จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเขาได้เด็กในบ้านเป็นภรรยา ความรักที่ต้องหลบซ่อนเอาไว้ภายใต้ความกดดันจะต้องแก้ไขกันอย่างไร
Lihat lebih banyakซอด..แซด... ซอด..ซอด...
เสียงโทรทัศน์ถูกเปิดทิ้งไว้ไร้ช่องสัญญาณ บ่งบอกให้รู้ว่าคนเปิดดูไม่รู้หลบอยู่ที่ไหน หลงเหลือแต่เพียงห้องหรูกว้างรสนิยมดีเท่านั้น ดวงตากลมโตเสมือนปลานิลกวาดมองไปทั่ว ก่อนจะหยุดอยู่ตรงประตูอีกบานที่ข้างในใช้เป็นห้องนอน แง้มจนแสงไฟข้างในเล็ดลอดออกมา
“ดีจัง พี่คิมยังไม่นอน”
เธอฉีกยิ้มกว้างเสียจนแก้มทั้งสองขึ้นรอยบุ๋ม กำชับตุ๊กตาตัวโปรดที่อุ้มมาด้วยไว้แน่น พลางเดินช้าเข้าไปข้างในหวังจะให้เจ้าของห้องเล่านิทานให้เธอฟัง
แอด...
ทว่าหลังบานประตูเปิดออก เธอกลับเห็นสิ่งนี้ที่ทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่งแทน
“เฮ้ย!”
เพราะในจังหวะนั้นชายหนุ่มที่ว่า กำลังขัดจรวดของตัวเองอยู่ เขาถึงกับตกใจ ทันทีที่หันมาเห็นเด็กน้อยวัยสิบขวบยืนตาแป๋วมองเขาอยู่ คนๆนั้นก็คือคนเดียวกันกับที่เธออยากให้เล่านิทานนั่นแหละ!
“เรรันต์ ดึกดื่นป่านนี้ เข้ามาทำไมครับ!”
เขาเผลอเสียงเข้มใส่ พลางดึงผ้านวมมาปิดท่อนล่าง ในขณะเด็กน้อยตรงหน้า ไม่ได้รู้สึกรู้สาหรือตกใจอะไร เธอกลับยืนหน้านิ่งไร้ความรู้สึก ก่อนจะยื่นหนังสือขนาดเอสามที่ถือมาด้วยให้
“หนูนอนไม่หลับ จะให้พี่คิมเล่านิทานให้ฟังหน่อยค่ะ”
ทำเอาคนฟังอย่างคิมหันต์ถึงกับอ้าปากค้าง ตีหน้าผากตัวเองดังโปะ ถอนหายใจออกมาอย่างแรง ดึงหนังสือจากมือเธอมาถือไว้ แล้วออกคำสั่ง
“ก็ได้ แต่เรรันต์ต้องหันหลังให้พี่ก่อน”
“ได้ค่ะ”
เพื่อที่เขาจะได้จัดแจงน้องชายให้เข้าที่เข้าทาง เกิดมันโผล่หัวออกมาทักทายกันอีกรอบ มีหวังเด็กสิบขวบคนนี้ได้ใจแตกแน่ๆ เขาจะเข้าข่ายเป็นคนวิปริตโรคจิตไหมเนี่ย!
ตระกูลจรัญทิพย์....
ตระกูลใหญ่ติดอันดับต้นๆของประเทศ ใครต่างก็รู้จักตระกูลนี้ดี ไม่ว่าจะเป็นใคร หากเป็นผู้ชายจะเหมือนกันหมด คนละพ่อคนละแม่ก็จริง..แต่ทว่านิสัยใจคอเหมือนถอดพิมพ์กันมาเด๊ะ นั่นเพราะนอกจากจะเป็นตระกูลไฮโซ รสนิยมดี ไม่ขาดแคลนธนบัตรใบละพันแล้ว เรื่องผู้หญิงก็ใช่ย่อย
..... จะเรียกว่าเสือตัวพ่อเลยก็ได้!
