ขวดน้ำเกลือสีใสที่ห้อยอยู่บนเสา คือสิ่งแรกที่น่านนทีมองเห็น หลังจากพยายามบังคับเปลือกตาที่หนักอึ่งให้เปิดขึ้น ดวงตาคมเข้มมองรอบๆห้องอย่างเลื่อนลอย กลิ่นยาและแอลกอฮอล์ลอยมาเตะจมูก แขนใหญ่ข้างที่อยู่ฝั่งเดียวกับเสาน้ำเกลือ ถูกยกขึ้นดู เข็มที่ปักอยู่บนหลังมือ ก็เป็นอีกอย่างที่ช่วยยืนยันว่า เขาอยู่ที่โรงพยาบาลจริงๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
เมื่อคืนหลังจากแยกกับคนรัก ชายหนุ่มก็เดินทอดอารมณ์ไปจนถึงชายหาด พยายามขบคิดถึงสาเหตุที่ทำให้พริมาบอกเลิกกับเขา ถ้าไม่ใช่คำสั่งของคนในครอบครัวอย่างที่คิด เธอแอบคบซ้อนจริงหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะตลอดเวลาที่คบกัน เขามั่นใจว่าเธอมีเขาแค่คนเดียว ชั่ววูบของความคิด ชายหนุ่มก็เข้าใจถึงคำว่าอารมณ์ชั่ววูบ คำว่าฆ่าตัวตายไม่เคยอยู่ในหัว แต่เมื่อชีวิตเดินทางมาถึงจุดดิ่ง ความตายก็เป็นอีกทางเลือก ที่จะทำให้หลุดพ้นจากความเจ็บปวด ภาพสุดท้ายที่น่านนทีจำได้ก็คือ ท้องทะเลเงียบสงบที่แสนสวยงาม
"เป็นยังไงบ้างคะ"เสียงที่ดังมาจากข้างเตียง ดึงสายตาของคนที่กำลังเหม่อลอย ให้มาหยุดที่ใบหน้ารูปไข่เนียนใส ดวงตาคมเข้มมองสบกับดวงตาหงส์ ภายใต้กรอบแว่นตาบางใส ที่มีความห่วงใยอัดแน่นอยู่ในนั้น ชายหนุ่มพยายามฝืนยิ้ม เพื่อให้เธอสบายใจ
"เกิดอะไรขึ้นคะ"คำถามแรกยังไม่มีคำตอบ คำถามที่สองก็ส่งตามมาติดๆ
"ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ"น่านนทีเลือกที่จะถามกลับ แทนการตอบคำถาม
"คุณยังไม่ตอบหมอเลยนะคะ"คุณหมอสาวทวงคำตอบ
"ผม..."น่านนทีหาเสียงตัวเองไม่เจอ เมื่อไม่รู้ว่าจะตอบคำถามเธออย่างไร
"โอเคค่ะ ไม่ต้องตอบก็ได้ มูลนิธิส่งตัวคุณมาที่นี่ค่ะ"เมื่อรู้ว่าสร้างความลำบากใจให้กับเขา นิรมลก็เลือกที่จะพูดในสิ่งที่ควรพูด เพราะตอนนี้เธอกำลังปฏิบัติหน้าที่ และเขาก็คือคนไข้ คงไม่เหมาะถ้าจะคุยเรื่องอื่นที่นอกเหนือจากอาการป่วย ต่อหน้าพยาบาลและนักศึกษาฝึกงาน ที่ตามมาจดรายละเอียดการรักษา หญิงสาวเลือกที่จะเก็บความห่วงใยเอาไว้ในใจ
"หมอครับ...ผม"
"ไม่เป็นไรค่ะ หมอเข้าใจ ตอนนี้ทุกอย่างปกติค่ะ แต่หมออยากให้คุณนอนโรงพยาบาลสักคืน เพื่อดูอาการอย่างอื่น ถือว่ามาเปลี่ยนบรรยากาศนะคะ ที่โรงพยาบาลอาหารอร่อยค่ะ"คำพูดทีเล่นทีจริงที่คุณหมอสาวส่งมา เรียกรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาได้อีกนิด
"ขอบคุณนะครับ"น่านนทีขอบคุณ เมื่อหมอตรวจอาการของเขาเสร็จเรียบร้อย
"ช่วงบ่ายนิจะแวะมาดูอาการอีกครั้งนะคะ"ก่อนย้ายไปตรวจคนไข้ห้องอื่น นิรมลก็ทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่เป็นกันเอง เพราะสนิทกับคนป่วยระดับหนึ่ง น่านนทีพยักหน้ารับ ล้มตัวลงนอน ตาคู่คมมองตามแผ่นหลังบางไปจนลับตา ชายหนุ่มรู้ว่านิรมลรู้สึกยังไงกับเขา แต่เขาก็ให้เธอได้แค่ความเป็นเพื่อนเท่านั้น
..............................................................................................
