บทที่ 40
พาอาเหยากลับไปเยี่ยมท่านตาท่านยาย
ความสัมพันธ์ระหว่างเฟิงหยางกับฉินหรูนับวันยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ
แม้ไม่ได้หวานชื่นเหมือนสามีภรรยาคู่อื่น แต่ทั้งสองกลับรู้ใจกันเป็นอย่างดี
เช้าวันนี้ อาหารถูกยกขึ้นโต๊ะหลายอย่าง หนึ่งในนั้นมีหมูสามชั้นตุ๋นพะโล้ที่เป็นของโปรดของฉินหรู
พอเริ่มลงมือกินข้าว ชายหนุ่มคีบหมูสามชั้นตุ๋นใส่ถ้วยข้าวให้ภรรยาทันที
ฉินหรูขอบคุณสามีด้วยรอยยิ้ม
การที่เฟิงหยางรู้ถึงความชอบของฉินหรู เป็นเพราะเขาคอยสังเกตนางอยู่ตลอดเวลา นับเป็นความเอาใจใส่อย่างหนึ่ง
พอคิดแบบนี้ ฉินหรูยิ่งรู้สึกซาบซึ้งใจในตัวของสามี
คราวนี้เฟิงหยางหันมาเอาใจลูกชาย คีบหมูสามชั้นตุ๋นให้กับเจ้าตัวเล็ก
“กินเยอะๆ จะได้โตไวๆ”
ได้กินหมูสามชั้นที่เป็นของโปรด ปกติอาเหยาจะต้องยิ้มร่าเริง แต่ครั้งนี้เจ้าตัวเล็กกลับก้มหน้าเชื่องซึม
ฉินหรูกับเฟิงหยางมองตากันแวบหนึ่งด้วยความสงสัย
ต่อมา ฉินหรูก้มหน้าถามลูกชายว่า “ปกติอาเหยาชอบหมูสามชั้นตุ๋นมากเลยไม่ใช่หรือ ทำไมถึงไม่กินเล่า”
อาเหยาฟุบหน้าลงกับโต๊ะกินข้าว ก่อนปากเล็กขยับไหว “อาเหยาคิดถึงท่านยาย”
หมูสามชั้นตุ๋นพะโล้หาได้เป็นสิ่งโปรดปรานของฉินหรูกับอาเหยาไม่ ทุกคนในบ้านฉินล้วนชอบกินหมูสามชั้นตุ๋นพะโล้กันทั้งนั้น
แต่เนื้อหมูติดมันราคาสูง แม้ฉินหรูจะทำงานหาเงินได้แล้ว แต่ด้วยความที่ต้องประหยัดเงินเพื่อใช้ทำอย่างอื่น นางจึงซื้อเนื้อหมูติดมันกลับบ้านแค่เฉพาะวันที่เงินเดือนออก
สรุปสั้นๆ ทุกคนจะได้กินหมูสามชั้นตุ๋นพะโล้พร้อมหน้าพร้อมตาเพียงแค่เดือนละหนึ่งครั้งเท่านั้น
อาเหยาอยู่ในวัยที่กำลังจดจำและคิดเองได้แล้ว เด็กน้อยเข้าใจว่าหากมีหมูสามชั้นตุ๋นเป็นกับข้าวขึ้นโต๊ะ วันนั้นต้องเป็นวันพิเศษ แต่วันพิเศษแบบนี้ ท่านตากัท่านยายไม่ได้ร่วมโต๊ะกินข้าวด้วย เลยทำให้เด็กน้อยรู้สึกเศร้าใจ
ฉินหรูลูบศีรษะเล็กๆ ของเจ้าตัวน้อยที่นั่งข้างๆ
“อาเหยาคิดถึงท่านตากับท่านยายหรือ”
ศีรษะเล็กขยับขึ้นลง
“คิดถึง”
พอได้ฟังคำตอบ ฉินหรูเหลือบมองสามีอย่างขอความเห็น
เฟิงหยางยิ้มน้อยๆ ให้กับภรรยา ก่อนจะบอกกับอาเหยา “พรุ่งนี้ไปหาท่านตากับท่านยายของเจ้ากัน”
คำพูดของท่านพ่อทำให้แววตาซึมเซาของเด็กน้อยกลับมาเป็นประกายสดใส อาเหยายิ้มแก้มบาน รีบถามว่า “มีหมูตุ๋นด้วยหรือไม่!”
