เวลานี้คนในหมู่บ้านได้ยินข่าวลือเรื่องที่หลี่เหมยไม่กลับบ้านและหายไปตั้งแต่เมื่อวาน เลยมีคนจำนวนหนึ่งรีบมาที่บ้านรองหลี่แล้วถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“รุ่ยเมิ่ง หลี่กวง พวกเธออยู่ในบ้านใช่ไหม ออกมาหาพวกเราหน่อย”
เสียงเรียกที่หน้าบ้านดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ทำให้ทุกคนในบ้านต่างก็รู้แล้วว่าไม่สามารถปิดบังเรื่องที่หลี่เหมยหายไปได้อีกแล้ว
จึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินออกมาหน้าบ้านตามเสียงเรียก“พวกเธอมากันทำไมตั้งเยอะแยะ มีเรื่องอะไรกันเหรอ”
หลี่กวงเป็นคนถามขึ้นมา ทั้งที่รู้คำตอบของชาวบ้านกลุ่มนี้แล้วก็ตาม
“พวกเราได้ข่าวว่าหลี่เหมยหายไปจากบ้านตั้งแต่เมื่อวาน นี่มันเรื่องจริงหรือเปล่า”
“จริงไม่จริง มันก็เป็นเรื่องในครอบครัวเรา ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ แยกย้ายกันกลับเถอะ พวกเราพ่อแม่ลูกมีเรื่องที่ต้องคุยกันอีก”
หลี่กวงเลือกที่จะไม่ตอบตรง ๆ ใจก็หวังว่าลูกจะกลับมาด้วยความปลอดภัย แต่ถ้าหากประกาศไปตอนนี้ว่าหลี่เหมยหายไป คงมีเพียงสองกรณีที่ชาวบ้านจะคิด นั่นคือเธอเกิดอุบัติเหตุหรือถูกใครฉุดกระชากไป แต่ด้วยความคิดของคนในหมู่บ้าน น่าจะเชื่อว่าเกิดเรื่องไม่งามกับหลี่เหมยเสียมากกว่า
“พูดแบบนี้ก็แสดงว่าลูกสาวของแกไม่อยู่ในบ้านน่ะสิ
เจ้ารอง”หลี่โม่ที่ยืนอยู่กับคนหมู่มากเดินออกมายืนข้างหน้าแล้วพูดขึ้นด้วยความสะใจ ที่เห็นบ้านรองเจอหายนะไม่ต่างกับบ้านตัวเอง
“อยู่ไม่อยู่แล้วเกี่ยวอะไรกับพี่ด้วยล่ะ นี่มันบ้านผมไม่ใช่บ้านพี่ พี่ไม่ต้องมายุ่ง แล้วนี่ไม่คิดทำงานกันเหรอถึงได้มายืนรอกันอยู่ที่หน้าบ้านฉัน”
หลี่กวงมีความไม่พอใจขึ้นมาบ้างแล้ว ที่พี่ชายมาพูดแบบนี้ต่อหน้าทุกคน
“ฉันเข้าใจแล้ว ตอนนี้ลูกสาวแกไม่ได้อยู่ในบ้าน และเธอน่าจะหายไปตั้งแต่เมื่อวานตามข่าวลือ ช่างเลี้ยงลูกได้ดีเหลือเกิน ไม่รู้ไปทำเรื่องน่าอายที่ไหนป่านนี้ถึงยังไม่กลับ ท้องไม่มีพ่อขึ้นมาตระกูลหลี่ของฉันก็คงจะเป็นขี้ปากชาวบ้านแน่”
หลี่โม่ยังคงพูดจาดูถูกหลานสาว ด้วยคำพูดที่ไม่รื่นหู แม้กระทั่งชาวบ้านที่อยู่บริเวณนี้ยังไม่อยากจะเชื่อว่าคำพวกนี้หลุดออกมาจากปากเขา
“ฉันหายออกไปจากบ้าน หรือว่าฉันจะไปทำอะไรมันหนักส่วนไหนของลุงใหญ่เหรอ” เสียงของหลี่เหมยดังขึ้น พร้อมกับร่างของเธอที่เดินเข้ามาโดยมีชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเดินตามมาด้วย
“พาผู้ชายเข้าบ้านทั้งที่ยังไม่แต่งงาน น่าอายเสียจริง ตระกูลหลี่ของฉันต้องมาเสื่อมเสียชื่อเสียงก็เพราะหลานสาวอย่างเธอ หลี่เหมย!!”
