Shoujai Chutimon : โหน มารึยัง
ฉันจ้องมองไปทางโทรศัพท์ที่ไม่มีวี่แววว่าโหนจะตอบกลับมาพร้อมกับมุ่นคิ้วอย่างร้อนใจ ฉันยืนรออยู่บนตึกนานจนเพื่อนๆ เลิกคลาสลงไปนั่งรถกลับเข้าบ้านกันหมดแล้ว ตอนนี้ก็พยายามติดต่อโหน แต่ไม่รู้เขาไปอยู่ไหน
ฉันไม่กล้าลงไปอ่ะ ทำไงดี ไม่อยากเจอหน้าพี่โอห์มด้วย ถ้าเขาเจอฉันมีหวังได้ชวนไปห้องอีกแน่
ฉันเข็ดกับพี่โอห์มแล้วจริงๆ นะ ถึงจะไม่เคยมีแฟน แต่ฉันก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าผู้ชายคนไหนควรอยู่ใกล้ ผู้ชายคนไหนควรห่างออกมา
แต่ฉันก็ไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะสุดท้ายฉันก็ติดต่อโหนไม่ได้สักที ก็เลยพ่นลมหายใจแล้วเดินคอตกลงจากตึก คงจะต้องใช้วิธีพูดตรงๆ ให้พี่โอห์มรู้แล้วว่าฉันเสียใจนะ ที่เขาบอกเลิก แต่ฉันจะมูฟออนตัวเองไปข้างหน้าให้ได้แล้วล่ะ
แล้วในระหว่างนั้นฉันก็คิดนะ
แล้วผู้ชายแบบไหนถึงจะดีล่ะ? ในเมื่อแบบพี่โอห์ม เพอร์เฟ็คขนาดนั้นก็ยังไม่โอเค
หรือจะต้องเป็นแบบ...
“ไอ้เหี้ย!! มึงมันไม่รักดี!”
ยังไม่ทันคิดอะไรได้จบดีฉันก็สะดุ้งโหยงหลังจากได้ยินเสียงตะโกนลั่น เซ็งแซ่เหมือนมีคนกำลังมีเรื่องกัน พอชะเง้อคอดูหน่อยก็เห็นว่ามีคนชกต่อยกันอยู่หน้ารั้วมหาลัย แล้วเสื้อยืดกับรอยสักที่คุ้นเคยของใครสักคนในนั้นก็ทำให้ฉันเบิกตากว้าง
นั่นมันโหนกับพี่โอห์ม!
ฉันรีบวิ่งเข้าไปดู แล้วก็ถูกกันออกไปจากฝั่งนักศึกษาแพทย์คนอื่นๆ ที่มุงดูพวกเขาทะเลาะชกตีกัน
วินาทีนั้นฉันได้ยินเสียงพวกเขาตะโกนใส่กัน ในขณะที่พี่โอห์มตบไปที่ใบหน้าโหนสุดแรง
เพี้ยะ!
“มึงเสียบต่อชูใจลับหลังกูเหรอไอ้เด็กเวร!!” โหนที่โดนตบไปไม่ตอบโต้ ฉันเบิกตาโตเมื่อจับใจความในสิ่งที่เขาคุยกันได้ชัดขึ้น หมายความว่ายังไง เสียบต่อชูใจคืออะไรอ่ะ?
ร่างสูงโปร่งของโหนเซไปก้าวนึง เขาเงยหน้าขึ้นมา มีรอยช้ำตรงมุมปาก แต่ดูเหมือนโหนจะไม่ยี่หระมันเลย
“เออ รู้งั้นแล้วก็อย่ามายุ่งกับเมียกูอีกละกัน” แต่นั่นก็ไม่น่าตกใจเท่าคำตอบของโหน “ดูก็รู้ว่าผู้ชายแบบมึงคงไม่ได้เข้าหาเธอด้วยวิธีดีๆ หรอกว่ะ แล้วมันจะทำไม ถ้าเกิดกูจะเป็นผัวของชูใจ”
“มึง...!!”
“กูรักชูใจมากกว่ามึงล้านเท่า ไอ้เหี้ย” เขาพูดแล้วทำเรื่องที่ฉันไม่เคยเห็นมาจากโหนมาก่อน เขาชูนิ้วกลางใส่พี่โอห์มอย่างหยาบคาย พี่โอห์มเหมือนจะเข้ามาปะทะทันที แล้วโหนก็จะพุ่งไปเหมือนกัน แต่โดนนักศึกษาผู้ชายห้ามไว้ทั้งสองฝั่ง
แต่ฉันนี่สิ ฉันนี่สิที่อึ้งไปเลย
ไม่ได้อึ้งที่โหนอ้างว่าเป็นสะ... สามีของฉันนะ แต่อึ้งที่โหนบอกว่า
เขารักฉันมากกว่าพี่โอห์มล้านเท่า
[พาร์ท : โหน]
ผมที่ถูกกันตัวออกไปมองเห็นชูใจที่ยืนหลบอยู่หลังนักศึกษาคนอื่นๆ ในวินาทีนั้น
ตอนนั้นเองที่หน้าผมชาไปหมด
เธอได้ยินทั้งหมด?
