เข้าสู่ระบบทางด้านแพรพรรณ
ตอนนี้เธออาศัยอยู่ในห้องนอนเล็ก ๆ ในคอนโดที่เธอเช่าเอาไว้ ตอนนี้เธอเองก็คิดไม่ตก ทั้งเรื่องที่ศศิจันทร์ข่มขู่เรื่องลูกของเธอ ในตอนที่เธอกำลังนั่งจมอยู่กับความเครียดอยู่นั้น เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เธอมองไปที่หน้าจอ เป็นศศิจันทร์ที่โทรเข้ามา เธอไม่ได้กดรับในทันที เพียงแต่นั่งจ้องนิ่งอยู่แบบนั้น ปล่อยให้เสียงเรียกดังอยู่อย่างนั้นจนสายตัดไปเอง
และไม่นานนัก ข้อความก็เด้งขึ้นมา พร้อมกับรูปภาพที่ถูกส่งเข้ามารัว ๆ
‘อย่าลืมยินดีกับฉันด้วยล่ะ’
ปลายนิ้วจิ้มไปที่หน้าจอก่อนจะเห็นรูปบัตรเชิญงานแต่งและรูปถ่ายอีกหลายใบ
หัวใจของเธอแหลกสลาย ราวกับถูกบดขยี้ซ้ำ ๆ จนไม่เหลือชิ้นดี เธอปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างช้า ๆ แม้รักวิศรุตมากเพียงใด แต่ภาพนั้นมันยืนยันกับเธออย่างชัดเจนแล้วว่า เขาเลือกเดินต่อโดยไม่มีเธอ
การจากไปของเธออาจทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น แพรพรรณสูดลมหายใจเข้าลึก กดบล็อกเบอร์ของศศิจันทร์ พร้อมกับตัดช่องทางการติดต่อทุกอย่างจากแม่เลี้ยงและน้องสาว ตอนนี้เธอไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว
“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจริง ๆ สินะ” เธอพึมพำทั้งเสียงสะอื้น นึกถึงช่วงเวลาดี ๆ กับชายหนุ่มที่ตัวเองรักมาก ฝ่ามือเรียวเลื่อนแตะท้องน้อยกลมที่กำลังเติบโตด้วยความทะนุถนอม
"ไม่เป็นไรนะลูก" เธอกระซิบเสียงแผ่ว ฝืนยิ้มทั้งที่น้ำตายังไหลรินไม่ยอมหยุด "มีแค่แม่กับหนูก็พอแล้ว" เธอเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง แล้วพูดสิ่งที่เธอตั้งใจเอาไว้
“ไปอยู่บ้านตาทวดกับยายทวดกันนะลูก ที่นั่นจะทำให้หนูกับแม่มีชีวิตใหม่ที่ดี ไม่มีคนใจร้ายมาทำลายพวกเรา”
@เชียงใหม่
ภาพไร่ชากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาปรากฏขึ้นตรงหน้า ทำให้แพรพรรณยิ้มออกมาอย่างมีความสุข พื้นที่เล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของภาพตรงหน้านั้นเป็นพื้นที่ไร่ชาของตากับยายของเธอเอง เธอยังจำได้ตอนเด็ก ๆ เธอเคยมาวิ่งเล่นอยู่เลย
อากาศยามเช้าของเชียงใหม่เย็นสบายจนแทบไม่ต้องพึ่งพัดลม ลมโชยพัดผ่านใบชาให้ไหวเอนเป็นระลอก เธอยืนสูดหายใจลึก ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าท้องกลมที่กำลังเติบโตด้วยความรัก สัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวในนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความสุข
บรรยากาศของที่นี่เหมาะแก่การเริ่มต้นชีวิตใหม่จริง ๆ ตอนนี้แพรพรรณได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดของตากับยาย ท่านทั้งสองต้อนรับเธออย่างอบอุ่น เธอมาอยู่ที่นี่เข้าเดือนที่สี่แล้ว อีกไม่กี่สัปดาห์เธอก็จะได้เห็นหน้าลูกน้อยของเธอแล้ว
