ลอยเลยอ่ะ
ลอยไปยันวิทยาลัยเลยอ่ะ
“มึงคิดบ้าอะไรถึงย้อมผมทองมาเนี่ยไอ้โหน” อาจารย์ที่สนิทสนมเรียกผมมาเทศนาทันทีที่ผมเดินหัวทองเข้าตึกเรียน จริงๆ วิทยาลัยนี้ไม่มีกฎห้ามทำสี แต่คือไม่เคยมีใครบ้าย้อมหัวทองมาอย่างผม
“เมาอ่ะจารย์เดชา อย่าดุผมเลย” ผมยกมือไหว้ อาจารย์นั่งพิงกับโต๊ะในห้องพัก ส่ายหน้าอย่างระอา
“เรียนดีมาจนจบ ปวช. อย่ามาเปรี้ยวตอนมีแฟนสิวะ”
“รู้ได้ไงครับ”
“ในนี้ข่าวลือกระจายไปทั่วล่ะ ที่ไอ้เค้กลาออกไปก็เพราะแกใช่มั้ย” ผมเสมองไปทางอื่น พูดตามตรงไม่ค่อยอยากคุยเรื่องนี้เท่าไหร่
“เขาคงอึดอัดมั้งผมว่า”
“เออๆ ลาออกไปอยู่เชียงรายนู่น หวังว่าคงจะได้เจอคนที่ดีกว่าแก” ผมแค่นหัวเราะ ลูบท้ายทอยตัวเอง ใครๆ ก็สงสารแต่มัน เพราะมันเป็นฝ่ายไป ผมก็นิดหน่อย “แล้วเรื่องเรียนช่วงนี้เป็นไง เรื่องทุน กยศ. แกได้รึยัง”
“ไม่แน่ใจ ไม่ได้ตามเลยอ่ะจารย์” ผมกุมมือตัวเองไว้ข้างเป้ากางเกง ตอบไปตามตรง “แค่เรียนจบด้วยเงินแม่ก็บุญแล้วมั้ง”
“หางานทำซะ ถ้ากู้ กยศ. ไม่ผ่าน” อาจารย์เดชามักเน้นงี้ประจำ เพราะผมกู้ กยศ. ไม่เคยผ่าน เนื่องจากประวัติการเรียนสมัยก่อนกับบุคลิกที่ดูไม่เอาเรียน ถ้ามันไม่ผ่านอีก ผมคงต้องไปหางานทำส่งตัวเองเรียนจนจบ เพราะลำพังพ่อแม่ผมที่อยู่ขอนแก่นก็ส่งผมไม่พอ อีกอย่างผมก็เกรงใจ “บอกให้แฟนรู้ด้วยก็ดี”
“เค้าไม่น่าจะเกี่ยวมั้ง” ผมฉีกยิ้ม เริ่มโฆษณาสรรพคุณแฟนตัวเอง “เค้าเรียนหมอเลยนะจารย์”
“นั่นแหละ แกเลยต้องพยายาม”
“...”