เราสบตากันข้ามจากฝูงนักศึกษาที่มุงดูผมกับไอ้เหี้ยนั่นทะเลาะกันเรื่องผู้หญิง ผมได้ยินเสียงไอ้เหี้ยโอห์มโวยวายว่าจะเรียกตำรวจแต่ไม่ได้สนใจ เอาแต่มองชูใจที่ทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เธอหลบตาผม แล้วเดินออกไปจากตรงนั้น
ใจผมเหมือนแหลกสลาย ไวกว่าแสง ผมสลัดคนที่ล็อกคอผมไว้แล้วเดินตามเธอไปทันที
ชูใจเดินจะออกจากประตูรั้วมหาลัย แต่ผมสับขายับไปคว้าแขนเธอเอาไว้ ก่อนที่จะดึงเธอให้หันหน้ามา
“...!”
สีหน้าของชูใจโคตรซีด ผมเห็นว่างั้น มันแปลว่าเธอได้ยินทุกอย่างแล้วจริงๆ ว่ะ
ความลับที่ผมเก็บมาหลายปีแตกเพราะผมฟิวส์ขาดจากไอ้เหี้ยนั่น
เราเงียบกันไปทั้งคู่ ผมยังคงกำข้อมือเธอแน่น ในขณะที่ชูใจก้มหน้างุดไม่ยอมมองหน้าผม
“ได้ยินหมดแล้ว?”
“อะ... อื้อ” เธอพยักหน้ารับ แล้วผมก็ลูบหน้าตัวเองแรงๆ
ไอ้เหี้ย
“เออ ความลับแตกล่ะ เราบอกตรงนี้ก็ได้” สุดท้ายผมก็ยอมรับ โอเค ที่ผ่านมาผมเอาแต่ขี้ขลาด ผมเอาแต่แอบมองเธอมาหลายปี ไม่เคยคิดจะบอกความรู้สึกให้เธอรู้ แต่ตั้งแต่นี้ ไหนๆ เธอแม่งก็รู้แล้ว ผมจะซื่อตรงกับใจตัวเอง
ใจที่แม่งรักเธอเหี้ยๆ
“เรารักเธอ... มาตั้งนานแล้ว” มือที่กำข้อมือเธอไหลลงมาที่ฝ่ามือเล็ก ผมลูบท้ายทอยตัวเองอย่างเขินๆ ตอนที่ประสานมือเข้ากับมือเธอแน่น “คบกับเราได้มั้ยวะ”
“...”
“เชื่อเรา เราจะเป็นผู้ชายธรรมดาคนนึงที่รักเธอมากกว่าผู้ชายคนอื่นเป็นล้านเท่า”
โอเค กูบอกไปแล้ว พูดแม่งออกไปแล้ว
ชูใจนิ่งไป เธอก้มหน้าลงมองมือผม ไล่ขึ้นมามองหน้าผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ ผมนี่แม่งโคตรลุ้น ลุ้นคำตอบในใจเธอ
แต่แม่งก็เป็นไปได้ยากหน่อย สำหรับเรา
“ระ เรายังไม่แน่ใจ” ร่างเล็กพูดเสียงเบาหวิว ใบหน้าของเธอที่แสดงออกต่อหน้าผมนั้นดูหวาดกลัวจนเกินจะคาดเดาได้ ผมเบิกตากว้าง มือที่ประสานมือเข้ากับมือเธอถูกปล่อยออกโดยอัตโนมัติ
ใช่ มือของคนไม่มีสิทธิ์
“ทำไม”
“โหน” ชูใจเรียกชื่อผม และคำต่อไปที่ออกจากปากเธอ “เราเป็นเพื่อนกันนะ เราเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว”
“...”
“เราไม่สามารถมองโหนเป็นแบบอื่นนอกจากเพื่อนได้เลย”
ใจผมตอนนั้นแม่ง
เจ็บ เจ็บแบบโคตรบรรยายไม่ถูก
ในใจผมนึกโทษตัวเองที่พูดช้าไป บอกเธอช้าไป ตาขาวมาเป็นปีๆ ไม่ยอมบอกว่ารักเธอมาตั้งแต่ต้น
แต่ในขณะเดียวกันผมแม่งก็ไม่เข้าใจ ไม่เก็ทฟิลชูใจ
คนที่รักเธอมากกว่าผมอ่ะ แม่งไม่มีบนโลกนี้แล้วเว้ย
ทำไมวะ หรือเพราะผมสักเหรอ เพราะผมแม่งดูไม่มีอนาคตเหรอ ดูเด็กแว้นไป หรือทำไม? หรือเพราะผมมันไม่หล่อ ไม่มีกล้าม ไม่ขาวโอโม่ ไม่รวยเหมือนเขา
ผู้หญิงแม่งก็คงมองแค่นี้จริงๆ สินะ
“เธอแม่งไม่เปิดใจให้เราว่ะ” ผมจะเอื้อมมือไปดันไหล่เธอ แต่ไม่กล้าพอ เลยทำได้แค่กำหมัดไว้ข้างตัว “เธอแม่งก็เห็นเราเหมือนกับคนอื่นๆ เธอแม่งก็คงคิดอ่ะดิชูใจ ว่าเราดูไม่มีอนาคต”
“...”
