กลิ่นไก่ย่างช่างหอมยิ่งนัก ชายหนุ่มนับสิบคนต่างแย่งกันกินไก่ย่าง ยามนี้บรรยากาศที่เหน็บหนาวเพียงนี้
"วันพรุ่งพวกเราต้องส่งนางไปเมืองฉู่ สตรีพวกนี้มีแต่หญิงงามหน้าตาดี ข้าล่ะเสียดาย" ชายอ้วนเคี้ยวเนื้อไก่ไปเล่าไป ทำให้เหล่าบุรุษต่างคิดอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้
"ข้านึกอะไรดี ๆ ได้แล้ว" ใบหน้าชายอีกคนมีแววหื่นกระหายราคะขึ้นมา
"อย่าบอกนะเจ้าจะ"
เพี้ย!!!
พูดยังไม่ทันจบ ชายอีกคนใช้มือตบไปที่กบาลชายคนที่พูดว่า คิดอะไรดี ๆ ออกแล้ว
"เจ้าบ้าไปแล้วรึ ขืนทำเยี่ยงนั้นของก็เสียราคาหมด อีกทั้งนายอำเภอบอกว่าพวกเราต้องทำงานนี้ ให้สำเร็จ จึงจะได้ค่าตอบแทนอย่างงามเหมือนที่ผ่านมา"
บนหลังคาหยางอ๋องกับหนานอ๋องได้ยินเต็มสองหู นายอำเภอฟูเหิงอยู่เบื้องหลังอย่างนั้นรึ
"แต่ข้าชอบนางโดยเฉพาะชายาหยางอ๋อง เรื่องนี้มีเพียงพวกเราเท่านั้น ที่รู้ จะไปบอกผู้อื่นทำไม อีกทั้งนางเป็นสตรี นางคงไม่บอกผู้อื่นหรอกกระมัง" ชายอ้วนหัวเราะอย่างชอบใจ เหล่าบุรุษพวกนี้ต่างเห็นด้วย
เสียงรื้อผ้าออกจากเกวียนจากนั้นเปิดแผ่นไม้ออก พวกมันเห็นสามแม่ลูกนั่งกอดเรียงกัน กระนั้นดึงผ้าปิดปากออกให้ทั้งสามคน
"นำตัวออกมา"
"จะพาพวกข้าไปที่ใด" หลี่ซินโดนกระชากตัวไปอีกทาง สองแฝดต่างร้องเรียกมารดา
"ปล่อยข้านะ ปล่อย" หลี่ซินนางทั้งตบหน้าบุรุษผู้นั้น จนเขามองนางอย่างชิงชัง
"นังสารเลวกล้าตบข้ารึ" ชายคนนั้นหมายจะตบหลี่ซิน แต่ทว่าลูกธนูพุ่งมาจากไหนมิรู้
ชายผู้นั้นร้องด้วยความเจ็บปวด โลหิตไหลออกมาหยดลงพื้น
สองแฝดรีบวิ่งไปหามารดา อีกทั้งยามนี้กลุ่มทหารม้าได้ล้อมเรือนร้างไว้หมดแล้ว กลุ่มพ่อค้าผ้าตกใจมาก ทหารต่างจ่อกระบี่ไปที่คอของเหล่าพ่อค้าทุกคน
หลี่ซินโอบกอดสองแฝดไว้ ในที่สุดพวกเขาก็มาช่วยนาง หยางอ๋องในอาภรณ์สีดำ กระโดดลงมาจากหลังคา เรือนผมสยายอย่างงดงาม
หยุดตรงหน้าสามแม่ลูก
"ท่านพ่อมาช่วยพวกเราแล้ว" สองแฝดเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ
"เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"
"ข้ายังไม่ตาย"
