สวัสดีนักอ่านทุกคนนะคะ ในที่สุดณิการ์ก็ได้กลับมาฝากความฟินให้นักอ่านอีกค่ะ ณิการ์ขอฝากความรักของคุณติณณ์กับร้อยรักด้วยนะคะ “ร้อยรักราคีชัง” ความรักของเขาก่อเกิดขึ้นเมื่อใด แต่สำหรับกาฝากอย่างร้อยรักเธอรักเขาตั้งแต่แรกเห็น แอบรักแอบเฝ้ามองเขามาตลอด แต่สิ่งที่ได้รับคือความเจ็บปวดและสายตาเกลียดชัง และยิ่งไปกว่านั้นเขาบอกเขาชังน้ำหน้าเธอ ปากเขาบอกแบบนั้นทุกวันจนหัวใจของหล่อนพังไม่เหลือชิ้นดี แต่ทว่าทำไมเขาถึงต้องเข้าหายัดเยียดความปรารถนาให้เธอด้วย และซ้ำร้ายไปกว่านั้น เขาทำให้เธอท้อง....แล้วความรักของร้อยรักกับคุณติณณ์จะเป็นยังไง เธอเป็นแค่กาฝากแสนชังที่อุ้มท้องลูกของเขาเท่านั้น และลูกของเธอเขาจะต้องการและยินดีอยู่ไหม.....กับชีวิตน้อยๆ ในท้องของเธอ และยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่แค่หนึ่งชีวิตแต่เป็นสองชีวิตน้อยๆ ถ้าหากเขาไม่ต้องการเธอก็พร้อมจะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้ลูกน้อยทั้งสองในท้อง
View Moreเปรี้ยง!
เปรี้ยง!
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าผ่าฟ้าร้องดังอยู่ด้านนอก แต่คนข้างในห้องไม่ได้สนใจเลยว่าตอนนี้ฝนฟ้าพายุข้างนอกจะน่ากลัวแค่ไหน เพราะตัณหาราคะกำลังครอบงำพวกเขาทั้งสองอยู่ ร่างเปลือยเปล่าของทั้งสองเคลื่อนไหวบิดพลิ้วไปตามจังหวะโยกเร่าของร่างกายที่สอดประสานแทรกกลืนบดเบียดเสียดสีเร่าร้อนเข้าออกเป็นจังหวะ
“อ่า...อืม...ไม่ไหวแล้วติณณ์” เสียงครางกระเส่าหวานพร่าเปล่งออกมาแข่งกับเสียงฟ้าร้องข้างนอกพร้อมแอ่นเร่าร่างเปลือยของตัวเองขึ้นหาคนตัวโตเหนือร่าง
“อือ...ใจเย็นๆ จูลี่ อือ...” ไม่ใช่แค่หล่อนที่ร้อนรุ่มทรมานเสียวกลางร่าง เขาเองก็เสียวร้อนไม่แพ้หล่อน เคลื่อนไหวเข้าออกจังหวะเร่าร้อนหนักหน่วง เพื่อส่งตัวเองให้ถึงสวรรค์พร้อมกับเสียงฝนที่กระหน่ำตกอยู่ข้างนอกบ้าน
เปรี้ยง!
เปรี้ยง!
เปรี้ยง!
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังระเริงสวาทกันในขณะฝนตกอยู่นั้น หน้าห้องของติณณ์ก็มีใครบางคนเดินผ่านมาพอดี และเผอิญได้ยินเสียงครางพร่าของทั้งสองที่ประตูห้องปิดแนบไม่สนิท เท้าเล็กหยุดเดินมาแนบเอียงหูฟังเสียงของเจ้าของห้องอย่างไร้มารยาท โดยไม่สนใจร่างที่เปียกปอนของตัวเองแม้แต่น้อย แนบหูไปกับประตูห้องพร้อมกับแง้มประตูออกดู แล้วเธอก็ต้องปิดปากตัวเองไว้ทันทีเมื่อเห็นภาพเปลือยของทั้งสองแล้วรีบสาวเท้าเดินเร็วๆ ออกจากตรงนี้ เพราะว่าภาพของติณณ์กับคู่ควงคนล่าสุดของเขากำลังฟัดกันนัวบนเตียง
เปรี้ยง!
เปรี้ยง!
เปรี้ยง!