“พยายามเป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้นะไอ้โหน ทิ้งอดีตไปให้หมดแล้วเริ่มใหม่กับปัจจุบัน” ผมเดาะลิ้น คงมีแต่อาจารย์ที่รู้ว่าตอนเข้าเรียนอาชีวะแรกๆ ผมเป็นคนยังไง ตอนนี้ก็คงอยากให้ผมดีขึ้น
ผมทำอะไรไม่ได้ นอกจากรับปาก
“ครับจารย์”
“มึงย้อมหัวทองเหรอวะ เพราะเมียเหรอ”
พอเข้ามาในห้องเพื่อนในวิทยาลัยช่างก็ทักอีก ผมฉีกยิ้มแหยๆ ลูบหัวตัวเองอย่างไม่มั่นใจ แต่จำคำฝังหัวของชูใจได้ว่ามันเท่ มันดูดี เธอชอบทรงนี้ เพราะงั้นก็แปลว่าทรงนี้ผมหล่อ
“เออ”
“ไอ้เหี้ย บ้าบออะไรขนาดนี้ไอ้สัส” มันหัวเราะลั่นห้องกันทันที “ถ้าจะย้อมสีนี้มึงไม่ย้อมแบบพั้งค์ๆ มาเลยวะ พั้งค์พลาดอ่ะ”
“ไอ้ห่า” ผมชกหัวมันไปที “อย่าพูดให้ไม่มั่นใจดิวะ”
“เออๆ ก็ดูดี” ไอ้พันพูดยิ้มๆ “มึงนี่เพื่อชูใจทำได้ทุกอย่างเนอะ แม้กระทั่งลงทุนเปลี่ยนสีหัว”
“มึงคือเพื่อนแท้เลยว่ะ” ผมซึ้งใจ “มีมึงคนแรกที่ไม่ขำสีหัวกู”
“แปลว่าเมียมึงขำ?” เพื่อนคนเดิมแซวอีก ผมจะตบกะโหลกมันสักที แต่มันเอียงหัวหลบ “เอะอะใช้ความรุนแรง อยู่กับเมียมึงเป็นงี้ปะ”
“ไม่เป็นไอ้สัส” ผมหนักแน่น “ดวงใจกู กูจะไม่ทำให้มีน้ำตา”
“เน่าสัส” พวกมันหัวเราะกันเสียงดัง เรื่องที่ผมชอบชูใจเพื่อนๆ ผมรู้มาตั้งแต่สมัยคบกันแรกๆ เพราะไม่ว่ากับผู้หญิงคนไหนผมก็ไม่เคยจริงจังเท่าคนนี้
ผมเหลือบไปมองไอ้พันตอนที่คิดแบบนั้น เพราะเพื่อนที่รู้ใจรู้สันดานกันดีที่สุดของผมคือมัน ไอ้พันคอยเอาใจช่วยเวลาที่ผมตามติดชูใจ เรามีข้อเสียคือมักชอบผู้หญิงคนเดียวกัน ตอนที่ไอ้พันรู้จักชูใจ มันยอมรับกับผมว่าชอบชูใจ
มันยอมถอยออกมาเพราะผมจริงจัง เพื่อนแท้ของผมคือมันเลยว่ะ
ผมมารับชูใจตอนเลิกเรียน วันนี้ไม่ได้เรียนอะไรมาก ก็แค่พวกเครื่องกล แต่ชูใจคงเรียนหนักน่าดู เพราะตอนเธอเดินลงตึกมาหาผม ร่างเล็กเดินหน้าซีดมาเลย
ผมที่นั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์รอเธอยืดอกทันที มีความหวังว่าเธอจะชมผมอีกรอบ เย็นนี้ผมลงทุนเซ็ตหัวด้วยเจลมาอย่างดี กล้าโชว์ออกต่อหน้าสังคมว่าผมหัวทองเพราะใคร เอาจริงๆ ส่วนพลาดมันก็ดี
แต่ดูเหมือนวันนี้เธอเหนื่อยๆ คนตัวเล็กทิ้งตัวลงที่เบาะหลังผมโดยที่ไม่ทักทาย เธอถอนหายใจหนักหน่วง
“มีไรปะ” ผมเอนตัวไปลูบหัวเธอเป็นการสร้างกำลังใจ ชูใจทำหน้าบูด
“เหนื่อยอ่ะ” เธอพูดแล้วไถหัวกับมือผม ผมชะงักไปเลย อารมณ์นี้ไม่เคยมีมาก่อน เธอไม่เคยอ้อนผมอย่างงี้ “ปวดหัวสุดๆ”
เชี่ย ใจเต้นเลย
“เรียนหนักเหรอ” ผมถามเสียงแกว่งๆ แค่เรื่องเล็กๆ ที่ว่าก็ทำให้ใจผมพองได้แล้ว แต่ชูใจคงไม่รู้สึกตัว
“อื้อ” เธอพยักหน้าหงึกหงัก “เรียนหมอนี่ไม่ง่ายจริงๆ นะโหน”
“ก็รู้” ผมแค่นหัวเราะ “แล้วให้ทำไงอ่ะ”
“ก็นะ”
“...”