หยางอ๋องไม่น่าไปถามนางเลย ดูนางตอกหน้าเขาด้วยคำพูดเยี่ยงนี้ กระนั้นให้อาหวังพานางและสองแฝดขึ้นรถม้า
ส่วนสตรีที่เหลือช่วยออกมาได้ จึงนำส่งเรือน ส่วนพ่อค้าเถื่อนพวกนี้ จะส่งเข้าคุกทหารในค่าย
ค่ำคืนนั้นหลี่ซินมาถึงจวน อีอีและแม่จางออกมาต้อนรับ แม่นมจางรีบโผล่กอดสองแฝด น้ำตาแห่งความดีใจได้พบท่านหญิง ท่านชาย
"ไม่ร้องนะ" เสี่ยวเปาโอ๋แม่นม ทั้งเช็ดน้ำตาให้คนแก่อย่างแม่นมจางอีกด้วย เสี่ยวเปยใช้มืออีกข้างปาดน้ำตาให้แม่นมจางเช่นกัน
หลี่ซินพลันเปลี่ยนอาภรณ์ นางมาที่เรือนของสองแฝดพบว่า สองแฝดนอนหลับแล้ว กระนั้นนางจึงเดินเล่นที่สวนดอกอวี้หลันยามค่ำคืน
โชคดีที่เขาไปช่วยนางได้ทัน มิเช่นนั้นนางอาจจะโดนทำมิดีมิร้าย
"ท่าน" หลี่ซินตกใจหมดนึกว่าผีหลอกตอนกลางคืนเสียแล้ว เขามาอย่างไร้ซุ่มเสียง
"เหตุใดไม่นอนพักผ่อน ออกมาตากน้ำค้างทำไม" หยางอ๋องในใจลึก ๆ แอบห่วงนาง
"ข้าแค่เดินเล่น ตอนนี้จะกลับแล้ว" นางเดินไปอีกด้านหนึ่ง แต่ทว่าเขาขวางทางนางไว้
ในตอนที่รู้ว่านางโดนจับตัวไป เขาแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว หยางอ๋องคว้าตัวนางมากอด
"ข้าเป็นห่วงเจ้า" แล้วกระซิบอย่างแผ่วเบา ภายใต้เรือนผมที่สยายลงมาอย่างงดงาม
หัวใจหลี่ซินเต้นตึกตักอย่างแรง นี่เขาหลงรักนางรึ เหตุใดนางถึงรักเขาไม่ลงเล่ายามนี้
"ท่านอ๋องปล่อยข้า"
"ข้าไม่ปล่อย"
"ท่านอ๋อง ข้าง่วง ข้า..." นางยังพูดไม่ทันจบ คำพูดของนางถูกเขากลืนกินลงท้องไปเสียแล้ว
อีกทั้งเขาพานางมาที่หลังจวน หลี่ซินยังตกในภวังค์อยู่ ด้านหลังจวนเป็นสถานที่เงียบสงบ ภายในห้องนั้นไม่มีหลังคา สามารถชมดาวได้ ร่างบางบนฟูที่หนาอันหนาใหญ่
"ท่านพาข้ามาทำไม"
"ชมจันทร์"
"หลี่ซินข้ารักเจ้า" หยางอ๋องกุมมือนาง นี่เขาทำร้าย ทารุณเรื่องบนเตียงกับ ทำให้หลี่ซินรักเขาไม่ลง ขอเวลานางเถอะ
"ท่านรักข้ารึ เหตุใดถึงทารุณข้าเล่าในตอนนั้น อีกทั้งท่านยังวางยาข้าตั้งหลายเดือน ท่านว่าข้ามิรู้รึ"
นางคือแพทย์อันดับหนึ่งเชียวนะในยุคปัจจุบัน ร่างกายนี้อ่อนแอเกินไป โชคดีที่นางมีตัวยาปัจจุบันคอยประคองร่างกายนี้ไว้ คงเดี้ยงไปแล้วกระมัง
นางรู้ หยางอ๋องรู้สึกผิดอย่างมาก ในตอนนั้นนางคือหญิงชั่วร้ายที่ตามตอแยเขา อีกทั้งรังแกสองแฝดของเขาจะให้เขารักนางได้อย่างไรเล่า
