Beranda / โรแมนติก / เด็กผม / บทที่ 3 ความคิดถึง

Share

บทที่ 3 ความคิดถึง

last update Terakhir Diperbarui: 2025-03-19 02:24:24

             ตกดึกที่มันดึกจริงๆ เพราะทวีปตรงข้ามประเทศไทยที่เธออยู่ มันคือกลางวัน 

            เรรันต์นอนเกลือกกลิ้งไปมาอยู่กลางฟูกเริ่มจะเคลิ้มหลับ แต่แล้ว เสียงโทรศัพท์ดังขัดเธอให้ตาสว่างขึ้นมาอีกครั้ง

              ....หน้าจอเผยชื่อคนเดียวกันกับที่เธอรอคอย

            ( เฮ้ ..)

             เสียงปลายสายดูสดชื่น ในขณะที่เรรันต์เริ่มหงอยเต็มที ผุดขึ้นเปลี่ยนจากท่านอนมาเป็นท่านั่ง ก่อนจะกรอกเสียงตอบกลับไป

             “พี่คิม..” 

             ( ไหงเสียงเป็นงั้นล่ะคะ หนูง่วงเหรอ )

            “ง่วงสิ ก็พี่เล่นโทรมาซะป่านนี้ นี่มันดึกแล้วนะคะ”

              เธอบอกทำหน้าบู้บี้ใส่โทรศัพท์ ถึงปลายสายจะไม่เห็น แต่น้ำเสียงแบบนี้ก็พอจะเดาออก คิมหันต์จึงเป็นฝ่ายรู้สึกผิดเต็มๆ

             ( เฮ้อ...ก็คนมันยุ่งนี่นา ) 

            “อ้างๆๆ พี่คิมติดสาวหนึบแหง” 

             ( เฮ้ย!  ใช่ที่ไหน แก่แดดใหญ่แล้วนะเรา )

            “ไม่ได้แก่แดดค่ะ มันเรื่องจริงใช่มั้ย?”

            ( อย่ามาทำเป็นรู้ดี ติดสงติดสาวที่ไหนกันเล่า ชีวิตมีแต่เรียนกับเรียนเบื่อจะตายอยู่แล้วเนี่ย เมื่อไหร่จะได้กลับไทยสักที )

           “ชิ "ทำมาเป็นพูดเอาใจน้อง

           ( เอ้า ) 

          “ฮ่าๆๆ”

           มันคือความสนิทระดับสูงสุดของพี่น้องนอกสายเลือดคู่นี้ ในสายตาของคิมหันต์เรรันต์มักไร้เดียงสาเสมอ แต่ในความคิดของเจ้าตัวกลับคิดว่าเธอน่ะโตแล้ว การคุยกันมันเลยกลายเป็นการถกเถียงกันเสียมากกว่า เรรันต์คงจะนอนหลับฝันดีที่สุดในคืนนี้ เมื่อคนรอคอยโทรหา

             แต่แล้ว...

             กลับมีเสียงนี้กลับเล็ดรอดเข้ามาในสายเสียก่อน ซึ่งทำเรรันต์ที่กำลังหัวเราะร่วนให้กับบทสนาหยอกเย้า ที่ทำเธอเลี่ยงขมวดคิ้วเป็นปมไม่ได้

           ( คิมคะ เราจะไปกันได้รึยัง )

          ....นี่มันเสียงผู้หญิงนี่นา....

           “ใครคะพี่คิม เพื่อนพี่เหรอ” จึงตัดสินใจถาม

             ( อ่อ แฟนพี่น่ะค่ะ เออเรรันต์งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ พี่มีธุระต้องไปทำต่อ ที่นั่นคงดึกแล้วด้วย หนูนอนได้แล้ว )

            “พี่....” 

           ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด....

           “คิม....”

            ประโยคหลังออกมาแค่เสียงลม เรรันต์ถึงกับถือสายค้าง ก่อนจะค่อยๆลดมันลงพร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า เธอรู้สึกน้อยใจแปลกๆ มือชาวาบ และหัวใจมันถูกบีบตุบ ตุบ ทั้งๆอันที่จริงแล้วเธอน่าจะชินไปกับมัน คิมหันต์ทำให้เธอเห็นมาตั้งแต่เด็ก ว่าชีวิตเขาน่ะขาดผู้หญิงไม่ได้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนยังไงเขาก็ต้องมี แต่ทว่าวันนี้ ....ทำไม

          ...ดูเหมือนเธอนั้นไม่เข้าใจมันสักนิดเลย

         “ฮึก...”

