงานอยู่ตรงนั้นเจ้าค่ะ” เจียลี่ชี้ไปยังกลุ่มชายฉกรรจ์ด้านหน้า

            หนิงอวี่มองตามมือที่เจียลี่ชี้ไป พบจ้าวหลี่หยางที่กำลังเทถังของเน่าเสียที่ทางการต้องกำจัดให้แต่ละเรือนที่จ่ายภาษีทิ้งในบ่อขนาดใหญ่ ขนาดนางยืนไกลถึงเพียงนี้ยังทนกลิ่นเหม็นนั้นไม่ไหว แล้วเขาที่ต้องทำงานแบบนี้เล่า

            หนิงอวี่รู้สึกผิดกับหลี่หยางไม่น้อย นางโทษตัวเองที่เขียนบทให้เขาต้องทุกข์ทรมานขนาดนี้

                “ไปเชิญคุณชายจ้าวมา” นางสั่งคนขับรถม้า

            เพียงชั่วครู่ จ้าวหลี่หยางก็มาพบนางด้วยใบหน้าที่เย็นชาไม่เคยเปลี่ยน

                “วันนี้คุณหนูเว่ยคิดสนุก มาก่อกวนข้าด้วยตนเองเชียวหรือ”

            หลี่หยางไม่สนสีหน้าของนางที่ทนกลิ่นเหม็นจากตัวเขาแทบไม่ได้

                “ข้าไม่ได้มาหาเรื่องท่าน เพียงแค่มาเสนองานให้ท่านทำ”

            หนิงอวี่กล่าวพลางเอามือบีบจมูกไว้ นางทนกลิ่นนี้ไม่ไหวแล้ว

                “ท่านป่วยหรือไม่ ถึงคิดจะให้งานข้าทำหรือคิดจะกลั่นแกล้งข้าอีก” หลี่หยางพูดอย่างระวังตัว

                “ข้าไม่มีแผนใดทั้งสิ้น แค่คิดว่าท่านทำงานให้ข้า อาจจะได้เงินตอบแทนมากกว่างานพวกนี้”

                “ข้าไม่สนใจรับใช้สตรีเช่นท่าน” เขาตอบไม่ไยดี พลางเดินกลับไปทำงานของตน  สตรีนางนี้มีแต่ทำให้เขาอับอายและเจ็บตัว ทำไมยังต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงด้วยเล่า

                “ท่านฟังข้าก่อน งานของข้าเพียงท่านดูแลสวนในเรือนข้า ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับส่วนของหอบุปผา ข้าจะให้ท่านวันละ 2 ตำลึงดีหรือไม่” แม้นางจะให้ค่าตอบแทนมากถึงเพียงนี้ แต่หลี่หยางกลับไม่หยุดคิดเพียงน้อย

                “ท่านจะได้เฝ้าดูแลป้ายลู่เสียนอย่างใกล้ชิดแบบนี้ไม่ดีหรือ!”

            เมื่อหนิงอวี่พูดถึงลู่เสียน หลี่หยางก็หยุดเดินในทันที

                “ข้าจะเชื่อได้อย่างไรว่าคุณหนูเว่ยจะไม่คิดแผนการกลั่นแกล้งข้าหรือลู่เสียนอีก” หลี่หยางยังไม่คลายความระแวง

                “หากนี่เป็นแผนการที่ข้าคิดเพื่อกลั่นแกล้งท่าน ข้าจะยอมให้คนทั้งเมืองเรียกข้าว่าลูกหมา...”

                “หึ! แค่นี้เองหรือ ข้าว่ามันไม่คุ้มเสี่ยงหรอก” หลี่หยางเลิกคิ้วถามอย่างไม่เป็นมิตร

                “แล้วท่านจะเอาอย่างไรเล่า” นางไม่รู้จะทำอย่างไรให้เขาเชื่อใจแล้ว

            จ้าวหลี่หยางแปลกใจที่ทำไมเว่ยหนิงอวี่ถึงยอมลงตนถึงเพียงนี้ หากอยากได้เพียงคนสวนแค่นางบอกว่าจะให้วันละ 2 ตำลึง คนงานทั้งเมืองย่อมไปให้นางเลือกตัวถึงหน้าเรือนแล้ว