"เมื่อก่อนเจ้าทำตัวน่ารังเกียจ จะให้ข้ารักได้อย่างไร เจ้าให้สองแฝดกินข้าวหมา แม้กระทั่งอดข้าว ขังพวกเขาในห้องเก็บฟืน" นี่คือสิ่งที่หยางอ๋องนึกชังนางในตอนนั้น
หลี่ซินนิ่งเงียบไป นั่นมีหลี่ซินคนเก่า แต่ทว่านางก็ได้ตายไปแล้ว หากพูดว่านางคือสัมภเวสีมาสิงร่างนี้ หยางอ๋องคงจะว่านางบ้ากระมัง
เรื่องที่หลี่ซินคนเก่าทำไว้ทันก็สมควรอยู่หรอกนะที่หยางอ๋องจะแค้น
"ข้าขอเวลาแล้วกัน ข้าจะไม่หย่ากับท่าน เพียงแต่ ท่านห้ามล่วงเกินข้า หากข้าไม่ยินยอม"
"นานรึไม่"
"ไม่รู้เหมือนกัน ข้ายังบอกไม่ได้เรื่องที่ท่านทำข้า บางครั้งมันเกินที่ข้าจะรับไหว"
"ข้าจะรอเจ้า แต่อย่านานนัก"
ค่ำคืนนั้นหลี่ซินไม่เคยสัมผัสถึงคำพูดอ่อนโยนของหยางอ๋องเลย เขานั้นทั้งนวดศีรษะให้นาง ส่วนหญิงสาวชมจันทร์อย่างสบาย เหมือนทั้งสองได้ปลดล็อกประตูหัวใจ
หยางอ๋องรักนางเพียงเพราะว่านางไม่เหมือนเมื่อก่อน มีความรักต่อสองแฝด อีกทั้งเมตตาต่อข้ารับใช้ หลายอย่างที่หยางอ๋องเห็นหลี่ซินเปลี่ยนไป หัวใจหยางอ๋องเริ่มรักนางอย่างไม่รู้ตัว...
นี่มันอาวุธอันใดกัน แน่นอนว่านี่คือปืนสั้นที่มาจากห้องวิเศษของถังลี ถังลีมอบปืนสั้นนับพันกระบอกให้แม่ทัพเซี่ยท่านตาของหนิงอ๋องให้ไปรบกับองค์ชายรองตงเปยแล้ว"เจ้า...""ข้าได้มอบให้ท่านแม่ทัพเซี่ยแล้ว เกรงว่าองค์ชายรองตงเปยต้องแพ้กลับไป อีกทั้งยังคงต้องโดนประหาร" สวีไทเฮาอุตส่าห์วางแผนมาหลายปี มาล่มจมเพราะนังแพศยาน้อยนี่"สวีไทเฮาท่านยอมรับความพ่ายแพ้เถอะ พิษในตัวรัชทายาทกับหนิงอ๋องถูกกำจัดหมดแล้ว อีกทั้งหนอนกู่หนิงอ๋องก็ไม่ได้กินเข้าไป แม่นมหงสารภาพหมดแล้ว" ถังลียิ้มอย่างสะใจว่านฮองเฮาตกใจไม่คิดว่านังแก่สารเลวกล้างวางยาพิษรัชทายาท"คนของท่านในจวนรัชทายาทถูกสังหารแล้ว" "เสด็จย่าพิษกู่อยู่ในร่างกายท่าน" หนิงอ๋องยิ้มเย็น"พวกเจ้ามันสมควรตาย" "ไท่ชางหวงโดนวางยาก็เป็นฝีมือท่าน ท่านตาของข้าโชคดีนักที่มิได้ท่านเป็นภรรยา ท่านจึงถูกส่งตัวเป็นสนม" ทุกคนกระจ่างแล้วสวีไทเฮารักนายผู้เฒ่าเซี่ยฝ่ายเดียว นางไม่ได้รักไท่ชางหวง"พวกเจ้าทำลายแผนการดี ๆ ของข้า นังสารเลวถังลีตายเสียเถอะ" สวีไทเฮานำมีดสั้นออกมาหมายจะแทงถังลี แต่ทว่าอาวุธอันใดจะไวกว่าปืนสั้นของถังลีสวีไทเฮาโดนยิงที่หน้าผากร่างบางล้มลงกั
