เขาอุ้มร่างของนางขึ้นไปบนเตียงนอน ก่อนจะกดร่างบางให้นอนหงายอยู่ใต้ร่างแข็งแกร่งของเขา แววตาที่จ้องมองมาช่างดูหื่นกระหายจนแทบจะกลืนกินนางเข้าไปทั้งตัว
"ท่านอ๋อง อย่า!!!"
"เจ้ายั่วยวนข้าจนข้าแทบทนไม่ไหวแล้ว"
"ไม่ได้ยั่วนะเพคะ!!!"
"ยั่ว!!!"
"อื้ออ!!!"
เขาทาบทับริมฝีปากหนาใหญ่ลงไปบนริมฝีปากบางสวยของนางอย่างหนักหน่วง แล้วจึงสอดแทรกลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นชื้นแฉะของนาง ปลายฝันที่ต่อต้านในคราแรก เมื่อได้สัมผัสกับรสจูบที่ดุดันและรุนแรงของเขานางก็เริ่มจะคล้อยตามไปอย่างว่าง่าย
เหมือนนิยายอีโรติกเลย อ๋องบ้ากามที่เร่าร้อน
น่าหลานเยี่ยผละริมฝีปากออกจากนาง ดวงตาคมจ้องมองนางอย่างไม่ลดละ
"หากข้าชื่นชอบสิ่งใด ข้าจะต้องได้ครอบครองมัน แม้แต่เจ้าข้าก็จะไม่ยอมปล่อยให้ตกไปเป็นของผู้ใด"
ปลายฝันจ้องมองเขาด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ มันจะดีหรือ? ที่นางกำลังทำอยู่มันดีจริงหรือ?
แต่ความรู้สึกผิดมีหรือจะสู้ไฟแห่งความปรารถนาที่ร้อนแรงได้ นางยื่นมือสองข้างไปลูบไล้ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาด้วยความหลงใหล ความจริงแล้วนางก็ชื่นชอบเขาตั้งแต่วันแรกที่ได้พบเขาเช่นกัน
น่าหลานเยี่ยโน้มใบหน้าลงมามอบจูบที่แสนเร่าร้อนให้แก่นางอีกครั้ง ครานี้นางตอบสนองความต้องการของเขาอย่างไม่คิดต่อต้าน สองแขนเรียวงามยื่นไปโอบรัดรอบลำคอของเขาเอาไว้ด้วยความต้องการที่ยากจะต้านทาน
น่าหลานเยี่ยปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ของนางออกจนหมด ส่วนตัวเขาเองตอนนี้มีเพียงผ้าขนหนูของนางสวมเอาไว้ปิดบังท่อนล่างเพียงเท่านั้น เขาเลื่อนใบหน้าลงไปจูบไซ้ที่ซอกคอขาวนวลเนียนของนางอย่างหื่นกระหาย กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสตรีที่ยังบริสุทธิ์ช่างเย้ายวนเสียจนเขาแทบจะทนไม่ไหว
จ๊วบ จ๊วบ
"อื้อออ ท่านอ๋อง!!!"
ฝ่ามือหนาใหญ่ทั้งสองข้างของเขาบีบขยำเคล้นคลึงที่สองเต้าอวบอิ่มของนางจนเนื้อปริออกมาตามซอกนิ้วทั้งสิบ แล้วจึงค่อย ๆ แลบลิ้นม้วนเลียที่จุกบัวสีชมพูสวยหวานของนางอย่างหยอกเย้า ก่อนจะครอบริมฝีปากกลืนกินยอดปลายถันที่แข็งเป็นไตพร้อมกับดูดดึงขบเม้มจนเกิดเป็นรอยแดง
ปลายฝันที่ไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน นางรู้สึกเขินอายและสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง รสสัมผัสที่เขาปรนเปรอมอบให้ ช่างตื่นเต้นเสียจนร่างกายของนางอ่อนยวบ
น่าหลานเยี่ยแลบลิ้นเลียลงมาที่บริเวณท้องน้อยของนาง แล้วจึงใช้มือหยาบกร้านจับเรียวขางามให้แยกออกจากกัน เขาจ้องมองเนินสวาทที่ไร้ขนด้วยแววตาเป็นประกาย ก่อนจะใช้นิ้วร้อนแบะกลีบสวยของนางให้อ้าออกจากกัน เผยให้เห็นเม็ดเกสรสีชมพูที่ชวนให้เขาเข้าไปลิ้มลอง
"อ๊าส์!!! ท่านอ๋อง!!!"