                “เช่นนั้น หากนี่คือแผนที่เจ้าคิดกลั่นแกล้งข้า ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย แบบนี้ได้หรือไม่”

หลี่หยางกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นประกอบกับสายตาดำมืดที่มองมายังนาง ทำให้หนิงอวี่รู้สึกเหน็บหนาวไปถึงกระดูก

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   บทที่ 51 ชีวิตที่เติมเต็ม

    หน้าตำหนักหนิงอันบัดนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวาย เหล่านางกำนัลวิ่งวุ่นแทบจะชนกันล้ม หลี่หยางที่ถูกขวางไว้นอกตำหนัก ใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล “ฝางกงกงเหตุใดข้าจะเข้าไปในตำหนักไม่ได้” หลี่หยางที่จ้องมองเข้าไปในตำหนัก พลางกล่าวถามกับขันทีข้างกาย “ทูลฝ่าบาท ฮองเฮากำลังจะคลอดตามประเพณีห้ามบุรุษเข้าไปนะพ่ะย่ะค่ะ” “แต่ว่า.......” หลี่หยางยังอยากโต้แย้งต่อ “ไม่มีแต่ใด ๆ ทั้งนั้น ถึงเจ้าเข้าไปก็ช่วยสิ่งใดไม่ได้” ไทเฮาที่ไม่รู้เสด็จมาตั้งแต่เมื่อไหร่กล่าวห้ามฝ่าบาทด้วยท่าทีจริงจัง ทำให้หลี่หยางไม่กล้าเอ่ยโต้แย้งอีก “คลอดแล้ว! คลอดแล้วเพคะ เป็นองค์ชายเพคะ” เสียงของเจียลี่ดังออกมาจากตำหนัก ก่อนที่ร่างนางจะโผล่ออกมารายงานข้างนอกเสียอีก หลี่หยางตื่นเต้นดีใจจนมือไม้สั่น ใบหน้าบัดนี้ของเขาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม รีบรับตัวโอรสของตนที่ถูกห่อด้วยผ้าคลุมลายมังกรจากเจียลี่ พลันทารกน้อยก็เปล่งเสียงร้องเป็นครั้งแรก เสียงร้องนั้นก้องกังวาน หนักแน่นและมีพลังอย่างน่าประหลาด

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   บทที่ 50 หลังการหลับใหล

    หนิงอวี่ที่หลับใหลกลับได้ยินเสียงที่คุ้นชินเรียกนางอีกครั้ง กลับมา กลับมา เสียงเบาของสตรีผู้นี้ทำให้นางต้องปรือตาขึ้นมาอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้สิ่งแวดล้อมรอบตัวของนางกลับเปลี่ยนไป แสงสว่างจากหลอดไฟบนห้องสีขาวสะอาด ผู้คนในชุดสีเขียวเข้มกำลังใช้เครื่อง มือแพทย์หลายชิ้นยื้อชีวิตของใครบางคนบนเตียงผ่าตัดอย่างเคร่งเครียด ทำให้หนิงอวี่ตกใจกับสถานที่แห่งนี้ เหตุใดนางถึงอยู่ในยุคปัจจุบันกัน แล้วเหตุใดถึงโผล่มาอยู่ในโรงพยาบาลเช่นนี้ “ฉู่เสี่ยวเสี่ยว” เสียงที่คุ้นชินเรียกชื่อนางจากด้านหลัง หนิงอวี่รีบหันไปหาเสียงนั้นในทันที เมื่อสายตาประสานกับดวงตาที่คุ้นเคยร่างบางก็แข็งทื่อในทันที “นี่ท่าน!” หนิงอวี่ไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดก่อน สตรีเบื้องหน้าภายใต้อาภรณ์สีขาวทั้งตัวยืนยิ้มให้กับนาง ใบหน้าของสตรีผู้นั้นเหมือนกับใบหน้าของนางทุกประการ “ฉู่เสี่ยวเสี่ยวข้าคือเจ้า แลเจ้าคือข้า หากแต่เราสองอยู่กันคนละภพชาติเท่านั้น” “ท่านคือ..” หนิงอวี่ย้ำถามสิ่งที่ตนสงสัย “ข้าคือภูตสวร