แผนซ้อนแผน ได้ยินว่าจะมีการล่าสัตว์ช่วงนั้นสวีไทเฮาจะให้คนสังหารเปยหานแล้วโยนความผิดให้รัชทายาทต้าโจว สวีไทเฮาช่างวางแผนได้ล้ำลึกยิ่งนัก ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว...เช้าของวันถัดมาในลานพระราชวังฤดูร้อนรัชทายาทตงเปยแม้จะเสียใจแค่ไหน แต่เขาก็ต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงล่าสัตว์ในครั้งนี้ถังลีกับหนิงอ๋องสบตากัน รัชทายาทตงเปยควงม้าตามหลังรัชทายาทต้าโจวเข้าไปในป่าด้านในสวีไทเฮาที่พักในตำหนักใหญ่จิบน้ำชาอย่างสบายใจ พระนางกำลังรอฟังข่าวดี "บอกให้เมิ่งฉีจัดการได้" นางกำนัลรับคำของสวีไทเฮา วันนี้จะเป็นวันตายของรัชทายาทตงเปยและคนรับกรรมคือรัชทายาทต้าโจว เขาไม่ใช่สายเลือดโดยตรงของนางกระนั้นนางจึงไม่สนใจอะไรทั้งนั้น...เปยหานกับฉินเทียนต่างแยกกันเพื่อล่าสัตว์ เปยหานมาป่าด้านหนึ่งในหัวสมองหวนคิดแต่คำของชายาเอกหนิงอ๋องและหนิงอ๋องเท่านั้นตุบ !!!ร่างของเปยหานล่วงจากหลังม้ามีธนูปักที่กลางอกเลือดไหลออกจากอกดวงตาเบิกกว้าง"แย่แล้วรัชทายาทต้าโจวสังหารรัชทายาทตงเปย" เสียงคนตะโกนขึ้นดังลั่นในป่าทางด้านฉินตี้กับเหล่าสนมและฮองเฮาที่กำลังสำราญอยู่กับการรายรำของเหล่าสาวงามได้ยินมาว่าร้ชทายาทตงเปยสิ้น
พระราชวังฤดูร้อน คังอ๋องกินข้าวเย็นกับอนุและชายารองที่ห้องโถงใหญ่ของเขา การเข้าเฝ้าสวีไทเฮาในครั้งนี้ ทำให้เขาได้ข้อคิดหลาย ๆ อย่างหากอยากจะเป็นใหญ่ควรเชื่อฟังสวีไทเฮา อีกไม่นานรัชทายาทก็จะตายแล้ว คังอ๋องจึงเอาใจฮวาหรงแม้เขาจะรังเกียจนางก็ตามอีกทั้งเอาใจเปยหรันด้วยเช่นกัน เนื่องจากว่าองค์รัชทายาทเปยหานย่อมต้องขึ้นเป็นฮ่องเต้ในการข้างหน้า เขาจะละเลยสองคนนี้ไปมิได้ ส่วนถังเหมยค่อยชดเชยให้นางทีหลัง ส่วนถังลีถึงอย่างไรเขาก็จะแย่งมาจากหนิงอ๋องหลังจากที่เขาได้แผ่นดินต้าโจวเปยหรันมองคังอ๋องนางจะฝากชีวิตนี้ไว้กับเขาได้จริงหรือไหนจะมีฮวาหรงหลานสาวสวีไทเฮาอีก ฮวาหรงในยามนี้นางขอเพียงคังอ๋องจริงใจต่อนาง นางย่อมตอบแทนเขา ทั้งสามกินข้าวเย็นอย่างมีความสุข...