Home / รักโบราณ / วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน / ๑๓ แผนการณ์ลับแห่งกองทัพอสูร

Share

๑๓ แผนการณ์ลับแห่งกองทัพอสูร

last update Last Updated: 2025-06-09 17:24:01

ยามหิมะแรกโปรยปราย อากาศหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ ตู้เยี่ยนอวี่ยืนอยู่ริมหน้าต่างโรงหมอหลวง มองดูเมืองหลวงที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน แม้บรรยากาศภายนอกจะดูสงบนิ่ง แต่ในใจของนางกลับมิได้สงบเช่นนั้น

หลังจากเหตุการณ์ในโรงน้ำชาคืนนั้น ตู้เยี่ยนอวี่ตระหนักดีว่าตนเองได้ก้าวเข้าสู่สมรภูมิที่แท้จริงแล้ว กองทัพเงาอสูรมิใช่เพียงแค่กลุ่มโจรผู้ร้ายธรรมดา หากแต่เป็นองค์กรลับที่มีเป้าหมายอันชั่วร้าย และมีกำลังคนที่แข็งแกร่งเกินกว่าที่นางจะรับมือได้เพียงลำพัง

“คุณหนูเจ้าคะ ท่านดูเหนื่อยล้านักเจ้าค่ะ” เสี่ยวจูกล่าวด้วยน้ำเสียงห่วงใย นางนำน้ำชาอุ่น ๆ มาวางให้คุณหนูของตน “ท่านควรพักผ่อนเสียบ้างนะเจ้าคะ”

ตู้เยี่ยนอวี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ข้ามิเป็นอันใดหรอกเสี่ยวจู เพียงแต่กำลังครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเท่านั้น” นางรับถ้วยชามาจิบช้า ๆ ไออุ่นจากถ้วยชาช่วยให้ร่างกายของนางอบอุ่นขึ้นบ้าง แต่จิตใจยังคงเย็นยะเยือก

“คุณหนูยังกังวลเรื่องกองทัพเงาอสูรอยู่หรือเจ้าคะ ?” เสี่ยวจูถามอย่างระมัดระวัง

“ใช่แล้วเสี่ยวจู” เยี่ยนอวี่ตอบ “พวกเขามิได้เพียงแค่ก่อโรคระบาด แต่ยังวางแผนการใหญ่บางอย่างที่ร้ายกาจกว่านั้นนัก”

นางเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ได้ยินจากแพทย์หลวงชาง และสิ่งที่พบเจอจากการสืบหาข้อมูลให้เสี่ยวจูฟังอย่างละเอียด เสี่ยวจูรับฟังด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดดุจกระดาษขาว นางมิเคยคิดว่าเรื่องราวจะร้ายแรงถึงเพียงนี้

“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปเจ้าคะคุณหนู ?” เสี่ยวจูถามด้วยน้ำเสียงกังวล

“เราต้องหาทางสืบให้ได้ว่าแผนการของพวกเขาคืออันใด” ตู้เยี่ยนอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตาฉายแววแน่วแน่ “และเราต้องหาวิธีหยุดยั้งพวกเขาให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”

หลังจากนั้นตู้เยี่ยนอวี่ และแพทย์หลวงชางก็เริ่มวางแผนการอย่างละเอียดรอบคอบ ตู้เยี่ยนอวี่ใช้ความรู้ทางการแพทย์และกำลังภายในของตนเอง เพื่อวิเคราะห์ลักษณะของพิษที่ใช้ และหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด พร้อมทั้งพยายามหาสมุนไพรหายากที่สามารถต้านพิษชนิดนั้นได้ ส่วนแพทย์หลวงชางก็ใช้เส้นสายและอำนาจของตนเอง เพื่อสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับกองทัพเงาอสูรจากภายในวังหลวงและหน่วยงานลับของทางการ

“ได้ยินว่ากองทัพเงาอสูรมีเครือข่ายกว้างขวางนัก” แพทย์หลวงชางกล่าวด้วยน้ำเสียงกังวล “พวกเขามิได้มีเพียงกำลังคน แต่ยังแทรกซึมอยู่ในทุกหนแห่ง”