“ถึงแม้ฉันจะยังไม่มีงานแต่ง แต่เราก็ได้หนังสือรับรองการแต่งงานแล้ว แล้วการที่ฉันพาใครสักคนเข้าบ้าน มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรไม่ใช่หรือ ถ้าฉันพาเข้าบ้านลุงใหญ่สิค่อยมาด่าฉัน ท่าทางจะสมองกลับกันหมดแล้ว”
พูดจบหญิงสาวก็เดินเข้ามาหาพ่อกับแม่ แล้วรีบบอกกับท่านทั้งสองว่า
“เมื่อวานตอนที่ฉันเข้าเมือง มีผู้ชายสามคนถูกว่าจ้างมาดักทำร้ายฉัน แต่ก็ได้พี่อี้ข่ายและสหายของเขามาช่วยเหลือไว้ พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นกังวลนะ พี่เขาเป็นคนดี ฉันกับเขารู้จักกันมาสักพักแล้ว ก่อนจะกลับเข้าบ้านฉันกับเขาเลยไปที่สำนักงานพลเรือน เพื่อจดทะเบียนเป็นสามีภรรยากัน ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ ฉันจะเล่าให้ฟังอีกครั้งนะคะ”
หลี่เหมยประกาศเสียงดังฟังชัด ก่อนจะหันมาปรายตามองทุกคน และสายตาของเธอก็ไปหยุดอยู่ที่ถังชุนเป้ย
เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย หลี่เหมยก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอผู้ที่อยู่เบื้องหลังก็คงจะไม่ใช่คนอื่นไกลอีกแล้ว
‘ในเมื่อเธอทำร้ายฉันก่อน อย่าคิดว่าฉันจะไม่เล่นงานคืน’
เธอคิดอย่างแค้นใจ ก่อนจะถามลี่ลี่ในใจว่า
‘มียาหรือเครื่องสำอางที่ทำให้หน้าตาอัปลักษณ์ไหม ฉันต้องการให้เธอคนนั้นตายทั้งเป็น’
‘มีค่ะเจ้านาย ฉันแลกเปลี่ยนเข้าไปในระบบให้แล้ว เจ้านายสามารถเอาสิ่งนั้นออกมาใช้ได้เลย แต่มั่นใจแล้วใช่ไหมว่าจะทำแบบนี้'
‘ฉันมั่นใจ หากเมื่อวานฉันไม่ได้พี่อี้ข่ายช่วยไว้ แล้วถูกพวกมันกระทำย่ำยีอย่างที่ถังชุนเป้ยสั่งการ เช้ามาฉันคงฆ่าตัวตายไปแล้ว แค่ทำให้เธออัปลักษณ์นี่ก็นับว่าฉันปรานีมากแล้ว’
น้ำเสียงที่ตอบกลับนั้นเย็นชาเหลือเกิน
“ตอนนี้พ่อกับแม่ผมไม่ได้อยู่ในเมืองนี้ แต่เดี๋ยวผมจะรีบส่งข่าวไปให้ท่านทั้งสองได้รับรู้เรื่องของผมและอาเหมย เมื่อถึงวันที่ท่านทั้งสองกลับมา ผมจะรีบพามาสู่ขออย่างเป็นทางการครับ”
หยางอี้ข่ายรีบบอก เพราะกลัวว่าพ่อตากับแม่ยายจะเข้าใจผิด
“ไม่เป็นไรหรอก พ่อเข้าใจ และขอบใจมากที่ช่วยอาเหมยไว้เมื่อวาน ยินดีต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวเรานะลูกเขย”
ในเมื่อลูกสาวตัดสินใจเลือกแล้ว คนเป็นพ่ออย่างเขาก็ไม่คิดที่จะคัดค้าน ด้วยรูปร่างหน้าตาของลูกเขยคนนี้คงไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ก่อนจะหันมาพูดกับชาวบ้านที่ยืนรอกันอยู่
“ตอนนี้อาเหมยกลับมาแล้ว และกลับมาอย่างปลอดภัย ทุกคนก็แยกย้ายกลับไปทำงานกันได้แล้ว”
หลี่กวงบอกกับทุกคน เพราะต้องการเข้าไปคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับลูกสาวและครอบครัว
“หลี่กวง นายจะไม่บอกหน่อยเหรอว่าสิ่งที่หลี่เหมยพูด