เธอคิดถูกแล้วที่เดินทางมาเชียงใหม่ในครั้งนี้ แม้ว่าความทุรกันดารยังคงมีอยู่ไม่น้อยก็ตาม แต่นับว่าสุขใจที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาจนถึงที่นี่ เธอลูบหน้าท้องที่มีลูกน้อยอยู่ภายในนั้น ชีวิตในเวลานี้ช่างอิ่มเอมใจเหลือเกิน อย่างน้อยหญิงสาวก็ไม่ต้องรับรู้ถึงเรื่องราวที่ทำให้เกิดความทุกข์อีก
ส่วนพ่อเขารับรู้ว่าเธอมาอยู่ต่างจังหวัด เพราะเธอส่งข้อความทิ้งเอาไว้ บอกเขาว่าไม่ต้องเป็นห่วง หากถึงเวลาเธอจะกลับไปเอง เธอตั้งใจแล้วว่าจะทิ้งทุกคนไว้เบื้องหลังและเริ่มต้นใหม่ กับลูกที่นี่เธอไม่ต้องการรับรู้เรื่องราวชีวิตของใครอีกแล้ว ตอนนี้เธอยังมีเงินเก็บที่รวบรวมเอาไว้ก้อนนึง และยังมีเงินที่เธอขายรถได้ก็คิดว่าน่าจะอยู่ได้อีกหลายเดือนโดยที่ไม่ลำบาก
“แพรคิดอะไรอยู่หรือลูก” ยายคำสร้อยเดินถือแก้วนมอุ่น ๆ เข้ามาหาพร้อมกับขนมใส่ไส้ที่ตนเองลงมือทำเองกับมือ
"เปล่าค่ะยาย" ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่ดวงตาเศร้าหมองก็ไม่รอดพ้นสายตาของผู้เป็นยายไปได้
“ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอกนะ ที่นี่คือบ้านของหนู” ยายคำสร้อยเอ่ยพลางยกมือขึ้นลูบไรผมของหลานสาวเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู “อยู่ที่นี่ให้สบายใจเถอะนะลูก ยายกับตาจะดูแลเอง”
หญิงชราเงยหน้ามองแพรพรรณด้วยแววตาเปี่ยมรัก ความทรงจำเมื่อครั้งที่แม่ของเธอพาเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ มาเยือนบ้านครั้งสุดท้ายเมื่อสิบปีก่อนยังคงชัดเจนในใจ ตอนนั้นแพรพรรณเพิ่งอายุสิบขวบเท่านั้น
“ยายดีใจที่หลานกลับมาอยู่กับพวกเรา ยิ่งตอนนี้มีเจ้าตัวเล็กอยู่ในท้องด้วย ยายยิ่งดีใจใหญ่เลย บ้านนี้ขาดเด็กตัวน้อย ๆ มานานมากแล้ว มีเจ้าตัวเล็กคงทำให้ที่บ้านมีชีวิตชีวามากขึ้น” ยายคำสร้อยยิ้มให้หลานสาว น้ำเสียงแฝงความตื่นเต้นเพราะตนเองก็ไม่ได้เลี้ยงเด็กเล็ก ๆ มานานมากแแล้ว
แพรพรรณยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะโผเข้าไปกอดยายไว้แน่น ความอบอุ่นจากอ้อมกอดนั้นทำให้หัวใจที่เคยบอบช้ำของเธอค่อย ๆ ถูกเยียวยา เธอรับแก้วนมอุ่นมาจากมือยาย จิบช้า ๆ มองทอดสายตาออกไปยังไร่ชาสีเขียวขจีที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ชีวิตนี้เธอและลูกคงต้องฝากไว้ที่นี่แล้ว
“แพรก็คิดแบบนั้นจ้ะยาย ต่อไปถ้าลูกคลอดออกมาแล้ว แพรจะหางานในเมืองนะ จะได้ช่วยตากับยายอีกแรง”
“ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทองให้มากหรอก ตากับยายช่วยหลานได้อยู่แล้ว อีกแค่เดือนเดียวเหลนยายก็จะลืมตาออกมาดูโลก อยู่เลี้ยงลูกให้สบายใจเถอะ เรื่องอื่นเราค่อยมาว่ากันอีกที”