“เช่นนั้นเราก็ต้องยิ่งระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น” ตู้เยี่ยนอวี่กล่าว “และเราต้องหาผู้ร่วมอุดมการณ์ให้ได้มากที่สุด”

ยามสิ้นปีใกล้เข้ามา อากาศยิ่งหนาวเย็นยะเยือก

ตู้เยี่ยนอวี่มิได้หยุดนิ่ง นางยังคงมุ่งมั่นในการสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับกองทัพเงาอสูร และพัฒนาวิชาการแพทย์และกำลังภายในของตนเองอย่างไม่หยุดหย่อน

วันหนึ่ง แพทย์หลวงชางได้รับข่าวสารลับจากสายสืบในวังหลวงว่า กองทัพเงาอสูรได้เตรียมการที่จะปล่อยพิษร้ายชนิดใหม่ในยามตรุษวสันต์ที่จะมาถึง พิษชนิดนี้รุนแรงยิ่งกว่าโรคระบาดอัคคีหลายเท่าตัว และจะทำให้ผู้คนล้มตายไปนับหมื่นนับแสน หากมิได้รับการหยุดยั้งอย่างทันท่วงที

“แม่นางตู้ นี่เป็นข่าวร้ายยิ่งนัก !” แพทย์หลวงชางกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก ใบหน้าของเขาซีดขาวดุจกระดาษ “พิษชนิดนี้ร้ายแรงยิ่งนัก หากถูกปล่อยออกมาจริง ๆ เมืองหลวงแห่งนี้คงจะต้องล่มสลายเป็นแน่ !”

ตู้เยี่ยนอวี่ฟังด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ดวงตาของนางฉายแววความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว “เราต้องหาทางหยุดยั้งพวกเขาให้ได้ ก่อนที่พวกเขาจะกระทำการใด ๆ ที่เลวร้ายไปมากกว่านี้”

นางและแพทย์หลวงชางเริ่มวางแผนการอย่างเร่งด่วน ตู้เยี่ยนอวี่ใช้ความรู้ทั้งหมดที่ตนมีเพื่อวิเคราะห์ลักษณะของพิษชนิดใหม่ และหาวิธีการป้องกันและรักษา ส่วนแพทย์หลวงชางก็พยายามรวบรวมกำลังคนจากภายในวังหลวงและหน่วยงานลับ เพื่อเตรียมรับมือกับภัยคุกคามที่กำลังจะมาถึง

“เราต้องหาแหล่งผลิตพิษของพวกเขาให้เจอ” ตู้เยี่ยนอวี่กล่าว “หากเราสามารถทำลายแหล่งผลิตพิษได้ เราก็จะสามารถหยุดยั้งแผนการของพวกเขาได้”

แพทย์หลวงชางพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ข้าจะพยายามสืบหาเบาะแสให้ได้มากที่สุด”

หลังจากนั้น ตู้เยี่ยนอวี่ก็เริ่มฝึกฝนกำลังภายในของตนเองอย่างหนักยิ่งกว่าเดิม นางรู้ดีว่าการเผชิญหน้ากับกองทัพเงาอสูรในครั้งนี้จะมิใช่เรื่องง่าย และอาจจะต้องใช้พลังทั้งหมดที่ตนมีเพื่อปกป้องผู้คนและหยุดยั้งแผนการชั่วร้ายของพวกเขา

ยามราตรี ดวงจันทร์ทอแสงนวลผ่องลงมายังเมืองหลวงที่จมดิ่งในความทุกข์ระทม ตู้เยี่ยนอวี่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง มองดูแสงจันทร์ที่ทอแสงลงมายังหิมะขาวโพลน ความเหน็ดเหนื่อยจากการฝึกฝนและการครุ่นคิดถึงแผนการต่าง ๆ มิได้ทำให้นางรู้สึกท้อถอย หากแต่กลับทำให้ใจนางเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้คนให้พ้นจากภัยพิบัติที่กำลังคุกคาม

“การช่วยเหลือผู้คนคือหน้าที่ของข้า” นางรำพึงรำพันกับตนเอง “ไม่ว่าเส้นทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร ข้าจะมิมีวันท้อถอย”

นางหลับตาลงช้า ๆ ในห้วงความคิดของนางมีเพียงภาพของเมืองหลวงที่กลับมาสงบสุขอีกครา และรอยยิ้มของผู้คนที่พ้นจากความทุกข์ระทม

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 5 วิวาห์ใต้เงาจันทร์

    ปลายเดือนเจ็ด รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองเมฆหมอกร้ายที่เคยปกคลุมวังหลวงได้ถูกปัดเป่าไปจนสิ้น ประหนึ่งรัตติกาลที่ยอมจำนนต่อแสงอรุณ พระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างฮ่องเต้แห่งต้าเฉินและองค์หญิงมู่หลินแห่งแคว้นหนานเย่ว์ได้ดำเนินไปอย่างยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติที่สุด ท้องพระโรงหลวงที่เคยเป็นเวทีแห่งการพิพากษา บัดนี้กลับกลายเป็นทะเลแห่งแพรพรรณสีแดงสดและทองอร่าม เสียงดนตรีมงคลดังกังวานก้องไปทั่ว ขับขานบทเพลงแห่งสันติภาพและสัมพันธไมตรีที่ถูกเชื่อมประสานขึ้นใหม่อย่างแน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิมตู้เยี่ยนอวี่และกู้เหยียนหลงยืนสงบนิ่งอยู่ท่ามกลางเหล่าขุนนางที่กำลังแซ่ซ้องถวายพระพร พวกเขาคือวีรบุรุษและวีรสตรีผู้พิทักษ์แผ่นดินอีกครั้ง แต่ในใจของทั้งสองกลับมิได้มีความลำพองใจแม้แต่น้อย มีเพียงความโล่งใจที่ได้เห็นแผ่นดินกลับคืนสู่ความสงบสุขอย่างแท้จริงภายหลังจากพระราชพิธีหลักเสร็จสิ้นลง ฝ่าบาทผู้ทรงมีพระพักตร์ที่เปี่ยมด้วยความสุขและความปีติยินดี ได้มีรับสั่งให้ทั้งสองเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ณ ห้องทรงอักษรที่เงียบสงบ“หากมิได้มีพวกเจ้าทั้งสอง” ฝ่าบาทตรัสขึ้นด้วยพระสุรเสียงที่เปี่ยมด้วยความซาบซึ้งใจอย่างแท้จริง

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 4 กระชากหน้ากากอสรพิษ

    ปลายเดือนหก รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองเวลาเปรียบประหนึ่งเม็ดทรายในนาฬิกาที่ร่วงหล่นลงอย่างไม่ปรานี พระอาการขององค์หญิงมู่หลินทรุดลงทุกขณะ ประกายสีครามบนผิวพระองค์เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นแม้ในยามกลางวัน ลมหายใจแผ่วเบาราวกับจะดับสูญได้ทุกเมื่อ ความกดดันที่มองไม่เห็นได้แผ่ขยายไปทั่ววังหลวง มันมิใช่เพียงชีวิตขององค์หญิงที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่คือสันติภาพของสองแผ่นดินที่กำลังจะขาดสะบั้นลงท่ามกลางความสิ้นหวังนั้น ตู้เยี่ยนอวี่ได้ขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทเป็นการส่วนพระองค์พร้อมด้วยกู้เหยียนหลงและองค์หญิงลี่หัว ณ ห้องทรงอักษรที่เงียบสงัด นางได้ทูลเสนอแผนการสุดท้ายที่อาจหาญและเสี่ยงอันตรายที่สุด“ฝ่าบาท” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งแต่แฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยว “การจะจับอสรพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เรามิอาจรอให้มันเผยตัวออกมาเองได้ แต่เราต้องสร้างเหยื่อล่อที่หอมหวานที่สุด เพื่อล่อให้มันคายพิษออกมาด้วยตนเองเพคะ”นางได้สร้างเรื่องราวของสมุนไพรวิเศษในตำนานขึ้นมา รากวิญญาณจันทรา พฤกษาทิพย์ที่กล่าวกันว่าสามารถชำระล้างพิษได้ทุกชนิด และจะเบ่งบานเพียงคืนเดียวใต้แสงจันทร์เต็มดวง ณ อารามเมฆขาวบนยอดเขาไท่ซานเท่าน