"อ้าขาออก!!!"
ปลายฝันรู้สึกเสียวซ่านและขนลุกไปทั้งตัว นางจำต้องยอมอ้าขาออกให้สุดตามคำสั่งของเขา น่าหลานเยี่ยแลบลิ้นเลียที่ร่องหลืบสวาทของนางจนฉ่ำน้ำ แล้วจึงครอบริมฝีปากกลืนกินเม็ดเกสรสีหวานนั้นอย่างหื่นกระหาย เขาดูดดึงขบเม้มสลับกับละเลงลิ้นร้อนให้ถี่เร่ามากยิ่งขึ้น
"อ๊าส์!!! อื้ออออ ข้าเสียวเพคะ!!!"
น่าหลานเยี่ยกระดกลิ้นรัวเร็วมากยิ่งขึ้น เขาสอดแทรกนิ้วร้อนเข้าไปในรูสวยของนางทั้งสี่นิ้ว แล้วค่อย ๆ ขยับเข้าออกอย่างช้า ๆ ก่อนจะเร่งจังหวะให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ลิ้นสากร้อนกระหน่ำบรรเลงลากเลียร่องหลืบของนางจนฉ่ำเยิ้ม
ปลายฝันเสียวสะท้านเสียจนต้องยกสะโพกร่อนขึ้นมา รสสัมผัสจากปลายลิ้นและนิ้วอุ่นร้อนของเขาทำให้นางเสียวเสียจนแทบทนไม่ไหว ไม่นานนักน้ำหวานสีใสก็ไหลล้นทะลักออกมาจากรูสวาทจนเปรอะเปื้อนไปหมด น่าหลานเยี่ยแลบลิ้นเลียดูดดื่มกับน้ำหวานของนางอย่างไม่นึกรังเกียจ
เขาดึงผ้าขนหนูที่ปิดบังช่วงล่างออก เผยให้เห็นลำแท่งเอ็นร้อนที่ใหญ่ยาวและแข็งชูชัน ปลายฝันลอบกลืนน้ำลายลงคอ แม้จะไม่เคยหลับนอนกับผู้ใดมาก่อน แต่นางก็เคยดูหนังรักอีโรติกอยู่บ่อยครั้ง
มันทั้งน่าหวาดกลัวและเสียวสยิวไปพร้อม ๆ กัน
"ข้าจะยัดเยียดความเป็นสามีให้แก่เจ้า"
เขาจับลำแท่งแก่นกายขนาดใหญ่ยักษ์มาจ่อที่ปากถ้ำของนาง แล้วจึงนำปลายหัวมังกรสีชมพูมาถูไถรูสวรรค์ที่เปียกแฉะอย่างหยอกเย้า
"อื้อออ ท่านอ๋อง ข้ากลัว!!!"
"ไม่ต้องกลัว หากได้ลองแล้วเจ้าจะอยากลองอีกซ้ำ ๆ ซี้ดดด!!!"
"อ๊าส์!!! ข้าเจ็บ!!!"
"เจ็บนิดเดียว โอ้ววว แน่นเหลือเกิน ซี้ดดด!!!"
เขาโน้มใบหน้าลงไปกลืนกินจุกบัวสีหวานของนางอีกครั้งเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ให้นางรู้สึกผ่อนคลาย ก่อนจะบดเบียดลำแท่งเอ็นร้อนเข้ามาในรูสวยของนางจนมิดลำ ปลายฝันถึงกับซู้ดปากด้วยความเสียวที่คับแน่นจนแทบร้องขอชีวิต
น่าหลานเยี่ยจับเรียวขางามของนางให้อ้าออกจนกว้าง ก่อนจะค่อย ๆ ขยับสะโพกเข้าออกอย่างช้า ๆ แล้วจึงเร่งจังหวะให้ถี่เร่ามากยิ่งขึ้น
ตับตับตับ
"อ๊าส์ ข้าเสียว มันเจ็บ อื้ออ!!!"
"ซี้ดดดด!!! ข้าไม่เคยพบเจอสตรีใดที่แน่นถึงเพียงนี้ อ่าส์!!!"