สาวน้อยปิดประตูห้องของตัวเองด้วยหัวใจที่สั่นรัวและเสียใจ หล่อนแอบรักชายหนุ่มเจ้าของห้องตั้งแต่ยังเด็ก ตอนนั้นอายุ 7 ขวบ ที่คุณท่านไปรับเธอมาจากบ้านเด็กกำพร้า ร้อยรัก เรียนคำ หรือรัก วัย 20 ปี เธอรู้แต่ว่าตอนเด็กแม่เอาเธอไปทิ้งหน้าบ้านเด็กกำพร้าและในเวลาต่อมาคุณท่านก็รับหล่อนมาเลี้ยงดูเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง แต่หล่อนก็เจียมตัวรู้สถานะของตัวเองดีว่าตัวเองเป็นแค่กาฝากที่ท่านนำมาเลี้ยงดู และหล่อนก็รู้ดีว่าลูกชายของท่านนั้นไม่ชอบหน้าเธอตั้งแต่เด็ก จนทุกวันนี้เขาก็ยังเกลียดเธอ ไม่ชอบหน้าเธอ ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ทำไมเขาถึงเกลียดเธอ
“เธอน่าจะชินได้แล้วยัยรัก”
หล่อนบอกตัวเองแล้วปลดเปลื้องชุดนักศึกษาที่เปียกของตัวเองออกและอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ ก่อนจะนำเสื้อผ้าที่เปียกใส่ตะกร้าเพื่อจะนำลงไปซักข้างล่างของตึก แม้อยู่บ้านหลังนี้จะได้รับการดูแลแบบคุณหนู แต่เธอก็เป็นแค่กาฝาก เธอจึงเลือกทำทุกอย่างเอง เช่น ซักผ้า รีดผ้า ช่วยแม่บ้านทำความสะอาดบ้านและทำอาหาร เวลาที่เธอว่างจะช่วยทุกคนในบ้านเสมอ
“กลับมาแล้วเหรอลูก ฝนตกหนักขนาดนี้หนูนั่งรถอะไรมาลูก” ปรางทิพย์กำลังจะเดินขึ้นไปชั้นบนเห็นร้อยรักเดินถือตะกร้าผ้าลงมาสุดทางบันไดพอดีจึงถาม เพราะตอนนี้ฝนยังคงตกแรงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ เสียด้วย
“เพื่อนมาส่งค่ะคุณท่าน” เธอบอกผู้มีพระคุณ
“เพื่อนคนไหนลูก แล้วนั่นชุดเปียกเหรอลูก”
“อาร์มค่ะคุณท่าน พอดีเปียกตอนวิ่งเข้ามาในบ้านเลยจะเอาไปซักค่ะ”
“คนที่จีบลูกใช่ไหม ที่มาบ่อยๆ แล้วทำไมไม่ให้เขาเข้ามาส่งในบ้านเราล่ะลูก” นางถามเพราะว่าร้อยรักให้เพื่อนส่งแค่หน้าบ้านตลอด แม้ว่านางจะเห็นไกลๆ ว่าเป็นผู้ชายมาส่ง แต่ก็อยากให้หญิงสาวเชิญชวนอีกฝ่ายเข้ามาในบ้าน
“หนู...”
“ครั้งหน้าชวนเพื่อนมาดื่มน้ำที่บ้านด้วยนะถ้ามาส่งอีก เราเป็นเจ้าบ้านต้องมีมารยาท ไปซักผ้าเถอะหนูรัก เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปบนห้องสักหน่อย”
“ค่ะคุณท่าน” แล้วทั้งสองก็เดินแยกกันไปทางที่ต่างฝ่ายต่างตั้งใจแต่แรก
พอมาถึงห้องซักผ้า ร้อยรักก็แยกเสื้อผ้าของตัวเอง เสื้อสีขาวและตัวไหนสีตกเธอจะซักมือเอง เมื่อจัดการแยกเรียบร้อยก็นำเสื้อผ้าที่สีไม่ตกและเป็นผ้าสีนำปั่นในเครื่องซักผ้า ส่วนที่ซักมือก็จัดการซักเหมือนที่เคยทำ แต่ขณะกำลังนั่งซักขยี้ผ้าอยู่นั้นก็มีเสื้อลอยมาจากไหนไม่รู้กระแทกกับหน้าของเธอ
ตุ้บ!