“มีแน่นอน”
อาเหยาดีใจมาก ถึงกับร้อง “เย่” ออกมา
….
วันต่อมา หลังจากเฟิงหยาง ฉินหรูและอาเหยาเตรียมตัวเรียบร้อย สามคนพ่อแม่ลูกก็ขึ้นรถม้ามายังบ้านฉินที่อยู่นอกเมือง
เดินทางด้วยรถม้าใช้เวลาราวๆ หนึ่งเค่อ (15 นาที) ดังนั้นช่วงเช้าตรู่ ฉินหรูจึงเข้าครัวด้วยตัวเอง นางเตรียมของอร่อยๆ มาฝากบิดามารดา หมูสามชั้นตุ๋นพะโล้ เป็ดย่าง นอกจากนี้นางวานให้ซินเหมียวช่วยไปร้านขนมแซ่ถัง ซื้อขนมสามสามอย่างกลับมา ภายในรถม้าจึงมีกล่องอาหารจำนวนไม่น้อย
สองสามวันก่อนเฟิงหยางจ้างบ่าวรับใช้เพิ่มอีกสองคน สารถีที่ทำหน้าที่บังคับรถม้าครั้งนี้คือบ่าวรับใช้คนใหม่ หาใช่จั่นเถิง
เมื่อรถม้าแล่นออกจากประตูเมือง ใช้เวลาเพียงไม่นาน รถม้าก็จอดหน้าบ้านหลังเล็ก
หลายปีที่ได้งานเป็นแม่ครัวในบ้านเซวีย ฉินหรูแบ่งเงินมาซ่อมแซมบ้าน ปรับปรุงพื้นที่รอบๆ บ้านให้เกิดประโยชน์มากที่สุด แม้บ้านหลังนี้จะเล็ก แต่กลับไม่ได้ทรุดโทรม
ด้านอาเหยา พอถูกท่านพ่ออุ้มลงจากรถม้าปุบ ใบหน้าน้อยๆ พลันเบิกบานแจ่มใส
อาเหยากระโดดโลดเต้น ร้องเรียกท่านตากับท่านยายไม่หยุด
“ท่านตา ท่านยาย!”
ฉินเจี๋ยกับเชียงซือในยามนี้ คนหนึ่งกวาดพื้นหน้าบ้าน คนหนึ่งกำลังนั่งแกะข้าวโพดหน้าบ้าน น่าจะเตรียมเอาไว้ต้มกินตอนเที่ยง
ตั้งแต่รถม้าวิ่งเข้ามา ฉินเจี๋ยกับเชียงซือต่างหยุดงานมือที่กำลังทำงาน ชะโงกมองผู้มาเยือน
พอเห็นร่างน้อยดุ๊กดิ๊กของหลานชายวิ่งเข้ามา ผู้สูงวัยทั้งสองต่างยิ้มกว้าง
“อาเหยามาแล้ว” เด็กน้อยตะโกนบอก
“หลานชายข้าตัวกลมขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?” เชียงซือกล่าวกับอาเหยาอย่างหยอกๆ
ฉินเจี๋ยผู้เป็นตาโค้งตัวลงอุ้มอาเหยาขึ้นมา “อืม ตัวหนักจนข้าจะอุ้มไม่ไหวอยู่แล้ว”
