คืนนั้นหลังจากงานเลี้ยงเฉลิมฉลองความสำเร็จของโปรเจกต์ที่ยิ่งใหญ่สิ้นสุดลง อลิสาและคีรินทร์ก็กลับมาที่คอนโดของพวกเขา บรรยากาศภายในห้องเงียบสงบ แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกโล่งใจและความสุขที่เอ่อล้นออกมาจากหัวใจของคนทั้งสอง แสงไฟจากเมืองยามค่ำคืนส่องเข้ามาในห้องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและโรแมนติก
ทั้งคู่ถอดรองเท้าสบายตัวขึ้นเล็กน้อย แล้วพากันไปนั่งลงบนโซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่าง อลิสาเอนตัวซบกับอกแกร่งของคีรินทร์อย่างอ่อนโยน เขากอดเธอไว้แน่น ราวกับไม่อยากปล่อยให้เธอห่างไปไหน
พวกเขานั่งอยู่ด้วยกันอย่างนั้น ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมชั่วขณะหนึ่ง ปล่อยให้ความเหนื่อยล้าและความตึงเครียดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาค่อยๆ คลายตัวลง
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะพี่คี ว่าเราจะผ่านเรื่องราวทั้งหมดมาได้” อลิสาเริ่มต้นบทสนทนาด้วยเสียงแผ่วเบา เธอนึกย้อนไปถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้น
คีรินทร์กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น “พี่ก็ไม่คิดเหมือนกันลิซ ตอนแรกที่รู้เรื่องทั้งหมด พี่ก็ตกใจและกังวลมาก”
พวกเขานั่งทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่ความไม่เข้าใจกันเล็กน้อยในช่วงแรก ความกังวลที่เริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อแผนร้ายของแพรไหมและภูริชเริ่มปรากฏ การเผชิญหน้ากับศัตรูที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม และการเปิดโปงความจริงที่ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมหาศาล ทุกอุปสรรคที่ผ่านมาเป็นบททดสอบที่โหดร้ายแต่ก็มีคุณค่า ทำให้ความรักของพวกเขามั่นคงและแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
“ลิซยังจำได้เลยค่ะ ตอนที่พี่คีบอกว่าแพรไหมกับภูริชกำลังทำอะไรกัน ลิซช็อกมากจริงๆ” อลิสาพูดพลางถอนหายใจ “ไม่คิดว่าคนที่เคยไว้ใจจะทำกันได้ลงคอ”
“พี่ก็ไม่คิดว่าภูริชจะกล้าทำถึงขนาดนั้น” คีรินทร์ตอบ “แต่สุดท้าย ความจริงก็คือความจริง”
พวกเขาทั้งสองต่างตระหนักว่าไม่ว่าจะมีปัญหาใดๆ เข้ามา ความรักและความเชื่อใจที่พวกเขามีให้กันคือสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้พวกเขาก้าวข้ามทุกสิ่งมาได้ ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด การได้อยู่เคียงข้างกัน การได้ให้กำลังใจกันและกัน คือสิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขายืนหยัดและสู้ต่อไปได้
“ลิซเชื่อในตัวพี่คีเสมอค่ะ” อลิสาเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรักและความซาบซึ้งใจ “ตั้งแต่ตอนแรกที่พี่คีเข้ามาในชีวิตลิซก็ทำให้ลิซรู้สึกปลอดภัยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร พี่คีอยู่เคียงข้างลิซเสมอ”
คีรินทร์ยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาจูบลงบนหน้าผากเธอเบาๆ “ก็เพราะลิซคือคนสำคัญที่สุดของพี่ไงครับ”
พวกเขาพูดคุยกันถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึง ทั้งเรื่องงาน เรื่องโปรเจกต์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจ และเรื่องราวส่วนตัวที่จะสร้างสรรค์ร่วมกัน ความสุขที่แท้จริงกลับมาอยู่กับพวกเขาอีกครั้งอย่างสมบูรณ์ เป็นความสุขที่ไม่ได้มาง่ายๆ แต่เกิดจากการฝ่าฟันอุปสรรคและการพิสูจน์ความรักที่แข็งแกร่งกว่าสิ่งใด
ขณะที่ทั้งคู่นั่งอยู่ด้วยกันบนโซฟา มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นแสงไฟระยิบระยับของเมืองยามค่ำคืนที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เป็นภาพที่สวยงามและเงียบสงบอย่างยิ่ง คีรินทร์โอบกอดอลิสาจากด้านหลังอย่างอบอุ่น เขาซบหน้าลงกับไหล่ของเธออย่างอ่อนโยน ปล่อยให้ลมหายใจอุ่นๆ รินรดต้นคอของเธอ