“เธอเห็นเราเป็นแค่เพื่อนใช่ปะ”
“...”
“ได้เลย”
ชูใจทำหน้าเหวอเมื่อผมคว้าไหล่เธอไว้แล้วบีบแน่น อารมณ์ผมตอนนี้คงเหมือนคนพาล คนที่ไม่สมหวัง อกหักในเรื่องรักจากผู้หญิงที่รักสุดหัวใจ ผมคิดว่า ถ้าผมเลวเหมือนมัน เหมือนไอ้เหี้ยโอห์ม ผมคงจะได้ครองใจเธอ
มันเป็นความคิดเหี้ยๆ เพราะพอผมคิดงั้น ผมก็ดึงชูใจเข้ามากอดต่อหน้าทุกคน กอดไว้แน่น แน่นจนเหมือนจะไม่ให้เธอหนีหายไปไหนได้อีก
ถ้าบรรยายความรักที่ผมมีต่อชูใจ ผมรักเธอมาก เกินกว่าที่ผู้ชายคนนึงจะมีให้กับผู้หญิงคนนึง ผมพยายามทำทุกอย่างเพื่อเธอ จนในคืนที่ผมเกือบสมหวัง ผมยังรั้งตัวเองไว้เพราะผมรักเธอ
แต่ชูใจไม่ชอบกู
ก็โอเค
“หะ... โหน” ชูใจหน้าตาตื่นเมื่อผมผละออกแล้วคว้ามือเธอจูงให้เดินไปที่รถ “โหน จะทำอะไร”
ผมไม่พูดอะไร ตาขวางจนน่ากลัว พอมองไปทางชูใจเธอก็เงียบปากสงบคำ ชูใจไม่เคยสัมผัส ไม่เคยรู้ว่านานๆ ทีที่ผมโมโหมันรุนแรงพอตัว แล้วเมื่อก่อนอดีตผมมันก็ไม่ได้ดี ผมเคยเหี้ยมาก่อน แต่พยายามดีขึ้นพอมาเจอเธอ
ถ้าให้ผมเล่า คงต้องให้ดูท่าทางเพื่อนแต่ละคนตอนที่ผมพาเธอไปร้านเหล้าตอนนี้
ใช่ ผมจะพาชูใจไปร้านเหล้า
ตลอดทางที่ขับมา ผมเร่งความเร็วรถเพราะคิดไรในใจมากมาย แล้วดูเหมือนชูใจจะกลัว เธอกำชายเสื้อผมไว้ในขณะที่นั่งท่าผู้หญิงเพราะไม่กล้ากอดผม
“เหี้ยเอ้ย”
ผมสบถออกมา น้ำตาไหลตอนที่ขับ ความเจ็บในวันนี้มันโคตรสุดเลยจริงๆ
แต่พอถึงร้านผมก็ขยี้ตาเอาน้ำตาออก หน้าผมดูไม่ได้ตอนที่กวาดขาลงจากรถมอเตอร์ไซค์ เห็นชูใจไม่ยอมลง เธอมองผมอย่างไม่เข้าใจ
“... โหน พาเรามาที่นี่ทำไม?”
เธอถาม แต่ผมไม่สนใจที่จะพูดพร่ำทำเพลงอะไร อุ้มเธอลงจากรถในขณะที่ชูใจมีท่าทีตกใจ เธอพูดไม่ออกตอนที่ผมจูงมือเธอให้เข้าไปข้างในร้าน
ผมกำลังทำสิ่งที่ผมไม่คิดจะทำกับเธอมาทั้งชีวิต
“เฮ้ย ว่าไงไอ้โหน” เพื่อนผมทักขึ้นมา ไม่มีอารมณ์จะแนะนำ แต่มันชื่อ ‘พัน’ เป็นเพื่อนที่ร่วมเป็นร่วมตายกับผมมาตั้งแต่เรียน ปวช. เป็นเพื่อนที่ผมบอกมันทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องที่ว่าผมรักชูใจมาตั้งแต่สมัยเรียน
แต่มีวันนี้ที่ผมไม่ได้บอกว่าผมคิดจะทำอะไร ที่รู้ถ้าไอ้พันเดาแม่งได้ สิ่งแรกที่มันทำก็คงจะ
ตบหน้าสักทีดึงสติผม
“พาชูใจมากินเหล้า” ผมพยายามไม่พลั้งคำว่าแดกกับเธอ เพราะชูใจไม่ชอบคำหยาบ แม้แต่ตอนนี้มือของเราที่จับกันแน่นก็ไม่ใช่มากกว่าเพื่อน ตอนนี้มันคงติดลบกว่านั้น
“หะ... โหน เราไม่กินเหล้านะ” เสียงร่างเล็กสั่นเครือ เธอคงยังไม่เข้าใจว่าผมคิดอะไรอยู่ ผมเลยหันไปสบตาเธอ
“อย่าพูดอะไร” ผมกำมือเธอแน่น “เราจะมากินเหล้าคนเดียว เธอไม่อยากกินก็นั่งเงียบๆ ไม่งั้นเราจะพูดเรื่องนั้น”
“เรื่องอะไรอ่ะ โหน นี่มันไม่ใช่แล้วนะ” เธอพูดขึ้นมาอย่างแตกตื่น “ถ้าเพราะว่าเราไม่รักโหนแล้วทำแบบนี้ เราว่ามันดูเอาแต่ใจไปนะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ”
ผมจี๊ดไปถึงใจ มองหน้าเธอเขม็งตอนที่ไอ้พันโพล่งขึ้นมา
“เฮ้ย เรื่องไรวะ มึงบอกไปแล้วเหรอว่ามึงชอบชูใจ”
“ไม่ต้องเสือก” ผมหันไปด่ามันตาขวางจนไอ้พันสงบปาก ก่อนที่จะคว้าข้อมือเธอขึ้นมา “เพื่อน?”