“ซักให้ฉันด้วย” โยนเสื้อใส่หน้าคนที่นั่งซักผ้าพร้อมกับสั่ง
“ค่ะ” ร้อยรักตอบรับคำสั่งเพียงสั้นๆ ถึงจะไม่เข้าใจและงงที่เขามาห้องซักผ้าได้ยังไง และมาตอนไหน อีกอย่างเสื้อผ้าของเขาจะมีคนไปนำมาซักอยู่แล้ว เขาไม่น่าต้องลงมาเอง
“ซักให้สะอาดล่ะ เสื้อตัวนี้ตัวโปรดฉัน มันเปื้อนลิปสติกของจูลี่ ฉันกลัวมันซักไม่ออกเลยว่าจะมาซักเอง แต่ลงมาเห็นเธอกำลังซักอยู่เลยให้เธอซักให้ดีกว่า เพราะมันคงสะอาดกว่าฉันซักเอง”
น้ำเสียงห้วนๆ เปล่งลอดออกมาจากปากของติณณ์ กรอบการ หรือติณณ์ วัย 34 ปี เจ้าของโชว์รูมนำเข้ารถสปอร์ตรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทยในตอนนี้ ชายหนุ่มรับธุรกิจนี้มาจากผู้เป็นพ่อเมื่อ 5 ปีก่อน และเมื่อ 2 ปีที่แล้ว พ่อของเขาก็เพิ่งมาจากไปโดยโรคหัวใจ และนั่นทำให้เขาเข้ามาบริหารงานอย่างเต็มตัว ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนช่วยพ่อดูแลบริหารลับๆ เท่านั้น
“ค่ะ”
“ดี ถ้าไม่สะอาดเป็นเรื่องแน่” พูดจบก็เดินจากไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมาในห้องซักผ้าอีก ส่วนร้อยรักได้แต่มองเสื้อที่กำแน่นในมือและมองรอยลิปสติกรูปปากที่คอเสื้อและตามแขนเสื้อของเขาแล้วน้ำตาคลอ
หลังจากฝนหยุดตก จูลี่คู่ขาของติณณ์ก็กลับไปพร้อมกับมื้อเย็นที่ตั้งโต๊ะเสร็จพอดี ปรางทิพย์นั่งหัวโต๊ะมองเด็กสาวในอุปการะของตัวเองกำลังช่วยเด็กรับใช้ในบ้านจัดเตรียมอาหารบนโต๊ะ เพราะร้อยรักเป็นเด็กดีแบบนี้ไง นางถึงรักและเอ็นดูและรู้สึกดีใจที่ในอดีตตัวเองรับเด็กสาวมาดูแล
“มานั่งเถอะหนูรัก ให้เด็กๆ ทำต่อก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณท่าน หนูอยากช่วย”
“ปล่อยยัยเฉิ่มเถอะครับแม่ปราง เขาอยากทำ อย่าไปห้ามเขาเลย” ติณณ์เดินล้วงกระเป๋ากางเกงขาสั้นสามส่วนเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหารด้วยท่าทางสบาย
“ถ้าพูดดีๆ ไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดตาติณณ์” ปรางทิพย์เอ็ดลูกชาย
“ครับ ผมแตะไม่ได้เลยเด็กของคุณแม่เนี่ย ตักข้าวได้แล้วฉันหิว” แล้วก็หันไปตะคอกสั่งเด็กดีของคุณแม่ตัวเอง
“ค่ะ” ร้อยรักรีบตักข้าวให้เขาทันทีเมื่อเขาสั่งเสียงดัง
“นึกว่ากินแม่จูลี่นั่นอิ่มจนกินข้าวเย็นไม่ลงแล้วซะอีก” ปรางทิพย์อดเอ่ยเหน็บแนมลูกไม่รักดีของตัวเองไม่ได้
“อิ่มน่ะอิ่มกายครับแม่ปราง แต่อิ่มท้องต้องข้าว” แล้วก็ตักอาหารตรงหน้ามาใส่จานข้าวตัวเองที่ร้อยรักตักให้เสร็จ ทานโดยไม่สนใจจะพูดอะไรต่อ ส่วนร้อยรักก็ตักข้าวให้ผู้มีพระคุณของตัวเอง ก่อนจะตักให้ตัวเองแล้วไปนั่งที่ประจำของตนและเริ่มลงมือทานเช่นกันพร้อมกับตักอาหารให้กับผู้มีพระคุณ
“ขอบคุณจ้ะหนูรัก” ปรางทิพย์ตักอาหารให้เด็กสาวกลับบ้าง
หึ!