พูดจบก็ผินหน้ามองไปยังไร่ชาเบื้องหน้า ก่อนจะชี้มือไปยังร่างของตาโนชที่กำลังเก็บใบชาด้วยท่าทางแข็งขัน
“ดูสิ ตั้งแต่หลานกลับมาอยู่ที่นี่ ตาของหนูก็สดชื่นขึ้นกว่าเดิมมาก เรี่ยวแรงก็ดูจะเพิ่มขึ้นทุกวัน เพราะอยากแข็งแรงอยู่ดูแลหลานกับเหลนให้ได้นาน ๆ ไงล่ะแพรเอ๊ย” ยายคำสร้อยส่งรอยยิ้มอบอุ่นให้หลานสาว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกเขานั้นดีใจขนาดไหนที่หลานสาวเพียงคนเดียวติดต่อมา ยิ่งพอบอกว่าจะมาขออาศัยอยู่ด้วย พวกเขาก็แทบจะร้องไห้โฮด้วยความยินดี
ครั้งแรกที่แพรพรรณก้าวมายืนอยู่หน้าบ้าน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ นับเป็นเวลานานมากแล้วหลังจากพลอยใสเสียชีวิต แต่ทางด้านสามีของเธอไม่ยอมมอบลูกสาวให้กับครอบครัวภรรยา แต่กลับให้ภรรยาใหม่เลี้ยงดู ทุกอย่างดำเนินไปตามครรลองของมัน โดยที่ฝ่ายตากับยายไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะไม่มีอำนาจมากพอที่จะต่อกรกับอดีตลูกเขยได้ ในวันนี้ทั้งสองจึงมีความสุขมากที่ได้หลานสาวกลับมาจริง ๆ เสียที
หนึ่งเดือนต่อมา ในวันที่ฟ้าใส แพรพรรณได้ให้กำเนิดลูกสาวตัวน้อยที่แข็งแรงสมบูรณ์ เด็กหญิงตัวจิ๋วที่เปรียบเสมือนของขวัญล้ำค่าที่ฟ้าประทานมาให้
เธอตั้งชื่อลูกสาวว่า 'พาขวัญ' ชื่อที่เต็มไปด้วยความหมาย ของขวัญที่นำพาความสุข ความหวัง และชีวิตใหม่มาสู่ครอบครัว
ยายคำสร้อยเป็นผู้กล่าวรับขวัญด้วยภาษาถิ่นอ่อนหวาน ขณะใช้ด้ายผูกข้อมือน้อย ๆ ของเหลนอย่างทะนุถนอม
“ดู๋สิเจ้าตัวน้อย น่าฮักน่าเอ็นดูขนาด เหลนยายทวดลืมตาดู๋โลกแล้วเน่อ
ขวัญเอ๊ยขวัญมา ขวัญมาตุ๊ยอยู่ตางนี้
อยู่ดีมีสุข โตวันโตคืน กิ๋นข้าวกิ๋นนมนัก ๆ
อย่าฝันร้าย อย่าตกใจสะดุ้งตื่น
ให้หมู่ผีหมู่ผะหญาอย่ามาใกล้
ให้เจ้าปลอดภัยในทุกย่างย่ำ
ขอคุณพระเจ้า คุณเทวดาในฟ้า
ฮักษาเจ้าตลอดเส้นทาง”
คำอวยพรอันงดงามดั่งบทกวีทำเอาแพรพรรณก็น้ำตารื้นตามไปด้วย
ลูกน้อยทำให้ความสดใสในตัวของแพรพรรณกลับมาสดชื่นดังเดิม เธอเลี้ยงดูเด็กน้อยด้วยความรักเสมอมา จนกระทั่งเด็กน้อยเริ่มคลานและเดินได้ เธอจึงขออนุญาตตากับยายออกไปทำงาน
“จะรีบไปทำงานเลยหรือแพร ทำไมไม่อยู่ดูแลจนลูกโตกว่านี้ก่อนล่ะ” ดูเหมือนตาจะไม่อยากให้เธอทอดทิ้งลูกสาวไปไหน แม้แต่การทำงานก็ตาม แต่แพรพรรณไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นัก
“ค่าใช้จ่ายของเด็กเล็กมีมากมายเลยจ้ะตา แพรไม่อยากรบกวนเงินจากตากับยายมากหรอกนะจ๊ะ อีกอย่างเงินเก็บที่ก็ร่อยหรอลงทุกวัน ให้แพรไปทำงานเถอะนะจ๊ะ”
“อืม...ถ้าอย่างนั้นก็ได้ แต่ว่าแพรต้องหางานที่ทำกลางวันนะ อย่าไปทำงานช่วงพลบค่ำถึงดึก ที่นี่ไม่ใช่เมืองใหญ่ รถราก็ไม่ได้มีมากเหมือนในเมืองหลวง”
“ค่ะคุณตา แพรจะหางานที่ไม่ไกลจากบ้านเรา ตากับยายจะได้ไม่เป็นห่วงนัก” เธอรับคำทั้งสอง ก่อนจะพาลูกเข้านอนดั่งเช่นทุกวัน