เมื่อกี้นี้คืออะไร เธอถูกใครทำร้าย แล้วถูกช่วยมาได้อย่างไร”ชาวบ้านคนหนึ่งถามขึ้นมา เพราะอยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น
“นั่นสิ ในเมื่อถูกคนทำร้าย แล้วทำไมถึงไม่กลับบ้านล่ะ ทำไมถึงกลับมาเช้านี้ แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่หรือยัง”
“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ฉันแจ้งความแน่นอนไม่ต้องกลัวหรอก คนที่มันกล้าคิดร้ายกับฉันมันต้องได้รับผลกรรม เรื่องบางอย่างฉันก็ไม่สามารถบอกทุกคนได้หรอกเพราะมันอยู่ในคดีความ เอาเป็นว่าฉันปลอดภัยกลับมาและพี่อี้ข่ายเป็นลูกเขยบ้านรองหลี่ก็พอแล้ว ส่วนเรื่องอื่นไม่ต้องยุ่งนะคะ”
หลี่เหมยปรายตามองไปทางที่ถังชุนเป้ยและสหายยืนอยู่ จนทำให้อีกฝ่ายสะดุ้ง และคิดในใจว่า
‘หล่อนรู้อะไรมาหลี่เหมย ทำไมถึงได้มองฉันอย่างนั้น’
ความรู้สึกหวาดกลัวเริ่มเกาะกุมจิตใจ
ส่วนคนบ้านรองหลี่ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วก็พากันเดินเข้าบ้าน โดยมีหลี่เหมยและหยางอี้ข่ายเดินตามเข้ามา
ทันทีที่เข้ามาถึงในบ้าน หลี่ซือหยวนก็รีบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ไม่คิดเลยว่าการที่น้องสาวเข้าเมืองไปคนเดียวเมื่อวานจะเกิดเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ แต่พอหันมามองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องเขยตนเอง ก็รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเคยพบเจอที่ไหนมาก่อน
“แน่ใจนะว่าเรื่องราวทั้งหมดมีแค่ที่เล่าให้ฟัง ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น ส่วนอาเหมยแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ได้ยังไง พี่ก็ต้องการคำตอบเหมือนกัน หวังว่าจะไม่มีคำใดที่โกหกนะ น้องรักของพี่”
ชายหนุ่มเน้นย้ำประโยคสุดท้ายทำเอาหลี่เหมยกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากเย็น จากนั้นจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟังอย่างละเอียด
เมื่อทุกคนในบ้านได้รับรู้เรื่องทั้งหมดก็เก็บอารมณ์โกรธ
ไม่อยู่ ไม่คิดว่าคนในหมู่บ้านเดียวกันจะกล้าทำเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ หากเมื่อวานหลี่เหมยพลาดท่าขึ้นมา ไม่อยากจะคิดเลยว่าต่อจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น“แล้วมั่นใจใช่ไหมว่าเป็นถังชุนเป้ย เห็นทีพ่อคงต้องไปคุยกับบ้านถังสักหน่อยแล้ว” หลี่กวงแทบจะคำรามออกมา ไม่คิดว่าหลานสาวบ้านถังจะเป็นคนแบบนี้
“อย่าเพิ่งเลยค่ะ ตอนนี้เรายังไม่มีหลักฐาน ต่อให้พ่อไปที่บ้านถัง พ่อคิดหรือว่าถังชุนเป้ยจะยอมรับว่าเธอเป็นคนทำ”
หลี่เหมยรีบห้ามพ่อ ไปบ้านถังก็มีแต่เสียอารมณ์เปล่า ๆ