งานพระราชวังฤดูร้อนก็มาถึงแล้วเหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์ต่างออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองโจว รถม้ายาวเหยียดเต็มท้องถนนมุ่งออกสู่ประตูเมือง"ชายารักการไปพระราชวังฤดูร้อนในครั้งนี้ เจ้าต้องระวังตัวไว้" หนิงอ๋องเกรงว่าสวีไทเฮาต้องมีแผนร้ายอะไรสักอย่าง"เจ้าค่ะ" คนอย่างนางเตรียมรับมือไว้ทุกสถานการณ์อยู่แล้วมิต้องห่วงนางแม้แต่น้อย ใช้เวลาทั
รัชทายาทตงเปยไม่ตาย ความนี้ทรายไปถึงฮวาหรงใบหน้างามระบายด้วยรอยยิ้มด้วยความดีใจ สุดท้ายแล้วคังอ๋องก็ทำพิธีไม่สำเร็จช่างน่าขันสิ้นดีในคืนเข้าหอเปยหรันได้แต่นอนเฝ้าเจ้าบ่าวของนาง ช่างน่าเจ็บใจนัก เช้าวันถัดมาถังลีนึกสมน้ำหน้าคังอ๋องเสียจริงที่ได้แต่สตรีทั้งสองนาง ถังลีมาที่หอประดิษฐ์นั่งนับเงินอย่างมีความสุขข่าวของคังอ๋องเป็นลมดังไปทั่วต้าโจวจริง ๆ ถังลีกับบ่าวเดินไปทางไหนก็ได้ยินแต่คนนินทาเรื่องนี้ถังเหมยนั่งบนเก้าอี้ไม้จันทน์หอมสั่งให้บ่าวไปเรียกชายารองและอนุมายกน้ำชาให้นาง เนื่องจากนางคือชายาเอกคังอ๋องสองคนนี้ต้องให้ความเคารพแก่นางสายตาพลันมองไปที่ประตูเมื่อไรนังแพศยาทั้งสองคนจะเข้ามาเสียที ฮวาหรงกับเสี่ยวเถาพลันสาวเท้าเข้ามาถังเหมยมองไปที่ชุดฮวาหรงเป็นสีแดงอย่างงดงามปักด้วยดิ้นทองอย่างดี แน่นอนว่าชุดนี้สวีไทเฮาเป็นคนมอบให้หลานรักเองกับมือ ถังเหมยใบหน้าแดงก่ำ "เป็นอนุยังกล้าใส่ชุดสีแดงเทียบชายาเอกอีกรึ ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียจริง" ฮวาหรงยิ้มเย็นหลังฟังคำพูดของถังเหมย"เหตุใดข้าจะสวมมิได้ ข้าเป็นถึงหลานสาวสวีไทเฮา เจ้าก็แค่ลูกขุนนางระดับล่างที่บังเอิญโชคดีได้แ
เจ้าบ่าวเป็นลมในงาน หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ก็น่าสงสารแม่นมหงอยู่เหมือนกันถังลีกับมู่หรงมีความคิดเดียวกัน ต่างจากบุรุษทั้งสองอย่างรัชทายาทกับหนิงอ๋องนักต้องสังหารคนทรยศเท่านั้น"บ่าวผิดไปแล้วเจ้าคะ บ่าวผิดไปแล้ว" แม่นมหงตัวสั่นเทิ้ม "แม่นมหงหากเจ้าอยากมีชีวิตรอดจงเป็นหมากให้ข้าต่อกรกับนาง นางสั่งไว้อย่างไรบ้างหลังจากที่วางหนอนกู่ในตัวข้า" หนิงอ๋องอยากรู้ว่าแม่นมหงจะซื่อสัตว์ต่อเขารึไม่ รัชทายาทไม่คิดว่าเสด็จย่าจะชั่วช้ามากแม่นมหงตัดสินใจเล่าให้หนิงอ๋องฟัง หลังจากหนึ่งเดือนผ่านไปหนิงอ๋องจะกลายเป็นคนสติหลุดอีกทั้งจะเชื่อฟังคำสั่งของพระนาง หนิงอ๋องยิ้มเย็นขึ้นมา"เอาล่ะ แม่นมหงนับจากนี้ เจ้าได้จงทำตัวตามปกติ เจ้าไปรายงานนางว่าข้านั้นได้กินหนอนแล้ว หากเจ้าไม่ซื่อสัตว์อย่าหาว่าข้าไม่เตือน" แม่นมหงกับเสี่ยวฮวาอิงโขกศีรษะให้หนิงอ๋อง จากนั้นให้องครักษ์เงาแอบตามแม่นมหงไป"เค่อจ้าวอีกประเดี๋ยวเจ้าไปที่ตำหนักของสวีไทเฮาหานางเอาหนอนพิษใส่ในน้ำให้นางดื่ม หากมิสำเร็จมิต้องกลับมา" เค่อจ้าวรับคำสั่งของเจ้านาย ถังลีมองหนิงอ๋องที่ใบหน้าเขียวด้วยความโกรธ นางกุมมือเขาไว้ รัชทายาทกับชายากลับจวนไปแ
แต่งชายารองสองคน ทั้งสามคนแต่งกายเรียบร้อยแล่วนั่งคุกเข่าในห้องทรงอักษร ฉินตี้อยากจะตบคังอ๋องยิ่งนัก เหตุใดเป็นคนสารเลวเช่นนี้เปยหานอยากจะเอามีดแทงคังอ๋องให้ตาย ถังเหมยเป็นลมถูกหามกลับจวนไปก่อนหน้านี้แล้ว ในห้องมีเพียง สวีไทเฮา เปยหาน เต๋อเฟย ฉินตี้ ที่กำลังพิพากษาทั้งสามคนอยู่ฮวาหรงไม่คิดว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นนี้พอฮวาหรงเข้ามาในเรือนรับรองคังอ๋องก็จุมพิตนางอย่างเร่าร้อน แน่นอนว่าในห้องมีกำยานจุดอยู่บัดนี้นางให้เสี่ยวเมาจัดการนำไปทิ้งแล้ว แต่ที่น่าแปลกคือนังเปยหรันมาได้อย่างไรเปยหรันนั้นใช้กำปั้นทุบท้ายทอยของฮวาหรงจนสลบไป จากนั้นนางก็บรรเลงเพลงรักกับคังอ๋องต่อ เหตุใดทุกอย่างจึงเป็นเช่นนี้ นางอยากได้หนิงอ๋องมิใช่คังอ๋องสองสตรีต่างคิดเช่นเดียวกันคนที่เจ็บใจที่สุดเห็นจะเป็นคังอ๋องเสียมากกว่าเขาคิดไม่ถึงเลยว่า ถังลีจะทำกับเขาเช่นนี้ เหตุใดนางต้องทำร้ายเขาด้วย"เสด็จพี่ข้าไม่รู้เรื่องจริง ๆ" เปยหรันเสียใจอย่างมากฉินตี้มองทั้งสามคนในเมื่อเป็นเช่นนี้ "เปยหรันเป็นชายารองคังอ๋อง ส่วนฮวาหรงเป็นอนุของคังอ๋องแล้วกัน" ฉินตี้คิดดีแล้วในเมื่อพวกเขาชอบพอกันเขาก็จะสงเคราะห์ให้เสียหน่อยแล