เข้าสู่ระบบหลังจากการจากไปของแม่ทัพซุนเทา ตระกูลซุนก็ไม่อาจยืนหยัดเป็นเอกภาพได้อีกต่อไป ความขัดแย้งภายในปะทุขึ้นราวกับไฟลามทุ่ง แบ่งออกเป็นสองฝ่ายที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ฝ่ายแรก สนับสนุนซุนฮ่าวบุตรชายเพียงคนเดียวของซุนเทา แม้ว่าทุกคนจะรู้ดีว่าเขาเป็นลูกชู้ แต่สถานะของเขาในฐานะ “บุตรชาย” ก็ยังเป็นข้อได้เปรียบหลักของเขา สำหรับขุนนางบางกลุ่มที่ยังภักดีต่อราชสำนัก การมีผู้นำตระกูลที่อ่อนแอและโง่เขลาย่อมเป็นประโยชน์มากกว่า พวกเขาสามารถควบคุมซุนฮ่าวได้โดยง่าย และยังสามารถรักษาสายสัมพันธ์กับฮ่องเต้ ฟู่ซื่อเทียน ได้อีกด้วย
ฝ่ายที่สอง กลับเลือกที่จะติดตามเยี่ยจิงหลิน แม้ว่านางจะปฏิเสธการขึ้นเป็นผู้นำตระกูล แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่านางมีความสามารถมากกว่าใครทั้งหมดในตระกูล พวกที่สนับสนุนนางล้วนเป็นทหารเอกที่เคยติดตามซุนเทามาก่อน พวกเขาไม่อาจทนมองตระกูลซุนต้องตกไปอยู่ในกำมือของคนอ่อนแอไร้ปัญญาได้ แม้เยี่ยจิงหลินจะเป็นสตรี แต่พวกเขายินดีจะสวามิภักดิ์ต่อนางมากกว่าซุนฮ่าวที่พวกเขาดูถูกว่าเป็นแค่ "ไอ้ลูกชู้"
กลางดึกของคืนหนึ่ง ณ เรือนพักของเยี่ยจิงหลิน เสียงตะโกนจากชายฉกรรจ์นับร้อยดังก้องอยู่หน้าประตูเรือน
"นายหญิง! ได้โปรดให้พวกเราเข้าร่วมกับท่านด้วย!"
เหล่าทหารเอกของแม่ทัพซุนเทาต่างมารวมตัวกันอย่างดื้อดึง แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน พวกเขาก็ยังไม่ยอมไปไหน เสียงร้องเรียกยังคงดังต่อเนื่องจนสร้างความรำคาญให้กับผู้อยู่อาศัยในเรือน
เยี่ยจิงหลินที่พยายามเมินเฉยอยู่ในห้อง ในที่สุดก็อดทนไม่ไหว นางก้าวออกจากห้องพักเดินตรงไปยังหน้าประตู พลันกวาดสายตามองพวกมันอย่างเย็นชา
"หากพวกเจ้าคิดที่จะติดตามข้า เส้นทางที่ข้าเลือกเดินไม่มีเกียรติยศให้พวกเจ้าหรอกนะ"
เสียงของนางราบเรียบ แต่กลับแฝงไปด้วยแรงกดดันมหาศาล
แต่แทนที่พวกมันจะหวาดกลัว กลับมีเสียงหัวเราะดังขึ้นแทน
"ฮ่าฮ่า! นายหญิง โปรดวางใจ! พวกเราจะทำให้ท่านไม่ต้องรู้สึกผิดหวัง!"
เหล่าทหารกล่าวพร้อมเพรียงกัน พวกมันล้วนเป็นชายร่างกำยำ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น และในแววตามีแวววิปริตไม่น้อย
เยี่ยจิงหลินหรี่ตาลง นางพิจารณาเหล่าชายตรงหน้าทีละคน พวกมันคือเหล่านักรบที่ติดตามพ่อของนางมานับสิบปี ไม่ใช่ทหารทั่วไป แต่เป็นพวกที่ผ่านสนามรบมานับครั้งไม่ถ้วน ฆ่าคนมามากเสียจนจิตใจบิดเบี้ยว
"พวกเจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะติดตามข้า?"
"แน่ใจ!"
พวกมันตอบอย่างหนักแน่น
เยี่ยจิงหลินถอนหายใจ พลางคิดในใจ นี่ข้ากำลังสะสมสมุนหรือลูกสมุนวิปริตกันแน่?
"ในเมื่อพวกเจ้าดื้อดึงกันนัก เช่นนั้นก็จงเตรียมตัวไว้ให้ดี หากเลือกเดินบนเส้นทางเดียวกับข้าแล้ว ก็อย่าหวังว่าจะได้กลับไปเป็นคนธรรมดาอีก"
เสียงของนางเย็นยะเยือก พวกมันกลับยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมราวกับกำลังสนุกกับความบ้าคลั่งของตนเอง
ในคืนนั้นเอง กลุ่มกองกำลังวิปริตของเยี่ยจิงหลินจึงถือกำเนิดขึ้น...