“ถ้าไปเรียนคณะอื่นจะดีกว่านี้รึเปล่า” เธอโพล่งขึ้นมาเหมือนหลุดปาก ผมนิ่งไปทันที ไม่กล้าออกความเห็นเรื่องนี้เพราะรู้จักพ่อแม่ของเธอดี บ้านเธอเข้มงวดเพราะมีลูกสาวคนเดียว ชูใจโดนคาดหวังมาก เธอเลยต้องเรียนหมอเพื่อสานเจตนารมณ์ของพ่อแม่
ในขณะที่บ้านผม มีแค่พ่อ แถมชิวๆ พ่อม่ายใจใหญ่ เลี้ยงผมมาคนเดียวด้วยอาชีพกรรมกร แต่ตอนนี้เปิดร้านเหล้าเป็นของตัวเอง เหตุเพราะเป็นคนบ้าเหล้าหนักมาก
ผมได้ความเฮี้ยวมาจากพ่อมากกว่าครึ่ง ที่ไปสักก็สักตั้งแต่อยู่ ป.5 พ่อพาไปสักเอง จำได้ว่าผมร้องคอแทบแหก เพราะในตอนนั้นแม่งเป็นความเจ็บที่โคตรสุดจะบรรยาย
เอาเหอะ ชูใจก็เคยเจอพ่อผมครั้งนึงสมัยยังเรียนมัธยม เธอยังบอกอยู่ว่าชอบพ่อผม เฮฮาดี
แต่ผมก็หวังว่ะตอนนั้น หวังว่านอกจากเธอจะนึกชอบพ่อผม เธอคงคิดจะให้พ่อผมเป็นว่าที่พ่อตาเธอด้วย จนวันนี้ก็สมอย่างที่ตั้งใจ
ไม่ดิ เธอยังไม่ได้คิดถึงเรื่องแต่งงานกับผม แต่ผมแม่งคิดไปไกลแล้ว
ก็แค่แฟนกันน่า อย่าคิดไปเรื่อยดิไอ้โหน
“แล้วเธอจะไปเรียนคณะไหน” ผมถามเธอ “พ่อแม่เธอคงไม่ยอมหรอก”
“... นั่นสิ” เธอก้มหน้าลงมองมือตัวเอง ท่าทางซีเรียสของชูใจทำเอาผมใจเสีย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“...”
“ซื้อเบียร์มากินที่ห้องเรามั้ย เราอยากเมาให้ลืมความเครียดอ่ะ”
แต่ประโยคต่อไปที่เธอพูดออกมามันกลับทำให้ผมเบิกตากว้างออกมา นึกถึงคืนนั้นที่เราเมาเบียร์แล้วเกือบเผลอจะมีอะไรกัน มันคิดอะไรไม่ได้นอกจากที่เธอให้มาห้องแล้วกินเบียร์กันคือเธอเชิญชวนผม
เวร
คิดดีไม่ได้เลย
ผมแวะซื้อเบียร์จากเซเว่น มองชูใจที่ยืนเลือกขนมอยู่ข้างๆ มันจะเร็วไปปะถ้าเกิดเราจะลึกซึ้งกันตอนนี้ ผมต้องซื้อถุงยางก่อนมั้ยวะ
ในใจผมคิดไปล้านแปดอย่าง มองเธอที่เอื้อมมือหยิบขนมอย่างใจที่มันกำลังเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ
ผมไม่ได้ทำมานานแล้ว ตั้งแต่เลิกกับไอ้เค้กนี่ก็ผ่านมาไม่รู้กี่ปีล่ะ วันนั้นที่ทำไปเพราะบรรยากาศ อีกอย่างเธอไม่เคย ถ้าเกิดครั้งแรกผมแสดงออกไปว่าผมมันไก่อ่อน ไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิงมานานแล้ว เธอจะเลิกศรัทธาผมมั้ย
โอเค สติผมแตกสัสๆ ตอนนี้ ขออย่าให้เธออย่ารู้เลยว่าเพราะเธอทำให้ผมประหม่าโคตรๆ