“...”
“ถ้าเพื่อนกันจริง เมื่อคืนมึงยอมกูทำไม!”
ชูใจนิ่งไป เธอนิ่งไปนาน ร่างเล็กมองผมอย่างไม่เชื่อหู ในขณะที่ผมรีบเอามือมาปิดปากตัวเองไว้แน่น
พูดเหี้ยไรออกไปวะ ไอ้เหี้ยเอ้ย
“... เมื่อกี้ว่าอะไรนะโหน?” ชูใจครางถามขึ้นมาเสียงแผ่ว เธอคงยังสับสน ในขณะที่ผมหันมองไปทางไอ้พัน เห็นว่ามันเบิกตากว้าง
เวร
ผมสบถในใจ ผละมือออกจากมือเธอ ก่อนที่จะหลบตาเธอไป
“ไม่มีไร”
“โหน” ชูใจเรียกชื่อผม ท้ายประโยคเธอกระซิบเสียงเบาราวกับจะอาย เธอเหมือนจะรู้แต่ไม่กล้าพูดด้วยซ้ำว่า ‘ยอม’ ที่ผมหลุดปากหมายถึงยอมประเภทไหน “พูดออกมาสิ หมายถึงเมื่อคืนใช่มั้ย เมื่อคืนที่โหนมาหาเราที่ห้อง”
“บอกว่าไม่มีไรไง” ผมพยายามโกหกอย่างขี้ขลาด แต่ชูใจที่เรียนหมอมักจะฉลาดกว่าผมเสมอ
“โหน!” ชูใจร้องออกมาราวกับไม่เชื่อ “เราเป็นเพื่อนกันนะ”
“...”
“เป็นเพื่อนกันมาหลายปีแล้วด้วย”
“...”
“ทั้งที่โหนบอกเราเอง ว่าพี่โอห์มเป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้” เธอเม้มปาก มองผมพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอ “แต่ตอนนี้เราว่าโหนมากกว่า... ที่ไว้ใจไม่ได้”
ผมจุก เงยหน้าขึ้นมองเธอเหมือนกับจะพูดอะไรออกมาทั้งที่มันไม่มีประโยชน์ แต่ชูใจก็สะบัดมือออกแล้วเดินหนีออกไปจากร้าน
ทำให้เธอเกลียดขี้หน้าแล้วดิ
“เฮ้ย ไอ้โหน” เพราะพิษอกหัก ผมเซลงไปพิงกับโต๊ะเหล้าจนไอ้พันต้องเรียกชื่อ ผมกัดฟันแน่น รู้สึกเจ็บมากกว่าที่เคยเป็นจนน้ำตาไหลออกมา ไหลลงมาพร้อมกับความรักตลอดหลายปีที่สลายหายไปเหมือนฝุ่น
ปกติผมเป็นคนร้องไห้ยาก โคตรยาก ขนาดตีรันฟันแทงจนได้แผลเหวอะกลับมาบ้าน โดนพ่อตบหน้าสั่น ผมยังไม่ร้องสักแอะ
แต่กับผู้หญิงคนเดียว ทำไมมันแม่งรู้สึกนักวะ
“ตกลงยังไงวะ มึงไปบอกชูใจตอนไหนว่ามึงชอบเขา” พอเห็นว่าไอ้พันถามเหมือนยังไม่เชื่อผมก็ขยี้ตาเช็ดน้ำตาออก “มึงไปทำอะไรชูใจวะ ทำไมมึงถึงใช้คำว่ายอม ไอ้โหน?”
“เมื่อคืนกูเมา เขาเมา” ผมพลั้งสารภาพออกไป
“ไอ้เหี้ย” มันสบถออกมาทันที พูดแค่นี้ก็คงรู้แล้วว่ายังไง “มึงทำแบบนี้ได้ไงวะ หน้าตัวเมียสัสๆ เลยไอ้ชิบหาย”
“เหล้าหน่อย กูอยากแดกเหล้า” ผมโพล่งขึ้นมา ไม่สนใจคำครหาจากแม่งแล้วคว้าขวดเหล้ามาตรงหน้า หงส์ทอง ก็ดี ให้แม่งเมาจนตาย
“ไอ้โหน มึงควรตามชูใจไปขอโทษเขา ไม่ว่ามึงจะทำไปยังก็แล้วแต่”
“...”