“ฮิๆ”
เจ้าตัวน้อยวัยกำลังโตหัวเราะคิกคัก
ในตอนนั้น เฟิงหยางกับฉินหรูเดินเข้ามา ประสานมือคารวะฉินเจี๋ยกับเชียงซือ ก่อนถามสารทุกข์สุกดิบ
ข้างหลังของพวกเขา บ่าวรับใช้กำลังทยอยหิ้วกล่องอาหารลงจากรถม้า
เชียงซือเห็นข้าวของเยอะแยะอดถามออกไปไม่ได้
“เสี่ยวหรู แม่บอกเจ้าแล้ว ไม่ต้องสิ้นเปลืองซื้อของกลับบ้านเยอะแยะขนาดนี้ก็ได้”
“ของเยอะแยะอะไรกัน แค่กับข้าวไม่กี่อย่าง กับขนมร้านสกุลถังของโปรดอาเหยากับท่านแม่เองเจ้าค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ” เชียงซือยิ้มอิ่มอกอิ่มใจ
“เอาละ พวกเราไปนั่งคุยกันดีกว่า” ฉินหรูตัดบท จูงมือมารดาไปนั่งที่โต๊ะ
ส่วนเฟิงหยางคอยเดินตามภรรยาไม่ห่าง
อีกทางหนึ่ง ฉินเจี๋ยอุ้มหลานชายไปดูสวนผักและเล้าไก่ที่อยู่หลังบ้าน โดยมีเสียงหัวเราะกับเสียงพูดคุยระหว่างเด็กน้อยกับชายสูงวัยดังออกมาเป็นระยะ
อากาศวันนี้เย็นสบาย ไม่ร้อน ทุกคนจึงนั่งเล่นกันที่หน้าบ้าน
เชียงซือยกกล่องอาหารไปที่ครัว พร้อมถือโอกาสต้มชามาให้ทุกคน หลังจากยกชาออกมาให้ทุกคน ฉินเจี๋ยก็อุ้มอาเหยากลับมาจากหลังบ้าน
พวกผู้ใหญ่จิบชากินขนมและคุยกันพลาง ส่วนอาเหยาวิ่งไล่จับลูกเจี๊ยบที่ลานหน้าบ้าน บ้านฉินยามนี้ครื้นเครงอย่างยิ่ง
พอถึงเวลาต้องกลับเข้าเมือง จู่ๆ อาเหยาก็งอแงจะนอนกับท่านตาและท่านยาย
ฉินหรูหว่านล้อมให้กลับด้วยกันอยู่ตั้งนาน เจ้าตัวเล็กก็ไม่ยอม
“อาเหยาจะนอนนี่”
“ทั้งที่เมื่อก่อนติดแม่มากแท้ๆ ตอนนี้ไม่อยากนอนกับแม่แล้วหรือ”
“อยากอยู่กับท่านยาย” อาเหยายืนยันคำเดิม
“อาเหยา…”
ฉินหรูเพิ่งเอ่ยได้แค่นั้น มือใหญ่ของสามีก็แตะลงบนบ่า พร้อมกับเสียงทุ้มนุ่ม “เสี่ยวหรู”
นางหันมองสามี ให้เขาช่วยกล่อมอาเหยาอีกคน ทว่า...