          กลายเป็นเรื่องน่าละอายใจมากสำหรับเรรันต์ นั่นเลยทำให้เธอหักห้ามใจไม่รับโทรศัพท์เขาอีก ถ้ามันจะต้องคุยกันจริงๆ ก็ขอให้เป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น เหมือนอย่างเช่นวันนี้ ที่เธอกลับมาจากโรงเรียน แล้วเดินเข้าบ้านมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง สายตาจับจ้องเพียงทางเดิน กับใจที่นึกว่าตอนนี้อยู่ในห้องแล้วเท่านั้น ทว่า กลับต้องมาสะดุดกึกเข้ากับเสียงนี้ เมื่อเดินมาถึงห้องรับแขก

          “นี่ไง มาพอดีเลย” เธอชะงัก หันไปมองตามเสียง

          เห็นเป็นเคลลูกคนโตของคุณนายอารีย์ยืนอยู่ และกำลังคุยโทรศัพท์ แต่สายตาหันมาหาเธอ

           “คะ?”

         “คิมจะคุยด้วยน่ะ บอกเราไม่รับสายมันเลย”

          เขาบอกเสียงเรียบ แต่เรรันต์กลับสะบัดหน้าหนี แล้วเดินขึ้นบันไดไปเสียเฉยๆ

         “การบ้านเยอะค่ะ ขอโทษนะคะ”

         “อ่าว”

         เคลถึงกับงง ถือสายค้างไว้พร้อมเกาหัวแกรกๆ ในขณะที่เธอยังคงเดินต่อ ไม่หันกลับมามอง ไม่สนใจด้วยว่าเคลจะมองเธอไม่ดี เพราะสิ่งที่เธอกำลังทำ ก็แค่จะหาทางออกให้หลุดจากความรู้สึกนี้ก็เท่านั้น ที่มันไม่ได้เดือดร้อนใคร และไม่เกี่ยวกับใครเลยสักคน 

        “น้องไม่คุยว่ะคิม”

         “...” 

        “เออ หน้าไม่รับแขกด้วยว่ะ มีอะไรกันป่าววะ” 

         ได้ยินเพียงแค่นี้เธอยังจุก นับประสาอะไรกับการคุยด้วย นั่นเพราะเธอกำลังฝืนใจอยู่ใช่ไหม อันที่จริงเธออยากจะคุยใจจะขาด

         “ช่างมันเถอะ เขาเป็นพี่ชายแกนะรันต์ บ้าไปแล้วเหรอ”

          มันคือความหักห้ามใจขั้นสูง ที่เด็กวัยย่างสิบหกปีอย่างเรรันต์จะทำได้ เด็กที่ติดซีรี่ย์เข้าสายเลือด อยู่กับกลุ่มเพื่อนที่เป็นติ่งเกาหลี และที่สำคัญคิมหันต์นี่แหละเข้าข่ายเหมือนในนิยายที่สุด ทั้งเรื่องราว และหน้าตา 

         “เฮ้อ”

         ด้วยวุฒิภาวะยังเด็กเกินไป มันทำให้เธอแยกแยะไม่ออก เธอบอกตัวเองเสมออย่าไปคิดอะไรเกินเลย เขาเป็นเพียงพี่ชาย ซึ่งเหมือนเธอจะทำได้ซะด้วย ผ่านไปอีกห้าปี

         ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องนอกสายเลือดยังคงเดิม เปลี่ยนไปก็แค่ความสนิท ที่มันไม่เหมือนเดิม เรรันต์เกิดความกระดากอายในใจขึ้นมาเอง รับความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในใจไม่ได้ เธอจึงเลือกที่จะเลี่ยงในการคุยแบบเดิม กลายเป็นนานๆที และเฉพาะเท่าที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น

               ...มหาลัยเอกชนชื่อดังยานกลางเมือง...