เขายกเรียวขาสวยของนางขึ้นมาพาดบนบ่า ก่อนจะกระแทกกระทั้นลำแท่งมังกรใหญ่ยักษ์ให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ปลายฝันใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความวาบหวิว สองมือกำหมอนขยำเอาไว้แน่น ความสุขสมนี้ที่เขามอบให้แก่นางช่างถึงอกถึงใจนางเสียเหลือเกิน
น่าหลานเยี่ยรู้สึกราวกับว่ากำลังล่องลอยอยู่บนแดนสวรรค์ นางช่างทำให้เขามีความสุขจนเกินจะบรรยาย ไฟแห่งความปรารถนากำลังลุกโชนเผาไหม้จนร่างของคนทั้งสองแทบจะหลอมรวมเข้าด้วยกัน
ฝ่ามือหยาบกร้านลูบไล้ตามเรือนร่างบางระหงของนางอย่างหลงใหล นางช่างงดงามยิ่งนัก งดงามเสียจนเขาละสายตาจากนางไปไม่ได้
ตับตับตับ
น่าหลานเยี่ยใช้สองมือจับรั้งเอวบางของนางให้ยกขึ้นมาเล็กน้อย แล้วจึงกระแทกกระทั้นท่อนเนื้อท่อนเอ็นเข้าออกที่รูสวรรค์ของนางอีกครั้งอย่างหนักหน่วงและรุนแรงกว่าครั้งก่อน ร่างของปลายฝันขยับสั่นไหวขึ้นลงตามแรงเคลื่อนไหวที่ถาโถมเข้ามาของน่าหลานเยี่ย สองเต้าอวบอิ่มสั่นไหวกระเพื่อมขึ้นลงอย่างงดงาม
"อ๊าส์!!! ท่านอ๋อง ข้าทนไม่ไหวแล้วเพคะ อ๊าส์!!!"
"ข้าก็ทนไม่ไหวแล้ว ซี้ดดดดด!!!"
น้ำรักสีขาวขุ่นไหลพุ่งทะลักเข้าไปในรูสวาทของนางจนฉ่ำแฉะ น่าหลานเยี่ยมองดูเลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาจากรูสวยของนางที่ผสมกับน้ำกามของเขาก็ยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ
เขาไม่ใช่บุรุษที่ดีงามเพียบพร้อม เขาผ่านสตรีมามากมาย แต่ไม่เคยมีสตรีใดที่ดีงามและบริสุทธิ์เช่นเดียวกับนาง
ปลายฝันรีบหยิบผ้าห่มขึ้นมาปิดบังเรือนร่างที่ขาวนวลเนียนของตนเองด้วยความเขินอาย ใบหน้าสวยแดงระเรื่อ นางยกมือขึ้นมาจับผมทัดที่ใบหูเพื่อแก้เก้อ น่าหลานเยี่ยที่ผ่านสตรีมามากมายย่อมไม่มีความเขินอายใดใดเลยแม้แต่น้อย
"เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ ตั้งแต่ข้าหลับนอนกับสตรีมา ไม่เคยมีสตรีใดที่เนินสวาทไร้ขนเช่นเจ้ามาก่อน ที่เมืองเฟิ่งหวงสตรีต่างมีเส้นไหมหนานุ่มดกดำ มันเยอะมากเสียจนติดตามฟันของข้า"
ปลายฝัน "..."
น่าหลานเยี่ยละสายตาจากปลายฝัน ก่อนจะจ้องมองไปที่รูปวาดบนฝาผนังที่หัวเตียงนอนของนางด้วยสายตาครุ่นคิด
"เหตุใดข้าจึงกลับไปไม่ได้"
น่าหลานเยี่ยรู้สึกแปลกใจไม่น้อย ฉับพลันเขากลับคล้ายได้ยินเสียงระฆังกระดิ่งดังขึ้นจากในภาพวาด
"เสวี่ยเอ๋อร์เจ้าได้ยินเสียงระฆังกระดิ่งหรือไม่?"
"เอ๋?"
"ข้าได้ยิน โอ๊ะ!!!"
"ท่านอ๋อง!!!"