เราไปจ่ายตังค์กันที่หน้าเคาน์เตอร์ ชูใจซื้อเกี๊ยวกุ้งมาอย่างเคย เธอชอบกินกุ้งมากไม่ว่าจะใส่ในไหน โดยเฉพาะในไข่เจียว ซีฟู้ดคือของที่เธอชอบ แล้วผมที่รู้ดีก็ได้แต่จ่ายเงินให้เธออย่างซีเรียสในใจ
มันไม่ใช่ครั้งแรกของผม แต่มันเป็นครั้งแรกของเธอ
ขอได้มั้ย ขอให้เธอยอม ไม่ด่าผมเหมือนครั้งที่แล้ว ผมอยากเป็นของเธอจริงๆ นะ
พอซื้อเสร็จเราก็ขับรถกลับพร้อมกัน ชูใจตกลงว่าจะไปกินที่ห้องของเธอ ในขณะที่ผมก็กลืนน้ำลาย คิดไปไกลถึงเตียงในห้องเธอ วันนั้นแม่งสัมผัสได้เลยว่ามันนุ่มแค่ไหน
แต่แม่งคงไม่นุ่มเท่าหน้าอกของชูใจ
เชี่ยเอ้ย
ผมส่ายหน้าทันที ขับเฉี่ยวฟุตบาทจนชูใจร้องออกมาอย่างตกใจ
“หะ... โหน” เธอเรียกชื่อผมที่คืนสติ “เป็นอะไรอ่ะ เมื่อกี้ที่เค้าไม่เห็นแอบกินเบียร์เหรอ”
“เปล่า” ผมตอบสั้นๆ กลั้นใจไม่หันไปมองเธอไม่งั้นคงได้ชนคนตายสักคนแถวนี้ แล้วพยายามขับไปถึงที่หมาย
เราขึ้นตึกกันโดยที่มีผมคนเดียวที่ตื่นเต้นไปเอง ชูใจที่ยืนกินไอติมไม่มีท่าทางสะทกสะท้าน มันแปลกมั้ยที่แค่เธอชวนผมมาที่ห้องผมก็คิดไปไกลแล้ว อีกอย่างเราก็เป็นแฟนกันแล้ว ถึงจะไม่ถึงปีอย่างที่เธอขู่ แต่ปกติที่ผมทำ ก็ประมาณเดือนนึงนะ
ถ้าทำกันจริง จะทำดีๆ เลย สัญญา
[จบพาร์ท : โหน]
“กินยาคุมดิ เดี๋ยวก็ท้องหรอก”ร่างเล็กพยักหน้าหงึกหงัก เธอเดินมาข้างนอก หยิบยาเม็ดเล็กๆ ที่ผมแกะวางไว้ในถ้วยไว้ให้เธอได้หยิบกินง่ายๆ เธอกินน้ำตาม ก่อนที่ผมจะดีดบุหรี่ลงระเบียง แล้วเดินเข้ามาหาเธอที่ตอนนี้ใส่ชุดของผมอยู่ปลายนิ้วมือที่แข็งกระด้างของผมไล้ไปตามเอวคอดเล็กของเธอ ก่อนที่จะโอบทั้งตัวของเธอเข้ามาในอ้อมแขน“หะ... โหน” เธอที่วางขวดน้ำลงบนโต๊ะหันกลับมามอง ผมกอดเธอไว้แน่น รู้สึกกลัวที่จะทำให้เธอท้อง“กินยาคุมไว้”“...”“เรายังไม่อยากให้เธอท้อง”ตั้งแต่วันนั้น เราก็แทบไม่ได้คุยอะไรกัน ไม่รู้เพราะที่ผมพูดไปว่าผมไม่อยากให้เธอท้องรึเปล่า“เค้าเคยคิดพิเรนทร์ๆ นะ ว่าไม่ก็อยากท้องไปเลย จะได้เลิกเรียนอะไรแบบนี้ซะที”“ช่วยทำให้เค้าท้องที... เค้าอยากเลี้ยงเด็กมากกว่าเรียนหมออีกอ่ะ”ช่วยไม่ได้ที่พอหลังจากหลั่งใน ในหัวผมก็นึกถึงคำพูดนั้นของเธอขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ที่เธอทำแบบนั้นโดยที่ไม่รู้สึกตัว เผลอหนีบขากับเอวผมเพื่อให้ผมหลั่งในตัวเธอผมอดคิดไม่ได้ว่าเพราะเธออยากหลุดพ้นจากการเรียนหมอ เลยเอาเรื่องมีอะไรกับผมมาเป็นข้ออ้างเพื่อที่จะได้ท้อง แล้วสุดท้ายเธอก็จะไปจากผม ไปกับใครสักคนที่ดีกว่ารู้ว