             เรรันต์เรียนอยู่ที่นี่ เพราะนายแม่เธอเลือกให้ ทั้งๆอันทีจริงเธอเองก็เกือบถูกส่งไปศึกษาต่อที่เมืองนอกเหมือนกัน แต่คนดื้อตาใสอย่างเธอรึจะยอม เรรันต์ค้านหัวชนฝา ไม่ยอมไป

             จนกระทั่งคุณนายอารีย์ต้องยอมเสียเอง ไม่ไปเมืองนอกอย่างใจเธอต้องการก็ได้ แต่เรรันต์ต้องเข้ามหาลัยที่ดีๆ และหล่อนเลือกให้ พูดถึงคุณนายอารีย์แล้ว จะหาว่าหล่อนเจ้ากี้เจ้าการเสียหมดทุกเรื่องก็คงไม่ได้ หล่อนไม่ได้บังคับลูกๆไปเสียหมด เพียงแต่ทั้งหมดที่ทำเพราะอยากให้มีอนาคตที่ดี ซึ่งลูกๆหล่อนเองก็เข้าใจ รวมถึงลูกบุญธรรมอย่างเรรันต์ด้วย 

            “อ้าวรันต์ ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ เย็นมากแล้วนะ” 

             เสียงทุ้มของเบสเพื่อนเก่าสมัยไฮสคูลดังขึ้น เขาเองก็เป็นคนนึงที่บ้านมีทรัพย์มีสินไม่ต่างกันเลยกับเรรันต์ ด้วยเหตุผลที่มหาลัยนี้เป็นมหาลัยมีเกียรตินิยมอันดับต้นๆของประเทศ คงไม่แปลก หากคนมีตังค์หลายๆครอบครัวจะเลือกกัน ยัดทายาทของตัวเองเข้าไปเพียงแค่หวังผลให้ได้เจอคนดีๆ คบเพื่อนสังคมเดียวกัน เพื่อต่อยอดธุกิจภายภาคหน้าเท่านั้น 

            แต่กลับไม่ใช่เรรันต์คนนี้

           “ยังกลับไม่ได้หรอก รายงานที่จะส่งพรุ่งนี้ยังไม่เสร็จเลย”

           “แต่ห้องสมุดจะปิดแล้วนะ”

           “อ่อ งั้นคงต้องยืมไปต่อที่บ้าน” 

           “ให้เบสช่วยไหม”

            “ไม่เป็นไร”  เธอบอกตาแป๋ว พลางยิ้ม “เกรงใจน่ะ"

           “อ่อ”

           “แล้วเบส เอ่อ” เธอช้อนตาขึ้นมาถามต่อ แต่พอเห็นเขามองอยู่ และสบเข้ากับสายตานั้น หญิงสาวถึงกับชะงักกึกทันที เพราะเขานั้นหลบตาไม่ทัน “มะ ไม่กลับบ้านเหรอ”  และเธอเงยหน้าไปเจอพอดี​

         ตะกุกตะกักแบบนี้ เบสคิดเธอคงจะรู้แล้ว นั่นเลยทำให้เบสกล้าติดสินใจทำมากขึ้น

        “มารอรันต์น่ะ”

         “รอเราทำไม เราขับรถมาเอง”

          “เปล่า ไม่ได้จะไปส่ง”

          “อ้าว” 

         “ก็เห็นนั่งอยู่คนเดียว เลยได้โอกาสมาบอกสักที”

        หญิงสาวเริ่มใจหวั่น ถึงจะดูซื่อ แต่เธอเองก็มีความฉลาดไม่เบา

        “บะ บอกอะไรเหรอ”

          เบสเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะกลืนน้ำลายเตรียมตัวนิดหน่อย รวบรวมความกล้า

        “เบสชอบรันต์นะ ชอบมากเลย ชอบมานานแล้วด้วย เป็นแฟนกับเบสได้ไหม”

        “เอ่อ..”

         พลั่ก!