จู่ ๆ ร่างของน่าหลานเยี่ยก็หลุดเข้าไปในภาพวาดนั้นอีกครั้ง ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย ปลายฝันทำสิ่งใดไม่ถูก หัวสมองของนางตอนนี้รู้สึกมึนงงไปหมด
ตายแล้วนี่ข้าโดนหลอกกินแล้วทิ้งเป็นแน่!!!
น่าหลานเยี่ยทะลุกลับมาที่ตำหนักชินอ๋องอีกครั้ง เขาพยายามที่จะยื่นมือเข้าไปจับหน้าต่างตรงกำแพงเพื่อหวังจะกลับไปหานาง แต่ก็พบว่าไม่สามารถกลับไปได้เสียแล้ว
"อาเยี่ย!!! น้องชั่วเหตุใดเจ้าจึงมายืนแก้ผ้าต่อหน้าบ่าวไพร่เยี่ยงนี้!!!"
น่าหลานเยี่ยหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะพบกับฮ่องเต้น่าหลานหลิงหวางผู้เป็นพี่ชายของเขา
ฉิบหายแล้ว!!! ตอนนี้พวงไข่สวรรค์ของข้ากำลังห้อยโตงเตงเสียด้วย
"เสด็จพี่มาได้เช่นไร?"
"พ่อบ้านของเจ้าไปแจ้งข้าว่าอยู่ดีดีเจ้าก็หายตัวไป!!! สารเลวสิ้นดี แก้ผ้าทำไมกัน!!!"
น่าหลานเยี่ยจ้องมองน่าหลานหลิงหวางคราหนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบ
"เรื่องของข้า ที่นี่จวนจ้า ข้าจะแก้ผ้ามันก็เรื่องของข้า ทำไมหรือ? หรือเพราะข้าใหญ่กว่าเสด็จพี่จึงอิจฉา!!!"
"ใช่สิ!!! ข้าเล็กจนฮองเฮาบ่น...อุบ!!! น้องเวร เจ้าหลอกด่าข้า!!!"
เกือบหนึ่งอาทิตย์แล้วที่น่าหลานเยี่ยหายไป ปลายฝันเองก็ไม่ได้คิดจะตามเขาเข้าไปในรูปวาดนั้น นางจัดการตนเองไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่ยากจะควบคุมตามมา นางใจง่ายเองที่ยอมให้บุรุษที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนกระทำการย่ามใจเช่นนี้
ปลายฝันยังคงไปทำงานตามปกติ เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบว่าพ่อเลี้ยงและแม่ได้กลับมาแล้ว ปลายฝันเอ่ยคำทักทายเพียงเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
นางเดินไปเปิดกล่องที่ลิ้นชักข้างเตียงนอน ก่อนจะหยิบแท่งหรรษาของปลอมขึ้นมา มันเป็นแท่งเอ็นร้อนเสมือนจริงที่นางสั่งซื้อมาจากเพจหนึ่งในเฟซบุ๊ก
สั่นได้ มีไฟ หมุนได้ 360 องศา แรงสั่น 1,000 เดซิเบล!!!
ปลายฝันรู้สึกมีความต้องการอย่างบอกไม่ถูกตั้งแต่ที่ร่วมหลับนอนกับน่าหลานเยี่ยในคืนนั้น นางซื้อมันมาเก็บไว้แต่ไม่เคยได้ใช้ วันนี้คงต้องนำมาใช้แก้ขัดเสียหน่อย
ปลายฝันนั่งอ้าขาอยู่บนเตียง นางเอนกายพิงกับหมอนที่วางไว้บนหัวเตียง แล้วจึงค่อย ๆ สอดใส่แท่งหรรษาเข้ามาในรูสวยจนมิดลำ จากนั้นจึงกดเปิดสวิตช์ให้แท่งหรรษานี้ทำงานอัตโนมัติ
"อ๊าส์!!! เสียว!!!"
เครื่องแท่งหรรษาขยับเข้าออกอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ปลายฝันกำลังร้องครวญครางด้วยความเสียวซ่าน น่าหลานเยี่ยก็กระโดดพุ่งตัวออกมาจากภาพวาด เขาตกตะลึงไม่น้อยเมื่อได้เห็นนางในสภาพเช่นนี้
"เสวี่ยเอ๋อร์!!! เจ้าถูกแทงหรือ!!! เจ้าได้รับบาดเจ็บ!!!"