“มึงเสียเวลาชีวิตรักเขามาเป็นปีๆ มึงจะมายอมแพ้เพราะแค่ความเงี่ยนจนพลาดของมึงเองเหรอวะ”
“มึงคิดเหรอวะ ว่าถึงกูไปขอโทษเขา เขาจะรักกูขึ้นมา” ผมแค่นหัวเราะ “กูมันก็เป็นได้แค่เพื่อน คืนนั้นกูเมา มันเหมือนฝัน แต่กูก็ต้องตื่นไง”
“...”
“กูมันไม่ใช่ผู้ชายที่ใครก็อยากเอาเป็นแฟน”
เอาจริง ผมมันก็แค่ไอ้พวกผู้ชายขี้แพ้ที่ดีแต่โทษสิ่งรอบข้าง โทษเธอ โทษตัวเองว่ามันไม่มีเหี้ยไรดี สิ่งที่ผมมั่นใจว่ามีต่อเธอคือความรัก แม่งเป็นรักจริงๆ เว้ย เป็นรักที่กูอยากให้เธอรับรู้
ผู้หญิงสวยแบบชูใจ สวยๆ น่ารักแบบนั้นอ่ะ มีเป็นร้อยบนโลก
แต่เชื่อดิ
ในสายตาผมมันมีแต่เธอจริงๆ
“มึงแม่งขี้แพ้ว่ะ” ไอ้พันจะตบหัวผมอย่างผิดหวัง แต่ผมหลบทัน พอดีรู้จังหวะเพราะเคยเรียนมวยมาก่อน “ขี้แพ้สัสๆ”
“เออ กูมันไอ้ขี้แพ้” ผมแค่นหัวเราะ ยอมรับความอ่อนแอ
รอบตัวเราตกอยู่ในความเงียบ ผมไม่พูดไร ไอ้พันก็ไม่พูดไร ผมกับมันนั่งกระดกเหล้าลงคอเงียบๆ ในร้าน ในขณะที่ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงคนคุยกันข้างๆ โต๊ะ
“โห่พี่ จะโทรมาทั้งที โทรมาถามเรื่องที่ให้ผมไปตามผู้หญิงมาให้พี่จัดเนี่ยนะ พี่แม่งไร้น้ำยาขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
ผมผงกหัวไปทางฝั่งที่ไอ้นั่นพูด รู้อยู่ว่ามันไม่ใช่เรื่องดี เห็นว่าเป็นพวกผู้ชายหน้าตาดีสามสี่คนนั่งแดกเหล้าอยู่ที่โต๊ะฝั่งขวา มันกำลังคุยโทรศัพท์กับปลายสายที่เดาทางได้ว่าคงเป็นลูกพี่เหี้ยๆ
“อย่าเพิ่งด่าดิ ก็เมื่อกี้เห็นเดินมากับไอ้ขี้ก้างดูเหมือนพวกติดยาไม่มีการศึกษาอ่ะพี่” มันหัวเราะ ผมชะงักนิดหน่อย ตอนที่กระดกเหล้าเข้าคอ “อะไรวะ ผัวน้องคนนั้น? เชี่ย ขำ”
ตอนนั้นเหมือนพวกมันเงยหน้าขึ้นมองผมที่จ้องมันอยู่ พอเห็นว่าผมมองอยู่มันก็ฉีกยิ้มอย่างหยามๆ
“เออ พี่แม่งดีกว่าเยอะไอ้สัส” มันหัวเราะลั่นกันสี่คน “กูให้คนตามไปแล้ว พี่รอเหอะ อ้อยเข้าปาก ไอ้นั่นก็แค่ตัวประกอบ”
“...”
“ผู้หญิงที่ชื่อว่าชูใจไรนั่นมันต้องเป็นเมียพี่อยู่แล้ว”
ชูใจ?
พอได้ยินชื่อของเธอ ผมเบิกตากว้าง ชะงักที่จะเทเหล้าใส่แก้ว หลังจากที่แอบฟังมาสักพัก เรื่องที่ผมสังหรณ์ไว้ก็เป็นจริง
มันไม่ใช่ว่าจะมีคนชื่อชูใจอยู่เกลื่อนบนโลกอยู่แล้ว
พวกแม่ง
ไวกว่าความคิด ผมจับปากขวดหงส์ทองไว้แน่น ก่อนที่จะเขวี้ยงไปทางโต๊ะมันสุดแรง
เพล้ง!!
“เฮ้ย!!” พวกมันวงแตกทันที ลุกขึ้นชี้หน้าด่าผมที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ในขณะที่ไอ้พันเองก็เหมือนรู้กันเพราะเรานั่งเงียบทุกอย่างเลยชัดขึ้น ผมเป็นพวกไม่ยุ่งเกี่ยวกับการใช้กำลัง เพราะก่อนหน้านั้นผมทำเพื่อชูใจมาตลอด อดทนตลอด ผมยอมทิ้งสันดานหยาบเพื่อเธอ “มึงทำเหี้ยไรวะไอ้สัส!!”