“ผมเห็นด้วยกับอาเหมยครับพ่อตา สามคนที่ทำร้าย
อาเหมยเมื่อวานสหายของผมได้จับตัวไว้แล้ว รอแค่พวกมันเปิดปากว่าใครคือคนบงการ พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปสอบถามให้ ได้เรื่องอย่างไรแล้วจะรีบกลับมาบอกครับพ่อตา”หยางอี้ข่ายอ้างว่าเป็นสหาย ทั้งที่เขาเองนั่นแหละสั่งลูกน้องไว้ เพราะต้องการให้พวกมันทั้งสามคนเปิดปาก
“ขอบใจมาก ว่าแต่จะย้ายมาอยู่ที่นี่ไหม ในเมื่อได้หนังสือรับรองแล้ว พ่อก็ไม่มีปัญหาหรอก อาเหมยว่าอย่างไรพ่อก็ว่าอย่างนั้น แต่บ้านเราไม่ใช่คนร่ำรวยอะไร ก็อย่างที่เห็นนี่แหละ”
หลี่กวงยังคงพูดต่อ เขาไม่สนใจพื้นเพของลูกเขยคนนี้ เพราะเชื่อมั่นว่าหลี่เหมยมองคนไม่ผิด การที่ชายหนุ่มช่วยลูกสาวเขาแค่นี้ก็พอแล้ว
“แม่ก็เหมือนกัน ต่อจากนี้ต้องฝากดูแลอาเหมยด้วยนะ
อี้ข่าย หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกัน” เฉินรุ่ยเมิ่งเอ่ยสำทับส่วนคนเป็นพี่ชายไม่พูดอะไร เชื่อมั่นว่าชายคนนี้ต้องดูแลน้องสาวเขาได้ แม้กระทั่งหลี่ลู่หรานเองก็ไม่สนใจว่าพี่เขยของเธอจะเป็นใครมาจากไหน ขอแค่ดูแลและปกป้องพี่สาวของเธอได้ก็พอแล้ว
เวลาผ่านไปไม่นาน ข่าวเรื่องของหลี่เหมยกลับมาแล้วก็ดังไปทั่วหมู่บ้านอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้เธอไม่ได้กลับมาเพียงลำพัง ยังพาหนุ่มหล่อคนหนึ่งกลับมาด้วย และยิ่งน่าตกใจกว่าเดิมเพราะเธอประกาศว่าเขาคือสามี
ไม่ว่าตอนนี้การทำงานจะเหนื่อยล้า และแดดเปรี้ยงแค่ไหน แต่ก็ยังไม่ร้อนเท่าเรื่องของหลี่เหมย
ซึ่งถังชุนเป้ยก็ไม่รอช้าที่จะไปบอกเรื่องนี้กับหร่วนเจินฮ่าว ชายที่เธอหมายปอง
“พี่เจินฮ่าว พี่ควรจะตัดใจจากหลี่เหมยได้แล้ว เพราะตอนนี้เธอพาสามีกลับมาด้วยหลังจากที่หายไปเมื่อวาน”
“อะไรนะ!!” หร่วนเจินฮ่าวตกใจสุดขีด เขาไม่คิดว่าข่าวที่ทุกคนพูดกันจะเป็นเรื่องจริง
“ทำไมถึงตกใจอย่างนั้นล่ะ หรือว่าพี่ยังไม่รู้เรื่องนี้ ก็แหงล่ะ พี่มัวแต่ทำงานเพื่อหาเงินชดใช้คืนเธอ เลยไม่มีเวลามาสนใจเรื่องอื่น”
ถังชุนเป้ยมีแววตาเยาะเย้ยและถากถางออกมา ความรักความแค้นและอารมณ์ที่ถูกทอดทิ้งฉายชัดออกมาทางแววตา
มุมปากเธอกระตุกอย่างสะใจ ก่อนจะพูดต่อ“ตอนนี้พี่รับรู้ถึงความรู้สึกของคนถูกทิ้งหรือยัง”
เธอถามอย่างสะใจ แม้ว่าจะรักเขามาก แต่เมื่อเขาเปลี่ยนใจกลับไปรักหลี่เหมย เธอก็พร้อมจะทำให้เขาเจ็บใจ
“เธอมาหาฉัน เพราะต้องการรู้ว่าฉันรู้สึกอย่างไรอย่างนั้นเหรอถ้าอย่างนั้นฉันจะบอกให้นะ ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นฉันเชื่อว่า
หลี่เหมยมีเหตุผล และเธอยังรักฉันมาก คงไม่กล้ามีคนอื่นหรอก เธออย่ามาพูดจาไม่ดีแบบนี้เลย”แม้ปากบอกว่าไม่คิดอะไร แต่ความรู้สึกตอนนี้แทบจะพุ่งไปที่บ้านรองหลี่แล้ว