5 ปีต่อมา จวนอ๋องใช้เวลาก่อสร้างใหม่ร่วมสองปี ด้วยเพราะน่าหลานเยี่ยต้องการปรับแต่งจวนใหม่ให้งดงามและสะดวกสบายน่าอยู่มากกว่าแต่ก่อน ยามนี้บุตรชายฝาแฝดของเขามีอายุได้สี่ขวบปีแล้วอยู่ในวัยที่ซุกซนและกำลังวิ่งเล่นไปทั่ว เขาจึงตั้งใจก่อสร้างจวนให้กว้างขวางมากกว่าเดิมตามที่เสวี่ยเอ๋อร์แนะนำ นับตั้งแต่กลับมาที่เฟิ่งหวง น่าหลานเยี่ยก็นำกระดิ่งทองคู่นั้นใส่กล่องล็อกกุญแจเอาไว้ในหีบอย่างดี หน้าต่างบานนั้นถูกทุบทิ้งและทำเป็นกำแพงจวนแทน ทุกสิ่งทุกอย่างจึงผ่านพ้นไปได้ด้วยดี "พระชายาเอกเพคะ ชาร้อนเพคะ"เสวี่ยเอ๋อร์หันกลับไปมองชิงชิงพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นดื่ม หลายปีก่อนชิงชิงเกือบตายไปแล้วด้วยซ้ำ แต่เพราะได้ท่านหมอเทวดาผ่านมาพอดี น่าหลานเยี่ยจึงขอให้ท่านหมอเทวดาช่วยรักษาชิงชิง ทำให้นางฟื้นกลับมาได้อีกครา แม้ว่าสุขภาพจะไม่สู้ดีเท่าแต่ก่อนนัก แต่นางก็ดีใจที่ได้ฟื้นกลับมาพบกับเสวี่ยเอ๋อร์อีกครา "สำรับในครัวจัดเตรียมเสร็จแล้วหรือ อีกเดี๋ยวท่านอ๋องคงจะกลับมาแล้ว" "เรียบร้อยแล้วเพคะ" "อืม เจ้าไปทำสิ่งใดก็ไปเถิด" "เพคะ" เสวี่ยเอ๋อร์เอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหา น่าหลานฉีกับ
เฟิ่งหวง ประเทศจีน เมื่อลงมาจากเครื่องบิน และผ่านขั้นตอนทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เสวี่ยเอ๋อร์ก็ไม่รอช้า นางรีบเดินทางไปที่เฟิ่งหวงในทันที การเดินทางมาครั้งแรกย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย โชคดีที่นางติดต่อไกด์คนหนึ่งให้เป็นผู้นำทางให้นางได้ ไกด์ผู้นั้นมารอรับนางที่สนามบิน ก่อนจะพานางไปยังจุดหมายปลายทางที่นางต้องการ ตลอดสองข้างทางแม้จะสวยงามสักเพียงใด แต่เสวี่ยเอ๋อร์กลับไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ใจของนางยามนี้คิดถึงเพียงน่าหลานเยี่ยเท่านั้น เวลาผ่านล่วงเลยไปหลายชั่วโมง ในที่สุดนางก็มาถึงเฟิ่งหวง เมืองที่เป็นเป้าหมายในการจะได้พบน่าหลานเยี่ยของนาง เสวี่ยเอ๋อร์จัดการเก็บข้าวของที่จำเป็นภายในห้องพัก นางเปิดม่านห้องนอนออกเพื่อดูบรรยากาศภายนอก ตรงหน้าของนางคือแม่น้ำถั่วเจียงและสะพานหงเฉียว แม้วันเวลาจะผ่านไปนานหลายร้อยหลายพันปี แต่นางก็ยังจำบรรยากาศเช่นนี้ได้ มันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่กลิ่นอายและวัฒนธรรมที่คุ้นตาก็ยังคงหลงเหลือให้ได้เห็น เพราะวันนี้ค่อนข้างเหนื่อยล้า นางจึงหลับพักผ่อนเก็บแรงเอาไว้เพื่อค้นหาระฆังกระดิ่งทองใบนั้น ไกด์ที่นำทางคนนั้นแม้จะมองนางด้วยท่าทีแปลกประหลาดแต่ก็ไม่ได้เอ่ย