“ให้อาเหยานอนกับท่านตาท่านยายสักคืนก็ได้นี่ หากเจ้ากังวลเรื่องบ้านเสิ่น ข้าสั่งให้คนคอยจับตาดูมาสักพักแล้ว ทางนั้นไม่มีเคลื่อนไหว”
เฟิงหยางกล่าวถูก ที่ฉินหรูกังวล ไม่ใช่เรื่องที่อาเหยารบเร้าจะนอนกับท่านตาท่านยาย จนสร้างความลำบากให้กับทั้งสองคน นางกลัวว่าบ้านเสิ่นจะรู้การเคลื่อนไหวของทางนี้ แล้วส่งคนมาลักพาตัวเด็กน้อย
“ท่านตามใจลูกมากเกินไปแล้ว”
แม้ฉินหรูจะตำหนิสามีแบบนั้น แต่ในเมื่อเฟิงหยางยืนยันความปลอดภัยของอาเหยาและทุกคน เท่านี้ก็วางใจแล้ว
ฉินหรูคิดอย่างลังเล ผ่านไปครู่หนึ่ง นางถึงยอมให้อาเหยาค้างคืนที่นี่
บทพิเศษมิตรภาพ หลังจากเฟิงหยางออกบ้านไปได้สักพัก เสี่ยวจินกับไป๋เหิงก็มาเยือน หญิงสาวทั้งสามยังคงสนิทสนมกันดี แม้ภายหลังต่างแยกย้ายไปมีเส้นทางของตนเอง แต่พวกนางมักมารวมตัวกันบ้านเฟิงบ่อยๆ ไป๋เหิงกับคุณชายใหญ่เซวียเยี่ยนจื่อ คุยกำหนดการและวันแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าพธีแต่งงานจะจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า เสี่ยวจินลงเอยกับเฉินต้านเมื่อไม่นานมานี้ แม้ไม่ได้จัดงานแต่งงานใหญ่โตเหมือนกับไป๋เหิง แต่อย่างน้อย นางได้กราบไหว้ฟ้าดินและทำพิธีคารวะญาติผู้ใหญ่ “เสี่ยวหรู สามีเจ้าเพิ่งออกไปค่ายทหารหรือ ระหว่างทางพวกข้าเห็นเขาควบม้าออกไปพอดี นี่ๆ เจ้ากับสามีหักโหมเกินไปหรือไม่ ทำเขาไปสายแล้ว” เสี่ยวจินเปิดประเด็น ท้ายประโยคยังแซวสหายพลางหัวเราะคิก “ใช่ๆ ไปค่ายเวลานี้ ไม่นับว่าสายไปหรือ” ไป๋เหิงยิ้มแย้ม เอ่อออกับเสี่ยวจิน ฉินหรูแกล้งทำหน้ามุ่ย โบกมือแล้วกล่าวตัดบทพวกนางทั้งสอง “ช่างเรื่องของสามีเถอะ ข้าสนใจเรื่องของพวกพี่สาวมากกว่า พี่เสี่ยวจิน วันนี้ปักปิ่นมาสวยเชียว ไม่คิดเลยว่าเฉินต้านจะเป็นสามีที่เอาอกเอ
บทพิเศษเป็นวันที่ดี รุ่งอรุณมาเยือน แสงอาทิตย์สีทองทอประกายเข้ามาทางหน้าต่าง ทันทีที่เฟิงหยางลืมตาตื่นขึ้น พลันพลิกตัวนอนตะแคง มุมปากยกยิ้มขณะมองภรรยาที่ยังหลับใหลบนที่นอน เมื่อคืนเขาคงรังแกนางมากไปหน่อย ทำให้นางอ่อนเพลียต้องตื่นสายแล้ว คิดจบ เฟิงหยางก็ยื่นมือออกไปลูบไล้แก้มเนียนของภรรยาแผ่วเบา ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด เขารู้สึกถึงความสุขและอุ่นหัวใจเมื่อเห็นว่านางยังอยู่เคียงข้าง ครู่ต่อมา ขนตาหนาเป็นแพรของหญิงสาวขยับไหวราวกับปีกผีเสื้อ ก่อนดวงตาคู่สวยจะเปิดปรือขึ้น ฉินหรูค่อยๆ ลืมตาตื่น ทันใดนั้นก็เห็นว่าสามีกำลังยิ้มมองนางอยู่ ริมฝีปากของนางพลันคลี่ยิ้มให้เขาด้วยความอ่อนเพลีย ขณะเดียวกัน ดวงตาคู่สวยก็เต็มไปด้วยความรักที่ไม่มีวันหมด “ท่านพี่...” ริมฝีปากของฉินหรูขยับเรียกสามีแผ่วเบา “ข้าทำเจ้าตื่นหรือ” แม้เฟิงหยางจะถามเช่นนั้น หากนิ้วมือกลับเลื่อนลงมาลูบไล้กลีบปากอิ่มสวย ราวกับไม่อาจหักห้ามใจให้ปล่อยมือจากนาง “ปกติข้าตื่นเช้ากว่