“ไอ้หื่น” เขาชกแก้มฉันไปเบาๆ หนึ่งทีราวกับจะแก้เขิน ร่างสูงทำท่าเหมือนจะหันหน้าหนี แต่ฉันก็คว้าข้อมือเขามาประสานมือเอาไว้แน่น“ถ้ารู้ว่าเค้าหื่น” ฉันกระซิบชิดแก้มเขา ตอนที่แอบเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้โหนอีกนิดอย่างหยอกล้อ “ก็สนองนี๊ดเค้าหน่อยสิ เชื่อมั้ยว่าเราไม่เจอกันมากี่วันแล้ว”“มันเกี่ยวด้วย?” เขาย้อนกลับมา ราวกับจะไม่ยอมทำตามความต้องการของฉันง่ายๆ โหนนี่เล่นตัวมากกว่าที่คิดนะเนี่ยฉันทำหน้ามุ่ยออกมาทันที“เกี่ยวสิ” ฉันย้ำกับเขา พร้อมกับนึกอะไรทะเล้นทะลึ่งขึ้นได้ฉันคว้ามือหนาของโหนมาสัมผัสที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง ร่างสูงเบิกตากว้าง ในขณะที่หัวใจฉันเองก็เต้นตึกตักสู้มือเขา“...!”“ถ้าไม่คิดถึง คงไม่เต้นแรงขนาดนี้หรอกเนอะ”โหนไม่แม้แต่จะตอบอะไรกลับมา เขาสบตาฉัน ในขณะที่ฉันเองก็มองใบหน้าเขาอย่างต้องการ มือของเราทั้งคู่ต่างคนต่างจับที่หน้าอกของกันและกัน แล้วฉันก็พบว่าหัวใจของโหนเองก็เต้นสู้มือไม่ต่างกันเลย“แสบจริงว่ะ” โหนแค่นหัวเราะ ตอนนั้นเขาขยำหน้าอกฉันแรงขึ้นจนฉันสะดุ้งน้อยๆ หัวใจเต้นโครมครามเมื่อเขาค่อยๆ เลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ แล้วกดริมฝีปากลงมาอย่างอ้อยอิ่งโหนแทรกลิ้นอุ่นๆ เข้าม
ผมผละมือออกจากคอเสื้อมันทันที เด็กเกษตร? สามวันที่ผ่านมา มันตามติดผมอยู่เหรอวะ รู้เหรอว่าผมไปไหนกับใคร“ถ้ากูไปจริงๆ” ผมพูดมันออกมาจนได้ “แต่กูกะเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน ขอให้มึงเลิกยุ่งกับชูใจได้มั้ยวะ”“เหี้ยจริงๆ นะไอ้โหน” มันสบถออกมา ผลักไหล่ผมที่ไม่มีแรงเพราะแฮงค์จนเซไปอีกทาง “ที่กูยกพวกไปซ้อมมึงก็ไม่ใช่เหตุผลที่ไหน เพราะกูเห็นว่ามึงเองก็ไม่ได้มีชูใจคนเดียว”“...”“กูเคยบอกเมื่อนานมาแล้วใช่มั้ยที่กูยอมถอยให้มึง ว่าถ้ามึงทำให้ชูใจเสียใจ ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง”“...”