น่าหลานเยี่ยยื่นมือไปหยิบระฆังกระดิ่งสีทองใบนั้นขึ้นมาถือเอาไว้ น้ำตาของเขาไหลลงมาเต็มใบหน้า เขายกแขนขึ้นเช็ดน้ำตาของตนเอง ก่อนจะครุ่นคิดในใจ มันอยู่ใกล้เขาจริง ๆ แท้จริงก็อยู่ที่จวนของเสนาบดีตระกูลสวี ส่วนเรื่องที่ว่ามันมาอยู่ได้เช่นไรนั้น เขาไม่ต้องการค้นหาต้นตอของมัน "พวกเจ้านำสมบัติเหล่านี้ส่งไปที่วังหลวงทั้งหมด""พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง"เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว น่าหลานเยี่ยจึงกลับมาที่จวนของตน เพื่อกลับมาเอาระฆังกระดิ่งอีกใบหนึ่งที่เขาเก็บเอาไว้ที่พ่อบ้านไป๋มาแขวนเอาไว้ที่ใต้ต้นดอกเหมยหลังเรือน โชคดีที่มันไม่ถูกไฟไหม้ไปด้วย จึงยังพอมีต้นไม้ให้เขาใช้แขวนระฆังกระดิ่งได้"ฝากเจ้าจัดการดูแลเรื่องสร้างจวนใหม่แทนข้าด้วย หากมีสิ่งใดเร่งรีบก็จงส่งคนไปแจ้งข้าที่วัดไป๋หม่า ข้าจะอยู่ที่นั่นในช่วงกลางวัน ส่วนกลางคืนข้าจะกลับมาที่นี่" "ท่านอ๋อง พระชายารอง" "ไม่ต้องถามมาก ข้าจะไปตามนางกลับมา เรื่องใดที่ไม่สมควรรู้เจ้าก็จงเงียบปากเสีย อย่าถามให้มากความ" "พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง" น่าหลานเยี่ยเอ่ยกับพ่อบ้านไป๋เพียงเท่านั้นก่อนจะเดินทางเข้าวังหลวง เพื่อบอกเรื่องที่เขาจะไปที่วัดไป๋หม่ากับน่
เสวี่ยเอ๋อร์ที่ทะลุกลับมายังโลกอนาคต นางพยายามที่จะหาทางกลับไปยังเฟิ่งหวง แต่ทว่าภาพวาดนั้นกลับถูกไฟเผามอดไหม้จนไม่เหลือซาก ราวกับว่าเพราะเกิดเพลิงไหม้ที่จวนอ๋อง ภาพนี้จึงถูกเผาไหม้ตามไปด้วย "ไม่จริง!!! แล้วข้าจะกลับไปหาท่านได้เช่นไร น่าหลานเยี่ยได้ยินข้าหรือไม่!!! ฮือออ น่าหลานเยี่ย!!!"เสวี่ยเอ๋อร์พยายามตะโกนอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ไร้ผล นางทรุดลงนั่งบนเตียงก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น นางเฝ้าระวังตัว แต่นางลืมไปเสียสนิทว่าคนบ้าอย่างสวีหลันฮวาย่อมทำได้ทุกอย่างเพื่อเอาชนะนางสุดท้ายนางก็พ่ายแพ้ต่อสวีหลันฮวาจนได้! "ฮืออออ!!!" เสวี่ยเอ๋อร์ทรุดกายนั่งร้องไห้อยู่เช่นนั้นจนมืดค่ำ ยามนี้ท้องฟ้ามืดสนิท ภายในห้องก็มืดเช่นเดียวกัน เสวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้เปิดไฟเอาแต่นั่งจมอยู่กับความเสียใจ จนเวลาผ่านไปเกือบรุ่งเช้า นางจึงนึกถึงใครบางคนขึ้นมาได้ หมอดูชรา!!! เมืองเฟิ่งหวง ยามนี้จวนอ๋องถูกเผาไหม้จนไม่เหลือซาก หน้าต่างบานนั้นก็ถูกไฟเผาไหม้เช่นเดียวกัน บานหน้าต่างทั้งสองบานร่วงหล่นแตกหักกระจัดกระจายอยู่บนพื้นน่าหลานเยี่ยกำลังนั่งเอนกายพิงกำแพงอย่างคนสิ้นหวัง นางจะไม่กลับมาหาเขาอีกแล้วจริง ๆหรือ? "