บทพิเศษอุ่นรัก(อีกครั้ง) กลิ่นอาหารที่กำลังปรุงใหม่ๆ ลอยมาจากโต๊ะกลางห้อง กลิ่นนั้นหอมมาก ทั้งยังทำให้กระเพาะของเฟิงหยางถึงกับร้องระงม ตั้งแต่รับนางกับลูกกลับมาอยู่ด้วยกัน ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แม้นานๆ ครั้งนางจะเข้าครัวสักที แต่เฟิงหยางย่อมรู้ถึงความอร่อยในรสมือของฉินหรู นอกจากนี้ยังทำให้เขาคลั่งไคล้อย่างที่สุด เช้านี้เฟิงหยางครึ้มอกครึ้มใจเป็นพิเศษ เพราะไม่มีเรื่องใดให้เขาต้องปวดหัวหรือเป็นกังวลอีกแล้ว เหนืออื่นใด คนงามของเขาเป็นยอดภรรยาหาผู้ใดเทียบไม่ได้ หัวใจเขามอบให้นางไปจนหมดสิ้น สิ่งที่ทั้งคู่ยังขาดคือการเติมความหวานละมุนละไมให้แก่กัน อีกอย่างหนึ่ง ช่วงนี้อาเหยาอ้อนไปอยู่บ้านท่านตาเพราะกำลังเห่อน้องสาว นับว่าทางสะดวก! หลังจากจบคดีความของเสิ่นเทา ผ่านมาแล้วสองเดือน เขากับนางไม่ได้ร่วมเตียงกันอีกเลย เขาเองก็เป็นบุรุษ ย่อมมีความใคร่ อยากกอดภรรยาใจจะขาดอยู่รอมร่อ ตั้งแต่กลับมาอยู่ด้วยกัน เขาเพิ่งจะกอดนางไปแค่คืนเดียวก็ตอนที่อาเหยาไปอยู่กับท่านตาท่านยาย! เวลานี้ เฟิงหยางกำลังแช่ตัวอยู่ใน
บทที่ 45บทสรุป ย้อนกลับมา ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองฉาง หลังจากหัวหน้ามือปราบยกหีบเก็บเงิน เอกสารรายรับรายจ่ายและสมุดรายชื่อเข้ามาในที่ว่าการ เสิ่นเทาก็ทรุดลงกับพื้นทันที คร่ำครวญว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ หีบเงินและสมุดรายชื่อเหล่านี้เป็นของผู้อื่น ตนถูกคนใส่ความ แน่นอนว่า คำพูดของเสิ่นเทาโกหกอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่หัวหน้ามือปราบไปยังห้องลับนั้น หนิงลี่กำลังสั่งให้พวกบ่าวขนย้ายข้าวของออกไปพอดี เรียกได้ว่าจับได้แบบคาหนังคาเขา ในเมื่อหลักฐานแน่นหนาถึงเพียงนี้ เหล่าขุนนางกังฉินยังประทับลายนิ้วมือ สารภาพผิดกันหมดแล้ว เสิ่นเทาก็ไร้หนทางรอดเช่นกัน วันต่อมา เสิ่นเทายอมรับสารภาพ ทั้งยังขอร้องให้ละเว้นชีวิตของเสิ่นเซียวอวี้และหลานที่กำลังจะคลอด นายอำเภอเซวียไม่ได้ตอบทันที แต่ใช้เวลาพิจารณคดีสองวันสองคืน ในที่สุด การตัดสินคดีก็ถูกติดบนป้ายประกาศ ขุนนางกังฉินและเสิ่นเทาเกี่ยวข้องกับคดีมากมาย ทั้งคดีฆาตกรรมทั้งหาเงินมาอย่างมิชอบ ได้รับโทษประหารในอีกเจ็ดวันให้หลัง เสิ่นเซียวอวี้ผู้เป็น