ภาพของแม่ของเขากับร้อยรักทำให้เขาอดขำในลำคอไม่ได้ แล้วคว้าแก้วน้ำมาดื่มจนหมดแก้วพร้อมกับลุกขึ้น
“อิ่มแล้วเหรอพ่อติณณ์” ปรางทิพย์เห็นลูกชายลุกขึ้น
“จะว่าอิ่มก็ไม่เชิง เพราะผมกินไม่ลงแล้วตอนนี้” พูดจบก็เดินออกไปจากตรงนี้ทันที
“อย่าใส่ใจพี่เขาเลยนะลูก” ปรางทิพย์ปลอบเด็กสาวที่ก้มหน้าเศร้า เพราะรู้ดีว่าสาเหตุมาจากตนที่ทำให้เขาทานข้าวไม่ลง
“หนูไม่เป็นไรค่ะคุณท่าน หนูชินแล้ว” ใช่...ชินแล้ว เพราะเขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กจนตอนนี้เธอเรียนมหาวิทยาลัยปีสองแล้ว
“ทานต่อเถอะลูก อย่าไปสนใจคนนิสัยไม่ดีเลย สนใจก็มีแต่จะเสียสุขภาพจิตเปล่าๆ” นางบอกเด็กสาวพร้อมกับยื่นมือไปลูบหัวทุยเล็กของเด็กสาวเบาๆ
“ค่ะคุณท่าน”
เธอตักกับข้าวให้ท่านพร้อมกับตักให้ตัวเอง แม้จะบอกไม่คิด แต่ใจเธอก็คิดอยู่ดี เธออยากให้เขาสนใจ ใส่ใจ พูดเพราะๆ ด้วยเหมือนกับผู้หญิงที่เขาชอบควงและชอบพามาค้างที่บ้าน การที่เขาพาผู้หญิงคนอื่นเข้ามานอนค้างอ้างแรมที่บ้านด้วย ใช่ว่าคุณท่านจะเห็นด้วย ท่านก็เคยบอกห้ามแล้ว แต่ติณณ์ไม่ยอมฟังก็ยังพามาค้างด้วยตลอด จนตอนนี้ท่านปลงแล้ว ไม่สนใจแล้ว อยากทำอะไรก็เชิญเลย
5 ปีต่อมา ตนุภัทรกับรติมาวิ่งเล่นที่สนามเด็กเล่นหน้าบ้าน ตอนนี้หนูน้อยฝาแฝดทั้งสองอายุได้ 5 ขวบแล้ว ติณณ์กับร้อยรักนั่งที่เสื่อมองดูลูกๆ วิ่งเล่นกัน สนามเด็กเล่นหน้าบ้านติณณ์เพิ่งสร้างเมื่อต้นปีที่แล้วเพื่อให้ลูกๆ วิ่งเล่น และวันนี้เป็นวันหยุดจึงชวนร้อยรักมาปูเสื่อนอนเล่นที่สนามเด็กเล่นกัน ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนหนุนตักภรรยาคนสวย ใครจะเชื่อว่าคนอย่างเขาจะกลับตัวกลับใจเป็นคุณพ่อและสามีที่ดีของร้อยรักได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว ตลอดระยะเวลาที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยาไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะทำให้ร้อยรักร้องไห้ วันนี้ที่บ้านหลังนี้ก็มีแค่เขากับร้อยรักอยู่ เพราะแม่ของเขาไปปฏิบัติธรรมที่วัดตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน “รักจ๋า...” “คะพี่ติณณ์” “พี่รักรักนะครับ” 