ระยะเวลาที่ผ่านมานานนับหลายเดือน ทำให้ตอนนี้ในใจของแพรไม่ได้มีผู้ชายอย่างวิศรุตเข้ามาทำให้หัวใจปั่นป่วนอีกแล้ว เมื่อไม่นึกถึงก็เท่ากับว่าไม่เจ็บปวด แต่มันกลับฝังลึกลงในก้นบึ้งของจิตใจจนไม่อยากขุดกลับขึ้นมาแล้วต่างหาก
“ขอบคุณยาย ขอบคุณตานะจ๊ะ ที่ใจดีกับแพรและลูก"ท่ามกลางอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นยังมีเด็กหญิงตัวน้อยในผ้าอ้อมสีขาวสะอาดกำลังนอนหลับฝันดีอยู่ พาขวัญนอนหลับตาพริ้มขนตางอนหนาเด่นชัด แก้มกลมขึ้นสีชมพู ผิวพรรณเนียนผ่องดุจสำลีขาวสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่เป็นเหมือนดั่งของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิต แม้จะเกิดมาไม่มีพ่อแต่กลับเต็มเปี่ยมด้วยความรักจากครอบครัว แตกต่างจากชีวิตในวัยเด็กของแพรพรรณเอง ที่เติบโตมากับความรู้สึกขาดสิ่งเหล่านี้ จึงยิ่งทำให้เธอรู้ว่ารักจากตากับยายนั้นสำคัญสำหรับเธอเพียงใดหญิงสาวยิ้มน้อย ๆ ทั้งน้ำตา ก่อนจะก้มลงกระซิบกับลูกน้อยในอ้อมแขนของผู้เป็นยาย“ถึงหนูจะไม่มีพ่อเหมือนใครเขา แต่แม่ก็รักหนูที่สุดในโลกเลยนะจ๊ะ ลูกรักของแม่”ตอนนี้ชีวิตของแพรมีความสุขตามอัตภาพ ใช้ชีวิตแบบสงบตามที่ตัวเองต้องการ และเธอก็เคยคิดว่าวิถีชีวิตนี้จะดำเนินต่อไปแบบนี้เรื่อย ๆ จนถึงอนาคตข้างหน้าแต่ความสงบก็ไม่ยั่งยืนเมื่อแพรพรรณเข้ามาทำงาน ความสวยสะพรั่งของเธอก็ถูกตาต้องใจใครหลายคนเพียงแค่เข้าทำงานได้ไม่ถึงเดือนก็มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เข้ามาตามจีบแต่เธอก็ปฏิเสธไปทุกราย เธอไม่เปิดโอกาสให้ใครเข้ามาในชีวิต ตอนนี
ทางด้านวิศรุต หลังจากรับรู้เรื่องราวที่ไม่เป็นจริงจากศศิจันทร์ แต่เขากลับเชื่ออย่างสนิทว่าแพรพรรณตั้งท้องกับชายอื่นจริง ๆ ทำให้ตัวเขาหมดแรงที่จะต่อสู้เพื่อตัวเองและหญิงสาวแม้ในระหว่างนั้นจะมีรังรองและศศิจันทร์คอยให้ข่าวเรื่องที่เขากับเธอยังคงคบหากันอยู่เสมอแม้จะไม่ได้แต่งงานก็ตามวิศรุตความทุกข์ใจเสียใจมาทุ่มเทให้กับงานทั้งหมด โหมงานอย่างหนักจนไม่มีเวลามาคิดเรื่องอื่น จากชายหนุ่มที่มีความอ่อนโยนรอยยิ้มอบอุ่น ตอนนี้เขากลายเป็นคนเงียบขรึมเขากลายเป็นผู้บริหารที่ผู้คนยำเกรงวิศรุตถูกจับตามองในฐานะของนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงทำให้ บริษัทของเขารุ่งเรืองและก้าวหน้ายิ่งกว่าเดิม แต่ในความสำเร็จกลับไม่มีคนข้างกายที่ตัวเองโหยหา ตลอดเวลาที่ไม่มีแพรพรรณ เขาไม่เคยเปิดใจให้ใครอีกเลย แม้ศศิจันทร์จะพยายามเอาตัวเข้ามาในชีวิต เปลี่ยนตัวเองแค่ไหนก็ตามแต่กลับวิศรุตก็ไม่ได้ให้ความสนใจเธอเหมือนเดิม"เมื่อไหร่พี่รุตจะเลิกคิดถึงนังแพรเสียทีคะคุณแม่!" เสียงบ่นของศศิจันทร์เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ทั้งที่เธอพยายามปรับปรุงตัวเองทุกอย่าง ทำทุกวิถีทางให้เขาหันมาสนใจแต่เขาก็ไม่หันมามองสักที"ลูกต้องให้เวลาเขาหน่อย เรื