ผมพยายามเป็นคนดีมีการศึกษาไม่เข้ากับลุคเพื่อเธอ แต่ถ้าสุดท้ายเธอไม่เอา ไอ้คำว่าคนดีที่ผมทำมาทั้งปีโดนเขี่ยทิ้ง ผมแม่งก็จะไม่เป็นคนดีเหี้ยไรให้เธอทั้งนั้น
กูก็แค่จะเป็นคนชั่วที่รักเธอเท่าชีวิต
“ถ้าพวกมึงแตะชูใจแม้แต่ปลายเล็บ” ผมถ่มน้ำลายลงพื้น เส้นเลือดที่คอขึ้นเป็นริ้ว
“...”
“กูเอาเลือดหัวพวกมึงออกแน่”
“เฮ้ย ไอ้เด็กติดยามันพูดงี้ว่ะ” พวกมันหันไปยิ้มเยาะให้กัน ผมจ้องพวกมันนิ่ง ก่อนที่คนที่พูดที่ดูเหมือนจะเป็นหัวโจกของอีกฝั่งจะเดินมากระชากคอเสื้อผม “มึงอย่าห้าวให้มากไอ้เด็กเวร พวกกูมีถึงสี่แต่มึงมีสอง รู้อยู่ว่าใครเหนือ”
“...”
“มึง แม่งไม่ตอบว่ะ” มันหันไปพูดกัน ก่อนที่จะหันมาฉีกยิ้มให้ผม “แน่นักเหรอมึง สักทีมั้ย แล้วที่ไปยุ่งกับหญิงพี่กูมึงคิดว่ามึงเป็นใครไอ้สัส”
“...”
“ถามก็ตอบดิวะ”
“อะ!” เธอหลุดครางเสียงดังนิดหน่อยเมื่อผมดูดดึงหน้าอกเธอผ่านผ้า ผมไม่อยากถอดอะไรในตัวเธอออก เพราะตอนนี้ถึงมันจะมืดมาก แต่ก็เป็นที่สาธารณะ แม้ว่าผมจะแทบทนไม่ไหวแล้วก็ตามผมดูดจนผ้าเธอเปียกน้ำลาย เห็นรอยยอดอกสีชมพูเข้มจางๆ ที่ดูเหมือนจะเข้มกว่าตอนที่เป็นแฟนกันเพราะเธอมีลูกแล้ว ผมจูบปากชูใจอย่างดูดดื่ม แลกลิ้นให้กัน ในขณะที่จะกัดปากเธอจนห้อเลือด“อื้อ โหน” เธอครางแล้วเริ่มจูบผมตอบกลับมา ผมถูกเธอผลักจนกึ่งนั่งกึ่งนอน ชูใจที่ถูกเลิกเสื้อจนเห็นชั้นในถอดเสื้อผ่าหลังออกทางศีรษะ แล้วขึ้นคร่อมผมอย่างใจกล้า “... จะไม่ให้ไปไหนแล้วนะ”เธอพูดแบบนั้น ผมจ้องหน้าเธอ เวลาผ่านไปเกือบปีชูใจเปลี่ยนไปขนาดนี้เชียวเหรอวะ ทั้งเซ็กซี่ ทั้งร้อน...“... อึก” ผมครางออกมาเบาๆ ในลำคอเมื่อถูกไล้ปลายนิ้วไปตามช่วงท้อง ชูใจเลิกเสื้อผมขึ้น ในขณะที่ใบหน้าจิ้มลิ้มก็เลื่อนมาดูดปากผมอย่างแนบแน่นเธอจูบเก่งจังวะ เคลิ้มเลยเนี่ย“อื้อ” แต่มือผมก็ไม่ปล่อยให้ว่าง ผมขยำหน้าอกเธอแรงๆ จนชูใจกระตุกนิดๆ เธอถูกผมต้อนจนมุมเหมือนอย่างเคย ในขณะที่ผมจะจงใจย้ำฝ่ามือลงหนักขึ้นแต่ใช่ เธอเองก็ร้ายใช่ย่อยมือเล็กๆ ของชูใจเลื่อนไปขยุ้มที่ใจกลาง
ฉันกลับมาแล้วล่ะจริงๆ ก็เพิ่งบินลงมาที่กรุงเทพเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี่เอง ฉันกลับมาพร้อมกับลูก อุ้มลูกบินข้ามน้ำข้ามทะเลจากญี่ปุ่นมาที่ไทย เพื่อกลับมาสู่ชีวิตเดิมๆ ที่เคยเป็นอยู่พ่อแม่ดูดีใจที่เห็นหลาน แม้ว่าเวลาเกือบปีจะทำให้พวกเขาแทบไม่ค่อยเปลี่ยนไปก็ตาม แต่ไม่ได้บังคับอะไรฉันมากมายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อีกอย่างตอนที่ฉันตัดสินใจบินไปที่ญี่ปุ่นกับพี่ชาย ฉันเข้าร่วมงานการ์ตูน ออกบู้ทมากมายเพื่อปรับปรุงฝีมือตัวเองที่ทิ้งหายไปนาน โดยมีพี่ชุนคอยดูแลบำรุงฉันที่ท้องโตขึ้นเรื่อยๆ อยู่เสมอฉันไม่ใช่นักวาดการ์ตูนที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น แต่ก็พอมีคนรู้จักทั้งต่างประเทศ ญี่ปุ่น