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 3 อสรพิษแดนใต้

    กลางเดือนหก รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองวังหลวงที่เคยประดับประดาด้วยโคมไฟแห่งการเฉลิมฉลอง บัดนี้กลับถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกแห่งความวิตกกังวลที่มองไม่เห็น การประชวรขององค์หญิงมู่หลินแห่งแคว้นหนานเย่ว์ ได้กลายเป็นหินถ่วงก้อนมหึมาที่ถ่วงดุลแห่งสัมพันธไมตรีระหว่างสองแผ่นดินให้สั่นคลอนอย่างน่าหวาดเสียว การสืบสวนเริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบงันและเร่งด่วน ประหนึ่งการเดินหมากบนกระดานที่ทุกก้าวล้วนเดิมพันด้วยสันติภาพของต้าเฉินสมรภูมิในครั้งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองแนวรบที่ดำเนินไปพร้อมกันแนวรบแรกคือห้องปรุงยาหลวงของตู้เยี่ยนอวี่ ที่นี่มิได้มีเสียงคมดาบปะทะกัน มีเพียงเสียงบดยาอันแผ่วเบา เสียงเปลวเทียนที่สั่นไหว และเสียงลมหายใจที่จดจ่อของแพทย์เทวดา ห้องของนางได้แปรสภาพเป็นศูนย์บัญชาการแห่งการพิสูจน์หลักฐาน มันคือการผสมผสานอย่างน่าทึ่งระหว่างเครื่องมือโบราณและนวัตกรรมที่นางประดิษฐ์ขึ้นจากความทรงจำในอีกโลกหนึ่ง ทั้งเครื่องกลั่นขนาดเล็กที่ทำจากแก้วใส และแว่นขยายที่เจียระไนอย่างประณีตนางทุ่มเทเวลานานถึงสองวันสองคืนในการวิเคราะห์เถ้ากำยานปริศนาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย กลิ่นหอมของสมุนไพรนานาชนิดคละคลุ้งไปทั่ว

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 2 เงาอดีตที่หวนคืน

    ต้นเดือนหก รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองเมืองหลวงที่ตู้เยี่ยนอวี่และกู้เหยียนหลงได้จากไปเมื่อหนึ่งปีก่อน บัดนี้ได้กลับกลายเป็นทะเลแห่งแพรพรรณและโคมไฟสีแดงสดอีกครั้งหนึ่ง โคมไฟนับพันดวงถูกแขวนประดับไปตามชายคาของอาคารบ้านเรือน สะบัดพลิ้วตามสายลมคิมหันตฤดูราวกับฝูงผีเสื้ออัคคีที่เริงระบำ ผ้าไหมสีมงคลถูกขึงทอดยาวไปตามถนนสายหลัก บ่งบอกถึงงานมงคลอันยิ่งใหญ่ที่แผ่นดินต้าเฉินกำลังรอคอย บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรื่นเริงและความคาดหวัง ทว่าสำหรับผู้ที่เจนจบในเล่ห์กลแห่งราชสำนักแล้ว ความสงบสุขที่ผิวเผินนี้เปรียบดั่งผิวน้ำอันราบเรียบ แต่เบื้องล่างนั้นกลับซ่อนเร้นไว้ด้วยกระแสธารอันเชี่ยวกรากที่พร้อมจะพัดพาทุกสิ่งให้พังพินาศการกลับมาของทั้งสองมิได้เอิกเกริก แต่กลับเงียบงันดุจเงาที่เคลื่อนไหวในรัตติกาล สถานที่นัดพบแห่งแรกของพวกเขามิใช่ท้องพระโรงอันโอ่อ่า แต่เป็นโรงน้ำชาเก่าแก่ในตรอกเร้นลับ ที่ซึ่งจางอู๋จีในชุดบัณฑิตเรียบง่ายนั่งรออยู่แล้ว“ท่านทั้งสองดูแข็งแกร่งและสงบขึ้นมาก” จางอู๋จีเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเขายังคงคมกริบดุจเหยี่ยวเฒ่าเช่นเดิม “ดูเหมือนว่าสายลมแห่งแดนเหนือจะขัดเกลาหยกงามทั้งสองให