"คุณธารรอพี่ด้วยค่ะ!"เสียงที่ตะโกนมาจากด้านหลัง ทำให้เท้าที่กำลังวิ่งไปตามชายหาดชะลอลง ร่างบางยังคงวิ่งไปเรื่อยๆ เมื่อนึกถึงหน้าใครคนนั้นขึ้นมา อยู่ๆก็รู้สึกกังวล ทั้งๆที่รู้ว่ารถมูลนิธิพาเขาไป โรงพยาบาล ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
"จะมาทำไมคะ"นารีถามเมื่อวิ่งมาทันนายสาว
"ไม่รู้สิคะ แค่อยากมาดู"สายธารตอบพี่เลี้ยงไปตามความรู้สึก
"พี่นิ่มว่าเขาเป็นยังไงบ้างคะ"
"ไม่ทราบสิคะ ขอให้ปลอดภัยก็แล้วกัน พี่ว่าคุณธารเลิกกังวลเถอะค่ะ เขาเป็นใครก็ไม่รู้"นารีเตือนนายสาว เมื่อเห็นสิ่งที่หญิงสาวกำลังเป็น เมื่อคืนสายธารก็นอนไม่หลับเพราะห่วงเขา ตอนเช้าก็ออกมาดูแล้ว ตอนสายยังจะมาอีกหรือ
"ธารก็ไม่ทราบเหมือนกัน ว่าทำไมต้องห่วงเขา คงเป็นเพราะว่าเราช่วยเขาไว้มั้งคะ ขอให้พระคุ้มครองให้เขาปลอดภัยด้วยเทอญ"มือบางพนมขึ้น พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้พระคุ้มครองเขา ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่เธอก็ห่วงใย ตากลมโตมองไปยังท้องทะเลที่กว้างไกล วันนี้เธอต้องเดินทางกลับลำปาง โอกาสที่จะได้เจอกันคงไม่มีอีกแล้ว เพราะเธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน แล้วทำไมถึงได้คิดสั้นฆ่าตัวตาย
สิงห์ถอนหายใจเมื่อความซวยมาเยือน จะเดินหนีก็ใช่ที่ ไหนๆก็เป็นคนพาพวกเธอมา ช่วยสักครั้งจะเป็นไรไป เพิ่งเจอกันครั้งแรก ไอ้ธงชัยคงไม่พิศวาสถึงขนาดฆ่าเขาทิ้งหรอกมั้ง ร่างสูงใหญ่ขยับเข้าไปใกล้วงล้อมอีกนิด โดยมีน่านนทีตามไปอีกคนสายธารเหมือนโดนมนต์สะกด ตากลมโตไม่ล่ะจากใบหน้าคมเข้ม เธอแน่ใจแล้วว่าเขาคือผู้ชายที่ทะเลจริงๆ โลกกลมจนน่าตกใจ"ไอ้สิงห์! ไอ้น่าน!"ธงชัยเอ่ยชื่อคนมาใหม่ ก่อนจะกัดกรามด้วยความโมโห หมูกำลังจะหามดันเอาคานมาสอด"ฉันบอกให้รอที่รถ เดินมาทำอะไรตรงนี้"น่านนทีเอ่ยเสียงเข้ม เมื่อต้องเล่นไปตามบท สองคนนี้บ้านอยู่ท้ายไร่เขา ไม่แปลกถ้าเธอจะติดรถเขามาตลาดด้วย"มึงพาสองสาวนี้มาเหรอ"ธงชัยถาม เขาเองก็สังเกตเห็นอาการของเธอที่ดีใจเมื่อเห็นหน้าน่านนที จนออกนอกหน้า"ใช่ ขอติดรถกูมาซื้อของ ถ้ารู้ว่าวุ่นวายขนาดนี้ กูไม่พามาหรอก"น่านนทีพูดขึ้น สองสาวหน้าตึง "ฉันมากินก๋วยเตี๋ยว"สายธารตอบ "ไม่ต้องกิน ฉันจะกลับแล้ว"น่านนทีพูดเสียงเย็น สายธารกลืนน้ำลายลงคอ เข้าใจว่าเขากำลังช่วย แต่จำเป็นต้องโหดและนิ่งขนาดนี้เลยหรือ ดูก็รู้ว่าเขาไม่พอใจ และรำคาญพวกเธอ"หลีกทางให้น้องเขาสิ แล้วพี่จะไปหาที่ไร่นะคร