ปัง! “อ่า...รักไม่ไหวแล้ว ฉันไม่ไหวแล้ว” ทันทีที่ปิดประตู ติณณ์ก็เดินก้าวยาวๆ ไปยังเตียงที่เต็มไปด้วยของเล่นของลูกๆ เขาไม่สนใจว่าจะทับหักหรือทำหัก ตอนนี้เขาร้อนรุ่มเหลือเกิน ต้องการแนบชิดบดเบียดในกายคับแน่นของร้อยรัก ต้องการให้หล่อนตอดรัดหนักหน่วง “อือ...ใจเย็นๆ ค่ะพี่ติณณ์ อ่า...” หล่อนบอกห้ามเขาและช่วยเขาถอดเสื้อผ้าของตัวเอง ตอนนี้เธอเองก็ใจร้อนไม่ต่างจากเขา “อือ...ไม่ไหวแล้วที่รัก ให้พี่เถอะนะ” ติณณ์โน้มหน้าไปบดจูบปากน้อย ส่วนมือก็ปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกด้วยความรีบร้อน และไม่นานติณณ์ก็ปลดเปลื้องชุดของตัวเองออกให้พ้นทางได้ ส่วนของร้อยรักเธอเองก็ถอดออกแล้วเช่นกัน “อ่า...สวยเหลือเกินรัก” มือหนาลูบไล้ผิวกายนวลเนียนของร้อยรักพร้อมกับเคลื่อนจูบไล้สัมผัสตามร่างเปลือยที่บิดเร่าร้อนไปมาอยู่ใต้ร่าง
“ทิ้งความเจ็บปวด ทิ้งสิ่งเลวๆ ที่ฉันทำกับเธอ ทิ้งและลืมคำพูดถากถาง ทิ้งคำพูดที่บั่นทอนจิตใจเธอ ทิ้งทุกอย่างที่ฉันทำไม่ดีกับเธอได้ไหม ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอนะรัก ฉันรักเธอ มันคือสิ่งเดียวที่ฉันอยากปฏิเสธ แต่ฉันปฏิเสธมันไม่ได้ เพราะฉันรักเธอ” เขาเคลื่อนมือมากุมมือเล็กที่ทาบทับหน้าอกของตนเองแล้วก็โน้มลงไปจูบแผ่วเบาที่หน้าผากมนของคนที่แหงนเงยขึ้นมองหน้าตนเองร้อยรักยืนนิ่งพูดไม่ออกและไม่ได้ปัดสัมผัสของเขา เพียงแค่สัมผัสแผ่วเบาที่ประทับจูบลงมาที่หน้าผากของเธอ เธอก็ใจสั่นระรัวเต้นแรงและรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนจากสัมผัสแผ่วเบาของชายหนุ่ม“ถ้า...ถ้าไม่ได้เกลียดแล้วทำไมตอนเด็กๆ วันแรกที่หนูย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน คุณถึงวิ่งเข้ามาผลักหนูพร้อมกับกระชากกระเป๋าไปโยนทิ้ง” เรื่องนี้ในวัยเด็กมันคาใจเธอมาตลอด เพราะอะไรวันแรกที่เดินเข้ามา เขาถึงต้อนรับเธอแบบนั้น แสดงความไม่ชอบและเกลียดเธอชัดเจน“ฉัน...ฉันจะพูดยังไงดี ฉันเป็นผู้ชายตัวโต แต่ใจฉันแคบและเล็กมาก ฉันกลัว...กลัวว่าพ่อกับแม่จะไม่รักฉันถ้ามีเธอเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย และพ่อกับแม่ก็ใส่ใจเธอ อะไรก็เธอ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเ
เมื่อกลับมาอยู่บ้าน ร้อยรักไม่ยอมไปอยู่ห้องกับติณณ์และลูก และขออนุญาตคุณท่านขนข้าวของของลูกน้อยย้ายมาไว้ที่ห้องตนเอง ส่วนติณณ์เธอก็ไม่ยอมให้เขาเข้ามาในห้อง เข้าใกล้ลูกๆ ได้ แต่อย่าเข้ามาใกล้เธอ ถ้าเธออยู่กับลูก เขาต้องไปอยู่ที่อื่น เพราะเธอไม่อยากเจอหน้าของเขา “เป็นอย่างไรบ้างลูก” ปรางทิพย์ถามร้อยรักที่กำลังนั่งให้นมลูกอยู่ในห้องนอนส่วนตัวของเธอ ส่วนติณณ์อยากเข้ามาด้วย แต่ถูกเจ้าของห้องมองตาขวาง เขาจึงได้แต่ยืนอยู่ที่หน้าประตูดูลูกน้อยดูดนมจากเต้าของหญิงสาว เขาอยากเข้าไปหา ไปโอบกอด ไปหอมแก้มนวลนั้นให้ชื่นใจ “รู้สึกแปลกนิดหน่อยค่ะ น้องตองว่าง่าย แต่น้องต้นดื้อนิดหน่อยค่ะ” หล่อนยิ้มให้กับตนุภัทรที่กำลังดูดนมของตนเองอยู่ ส่วนรติมานั้นอิ่มแล้วนอนกอดตุ๊กตาอยู่ข้างๆ เธอ “แล้วน้ำนมออกดีไหมลูก” นางถามเพราะร้อยรักนอนนานตั้งสองเดือนกว่า