คืนนี้ในคฤหาสน์หลังนี้มีงาน งานฉลองเรียนจบมัธยมปลายของลูกชายคนสุดท้อง ซึ่งเข็นกันแทบตายกว่าจะผ่านเกณฑ์ ถูกก่อตั้งโดยความต้องการของนายแม่ ที่ใคร่ฉลองให้เพื่อนไฮโซกลุ่มเดียวกันมาแสดงความยินดีเท่านั้น และถือเป็นโอกาส บอกให้เหล่าญาติพี่น้อง เชื้อสายวงศ์ตระกูลทว่าเขม่นกัน รู้กันทั่วหน้าด้วย
ใช่! หล่อนกำลังจะส่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจอมเกเรคนนี้ไปเรียนต่อที่เมืองนอก ด้วยเหตุผลแค่คิมหันต์ เด็กหนุ่มอายุเพียง 18 ปี แต่แก่แดดบรมคนนี้จะได้เลิกเที่ยวเสียที!
ก็อก ก็อก ก็อก
"คุณคิมคะ คุณคิม"
ก็อก ก็อก ก็อก
“คุณคิมคะ!”
แอด..!!
“อะไร!”
เจิม สาวใช้วัยละอ่อน ถึงกับหน้าหงายหลังเคาะประตู แล้วมันถูกเปิดออกมาพร้อมกับเสียงตะโกน ก่อนจะถอดสีหน้าจากตกใจเป็นซีดเผือดแทน เมื่อเผลอเหลือบตารอดใต้วงแขนไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนอนเปลือยกายอยู่ พลางหลบตา
“คุณนายให้มาตามค่ะ บอกในงานแขกมาพร้อมกันแล้ว”
คิมหันต์ถึงกับหัวเสีย ทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ
“ก็ให้นายแม่ต้อนรับไปสิ นั่นมันแขกคุณแม่ไม่ใช่เรอะ!”
“มันก็ใช่ค่ะ แต่นั่นก็งานคุณคิมไม่ใช่เหรอคะ ฉลองที่เรียนจบ”
“เกี่ยวอะไรกับฉันด้วยวะ นายแม่ชวนมาไม่ใช่หรือไม่ ก็ดูแลไปสิ”
“แต่ว่า.. เอ่อ..”
“ฉันไม่ว่าง!”
ปัง!
ไม่ทันที่เจิมจะทันพูดจบ ประตูบานไม้ราคาแพงบานเดิมถูกผลักปิดใส่หน้าเสียก่อน
“เฮ้อ”
ทำหล่อนเบื่อหน่าย ถอนหายใจไปหลายเฮือก หมุนตัวเดินคอตกไปหาคุณนาย ไปถึงหล่อนก็รายงานทันที กระซิบข้างหูเสียงเบา ก่อนคุณนายจะตกใจ
“แกว่าไงนะเจิม ไอ้คิมมันเอาผู้หญิงมากกอีกแล้วเรอะ”
“ชู่ว คุณนายเบาๆสิคะ เดี๋ยวแขกก็แตกตื่นกันหมดหรอกค่ะ”
“หนอย ไม่เด็กลามก มีวันไหนบ้างที่ไม่ทำให้ฉันปวดหัวเนี่ย”
ทว่า คุณนายอารีย์ไม่สนใจ ลุกพรวดจากเก้าอี้ มาทุบกำปั้นตัวเอง ไม่ทันได้เห็น ว่าตอนนี้ลูกเลี้ยงวัยสิบขวบซึ่งยืนฟังอยู่ในทีแรก เดินหายไปแล้ว
เธอเดินอาดๆ ขึ้นไปชั้นสอง ผ่านคนในงานหลายต่อหลายคนที่ทักทายเธอตลอดทาง ก่อนจะไปหยุดอยู่หน้าประตูบานเดิม
ก็อก ก็อก ก็อก
“อะไรวะ!”