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   บทที่ 49 เพราะรัก

    แม้การรอดพ้นจากความตายของหนิงอวี่จะเป็นความปรารถนาเดียวของหลี่หยาง แต่การสูญเสียกระบี่เทพก็ทำให้ราชสำนักเกิดข้อพิพาทอีกครั้ง ขุนนางฝ่ายเสนาบดีสุ่ยไม่พอใจกับการสูญเสียนี้ “บัดนี้สูญเสียกระบี่เทพแล้ว หากแคว้นอื่นมารุกรานจะทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีสุ่ยทูลถามอย่างไม่เกรงกลัว “ก็นำทหารออกสู้รบอย่างไรเล่า” แม่ทัพหู่โต้แย้งแทนฮ่องเต้ “กระหม่อมมิเห็นด้วยที่ฝ่าบาทนำกระบี่เทพแลกกับการคืนชีพฮองเฮา ถึงอย่างไรพระองค์ควรเห็นราษฎรมาก่อน” รองเจ้ากรมโยธาเสี่ยงตายทูลทัดทาน “เช่นนั้นรองเจ้ากรมโยธาเห็นผู้ใดเหมาะสมที่จะเป็นฮ่องเต้กว่าเราก็เสนอมาเถิด ข้าไม่มีวันนำชายาของตนแลกกับสิ่งใดทั้งสิ้น”หลี่หยางกล่าวอย่างไม่ถือโทษ แต่น้ำเสียงนั้นกลับหนักแน่นจนใต้เท้าฉีไม่กล้ากล่าวต่อ “ข้าจะปกป้องแคว้นด้วยกำลังที่ข้ามี หาใช่อาวุธเทพที่ต้องแลกด้วยชีวิตฮองเฮาหรือผู้ใด หากใต้เท้าฉีคิดว่าข้าไม่เหมาะสมโปรดเสนอฮ่องเต้พระองค์อื่น” สายตาเยือกเย็นมองไปยังรองเจ้ากรมโยธา ฉีเหิงรองเจ้ากรมโยธาเมื่อเห็นฝ่าบาททรงกริ้วก็หัน

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   บทที่ 48 ยอมแลกทุกสิ่ง

    หลี่หยางมุ่งตรงไปที่หอกระบี่ หากไม่มีผู้ใดให้คำตอบกับเขาได้ก็มีเพียงหอกระบี่นี้เท่านั้นที่จะให้คำตอบได้ ชั้นบนสุดของหอกระบี่ยังคงเหมือนเช่นเดิมทุกครั้ง กระบี่เทพที่ล่องลอยบนบัลลังก์น้ำแข็ง โดยมีลูกแก้วดวงจิตสถิตอยู่กลางห้องหลี่หยางเรียกกระบี่มาหาตนพลางชี้ไปยังดวงจิตเทพที่ล่องลอยอยู่ “จงให้คำตอบข้า เหตุให้ฮองเฮาของข้าจึงเป็นเช่นนั้น” สายตาเยือกเย็นหมายจะทำลายดวงจิตนั้นให้สิ้น หากไม่ให้คำตอบที่เขาต้องการ “จ้าวหลี่หยางคำตอบนั้นข้าย่อมให้เจ้าได้ การปลอบประโลมดวงจิตเทพต้องใช้ไอเซียนของภูตสวรรค์ เว่ยหนิงอวี่เป็นเพียงมนุษย์ที่มีไอเซียนของภูตสวรรค์เท่านั้น เมื่อร่างดูดซับพลังฝั่งมารมากเกินไปจะต้องขจัดพลังนั้นออก แต่เว่ยหนิงอวี่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ย่อมไม่สามารถมีพลังเช่นนั้นได้ ร่างกายและจิตวิญญาณนางจึงค่อย ๆ ดับสลาย” กลางอกของหลี่หยางเบาโหวงเมื่อได้ยินสิ่งที่ดวงจิตเทพบอก เขาเจ็บปวดจนแทบทนไม่ได้ มือที่กำกระบี่แน่นเริ่มสั่นไหว “แล้วเหตุใดก่อนหน้าเจ้าจึงไม่บอกข้า” ความเคียดแค้นเข้าเกาะกุมหัวใจที่แตกสลายนั้น