รุ่งอรุณมาเยือน เมฆหมอกเบาบางลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือจวนตระกูลซุน ในลานพิธีที่ตกแต่งอย่างงดงาม เหล่าขุนนางและสมาชิกในตระกูลต่างมารวมตัวกันเพื่อเป็นสักขีพยานในการขึ้นรับตำแหน่งผู้นำตระกูลของ ซุนฮ่าว
เสียงมโหระทึกกึกก้อง ซุนฮ่าวสวมชุดขุนนางสีแดงเข้มลายมังกร ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจจนดูโอหังไม่น้อย เมื่อพิธีเริ่มต้นขึ้น เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าข้าจะมีน้องสาวที่ดีเช่นนี้! เยี่ยจิงหลิน เจ้าคือน้องที่ดีที่สุดในชีวิตของข้า! ทั่วทั้งตระกูลแห่งนี้ ข้านับเจ้าเป็นพี่น้องคนเดียว!"
เขาประกาศออกมาด้วยความเบิกบานใจ สายตาของเขามองไปที่ เยี่ยจิงหลิน ราวกับต้องการแสดงความขอบคุณ แต่นางกลับไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม
ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบเฉยราวกับผืนน้ำแข็งที่ไม่เคยละลาย นางเพียงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบและเย็นชา
"เมื่อท่านขึ้นเป็นผู้นำตระกูลแล้ว ก็จงดูแลตระกูลซุนให้ดี ดูเหมือนว่าท่านพ่อจะทั้งรักและห่วงเจ้ามากไม่น้อยเลย"
คำพูดของนางฟังดูเหมือนเป็นการให้พร ทว่ากลับแฝงความเย้ยหยันอยู่ลึก ๆ
ซุนฮ่าวแม้จะไม่ใช่คนฉลาดนัก แต่ก็สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงนั้น เขาหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วพยักหน้ารับ
พิธีการดำเนินไปอย่างราบรื่น ทุกคนร่วมถวายความเคารพต่อซุนฮ่าวในฐานะผู้นำคนใหม่ แต่ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความยินดี
"เหอะ… รับไม่ได้จริงๆ ไอ้ลูกชู้มันดันขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลของเรา!"
เสียงสบถดังลั่นด้วยความไม่พอใจ ดวงตาของเหล่าทหารเอกที่เคยติดตามแม่ทัพซุนเทาฉายแววเยาะเย้ย พวกมันไม่คิดปิดบังความรังเกียจแม้แต่น้อย
ไม่นานนัก บรรยากาศเริ่มหนักอึ้งไปด้วยแรงกดดัน ลูกน้องของเยี่ยจิงหลินแสดงท่าทีโอหังอย่างเปิดเผย แต่ละคนยืนล้อมหน้าล้อมหลังราวกับต้องการประกาศให้ทุกคนรู้ว่าใครคือผู้ที่พวกมันภักดี ใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยรอยยิ้มกวนประสาท สายตาดูแคลนซุนฮ่าวอย่างไม่ปิดบัง
ซุนฮ่าวรับรู้ได้ถึงแรงกดดันมหาศาล ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน ดวงหน้าซีดเผือดก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำดั่งศพที่จมอยู่ในน้ำแต่ก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายไปมากกว่านี้
"หุบปากของเจ้าซะ!"
เสียงเย็นยะเยือกดังขึ้น เยี่ยจิงหลิน ก้าวเข้ามากลางวง สีหน้าของนางเรียบนิ่งดุจน้ำแข็ง ดวงตาคมกริบจ้องลูกน้องของตนด้วยสายตาดุดัน
"หากพวกเจ้าขืนพูดจาไม่ได้เรื่องอีก ข้าจะตัดลิ้นพวกเจ้าซะ!"
ทันทีที่สิ้นคำพูด พวกทหารเอกที่เคยกวนประสาทอยู่เมื่อครู่ต่างรีบก้มศีรษะต่ำ พวกมันรีบขานรับด้วยน้ำเสียงแข็งขัน
"ขอรับนายหญิง!"
ถึงแม้ว่าพวกมันจะมีท่าทีวิปริตและดื้อดึงเพียงใด แต่เมื่อเป็นคำสั่งของเยี่ยจิงหลิน พวกมันก็ไม่กล้าฝ่าฝืน!
ซุนฮ่าวยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น แม้ว่าเยี่ยจิงหลินจะช่วยระงับเหตุการณ์ไว้ให้ แต่ในใจของเขากลับเต็มไปด้วยความหวาดระแวง
เขาเพิ่งขึ้นเป็นผู้นำตระกูลได้ไม่นาน แต่เหตุใดเขากลับรู้สึกเหมือนว่าแท้จริงแล้ว เขาไม่มีอำนาจอะไรเลย…?
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