         ส่วนเรรันต์ เมื่อได้ยินถึงกับทำปากกาหลุดมือ

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เด็กผม   บทที่ 43 แต่งงาน 2

    งานมงคล... ประตูวิวาห์แสนจะฉุกละหุก ถูกจัดขึ้นในวันที่เหมาะสมที่สุด ต่างเป็นข่าวลั่นวงการนักธุรกิจอึกทึกครึกโครม เป็นบ่อเกิดความอับอายให้แก่คุณนายอารีย์ไม่น้อย ทว่า มันไม่ใช่การจำใจทำ แต่เกิดขึ้นมาด้วยความรักลูกและหลานล้วนๆ หล่อนไม่จำเป็นต้องใส่ใจหรือแคร์บุคคลอื่น ที่มีสถานะเป็นคนนอก ไม่ได้หาเงินให้หล่อนกินสักนิด " รัดไปไหมคะคุณหนู " เสียงเจิมเล็ดลอดออกมา สร้างรอยยิ้มตรงมุมปากคนยืนฟังอยู่ห่างๆ ทอดสายตามองไปยังเจ้าสาวตัวน้อยๆ ที่ไม่สมควรจะเป็นแม่คนด้วยซ้ำ แล้วกลั้นขำ " ฟู่ววว นี่ฉันควรจะดีใจหรือเสียใจดี " เรรันต์บ่นอุบ แม้จะถูกตราหน้าว่ามั่ว เป็นวงศ์ตระกูลฉายาสมพาลกินไก่วัด ทว่า หญิงใหญ่เสียงแหบเกินหวานอย่างเช่นคุณนายอารีย์น่ะหรือจะเดือดร้อน หล่อนคิดว่าดีซะอีก จะได้ไม่ต้องจัดกระบวนขันหมากไปขอใคร กินกันเองนี่แหละ ถือว่าดีไปอีกแบบ ขืนได้ลูกสะใภ้แย่ๆมา บ้านจะแตกน่าดู " เอาล่ะเรรันต์ เสร็จแล้วก็ออกไป แขกเรื่อมารอกันเพียบแล้ว นี่ฉันว่าฉันเปล่าเชิญใครนะ ทำไมถึงได้เยอะเกินคาด " ประโยคหลัง

  • เด็กผม   บทที่ 42 แต่งงาน

    ‘ ไม่นะคะ พี่คิม‘ โพล่งเสียงแหลม พร้อมถลาเข้าไปกุมมือใหญ่ไว้ เปิดโอกาสให้คิมหันต์ดึงเธอเข้าไปกอดได้พอดี “ อ๊ะ! ” ล็อคตัวเธอซะแน่นหนา ให้สมกับความคิดถึง และทรมานที่เขานั้นเจอมา ทำเรรันต์ดิ้นไม่หลุด เพิ่งมารู้ว่าถูกหลอกให้พูด ก็ตอนที่คิมหันต์โกหกเธอ ก็ตอนเขาหอมหนักๆ ลงหลายฟอดตรงซอกคอ ฟอดดดด " คิดถึงจัง..." “ นี่ หยุดนะ! ” ตัดสินใจผลักออกไปอย่างแรง จนเขาผงะ ก่อนจะเหวี่ยงฝ่ามือเข้าไปเต็มๆหน้า เพี้ยะ! ชายหนุ่มชาวาบไปทั้งหน้า หันไปยังไงกลับนิ่งอยู่ในท่านั้น รอให้หายมึน หายอึ้งก่อน จึงจะหันกลับ “รันต์...” “ หนูไม่ชอบ! “ กลับมาเจอเสียงแข็งของหญิงสาว พร้อมหน้ายับยู่ยี่ เธอเบิกตาโพลงมองคนตรงข้ามด้วยความโกรธ ในขณะคิมหันต์นั้นตกใจ “ พี่แค่กอดเองนะรันต์ “ “ กอดที่ไหน ตะกี้พี่...” “ ทำไม... “ ทำท่าจะเถียง แต่ต้องมาชะงัก เพราะคิมหันต์แทรกด้วยเสียงที่สั่นกว่า “ ถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ “ สีหน้าเข้าสลด ดวงตาสั่นเครือ เต็มไปด้