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ตอนพิเศษที่ 1 ราชโองการหวนคืน

    ปลายเดือนสี่ รัชศกเทียนเหอปีที่แปดสิบสองหนึ่งปีเต็มที่เปลวเพลิงแห่งสงคราม ณ ชายแดนภาคเหนือได้มอดดับลง สายลมวสันตฤดูที่พัดผ่านเมืองผิงหยวนในยามนี้มิได้หอบเอาฝุ่นควันและกลิ่นคาวเลือดมาด้วยอีกต่อไป หากแต่เป็นกลิ่นไอดินอันบริสุทธิ์และกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ป่าที่เพิ่งจะแย้มบาน เมืองหน้าด่านที่เคยเป็นดั่งสุสานกลางแจ้ง บัดนี้ได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ประหนึ่งต้นไม้แห้งแล้งที่ได้รับสายฝนชโลมใจเสียงค้อนที่ตอกลงบนโครงสร้างบ้านเรือนหลังใหม่ดังขึ้นเป็นจังหวะอย่างมีชีวิตชีวา แทนที่เสียงดาบที่เคยกระทบกันอย่างน่าสะพรึงกลัว รอยยิ้มได้กลับคืนสู่ใบหน้าของชาวบ้านที่เคยซูบตอบด้วยความสิ้นหวัง แม้ร่องรอยความเหนื่อยล้าจะยังคงอยู่ แต่ในแววตาของพวกเขากลับเปี่ยมด้วยประกายแสงแห่งความหวังณ ใจกลางของความเปลี่ยนแปลงนี้ คือเรือนพักชั่วคราวของสองวีรชนผู้พลิกชะตาแผ่นดินตู้เยี่ยนอวี่ในอาภรณ์ผ้าฝ้ายสีขาวเรียบง่าย กำลังเดินตรวจดูแปลงสมุนไพรในสวนโอสถร้อยสกุลที่นางริเริ่มขึ้นด้วยตนเอง มันมิใช่สวนบุปผาที่งดงามเพื่อการชื่นชม แต่คือคลังยาที่มีชีวิตซึ่งนางจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นรากฐานของระบบสาธารณสุขชุมชน นางกำลังสอนกลุ

  • วาสนาข้ามภพ ชะตารักพลิกผัน   ๑๔๗ วสันต์คืนสู่แดนเหนือ

    บนสมรภูมิทะเลสาบกระจกที่บัดนี้เงียบสงัดลงแล้ว มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านผืนเกลือสีขาวและเสียงครวญครางของผู้บาดเจ็บ คำประกาศยอมแพ้ของจ้าวอู๋จี้ดังก้องอยู่ในความเงียบนั้น ประหนึ่งคำพิพากษาสุดท้ายที่ปิดฉากสงครามอันนองเลือดแห่งแดนเหนือลงโดยสมบูรณ์เขามิได้มีท่าทีของนักโทษผู้สิ้นหวัง แต่กลับเป็นความสงบนิ่งของนักปราชญ์ผู้ยอมรับในผลลัพธ์ของกระดานหมากที่ตนเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ จ้าวอู๋จี้เดินลงจากเนินดินอย่างเชื่องช้า เขาปลดดาบประจำกายที่อยู่ข้างเอวออก และยื่นมันให้แก่กู้เหยียนหลงด้วยสองมือ“นี่คือสัญลักษณ์แห่งการยอมจำนนของข้า” เขากล่าวเสียงเรียบ “และคือการยอมรับในชัยชนะของท่าน”กู้เหยียนหลงรับดาบเล่มนั้นมาถือไว้ เขามิได้แสดงท่าทีของผู้ชนะที่ลำพองใจ แต่กลับประสานมือคารวะคู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของเขาเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย“ท่านคือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่ข้าเคยพบพาน” กู้เหยียนหลงกล่าว “การพิพากษาท่านมิใช่หน้าที่ของข้า แต่เป็นหน้าที่ของราชสำนักและประวัติศาสตร์”เขาออกคำสั่งให้นำตัวจ้าวอู๋จี้และเหล่าแม่ทัพนายกอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status