"หลานตาชุบ มัคนายกที่บ้านอยู่ท้ายไร่ไอ้น่านนะเหรอ"ภูชิตถามต่อ เมื่อสองสาวเดินผ่านไป"เออ...ก็มีอยู่ชุบเดียวนั่นแหละ""สวยเนอะมึงว่าไหม""ก็งั้นๆ"คำพูดนี้น่านนทีเป็นคนตอบ จะว่าสวยก็สวย แต่จะดูให้ธรรมดาก็ธรรมดา เขาเคยเห็นคนสวยมาเยอะ ระดับนางงามก็เคยเจอมาแล้ว"มากันสองคน กล้าหาญจริงๆ""หน้าตาแบบนี้ ถ้าไอ้ธงชัยเห็นคงไม่รอด"คำว่าธงชัยทำให้คิ้วเข้มกระตุก มือแกร่งยกแก้วสาดเหล้าลงคอ ใครจะชอบไม่ชอบใคร ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาสองสาวกลายเป็นหัวข้อสนทนาของสี่หนุ่ม เมื่อยิ่งพูดก็ยิ่งสนุกปาก จะมีก็แต่น่านนทีคนเดียวที่นั่งฟังเงียบๆ เพราะผู้หญิงกลายเป็นของแสลงสำหรับเขาไปแล้วอีกด้านของตลาด ธงชัยกับพรรคพวก ก็สนใจคนแปลกหน้าเช่นกัน ข้อมูลที่ได้มาจากลูกน้อง ทำให้รู้ว่า สาวแปลกหน้าเป็นหลานตาชุบ "สวยนะพี่"ลูกน้องคนสนิทกระซิบที่หูเจ้านาย เมื่อสองสาวเดินมาทางนี้"อืม..."ธงชัยขานรับในลำคอ สายตาจับจ้องไปยังใบหน้าของผู้หญิงทั้งสอง ก่อนจะไปหยุดที่ใบหน้าขาวเนียน ของคนที่ผิวขาวกว่า"คนหลังน่าจะอ่อนหวานเอาใจเก่ง"เหล้าในมือ ถูกกลืนลงคอ เมื่อเลือกคนที่ถูกใจได้แล้ว"ไปทำความรู้จักกันหน่อย"ชายหนุ่มลุกขึ้นจากโต๊ะ เมื
เสียงไก่ขันที่ลอยมาตามลม ปลุกคนที่เพิ่งงีบหลับไปเมื่อตอนค่อนคืนให้ตื่นขึ้น สายธารลืมตา เมื่อคนที่นอนข้างๆขยับตัว "ไปไหนคะ""คุณธาร พี่ทำให้คุณธารตื่นหรือเปล่า"นารีพูดอย่างสำนึกผิด"พี่นิ่ม!"สายธารเสียงดัง เมื่อนารียังใช้ถ้อยคำเดิมๆพูดกับเธอ"ขอโทษค่ะ พี่ลืม""แล้วจะไปไหนคะ""พี่จะไปดักรถกับข้าวค่ะ ลุงแกว่ารถจะมาตีสี่ จะได้ถามชาวบ้านด้วยว่าตลาดไปทางไหน ธารนอนต่อนะ เดี๋ยวพี่มา""ธารไปด้วยค่ะ"สายธารพูด พร้อมกับมุดมุ้งตามออกมานารีขี่จักรยานโดยมีสายธารนั่งซ้อนท้าย โชคดีที่ลุงชุบทิ้งไฟฉายไว้ให้ เธอจึงมีไฟส่องทาง ตากลมโตมองไปรอบๆบริเวณ ที่มีดวงไฟสีส้มเป็นจุดๆ "ตรงที่มีไฟน่าจะเป็นบ้านคนนะ"สายธารพูด เมื่อสังเกตรอบๆ"นั่นสิพี่ก็ว่าใช่"นารีเห็นด้วย ลมหนาวพัดมากระทบผิว ทำให้สายธารคิดถึงบ้าน ที่บ้านอากาศตอนเช้าก็หนาวแบบนี้ แต่เธอไม่เคยออกจากบ้านในสภาพนี้เลยสักครั้ง ถ้าจำเป็นต้องไปทำกิจกรรมที่มหาวิทยาลัย ก็จะมีคนขับรถไปส่งเสมอ "นั่นใช่ไหมรถกับข้าวที่ว่า"นารีชี้มือไปด้านหน้า ที่มีคนกลุ่มหนึ่งยืนมุงรถกระบะ"น่าจะใช่นะ"สองสาวปั่นจักรยาน มาจอดบริเวณที่รถขายกับข้าวจอดอยู่ แล้วพากันไปเลือกซื้อกับข้
เมื่อความมืดโรยตัว ความเหงาก็เข้าเกาะกุมหัวใจ ร่างบางนั่งกอดเข่าอยู่หน้าบ้าน ตากลมโตมองดวงดาวบนท้องฟ้า น้ำตาพากันไหลลงมาเป็นสาย "คุณปู่ขาธารคิดถึงคุณปู่"หญิงสาวพูดกับตัวเอง เมื่อตระหนักได้ว่า ที่พึ่งเดียวในชีวิตได้จากเธอไปแล้ว "คุณธารมานอนได้แล้วค่ะ พี่นิ่มผูกมุ้งให้แล้ว โชคดีนะคะหนูไม่กัดพวกผ้าห่ม เหม็นสาบหน่อยแต่ใช้ได้"นารีเดินออกมาจากตัวเรือน หญิงสาวหยุดอยู่กับที่ เมื่อเห็นนายสาวกอดเข่าร้องไห้"คุณธาร ร้องไห้อีกแล้ว"นารีนั่งลงข้างๆ "พี่นิ่ม ธารคิดถึงคุณปู่ คิดถึงบ้าน"สายธารบอกกับนารี เมื่อซบลงบนไหล่พี่เลี้ยงสาว"พี่เข้าใจ ร้องออกมาเถอะค่ะ ร้องออกมาให้หมด""ธารพยายามจะเข้มแข็งแล้ว แต่ธารทำไม่ได้ ขอให้ธารร้องอีกครั้งนะคะ ธารสัญญาว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย""ไม่ต้องสัญญาค่ะ น้ำตาคือเพื่อนที่ดีที่สุด คุณธารอยากร้องก็ร้อง ร้องออกมา คนเข้มแข็งก็ร้องไห้ได้ค่ะ""ทำไมธารต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยคะ เวรกรรมอะไรของธาร""ไม่ใช่เวรกรรมหรอกค่ะ ไอ้สนิทมันเลว ต่อให้เราไม่เป็นหนี้มัน สักวันมันก็ต้องหาเรื่องมาเอาตัวคุณธารไปอยู่ดี"นารีกำหมัดแน่น เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ พ่อเลี้ยงสนิทจ้องสายธารมาตั้งแต่อายุ 15
ทองชุบที่ป้านวลแนะนำมา แท้จริงแล้วเป็นพี่ชายของป้านวล และก็ไม่ได้เป็นสัปเหร่ออย่างที่ผู้ชายคนนั้นบอก ลุงทองชุบเป็นมัคนายกวัดอย่างที่สองสาวเดาไว้ตั้งแต่ตอนแรก เมื่อแนะนำตัวและบอกที่มาที่ไปของเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ลำปาง ทองชุบก็ถอนหายใจ แล้วมองหน้าสองสาวที่หนีร้อนมาพึ่งเย็น