ทางด้านแพรพรรณตอนนี้เธออาศัยอยู่ในห้องนอนเล็ก ๆ ในคอนโดที่เธอเช่าเอาไว้ ตอนนี้เธอเองก็คิดไม่ตก ทั้งเรื่องที่ศศิจันทร์ข่มขู่เรื่องลูกของเธอ ในตอนที่เธอกำลังนั่งจมอยู่กับความเครียดอยู่นั้น เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เธอมองไปที่หน้าจอ เป็นศศิจันทร์ที่โทรเข้ามา เธอไม่ได้กดรับในทันที เพียงแต่นั่งจ้องนิ่งอยู่แบบนั้น ปล่อยให้เสียงเรียกดังอยู่อย่างนั้นจนสายตัดไปเองและไม่นานนัก ข้อความก็เด้งขึ้นมา พร้อมกับรูปภาพที่ถูกส่งเข้ามารัว ๆ‘อย่าลืมยินดีกับฉันด้วยล่ะ’ปลายนิ้วจิ้มไปที่หน้าจอก่อนจะเห็นรูปบัตรเชิญงานแต่งและรูปถ่ายอีกหลายใบหัวใจของเธอแหลกสลาย ราวกับถูกบดขยี้ซ้ำ ๆ จนไม่เหลือชิ้นดี เธอปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างช้า ๆ แม้รักวิศรุตมากเพียงใด แต่ภาพนั้นมันยืนยันกับเธออย่างชัดเจนแล้วว่า เขาเลือกเดินต่อโดยไม่มีเธอการจากไปของเธออาจทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น แพรพรรณสูดลมหายใจเข้าลึก กดบล็อกเบอร์ของศศิจันทร์ พร้อมกับตัดช่องทางการติดต่อทุกอย่างจากแม่เลี้ยงและน้องสาว ตอนนี้เธอไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจริง ๆ สินะ” เธอพึมพำทั้งเสียงสะอื้น นึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ก
“ขอบใจมาก และรับรู้เอาไว้ด้วยว่าเรื่องนี้ต้องไม่แพร่งพรายออกไปให้ใครรู้ เข้าใจใช่ไหม” เธอย้ำเตือนกับหญิงวัยกลางคน ซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับ“ค่ะคุณ”ความคิดเหยียบย่ำคนในครอบครัวไม่มีทางที่จะลดลง ศศิจันทร์ขับรถออกไปจากบริเวณนั้นทันทีเธอตรงมาที่บริษัทของวิศรุต เดินตรงดิ่งไปยังห้องทำงานและเปิดเข้าไปอย่างถึงวิสาสะวิศรุตเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียง แววตาคมดุฉายชัดถึงความหงุดหงิดทันทีที่เห็นผู้บุกรุก “ใครอนุญาตให้คุณเข้ามา ศศิ!” เขาพูดเสียงเข้ม กรามขบแน่น “ผมไม่มีธุระอะไรจะคุยกับคนอย่างคุณ!”แต่ศศิจันทร์กลับส่งยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน เธอเดินเข้าไปใกล้แล้ววางซองเอกสารลงบนโต๊ะตรงหน้าเขา “ศศิแค่อยากให้พี่รุตตาสว่างเท่านั้นเองค่ะ" เธอยังคงยิ้มแล้วพูดต่อ"พี่รุตอยากรู้ไม่ใช่เหรอคะ ว่าแพรพรรณหายไปไหนมาตั้งสี่เดือนทันทีที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายแสดงความหงุดหงิด ศศิจันทร์ก็ไม่รีรอ รีบเข้าเรื่องทันทีวิศรุตวางปากกาลงอย่างแรง ก่อนจะลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะมายืนประจันหน้าเธอ แววตาแข็งกร้าว"เธอต้องการอะไรกันแน่?"เรื่องที่เธอบุกรุกเข้าบ้านเขาเพื่อทำร้ายแพรพรรณ เขายังไม่ทันเอาเรื่องด้วยซ้ำ แต่เธอกลับกล้