ตอนพิเศษ 2 5 ปีผ่านไปตอนนี้สถานการณ์ครอบครัวของหลี่เหมยก็เข้าที่เข้าทางแล้ว ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น และตอนนี้ลูกฝาแฝดของเธออย่างหยางกวนโม่กับหยางเสี่ยวเหมยก็อายุครบห้าขวบในวันนี้ ดังนั้นวันนี้ที่บ้านตระกูลหยางจึงครึกครื้นมากเป็นพิเศษ เพราะสมาชิกทั้งสองครอบครัวลงไปจัดเตรียมสถานที่ตั้งแต่เช้ามืด แขกที่มาก็จะเป็นทั้งญาติพี่น้อง และคู่ค้าที่มีสัมพันธ์อันดีแต่ในห้องนอนของหยางอี้ข่ายนั้นมีแสงส่องผ่านผ้าม่านสีฟ้าอ่อนเข้ามาเล็กน้อย และในห้องนั้นก็กำลังร้อนระอุกับบทรักยามเช้าที่สามีกำลังมอบให้ภรรยา“อา....เสียวมากครับอาเหมย ไม่ว่ากี่ปีผ่านไปน้องก็ทำให้มีความสุขทุกครั้ง” หยางอี้ข่ายถึงกับแหงนหน้าครางออกมาอย่างสุขสม“ฮึก...ฉันก็เสียวและมีความสุขค่ะ แต่พี่ต้องทำเวลาหน่อยนะ ตอนนี้ทุกคนตื่นแล้ว ซี้ดดด!” หลี่เหมยที่ตอนนี้อยู่ในท่าคุกเข่าหันก้นให้สามีอัดกระแทกแก่นกายเข้าในร่องเสียว เธอครางด้วยความเสียวซ่าน เมื่อตอนนี้สะโพกหนากระแทกใส่เธอไม่ยั้งตับ ๆ ตับ ๆ ตับ ๆ“โอ้ววว พี่ก็พยายามอยู่ แต่พี่อยากมีความสุขกับอาเหมยนาน ๆ พี่รักอาเหมยที่สุด จุ๊บ!”ชายหนุ่มที่แหงนหน้าครางได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งจับเอ
ตอนพิเศษ 1 ตั้งแต่ที่รู้ว่าหลี่เหมยตั้งท้อง นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนจนเกือบจะคลอดอยู่แล้ว ทว่าทุกคนกลับดูแลเธอไม่ต่างจากตอนท้องสองเดือน จนหญิงสาวต้องบ่นออกมาว่าเธอแค่ท้องไม่ได้ป่วยสักหน่อย แล้วคุณหมอก็บอกแล้วว่าท้องนี้ของเธอแข็งแรงดีแม้ว่าจะท้องแฝดก็ตาม “อาเหมยเป็นอย่างไรบ้าง พี่ไม่อยากไปทำงานเลย”หยางอี้ข่ายรีบบอก พร้อมกับมีสีหน้าออดอ้อนภรรยา จนโม่ซือเจินต้องเบะปากใส่ลูกชายที่เสแสร้งจนเกินหน้าเกินตา“ฉันก็เหมือนเดิม วันนี้พี่มีประชุมสำคัญของสมาคมการค้า พี่อย่ามางอแงเหมือนเด็กเลยนะ งานนี้สำคัญนะคะ”หญิงสาวอยากจะขำกับท่าทางของเขา แต่ก็ไม่อยากหักหน้าสามีต่อหน้าคนรับใช้หยางอี้ข่ายถอนหายใจ หากวันนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญเขาคงไม่ไปหรอก เพราะภรรยากำลังอยู่ในช่วงใกล้คลอด“ครับ ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะ เสร็จงานแล้วจะรีบกลับ”“พ่อถามหน่อยเถอะ คุณชายแห่งตระกูลหยางผู้เหี้ยมโหดไปไหนแล้ว ทำไมพ่อเห็นแค่แมวน้อยเท่านั้นล่ะ” นายท่านหยางอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อลูกชาย“โธ่ พ่อครับ ผมก็แค่คนที่รักลูกรักภรรยา งานก็ส่วนงานสิครับ หากมีคนมารังแก ผมก็พร้อมที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”ชายหนุ่มไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไร
บทที่ 26 หยางอี้ข่ายเดินเข้ามาหาหลี่เหมยที่นั่งอยู่บนเตียง เขายิ้มให้อย่างอ่อนหวาน พร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ เจ้าสาว“ขอโทษนะครับที่พี่เข้ามาช้า พอดีมีแขกดึงไว้น่ะ” เขาพูดขึ้นและหอมแก้มเธอเบา ๆ“ฉันก็นึกว่าพี่จะปล่อยให้ฉันนอนหนาวอยู่คนเดียวในคืนเข้าหอซะอีก” หญิงสาวพูดอย่างหยอกล้อ และเริ่มมือไม้ซุกซนถอดเสื้อตัวนอกของเขาออก “ไปอาบน้ำก่อนดีไหมคะ”“พี่จะปล่อยให้คืนแต่งงานของเราไร้ความหมายได้อย่างไร ส่วนเรื่องอาบน้ำ เอาไว้อาบทีหลังได้ไหมครับ ตอนนี้ยังไม่มีเหงื่อเลยสักนิด เดี๋ยวเรามาเข้าหอกันดีกว่า” ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมกับเริ่มถอดเสื้อผ้าให้เธอทีละชิ้นเหมือนกำลังแกะกล่องของขวัญ“พูดแล้วก็ทำให้พี่คิดถึงคืนนั้น ที่เรามีอะไรกันครั้งแรก พี่อยากมีความรู้สึกแบบนั้นอีกจังเลย พี่ชอบมากที่ปากน้อย ๆ นี้สัมผัสกับแก่นกายของพี่ ไม่เคยมีใครทำแบบนั้นกับพี่มาก่อน พี่ขอแบบนั้นอีกได้ไหมครับ”หยางอี้ข่ายพูดอย่างอ่อนหวาน เขาจูบลงที่ริมฝีปากบางในตอนที่พูดถึงปากของเธอ“งั้นถ้าฉันทำให้พี่ พี่ก็ต้องทำให้ฉันด้วยนะคะ เหมือนวันนั้น” หญิงสาวตอบกลับอย่างเขินอาย เมื่อคิดถึงคืนแรกของทั้งสองคน“ได้สิ เรามามีความสุขด้วยกันนะ”
บทที่ 25 หัวหน้าหมู่บ้านที่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยรีบห้ามซือถัวทันที“เธออย่าเห็นแก่ได้ไปหน่อยเลยซือถัว ก่อนหน้านี้บ้านใหญ่เคยให้อะไรกับบ้านรองบ้างล่ะ ตอนที่แยกบ้านและตัดขาดกัน บ้านรองแทบไม่มีอะไรติดตัวมาเลย แม้ว่าตอนนี้ครอบครัวของหลี่กวงจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง แต่บ้านหลังนี้ก็ยังเป็นของเขาอยู่ และเขาจะให้ของในบ้านกับใคร หรือไม่ให้ใคร มันก็เป็นสิทธิ์ของหลี่กวง เธอไม่มีสิทธิ์มายุ่ง”“นี่มันเรื่องในครอบครัวของตระกูลหลี่ หัวหน้าหมู่บ้านนั่นแหละที่ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนี้ ฉันพูดกับน้องชายของสามี ไม่ได้พูดกับหัวหน้าหมู่บ้านสักหน่อย” เธอหันกลับมาตวาดใส่หัวหน้าหมู่บ้านอย่างโมโห และรู้สึกไม่พอใจที่หัวหน้าหมู่บ้านเข้ามายุ่งในเรื่องนี้แต่ในขณะนั้นเอง ลูกชายคนโตของซือถัวก็เดินเข้ามาด้วยความโมโห พร้อมกับพูดกับแม่อย่างฉุนเฉียวว่า“ผมบอกแม่แล้วใช่ไหมว่าให้เลิกยุ่ง และวุ่นวายกับบ้านอารองเสียที ในเมื่อแม่ไม่เชื่อฟังผม และยังเห็นแก่ตัวอยู่แบบนี้ เห็นทีผมต้องแยกบ้านเสียแล้วล่ะ”พอเห็นว่าลูกชายพูดด้วยอาการโกรธจัด ท่าทีของซือถัว ก็สงบลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเบา ๆ กับเขา“แม่ก็แค่อยากได้เครื่องเรือน และข้าวขอ