และประเทศไทย นามแฝงของฉันคือ ‘Peach’ฉันเริ่มทำงานด้วยการวาดสีน้ำขาย ก่อนที่จะปรับปรุงมาซื้ออุปกรณ์สำหรับวาดภาพในคอมพิวเตอร์ เม้าท์ปากกา โปรแกรมวาดรูปอะไรต่างๆ ที่ต้องซื้อมาอ้อ ฉันสักแบบมินิมอลเล็กๆ ตามจุดต่างๆ ของร่างกายด้วยนะ ขออนุญาตพี่ชายแล้วล่ะ มันก็ดูน่ารักดีเหมือนกัน มุมมองของฉันที่เคยมีต่อคนสักเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเลย ตั้งแต่มาคบกับโหน ฉันก็สนใจอะไรที่ตัวเองไม่ค่อยจะได้สัมผัสมากขึ้นอีกอย่างได้เรียนรู้แฟชั่นของญี่ปุ่
[พาร์ท : โหน]เป็นเกือบปีที่โคตรทรมานใช้ได้ถามว่าทำไมก็ตั้งแต่ที่ไปเคลียร์กับไอ้ลูกโชนวันนั้น มันก็ถอนหมั้นชูใจทันที แต่สาเหตุก็คงเพราะชูใจยังตั้งท้องกับผม ผมไม่รู้ว่ามันได้สารภาพเรื่องที่มันคบซ้อนหรือไม่ แต่ผมไม่สนเท่าไหร่ ขอแค่มันถอนหมั้นก็เป็นพอจะบอกว่าลูกทำให้ผมมีแรงผลักดันโง่ๆ ในเฮือกสุดท้ายก็ได้ และแม่งก็คงโง่จริงๆ เพราะหลังจากที่พ่อแม่เรียกชูใจมาคุยเรื่องที่ไอ้ลูกโชนถอนหมั้น ชูใจก็ตัดสินใจกลับต่างประเทศไปกับพี่ชายเธอ เห็นสายเพื่อนผมมันบอกมาว่าเธอจะอยู่ที่นั่นเป็นปีๆ จนกว่าจะคลอดลูก... ไม่รู้เธอจะกลับมาอีกมั้ยผมกระดกเหล้าลงคอ หลังจากวันนั้นก็ขอมาทำงานในร้านเหล้ากับพ่อ ทำมาได้เกินเกือบปีแล้วว่ะ แต่เป็นเกือบปีที่ผ่านไปได้อย่างยากลำบากผมไม่ได้เหนื่อยกับการรอคนที่ผมรัก เพราะตอนที่แอบรักเธอตอนสมัยเรียน ผมก็ทนมันได้เป็นปีๆแต่ความคิดถึงนี่ดิ มันผ่านยากมากว่ะผมนั่งคิดถึงเธอทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเวลาทำงาน เวลานอน ทุกวินาทีลมหายใจผมมีแต่ชูใจคนเดียวเท่านั้น ผมตัดสินใจเลิกยุ่งกับใครๆ เพราะผมจะกลับมาหาเธออย่างเด็ดขาดแต่เธอหายไปในที่ที่ไกลเกินเอื้อมถึง เอาตรงๆ ก็ไม่มีเงินตามเธอไปด้วย ไม
ผมมาดักรอไอ้ลูกโชนที่ร้านเหล้าเดิมๆ มาเพื่อจะคุยกับมัน เพราะถ้ามันยังคิดจะยื้อชูใจไว้ต่อไป ผมก็ไม่ไว้หน้าเหมือนกันผมเห็นว่ามันโอบเอวแฟนตัวจริงมาด้วยกัน ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่ผมค่อนข้างไม่คุ้นตา เธอสวย แต่คงไม่เท่าชูใจของกูผมยืนดูดบุหรี่รอ พวกมันเดินไปเต้นที่โต๊ะด้วยกัน ท่าทางกระหนุงกระหนิงทำให้ผมรู้สึกเดือดดาล เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอยากต่อยหน้ามันให้เละ แม้ว่าจากที่เคยสืบมา ตัวผมเองคงสู้กำลังมันไม่ได้ก็ตามจนมันย้ายมานัวเนียกันตรงจุดเดิม ผมเลยถือวิสาสะเดินไปขัด“ไอ้ลูกโชน” มันผละปากจากซอกคอของผู้หญิง ก่อนที่จะเลิกคิ้วมองผม ดูเหมือนไอ้ลูกโชนจะเมา“เหี้ยไร? มึงเป็นใคร” ผู้หญิงมองผมอย่างหวาดกลัว ผมแค่นหัวเราะที่มันเมามายจนจำหน้าผมไม่ได้ ก่อนที่จะผลักตัวหนาๆ ของมันจนเซไปทีนึง เพราะไอ้เวรนี่เมามากจนไม่มีสมรรถภาพจะพยุงร่างตัวเองได้เลย“กูมีเรื่องจะคุยกับมึง”“...”“ตัวต่อตัว”“มึงมีไรจะคุยกับกูวะไอ้ขี้ก้าง” ไอ้ลูกโชนพูดอย่างเหยียดหยาม มันมองหน้าผมที่จ้องหน้ามันกลับไปอย่างแน่วแน่ ผมเองก็พร้อมเหมือนกัน ถึงจะรู้ว่าสุดท้ายผมอาจจะสู้มันไม่ได้ก็ตาม“เรื่องชูใจ” ผมตอบไปสั้นๆ มันแค่นหัวเราะทันที“