“พี่รักลิซนะ” คีรินทร์กระซิบคำหวานๆ ข้างหูเธอ เสียงทุ้มนุ่มนวลเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง “รักมากกว่าที่เคยเป็นมา รักในทุกสิ่งที่ลิซเป็น รักในความเข้มแข็ง ความอดทน และความซื่อสัตย์ของลิซ”
อลิสาจับมือของเขาที่โอบกอดเธอไว้แน่น เธอรับรู้ได้ถึงความรักและความจริงใจที่เขาส่งผ่านเข้ามา เธอหันหน้าเล็กน้อยเพื่อสบตากับเขา ดวงตาของเธอฉายแววความสุขและอบอุ่น “ลิซก็รักพี่คีค่ะ รักมากที่สุดในโลกเลย”
ทั้งคู่สบตากันเนิ่นนาน แววตาที่สื่อถึงความเข้าใจ ความผูกพัน และความรักที่ไม่มีวันจางหาย ก่อนที่คีรินทร์จะก้มลงจูบอลิสาอย่างดูดดื่ม เป็นการจูบที่เต็มไปด้วยความสุข ความผ่อนคลาย และการยืนยันถึงความรักที่มั่นคงนิรันดร์ มันคือการจูบที่ปลดปล่อยทุกความเครียด ทุกความกังวลที่สะสมมาทั้งหมด เป็นการจูบที่บอกว่า “เราปลอดภัยแล้ว” “เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลิ้นของพวกเขากเกี่ยวพันกันอย่างอ่อนโยน สัมผัสถึงความรักและความเสน่หาที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ขณะที่พวกเขากำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม เสียงโทรศัพท์ของคีรินทร์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ เขารับสายพร้อมกับระบายยิ้มออกมา
“ฮัลโหลปกรณ์เหรอวะ” คีรินทร์พูดพลางมองไปที่อลิสาที่กำลังอมยิ้ม
เสียงของปกรณ์ดังมาจากปลายสาย “คีรินทร์ แกกับลิซถึงคอนโดแล้วเหรอวะ! เป็นไงบ้าง ลิซเมื่อคืนสวยมากนะ”
คีรินทร์หัวเราะเบาๆ “เออ ถึงแล้ว ตอนนี้ลิซสบายดี”
แล้วเสียงของมิ้นท์ก็ดังขึ้นมาอีกคน “จริงด้วยลิซ! เมื่อคืนแกสวยมากจริงๆ แถมยังดูมีความสุขแบบสุดๆ ด้วยนะ! ฉันกับพี่ปกรณ์ยังคุยกันอยู่เลยว่าเมื่อไหร่จะได้กินข้าวเลี้ยงฉลองของแกสองคนสักที”
อลิสาที่ได้ยินเสียงมิ้นท์ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เธอโบกมือให้คีรินทร์เป็นเชิงบอกให้เปิดลำโพง คีรินทร์กดเปิดลำโพง ทำให้เสียงของมิ้นท์และพี่ปกรณ์ดังชัดเจนขึ้นในห้อง
“แหมรู้ดีกันจังเลยนะคะมิ้นท์ พี่ปกรณ์” อลิสาแซวกลับด้วยรอยยิ้มสดใส “ไว้จะเลี้ยงฉลองแน่นอนค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่ช่วยกันมาตลอด”
“ไม่เป็นไรเลยลิซ” มิ้นท์ตอบกลับ
“เพื่อนกันมีอะไรก็ต้องช่วยกันอยู่แล้ว ว่าแต่เมื่อกี้ฉันเห็นนะคีรินทร์กับลิซไปแอบจูบกันตอนท้ายงานด้วยอ่ะ หวานไม่เกรงใจใครเลยนะจ๊ะ!”
คีรินทร์กับอลิสามองหน้ากัน แล้วก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสุขและความผ่อนคลาย หลังจากผ่านเรื่องราววุ่นวายมามากมาย การได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีคนที่รักอยู่เคียงข้าง คือรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
“โอเคครับปกรณ์ มิ้นท์ ไว้ฉันกับลิซจะหาเวลาไปเจอนะ วันนี้พวกเราขอพักผ่อนก่อน” คีรินทร์บอก
“ได้เลย! พักผ่อนเถอะจ้า! หวานกันให้เต็มที่เลยนะจ๊ะ!” มิ้นท์แซวปิดท้าย ก่อนที่ทั้งสองจะวางสายไป
อลิสาและคีรินทร์มองหน้ากันแล้วยิ้มอีกครั้ง เสียงหัวเราะจากเพื่อนสนิททำให้พวกเขารู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ความสุขที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การเอาชนะศัตรู แต่อยู่ที่การได้อยู่เคียงข้างคนที่รัก และมีมิตรภาพที่ดีงามรายล้อม
พวกเขาหันกลับมามองแสงไฟระยิบระยับของเมืองยามค่ำคืนอีกครั้ง คีรินทร์กระชับอ้อมกอด อลิสาซบหน้ากับอกเขา ทั้งคู่จูบกันอีกครั้งอย่างเนิ่นนาน เป็นการจูบที่มั่นคงและเปี่ยมไปด้วยความรักที่ไม่มีวันจางหาย ความรักของอลิสาและคีรินทร์ได้ผ่านบททดสอบที่หนักหน่วงที่สุดมาแล้ว และบทสรุปของความวุ่นวายทั้งหมดก็คือ ความรักที่แข็งแกร่งกว่าสิ่งใด และพร้อมที่จะก้าวเดินต่อไปในอนาคตอันสดใสที่รออยู่เบื้องหน้า
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่