“กูก็จะกลับมารักชูใจต่อไป”ผมนิ่งไป ในวินาทีนั้นผมเห็นว่าชูใจยืนอยู่ข้างหลังผมตอนที่เซไปหาเธอ พอหันกลับไปมอง สีหน้าของชูใจที่มองผมนั้นเต็มไปด้วยความเสียใจเธอคงเชื่อไอ้พันไปโดยไม่ทันคิด แต่ตอนนี้มันก็ผิดที่ผมเอง ผมพูดมันออกไปแล้วว่ะว่าผมเองก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนแค่กับเธอ การที่ผมโมโหที่เธอไปกับพัน นั่นก็เป็นเพราะผมแค่หวงของเอาจริงๆ แล้วผมมันก็แค่“เราจะไม่ถามหรอกนะว่าโหนไปกับใคร” ชูใจที่ยืนอยู่ข้างหลังผมพูดออกมา เธอพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลต่อหน้าผม “ไม่ถามด้วยว่าคนๆ นั้นอยู่ในสถานะอะไรกับโหนระหว่างที่คบกับเราอยู่”“...”
“สามวันที่เค้าหายไป เธอทำไรลงไปบ้างชูใจ”“...”“คงไม่ได้ไปมีอะไรกับมันต่อจากมีกับเค้าใช่ปะ” ผมสบถ พ่นคำหยาบคายใส่เธออย่างทนไม่ได้พอเห็นว่าเธอได้แต่ยืนอึ้งไม่ตอบเหี้ยอะไร “มันโดนใจใช่ปะ มันดีกว่าเค้าใช่ปะ”เพี้ยะชูใจตบหน้าผมทันที นี่เป็นครั้งแรกที่เธอตบผมหลังจากที่เราคบกันมาหลายปี มันไม่แรง แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกได้“พะ... พูดแรงไปแล้วนะโหน”“...”“เค้ากลับกับพันจริงๆ แต่นั่นก็เพราะว่าโหนไม่มาเจอเค้าไม่ใช่เหรอ” ผมแค่นหัวเราะออกมาเสียงดังทันที แค้นใจชิบหาย สุดท้ายเธอก็เลือกมัน“ถ้าเธอเลือกจะไปกับมัน”“...”“ก็ยอมเป็นของเค้าอีกคืนได้ปะ” ผมหันกลับมามองตาเธอ คราวนี้แววตาผมวาววับไปด้วยแรงอาฆาต “แต่คราวนี้... เค้าจะปล่อยใน”[จบพาร์ท : โหน]เพี้ยะฉันตบโหนไปอีกที ตบเพราะเขาพูดคำว่าจะปล่อยในเพราะโกรธที่ฉันกลับกับพันแต่ฉันพูดอะไรไม่ได้ ในเมื่อหลักฐานมันคาตา ฉันคุยกับพันลับหลังเขา มันอาจดูเหมือนนอกใจนะ แต่ฉันไม่ได้มีเจตนาจริงๆ ฉันก็แค่ปรึกษาพันเรื่องที่เขาหายไปสามวันเต็ม พันตอบกลับมาว่าเห็นเขาไปกับผู้หญิงคนอื่นฉันยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะโหนรักฉันมานานขนาดนั้น แล้วก็ไม่เคยเห็นเขาจะนอกลู่นอกทางจากฉัน