  • เด็กผม   บทที่ 41 ง้อ

    " ขวัญเอ๋ยขวัญมานะลูกนะ " เสียงคุณนายอารีย์ แม่บุญธรรมของเรรันต์เอื้อนขึ้น หลังออกจากโรงพยาบาล กลับมาพักฟื้นที่บ้าน ในขณะที่เธอนั่งอยู่บนรถเข็น โดยมีคิมหันต์เป็นคนดูแล " นายแม่.." เสียงเรียกน้อยๆของเธอ ทำหล่อนยิ้มฝืนเลื่อนมือลูบหัวลงมาลูบแก้ม ก่อนจะมองคนป่วยน้ำตาคลอ " เดี๋ยวก็หายแล้วลูก " "ฮึก.." ไม่ต่างกับเรรันต์เลยในตอนนี้ที่ปล่อยน้ำตาให้มันไหลลงมาแล้ว เธอไม่ได้เจ็บปวดเพราะเกิดอุบัติเหตุ แผลบนร่างกายไม่ได้ทำให้เธอเจ็บสักเท่าไหร่ แต่แผลในใจต่างหากที่มันอักเสบซะจนกลัดหนอง เรรันต์รู้สึกผิด ผิดเต็มๆที่ทำคนเป็นแม่เสียใจขนาดนี้ เธอรู้ สิ่งที่ได้มาอาจจะเป็นคำปลอบใจ แต่ขณะเดียวกันในใจลึกๆของคนพูดไม่ต่างกันเลยกับเธอ ยกมือขึ้นไหว้ แล้วบอกขอโทษ ในจังหวะที่นายแม่โน้มตัวลงมาพอดี " รันต์.." หล่อนบีบมือบางนั้นเบาๆ บอกเป็นนัยๆว่าไม่ได้โกรธ ก่อนจะดึงเข้ามากอด ซึ่งนั่นเปิดโอกาสให้เรรันต์ที่สะอื้นไห้อยู่แล้ว ปล่อยโฮอย่างเต็มที่ " ฮือๆๆ ฮือ.." ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ต่าง

  • เด็กผม   บทที่ 40 ในที่สุด

    ฝั่งด้านของคิมหันต์ตอนรู้ข่าว เขาเปล่าหึงหวงที่รู้ว่าเพื่อนสนิทกินน้ำใต้ศอกกันอย่างนั้น ไม่ได้ถือว่าเป็นของเหลือ เพราะไม่อยากดูถูกใคร แค่นึกไม่ถึงมากกว่าว่าคนอย่างสิงขรน่ะหรือจะทำมันจริง ปกติเขาเป็นคนเลือกมาก แต่พอได้ยินเหตุผลประมาณว่า เขานั้นมีน้ำใจอยากจะช่วยเพื่อน หวังกำจัดหล่อน ชายหนุ่มเลยไม่ติดใจอะไรอีก ในขณะคิมหันต์เปล่าคิดว่ามันจะสมควร ไม่ใช่ว่าจะไม่สนับสนุน เพียงแต่อีกใจนึงของเขา เขานึกสงสาร เห็นใจเพราะนี่ไม่ใช่วิสัยโดยตรง การทำแบบนี้มันดูหน้าตัวเมีย ทว่า เมื่อหันมาเห็นคนนอนนิ่ง ไม่ไหวติงอยู่ ทำชายหนุ่มแทบสะอึก จุกจนพูดไม่ออก ใช่ กับสิ่งที่ภรรยาเขาเจอล่ะ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน เธอยังอยู่ในคราบน้องสาวเขา แต่กลับต้องมาหมดอนาคตนับตั้งแต่เขานั้นกลับมา มันยุติธรรมแล้วหรือ? 15.00น. ร่างสูงยืนตระหง่านอยู่หน้าห้องในโรงพยาบาลด้วยความหมดแรง วันนี้เหยียบเข้ามาวันที่สิบสองแล้ว ภรรยาตัวน้อยๆของเขายังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น สองสามวันมานี้ เขารู้สึกเหงา และอ้างว้างเหลือเกิน กับเข็มนาฬิกาที่เดินไปเรื่อยๆ เชื่องช้าซะเหมือนแทบจะคลาน มันทำเขาไ