บทที่ 44ชะตากรรมของบ้านเสิ่น ตั้งแต่เสิ่นเทาถูกทางการเรียกตัว หนิงลี่ร้อนรนเหมือนไฟลนก้น เรียกทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องโถง หารือว่าจะช่วยเสิ่นเทาอย่างไร เพียงไม่นาน เสิ่นเซียวอวี้กับจางเหมยเหมยก็มาถึง พ่อบ้านเสิ่นกับไฉ่ไฉ่มารอก่อนแล้ว จึงไม่ต้องเสียเวลานาน หนิงลี่นั่งไม่ติดเก้าอี้ เดินกลับไปกลับมาพลางว่า “สามีข้าถูกทางการเรียกตัว ไต่สวนคดีปล่อยกู้และติดสินบน พวกเจ้าช่วยคิดหาวิธีช่วยเขาออกมาหน่อย” พ่อบ้านเสิ่นครุ่นคิด ก่อนจะเสนอให้ยัดเงินนายอำเภอเซวีย ไฉ่ไฉ่นั้นจนปัญญา ไม่มีความคิดดีๆ เนื่องจากยังตรอมใจที่คนรักทอดทิ้งนางไป ด้านจางเหมยเหมยกลุ้มใจยิ่งกว่า เป็นแค่สะใภ้ที่แต่งเข้า ไม่คิดว่าจะต้องมาติดร่างแหไปด้วย ทั้งยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ในขณะที่ทุกคนร้อนใจจะเป็นจะตายเรื่องที่เสิ่นเทาถูกจับ กลับมีเพียงคนคนเดียวที่ไม่ทุกข์ร้อน นั่งหัวเราะคิกคักราวกับเห็นเป็นเรื่องตลก คนคนนั้นก็คือเสิ่นเซียวอวี้! เสิ่นเซียวอวี้กวาดสายตามองสีหน้าเป็นทุกข์ของทุกคนในห้องโถง ชี้หน้าเรียงตัวพร้อ
บทที่ 43ไต่สวน คดีขุนนางทุจริตเกี่ยวโยงกับคดีปล่อยกู้ของเสิ่นเทา นอกจากนี้ พบว่าวิธีการทวงหนี้ของเสิ่นเทานั้นยังโหดร้ายทารุณ ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตไม่น้อย ในเมื่อมีผู้เสียชีวิตย่อมเป็นคดีฆาตกรรม แต่เสิ่นเทารอดพ้นความผิดมาได้เพราะความช่วยเหลือจากขุนนางกังฉิน อย่างไรก็ตาม การฆาตกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ย่อมมีหลักฐาน บัดนี้ หลักฐานและพยานบุคคลครบเรียบร้อย นายอำเภอเซวียจึงเรียกขุนนางกังฉินเหล่านั้นสอบสวนทีละคน สุดท้ายถึงค่อยเป็นเสิ่นเทา หลายวันต่อมา เสิ่นเทาถูกเรียกตัวมายังที่ว่าการอำเภอ จากนั้นผู้ช่วยนายอำเภออ่านสรุปสำนวนคดี เสิ่นเทาเบื้องหน้าทำธุรกิจค้าขาย แต่เบื้องหลังปล่อยกู้ มอบเงินสินบนแก่ขุนนาง และยังชุบเลี้ยงโจรกลุ่มหนึ่ง หากลูกหนี้ใช้หนี้คืนไม่ตรงตามกำหนด เสิ่นเทาจะใช้วิธีทวงเงินอย่างโหดเหี้ยมทารุณ กังขังหน่วงเหนี่ยว ทรมานจนถึงแก่ชีวิตก็มี ญาติของลูกหนี้ที่เป็นผู้หญิง จะถูกจับไปขายให้กับหอคณิกา อ้างว่าเพื่อขัดดอก... ทั้งที่เสิ่นเทาทำการอุกอาจ แต่ยังลอยนวลม