“เราทนใช้ชีวิตที่ไม่มีเธอไม่ได้ว่ะ” ผมกัดฟันแน่น เขย่าไหล่เธอเบาๆ อย่างออมแรง “ทั้งชูใจ ทั้งลูก เราต้องมีมันจริงๆ”“...”“ถ้าไปไม่ไหว ก็ขอให้คิดใหม่” ชูใจที่สบตาผมในระยะใกล้ ดวงตากลมโตของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา เธอมองหน้าผม ก่อนที่จะเม้มริมฝีปากแน่นและก่อนที่เธอจะได้อ้าปากตอบอะไรกลับมา ความใจร้อนของผมที่อยากได้เธอกลับมาก็ทำให้ผมเลื่อนหน้าเข้าไปจูบเธอหนักๆ ปากที่นุ่มละมุนของชูใจทำให้ผมกุมใบหน้าเธอไว้ ก้มหน้าลงอีกเมื่อรู้ตัวว่าตอนนี้ความสูงเรามันต่างกันเกินไปชูใจพยายามดันอกผมออก ทึ้งเสื้อผมจนมันยับ เธอพยายามดิ้นรนทุกทางที่จะทำให้เธอไม่ทรยศต่อความรักของไอ้ลูกโชน แต่ผมรู้ดี ความรักของแม่งมันเป็นของปลอมทั้งเพถ้าเธอยังเชื่อไอ้เหี้ยนั่นที่มันตอแหลสร้างภาพมาว่ารักหลงเธอนักหนาแบบนั้นลง ผมก็ขอยอมเป็นคนเลวซะดีกว่า ที่จะต้องพยายามทำให้เธอท้องอีกทีในคืนนี้สติผมเลือนราง พอๆ กับแรงผลักไสของชูใจที่เริ่มอ่อนลง ผมไล้ปากของผมไปตามปากเล็กๆ ของเธอ กัดปากล่างของร่างเล็กแล้วช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มตัวชูใจเล็กแถมเบาหวิว จนสงสัยว่าหลังจากเลิกกันเธอได้กินอะไรลงบ้างมั้ย ผมลืมตามองเธอระหว่างที่กำลังจูบซับน้ำตาให้เธอตอ
แกรกฉันรีบเปิดประตูออกไปอย่างลืมตัว ด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี ฉันเห็นว่าเป็นโหนในลุคที่ดูต่างไปจากเคย เกือบเดือนที่ไม่ได้เจอกัน เขาเปลี่ยนแปลงทั้งสีผม รอยสักที่เพิ่มมากขึ้น และการแต่งตัวโหนที่ยืนจ้องหน้าฉันอยู่ที่หน้าประตู ฉันจ้องตาเขากลับไปเช่นกันแต่สิ่งที่ปรากฏในแววตาของเขา ฉันเห็นว่ามันเต็มไปด้วยความ... โหยหา?“... มาทำไมเหรอ” ฉันถามยิ้มๆ พยายามทำตัวเป็นปกติที่สุดกับเขา ยังไงก็ยังอยากเป็นเพื่อนเขาอยู่นะ ถึงเขาจะเริ่มต้นใหม่ไปแล้วก็ตามฉันคงเหมือนผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่ง ที่ผลักเขาออกไป ทำเหมือนโกรธเขาซะมากมาย แต่สุดท้ายก็โกรธไม่ลง แถมยังขาดเขาไม่ได้อยู่แบบนี้อีกโหนมองหน้าฉัน เขาฉีกยิ้มบางๆ กลับมา“คิดถึงเฉยๆ”“...!”“ผิดมั้ย ถ้ายังคิดถึงเธอ”ฉันนิ่งค้างไป นึกคำพูดออกมาไม่ได้เลย กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวเขาบ่งบอกว่าโหนคงจะเมา เพราะเขาเมาใช่มั้ย... เขาถึงมาที่นี่แต่ก็เพราะเมาอีกนั่นล่ะ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นเลย“ผิดสิ” ฉันตอบกลับไป ทั้งๆ ที่ในใจสั่นไหวจนแทบบ้า นี่มันผ่านไปกี่วันแล้วนะ ที่ฉันไม่ได้ยินคำนี้จากเขา “เรามีแฟนแล้วนะ โหนก็มีแฟนแล้วเหมือนกัน”“...”“ถ้าแฟนโหนรู้ว่าโหนมาหาเรา...