“บ้าจัง”ฉันหน้าแดง เพราะหลังจากวันนั้นที่เรามีอะไรกันเป็นครั้งแรก ในหัวฉันก็ล่องลอย คอยนึกถึงแต่โหนนึกถึงสัมผัสของเขา นึกถึงร่างกายของเขา ริมฝีปากของเขานี่ฉันกำลังอยู่ในอาการอะไรเหรอ ใช่อาการหลงแฟนตัวเองรึเปล่าพูดแล้วก็เอามือมาอังแก้มร้อนๆ ของตัวเอง วันนี้ฉันมาเรียน แต่ก็แทบไม่รู้เรื่องเลย จริงๆ ก็ตั้งแต่คบกับโหน ความรู้ก็ไม่ค่อยเข้าหัวตั้งแต่วันนั้น เพราะในสมองฉันเอาแต่วนเวียนคิดถึงแต่เขาฮึ เป็นเอามากนะชูใจโหนหายหน้าไปสามวันเต็มหลังจากวันนั้น มีเพียงแค่แชทเฟสที่ติดต่อมาเรื่อยๆ โทรหาบ้างบางครั้ง แต่เหมือนว่าเขาจะมีปัญหาอะไรบางอย่าง ฉันก็กังวลนะ แต่... ไม่รู้สิก็ที่คิดอยู่ในหัวมีแต่เรื่องที่ว่าอยากทำอะไรกับเขาอีกอ่ะมันน่าอายที่สุดเลยนะ ตั้งแต่วันนั้นก็คิดถึงแต่สัมผัสของเขา ความรู้สึกดีๆ ในวันนั้นฉันอยากทำกับเขาอีกอ่ะ อยากทำอีก!แต่ก็ได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจ เพราะว่าโหนหายหน้าไปสามวันแล้ว ทิ้งให้ฉันนอนเหงาอยู่คนเดียวมารับก็ไม่มารับ มาส่งก็ไม่มา มันน่างอนมั้ยอ่ะงอนจริงๆ แล้วนะฉันอมลมเข้าปากจนแก้มป่อง กดอ่านแชทเฟสที่โหนตอบกลับมาแล้วทำทีไม่ตอบ ดีล่ะ วันนี้ฉันจะกลับบ้านคนเดียวจนเล
หลังจากทักกันหลังจากนั้น ฉันก็รอโหนตากผ้าปูที่นอนที่โซฟาอย่างว่าง่าย แถมยังยืมเสื้อเขามาใส่ด้วย... โดยที่ไม่ใส่บรา เพราะปวดหน้าอกนิดหน่อยเพราะแรงขยำของโหนเสื้อโหนหอมน้ำยาปรับผ้านุ่ม เป็นกลิ่นที่ละมุนไม่เข้ากับเขาเลยโหนเดินเข้ามาหลังจากที่ฉันแอบดมฟุดฟิดอยู่กับเสื้อยืดของเขาไม่กี่นาที ฉันรีบทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ทำเป็นไม่ได้ดมเสื้อเขาแล้วทำท่าทางปกติ ในขณะที่หน้าแดงตอนที่เห็นว่าเขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงบ็อกเซอร์ ร่างกายโหนที่เปลือยท่อนบนทำให้ฉันนึกไปถึงเรื่องที่เรา...แง“เหม็นกลิ่นบุหรี่มั้ยวะ” เขาเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า มือก็ไล่กลิ่นควันบนตัว“เหม็น” ฉันตอบ แล้วเอานิ้วปิดจมูก “คนตัวเหม็น”“ไอ้นี่” เขาพูดขำๆ แล้วขยี้หัวฉันไปหนึ่งทีด้วยความเอ็นดู “แต่ก็ไม่เท่าคนที่เสียวจนฉี่ราดหรอกมั้ง”พอเขาพูดถึงเรื่องนี้หน้าฉันก็หงอยสนิทใจ ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบตาเขา“... รังเกียจเหรอ”“ว่าไงนะ” โหนย้อนถามเมื่อเห็นว่าฉันพูดเสียงเบา ฉันเลยเบ้หน้าออกมา“หะ... โหนรังเกียจใช่มั้ยอ่ะ ก็เราฉี่ราดใส่โหนตอนที่มีอะไรกัน” ฉันพูดแล้วก็น้ำตาคลอ เพราะขายหน้าเกินทน โหนคงชอบฉันไม่ลงแล้วล่ะ พอได้เห็นฉันทำตัวน่าเ