  • เด็กผม   บทที่ 39 เคมีตรง

    เมา... ศักยภาพของมันคืออะไรใครพอจะเข้าใจถึงความหมายตรงนี้บ้าง?? สำหรับคนทั่วไป อาจจะมองว่ามันทำให้ขาดสติ ทำอะไรสักอย่างออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ในความคิดส่วนตัวอย่างแอดมินสกั้งคนเขียนเรื่อง จะบอกให้รู้เลยตรงนี้ว่า.. ประเด็นสำคัญหลักของคนเมาไม่ได้อยู่น้ำเมา แต่มันอยู่ที่ตัวบุคคล คนที่ดื่มเข้าไป บางคนไม่ได้แย่ เมาคือการปล่อยโอกาสให้สันดานไม่ดีในจิตใต้สำนึกของคนกินนั้นออกมามากกว่า ดุจแพรววาตอนนี้ ที่ต่อให้เมารึไม่ ความเป็นเธอก็ยังคงเป็นเธอ ควงจริตยังไงไว้ข้างในก็ยังคงมีมันอยู่อย่างนั้น ถึงรู้อยู่แก่ใจว่าหล่อนนั้นผิด ผิดตั้งแต่เดินเข้ามาในชีวิตของคิมหันต์เพราะจุดประสงค์บางอย่างที่ไม่ใช่ความรัก หล่อนก็ยังไม่แคร์ สำนึกผิดอยู่ตรงไหนในความคิดหล่อน...คงไม่มี อันที่จริงหล่อนควรจะหายไปจากชีวิตของคิมหันต์ตั้งแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ ไม่ควรจะกลับมาให้เห็นหน้านับตั้งแต่เขาจับได้ คิมหันต์ทำตามข้อตกลงกับหล่อนอย่างถี่ถ้วนไม่มีข้อบกพร่องด้วยเงินห้าล้านบาท ทว่า..ทำไมยังไม่พอ หล่อนยังหวนคืนกลับมาใหม่ เพื่อยั่วยวนเขา

  • เด็กผม   บทที่ 38 ภาวนา

    คำจากปากหมอ ที่ว่าเรรันต์นั้นพ้นขีดอันตราย ปลอดภัยหายห่วงแล้ว ทำทุกคนซึ่งเฝ้าคอยแต่เข้าใจแค่ครึ่งเดียว ใช่อยู่ว่าเธอไม่ตาย แต่ทำไมยังไม่ฟื้น นี่ก็ผ่านมาจะเข้าวันที่สิบแล้ว หญิงสาวไม่มีทีท่าว่าจะลืมตาขึ้นมาเลย ความวิตกกังวลมาตกอยู่ที่คิมหันต์ เขาจะต้องทรมานแค่ไหน หากวันนึงไม่มีเธอ เขาเอาแต่โทษตัวเขาเอง กับการเจ็บตัวที่เรรันต์นั้นได้รับ กร่นด่าในใจสารพัด เฝ้าภาวนาให้เธอนั้นฟื้น เพื่อที่วันนั้นเขาจะได้กลับไปแก้ตัวเองใหม่ ทิ้งสันดานไม่ดี ผวนกลับมาดูแลเธอเต็มที่ ให้สมกับสิ่งที่เธอคู่ควร ...ซึ่งในฐานะภรรยาไม่ใช่น้องสาว.... ทุกๆภาพ ทุกๆเหตุการณ์ มันทำให้เขาเจ็บปวด หากย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะไม่ทำมันเลย รู้ว่ามันสาย รู้ว่าเพ้อฝัน และรู้ว่าเขานั้นผิด...พูดคำนี้ใครได้ยิน ก็คงมีแต่คนสมน้ำหน้า เหยียบย้ำซ้ำเติม ทว่า มันไม่มีความคิดไหนอีกแล้ว ที่จะเยียวยาจิตใจ นอกไปจากการสำนึกผิด และโทษตัวเองแบบนี้ สิบวันที่ผ่าน ใช่ว่าเขาจะกินอิ่มนอนหลับ คิมหันต์เครียดแทบจะอยู่บ้านไม่ติด ไม่ใช่ว่าคุณนายอารีย์เอาแต่ด่า ไม่ใช่หล่อนเอาแต่บึ้งตึงใส่

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status