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   บทที่ 47 ปลอบประโลมดวงจิตกระบี่เทพ

    หลี่หยางยังคงเฝ้ามองการบำเพ็ญของหนิงอวี่เพื่อปลอบประโลมกระบี่เทพ ครั้งนี้นางใช้เวลาหลายชั่วยามกว่าจะทำให้ดวงจิตกระบี่เทพสงบลงได้ เหงื่อที่ผุดขึ้นตามไรผมบ่งบอกว่าเจ้าตัวเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย “หนิงอวี่ เป็นอย่างไรบ้างเหนื่อยมากใช่หรือไม่” เมื่อหนิงอวี่ลืมตาขึ้น หลี่หยางก็รีบเข้าไปประคองในทันที “หม่อมฉันทนไหวเพคะ” นางยังคงยิ้มกว้างให้เขา แม้ใบหน้าตอนนี้ดูซีดเซียวเพียงใดก็ตาม “เช่นนั้นพักผ่อนก่อนเถิด พรุ่งนี้ค่อยเดินทางกลับวัง” “อือ” นางพยักหน้าเชื่อฟังร่างบางถูกช้อนขึ้นวางไว้บนเตียงนอน เพียงไม่นานหนิงอวี่ก็เข้าสู่นิทราอย่างรวดเร็ว จนทำให้หลี่หยางประหลาดใจว่าเหตุใดถึงหลับได้ง่ายดายเช่นนี้ ตลอดเส้นทางในการเดินทัพกลับเมืองหลวง หนิงอวี่เอาแต่หลับเป็นส่วนใหญ่ ทำให้หลี่หยางที่นั่งอยู่ด้านข้างหวาดกลัวภายในใจโดยที่เจ้าตัวไม่สามารถหาเหตุผลได้ ทำได้เพียงเป็นหมอนให้นางหนุนตลอดทาง “หนิงอวี่ถึงวังแล้ว เจ้าตื่นเถิด” เสียงทุ้มต่ำเจือไปด้วยความห่วงใยปลุกนางให้ตื่นจากนิทรา หนิงอวี่ปรือตา

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   บทที่ 46 ศึกสุดท้าย

    ภายในห้องลับหนิงอวี่ยังคงนั่งบำเพ็ญโดยมีกระบี่เทพลอยอยู่เบื้องหน้าของนาง ด้านหลังมีหลี่หยางคอยเฝ้ามองอยู่ไม่ห่าง ไม่รู้ด้วยเหตุใดทุกครั้งที่นางต้องปลอบประโลมดวงจิตกระบี่เทพ ตัวเขาเองกลับรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งภายในใจกลับหวาดกลัวอย่างน่าประหลาด ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ บัดนี้หนิงอวี่รู้สึกว่ากระบี่ไม่ได้ร้อนดั่งไฟเผาเช่นก่อนหน้า หากแต่นางกลับรู้สึกเหนื่อยกว่าครั้งแรกที่ปลอบประโลมดวงจิตกระบี่มาก อาจเป็นเพราะการเร่งเดินทางมายังเทียนเถาทำให้ร่างกายเหนื่อยล้า “หนิงอวี่ เป็นอย่างไรบ้าง” หลี่หยางที่สัมผัสได้ถึงดวงจิตที่สงบของกระบี่รีบเข้ามาประคองชายาของตน “ไม่เป็นไรเพคะ เพียงแค่ครั้งนี้หม่อมฉันรู้สึกว่าใช้เวลานานขึ้นกว่าจะทำให้ดวงจิตกระบี่สงบลงได้” “ครั้งต่อไปข้าไม่ใช้กระบี่เทพแล้วดีหรือไม่” สายตาเป็นห่วงส่งมายังนาง “ได้อย่างไรกัน ศึกครั้งนี้หากไม่อัญเชิญกระบี่เทพด้วยกำลังพลที่น้อยกว่าถึงสามเท่า ทหารจะต้องล้มตายนับไม่ถ้วนแน่” หนิงอวี่มองไปยังหลี่หยางด้วยสายตาไม่เห็นด้วย “แต่ข้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status