เช้านี้อากาศค่อนข้างหนาวเย็นไม่น้อย เสวี่ยเอ๋อร์รู้สึกว่าร่างกายเริ่มจะเจ็บป่วย นางจึงกินยาที่ตนเองนำติดมาด้วยเข้าไป จึงพอบรรเทาอาการลงไปได้ไม่น้อย "พระชายารองเพคะ เช้านี้มีโจ๊กรากบัวนะเพคะ" "ขอบใจเจ้ามาก ชิงชิง เหตุใดวันนี้อากาศจึงค่อนข้างเย็นนัก" "ไม่รู้สิเพคะ อาจจะเพราะท้องฟ้าครึ้มจึงทำให้อากาศเย็นลงเพคะ" "อืม" เสวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้สนใจสิ่งใดอีก นางยื่นมือไปจับช้อนขึ้นมาเพื่อจะกินโจ๊กรากบัว แต่ทว่ากลับมีเสียงร้องของเหล่าบ่าวไพร่ดังกึกก้องไปทั่วจวน"ชิงชิง เกิดสิ่งใดขึ้น?" "นั่นสิเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันจะไปดูเองเพคะ" ในขณะที่ชิงชิงกำลังวิ่งออกไปดูสถานการณ์ที่ด้านนอก เสวี่ยเอ๋อร์ก็สัมผัสได้ถึงวัตถุสีเงินแหลมคมที่กำลังพาดอยู่บนลำคอขาวเนียนของนาง พร้อมกับแขนของสตรีผู้หนึ่งที่ล็อกคอของนางเอาไว้ "นังสารเลว วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าไม่ได้กลับมาที่นี่อีก" "สวีหลันฮวา!!!" เสวี่ยเอ๋อร์ที่รู้ว่าเป็นสวีหลันฮวานางก็ตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ยิ่งพยายามขัดขืนคมมีดก็ยิ่งบาดลึกเข้าไปบนผิวขาวเนียนของนางจนมีโลหิตสีแดงไหลซึมออกมา สวีหลันฮวาที่เห็นเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข "ขยับอีกสิ ข้า
เวลาเพียงชั่วข้ามคืน จวนตระกูลสวีกลับหมดสิ้นอำนาจวาสนาภายในชั่วพริบตา ฮ่องเต้น่าหลานหลิงหวางเห็นแก่ที่เสนาบดีสวีเคยช่วยเหลือมารดาของตนเอาไว้ จึงละเว้นโทษประหาร แต่เนรเทศคนตระกูลสวีไปยังชายแดนแทน ไม่ให้มีโอกาสได้กลับเข้าเมืองหลวงเฟิ่งหวงอีกเป็นอันขาด ด้านน่าหลานเยี่ยที่กลับมาถึงจวน เมื่อได้ทราบข่าวว่าสวีหลันฮวาหนีออกไปได้แล้ว เขาก็เจ็บใจเป็นอย่างมาก เสนาบดีสวีฉลาดไม่เบาถึงขั้นหาทางรอดให้บุตรสาวอย่างไม่รู้สำนึกผิดชอบชั่วดี หลิวอิ๋งถูกน่าหลานเยี่ยสอบปากคำอย่างหนัก ท้ายที่สุดนางไม่ยอมปริปาก และสังหารตนเองตกตายไปในทันที ส่วนศพของเซียงเซียงถูกพบที่ท้ายจวนอ๋อง เสวี่ยเอ๋อร์และชิงชิงหันมาสบตากัน ก่อนจะเป็นชิงชิงที่เอ่ยปากขึ้นมาก่อน "หากหม่อมฉันเดาไม่ผิด เซียงเซียงและอดีตพระชายารองสวีต้องร่วมมือกันทำบางอย่างเป็นแน่เพคะ" เสวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้เอ่ยตอบสิ่งใด นางให้บ่าวไพร่ในจวนมานำศพของเซียงเซียงออกไปที่นอกจวน ตลอดทั้งวันนั้นนางรู้สึกว่าใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย รู้สึกหวาดกลัวบางอย่าง แต่นางเองก็ไม่รู้ว่าตนเองกำลังหวาดกลัวสิ่งใดเช่นกัน น่าหลานเยี่ยที่เพิ่งกลับมาจากการสะสางปัญหาต่าง ๆ เมื่อเห็น