บทที่ 24 นายท่านหยางเห็นว่าครอบครัวของลูกสะใภ้ยังมีความเกรงใจตัวเอง และยังเรียกนายท่านอยู่จึงได้เอ่ยปากบอกออกมา“ไม่ต้องเรียกฉันว่านายท่านหรอก เราคนกันเองทั้งนั้นต่อจากนี้เรียกฉันว่าพี่หยางตงเถอะ”“เธอก็เหมือนกัน ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณนาย ต่อไปก็เรียกว่าพี่ซือเจิน เราสองครอบครัวตอนนี้เกี่ยวดองกันแล้ว”โม่ซือเจินพูดขึ้นมาบ้าง“ครับ / ค่ะ” ทั้งสองตอบรับอย่างยินดีเหมือนกัน ไม่คิดว่าคนยิ่งใหญ่อย่างนายท่านหยางจะไม่ถือตัวกับชาวบ้านแบบตนเอง“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ฉันจะพาเธอไปในเมืองเพื่อไปเลือกดูเสื้อผ้าและของใช้ในงานแต่งงาน เธออยากจะจัดงานที่ไหนเหรอ”โม่ซือเจินถามความคิดเห็น“ฉันอยากจะย้ายบ้านก่อนน่ะค่ะ ตอนนี้พ่อสามีให้บ้านมาแล้ว เลยตั้งใจว่าจะไปดูในวันพรุ่งนี้ เพื่อจะได้เตรียมงานที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้า”หลี่เหมยตอบเอง เธอต้องการทำอย่างที่พูดก่อน ส่วนเรื่องจะเชิญใครไปงานแต่งงานนั้นค่อยว่ากัน หรือไม่ก็ค่อยเลี้ยงคนในหมู่บ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีกับพวกเธอ“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ อาเหมยก็ค่อยไปดูบ้านกับทุกคนก็แล้วกันว่าชอบหรือเปล่า หากไม่ชอบพ่อจะได้เปลี่ยนหลังใหม่ให้ แล้วจะได้ย้ายทะเบียนบ้านทุกคนเ
บทที่ 23 ครึ่งเดือนต่อมา...แม้ว่าจะผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว แต่ตอนนี้ในหมู่บ้านก็ยังพูดคุยเรื่องของถังชุนเป้ยอยู่ เนื่องจากการกระทำของเธอมันโหดร้ายจนเกินไป แต่ก็ไม่มีใครไปโกรธหรือเกลียดคนบ้านถัง นั่นเพราะว่าทุกคนแยกแยะออก และรู้ว่าคนบ้านถังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้และที่ทุกคนแปลกใจก็เพราะว่าเมื่อสัปดาห์ก่อน ตัวของหร่วนเจินฮ่าวโดนคำสั่งย้ายอย่างกะทันหัน และเห็นว่าเงินเดือนที่ได้จากกองพลน้อยถูกสั่งหักไว้เพื่อชำระหนี้ให้กับหลี่กวงตามสัญญาที่เคยทำไว้ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นหัวข้อสนทนาของชาวบ้านไม่ต่างกันวันนี้หลี่เหมยตั้งใจจะเข้าเมือง เพราะอยากไปดูที่โรงขยะว่ามีสิ่งของน่าสนใจหรือไม่ อีกอย่างเธอได้ยินสามีพูดว่า พ่อกับแม่สามีใกล้จะกลับมาแล้ว เธอจึงอยากจะหาของเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าในระบบออกมาซึ่งในระบบพอมีเครื่องประดับบางอย่างที่ไม่ผิดกฎหมายในยุคนี้ ส่วนพ่อสามีก็คงจะให้เป็นนาฬิกาข้อมือ ที่หาไม่ได้จากในยุคนี้เหมือนกัน‘เจ้านาย ภาพวาดนั้นมีค่ามาก เจ้านายซื้อเก็บไว้ก่อนเถอะในอนาคต ซื้อขายเป็นร้อยล้านหยวนกันเลยนะ’ลี่ลี่รีบส่งเสียงบอกเมื่อเห็นภาพวาดโบราณที่แทบจะประเมินค่าไม่ได้ แต่ในยุคนี้นั้