ณ ยุโรป กรุงโรมด้านปรางทิพย์ทันทีที่ได้รู้เรื่องจากลูกชาย นางก็นั่งไม่ติดรีบจัดการเก็บข้าวของกลับมาเมืองไทยทันที แม้จะโกรธและไม่อยากเชื่อสิ่งที่ติณณ์บอกเล่า แต่มันก็คือความจริง นางจึงต้องเดินทางกลับมาก่อนกำหนดที่ตั้งใจไว้“พี่ปรางเดินทางปลอดภัยนะคะ ถ้าป้อมไม่ติดต้องดูแลโทนี่ ป้อมก็จะไปด้วย” ตอนนี้สามีของป้อมใจป่วย นางจึงไม่สามารถเดินทางได้ในช่วงนี้“ไม่เป็นไรหรอกป้อม พี่ต้องกลับไปจัดการกับหลานตัวดีของป้อม และตอนนี้หนูรักก็ยังไม่ได้สติด้วย พี่ล่ะเหนื่อยใจจริงๆ กับลูกคนนี้ ไม่รู้จะเลวไปถึงไหน” นางพูดพร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่รินไหลออกมา“พี่ปรางไม่คิดบ้างเหรอคะว่าตาติณณ์รักหนูรัก”“ก็เคยคิด แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยนะป้อม ถึงแม้ว่าหนูรักจะแอบรักตาติณณ์ก็เหอะ พี่ล่ะอุตส่าห์ดีใจที่หนูรักย้ายออกไปอยู่หอตอนพี่มาที่นี่ แต่ก็ยังไม่พ้นมือของเจ้าลูกเลว” พูดแล้วก็เจ็บใจและโกรธลูกชายตัวดีนัก ไม่รู้ทำกับร้อยรักแบบนั้นได้ยังไง เกลียดยังไงก็ไม่น่าย่ำยีเธอแบบนั้น“เอาน่าพี่ ไหนๆ เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว เดินทางปลอดภัยนะคะ ถ้าโทนี่หายแล้วป้อ
นานห้าชั่วโมงที่ร้อยรักอยู่ในห้องผ่าตัด ติณณ์นั่งไม่ติดเดินวนเวียนไปมาหน้าห้องผ่าตัด เพราะมาถึงหมอก็ตรวจและบอกเขาว่าต้องรีบผ่าตัดด่วน ไม่งั้นจะไม่รอดทั้งแม่และลูก เนื่องจากร้อยรักเสียเลือดมาก และก็ไม่มั่นใจว่าลูกของเขาจะรอดปลอดภัย เพราะชีพจรเต้นอ่อนเหลือเกินตอนนี้ “ขอร้อง...อย่าทิ้งฉันไปนะรัก ขอร้อง...อยู่กับฉันก่อน อยู่ให้ฉันได้ชดใช้ความเลวของฉันก่อน อึก! ฮือๆๆ” ติณณ์นั่งคุกเข่าที่หน้าห้องผ่าตัดยกมือทาบอกตัวเองร้องไห้ เพราะนานเหลือเกินที่รอคอยประตูห้องผ่าตัดเปิดออก แต่รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเปิดออก “ติณณ์ น้องรักเป็นยังไงบ้าง” ทันทีที่ได้รับสายจากติณณ์ เรียมก็รีบมาหาเพื่อนทันทีด้วยความเป็นห่วง อึก! “เรียม...ลูกกับเมียฉันอยู่ข้างใน จนตอนนี้ยังไม่ออกมาเลย หมอยังไม่ออกมาสักคนเลย พยาบาลก็ไม่เห็นออกมา อึ
Comments