แล้วคิดหนัก ทุกวันนี้ตัวเขาเองก็ไม่มีอาชีพอะไร อาศัยทำงานในวัด เพื่อแลกข้าวก้นบาตรไปวันๆ กินนอนที่วัด จะรับสองคนนี้ไว้ก็ไม่สะดวก ครั้นจะปล่อยไปก็ไม่ได้ เมื่ออ่านจดหมายที่ป้านวลฝากมา ก็เข้าใจความจำเป็นทั้งหมดทั้งมวล"ธารกับพี่นิ่มไม่รบกวนแล้วค่ะ ขอบคุณลุงมากนะคะ"สายธารพูดขึ้น เมื่อเห็นความลำบากใจในดวงตาของชายวัยกลางคนที่มองมาที่เธอ การที่จะรับคนแปลกหน้ามาอยู่ด้วย ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาต้องคิดมาก "ใช่จ้ะแค่นี้ก็รบกวนลุงมากแล้ว"นารีเห็นด้วยกับสายธาร แค่ทองชุบรับฟังเรื่องราว หาข้าวหาน้ำให้พวกเธอกิน ก็มากพอแล้ว เธอคงไม่รบกวนไปมากกว่านี้"แล้วพวกเอ็งจะไปไหนกัน"ทองชุบถาม อดรู้สึกห่วงไม่ได้ ผู้หญิงมากันตามลำพังย่อมไม่ปลอดภัย"พวกฉันก็ยังไม่รู้จ้ะ"นารีตอบไปตามความจริง ตอนนี้พวกเธอสิ้นไร้ไม้ตอก ไม่มีที่ไหนให้พึ่งพา บ้านที่
นารีปัดสิ่งที่กวนใจออกจากไหล่ เมื่อมันรบกวนเวลานอนของเธอ มือบางฟาดหนักๆลงไปบนสิ่งนั้น เมื่อมันยังกวนเธอไม่เลิก"นี่เธอสองคนน่ะ ตกลงจะนอนใช่ไหม"สิงห์เรียกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เมื่อเรียกสองสาวมาสักพักหนึ่งแล้ว แต่ทั้งสองไม่มีทีท่าว่าจะตื่น "เสียเวลาฉิบ!"พูดอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะเบื่อหน่ายสองคนนี้เต็มทน"นี่ยายขี้เซา ตื่นได้แล้ว!"ชายหนุ่มตะโกนใส่หูหญิงสาวคนที่นั่งใกล้เขา ไม่ได้ผล แทนที่เธอจะตื่น กลับผลักหน้าเขาออก แล้วหันไปอีกทาง เพื่อหนีจากสิ่งรบกวน คนที่นั่งข้างประตูก็เช่นกัน หัวที่พิงบานประตูหมุนกลับมาพิงกับหัวคนที่ขยับหนีเขา เป็นตำแหน่งที่เหมาะจริงๆ สองสาวหันหัวมาชนกัน แล้วหลับต่ออย่างสบายอารมณ์"ซ้อมหรือตายไงวะ"สิงห์บ่นอย่างหัวเสียปริ๊น! ปริ๊น! ปริ๊นเสียงแตรรถที่ขับสวนมา ดึงความสนใจของสิงห์ไปจากสองสาว เมื่อชายหนุ่มหันไปคุยกับคนที่ตะโกนมาจากรถคันนั้น"กลับมาแล้วเหรอ ได้ของครบไหม!"น่านนทีตะโกนถาม เมื่อเห็นรถสิงห์ ชายหนุ่มนึกแปลกใจที่เห็นสิงห์จอดรถอยู่หน้าวัด"ครบ มึงจะไปไหน!"สิงห์ตะโกนตอบ แล้วถามกลับ"ไปเอาต้นกาแฟที่ไร่ไอ้เพชร ไปไหม!""เดี๋ยวตามไป!"สายธารปรือตาขึ้น เมื่อได้ยินเสีย