เช้าวันต่อมา ศศิจันทร์นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟากลางโถงห้องรับแขก มือเรียวกดหมายเลขโทรศัพท์ของพี่สาวต่างแม่ด้วยท่าทางเยือกเย็นเสียงสัญญาณดังไม่นาน ปลายสายก็กดรับ“รับเร็วดีนี่...” ศศิจันทร์แสยะยิ้มเยาะ ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสะใจ"ต้องการอะไร" เสียงปลายสายตอบกลับมาเรียบแต่ถ้าฟังดี ๆ จะสัมผัสได้ถึงความสั่นไหวในน้ำเสียง“แค่อยากโทรมาแจ้งข่าวน่ะ” ศศิจันทร์พูดช้า ๆ อย่างจงใจ “ตอนนี้ฉันกับ พี่รุต เข้าใจกันดีแล้ว และเขาก็ ตกลงจะแต่งงานกับฉัน”“เมื่อไหร่...” เธอถามเบา ๆ ราวกับคนที่กำลังจะหมดแรง “เธอจะแต่งงานกับเขาเมื่อไหร่”เสียงเธอสั่นเครือจนแม้แต่คนใจร้ายอย่างศศิจันทร์ก็ยังรู้สึกถึงความสั่นไหวนั้น แต่มันยิ่งทำให้เธอยิ้มกว้างขึ้น“ไม่นานหรอกจ้ะ” ศศิพูดเสียงหวานหยัน “เสียใจด้วยนะ ในที่สุดพี่รุตก็เป็นของฉันจนได้”ปลายสายเงียบไป ก่อนจะพูดกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความร้าวร้าน“แค่นี้ใช่ไหมศศิที่เธอต้องการ”“วันนี้เอาแค่นี้ก่อน อย่าเพิ่งทนไม่ไหวล่ะ!!”ศศิจันทร์ตัดสายทิ้งทันที แพรพรรณกำมือถือเอาไว้แน่น น้ำตาเจ้ากรรมไหลลงมาอีกแล้ว ครั้งนี้เธอร้องไห้โฮโดยไม่อายใครอยู่ในห้องที่วิศรุ
“ใช่!! ฉันใจดำอำมหิตก็เพราะเป็นแก และอยากจะให้แกไม่อยู่บนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ แกไม่เคยรู้หรอกว่าฉันเสียใจขนาดไหน” ความในใจที่ค้างคาพรั่งพรูออกมาไม่หยุด“ในตอนที่ชีวิตแกมีความสุขอยู่ในอ้อมกอดของพ่อ แกไม่รู้หรอกว่าฉันกับแม่ต้องโดดเดี่ยวขนาดไหน แกไม่เคยรู้รสชาติของคนที่ถูกตามหน้าว่าไม่มีพ่อ มันเจ็บปวดยังไง!! ถึงเวลาแล้วที่ฉันก็จะแย่งสิ่งที่แกรักและหวงแหนมาไว้กับตัว คือคนที่แกรักที่สุดไงล่ะนังหน้าโง่!”ความเคียดแค้นของศศิจันทร์ไม่ใช่วันนี้หรือเมื่อวาน แต่มันคือปมด้อยในใจเมื่อครั้งอดีต ที่แม่และเธอเฝ้ารอคอยให้ครอบครัวตัวเองมีความสุขบ้างเหมือนกัน หากไม่มีแม่ของแพรพรรณมาขวางเอาไว้ ชีวิตเธอคงมีความสุขมากกว่านี้รังรองเป็นคนเอาความคิดชั่วร้ายมาใส่สมองของลูกสาวมาตั้งแต่เด็ก ทั้ง ๆ ที่รังรองเป็นคนวางยาวิชัยในคืนนั้นยัดเยียดสถานะเมียน้อย ตอนนั้นเธอเองยังพูดว่าเต็มใจและไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนสุดท้ายแล้วรังรองก็อยู่อย่างหลบซ่อนมาเป็นสิบปี จนวันนึงเธอทนไม่ไหวขึ้นมา เธอเป็นคนส่งภาพความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างวิชัยกับเธอส่งให้พลอยใสดู ทำให้พลอยใสเสียใจและขับรถเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิต ซึ่งเรื่องราวที่เก