เสียงโวยวายดังมาจากข้างใน บ่งบอกถึงความขัดใจ บังอาจมาขัดจังหวะเขาครั้งที่สอง แต่ต้องสะดุดกึกหลังเปิดประตูออกมาเห็น
ผ่าง!!!
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ไป”
“...”
“อ่าว เรรันต์” ร่างสูงถึงกับถอดสีหน้า “หนูมาทำอะไรที่นี่คะ”
งานมงคล... ประตูวิวาห์แสนจะฉุกละหุก ถูกจัดขึ้นในวันที่เหมาะสมที่สุด ต่างเป็นข่าวลั่นวงการนักธุรกิจอึกทึกครึกโครม เป็นบ่อเกิดความอับอายให้แก่คุณนายอารีย์ไม่น้อย ทว่า มันไม่ใช่การจำใจทำ แต่เกิดขึ้นมาด้วยความรักลูกและหลานล้วนๆ หล่อนไม่จำเป็นต้องใส่ใจหรือแคร์บุคคลอื่น ที่มีสถานะเป็นคนนอก ไม่ได้หาเงินให้หล่อนกินสักนิด " รัดไปไหมคะคุณหนู " เสียงเจิมเล็ดลอดออกมา สร้างรอยยิ้มตรงมุมปากคนยืนฟังอยู่ห่างๆ ทอดสายตามองไปยังเจ้าสาวตัวน้อยๆ ที่ไม่สมควรจะเป็นแม่คนด้วยซ้ำ แล้วกลั้นขำ " ฟู่ววว นี่ฉันควรจะดีใจหรือเสียใจดี " เรรันต์บ่นอุบ แม้จะถูกตราหน้าว่ามั่ว เป็นวงศ์ตระกูลฉายาสมพาลกินไก่วัด ทว่า หญิงใหญ่เสียงแหบเกินหวานอย่างเช่นคุณนายอารีย์น่ะหรือจะเดือดร้อน หล่อนคิดว่าดีซะอีก จะได้ไม่ต้องจัดกระบวนขันหมากไปขอใคร กินกันเองนี่แหละ ถือว่าดีไปอีกแบบ ขืนได้ลูกสะใภ้แย่ๆมา บ้านจะแตกน่าดู " เอาล่ะเรรันต์ เสร็จแล้วก็ออกไป แขกเรื่อมารอกันเพียบแล้ว นี่ฉันว่าฉันเปล่าเชิญใครนะ ทำไมถึงได้เยอะเกินคาด " ประโยคหลัง
‘ ไม่นะคะ พี่คิม‘ โพล่งเสียงแหลม พร้อมถลาเข้าไปกุมมือใหญ่ไว้ เปิดโอกาสให้คิมหันต์ดึงเธอเข้าไปกอดได้พอดี “ อ๊ะ! ” ล็อคตัวเธอซะแน่นหนา ให้สมกับความคิดถึง และทรมานที่เขานั้นเจอมา ทำเรรันต์ดิ้นไม่หลุด เพิ่งมารู้ว่าถูกหลอกให้พูด ก็ตอนที่คิมหันต์โกหกเธอ ก็ตอนเขาหอมหนักๆ ลงหลายฟอดตรงซอกคอ ฟอดดดด " คิดถึงจัง..." “ นี่ หยุดนะ! ” ตัดสินใจผลักออกไปอย่างแรง จนเขาผงะ ก่อนจะเหวี่ยงฝ่ามือเข้าไปเต็มๆหน้า เพี้ยะ! ชายหนุ่มชาวาบไปทั้งหน้า หันไปยังไงกลับนิ่งอยู่ในท่านั้น รอให้หายมึน หายอึ้งก่อน จึงจะหันกลับ “รันต์...” “ หนูไม่ชอบ! “ กลับมาเจอเสียงแข็งของหญิงสาว พร้อมหน้ายับยู่ยี่ เธอเบิกตาโพลงมองคนตรงข้ามด้วยความโกรธ ในขณะคิมหันต์นั้นตกใจ “ พี่แค่กอดเองนะรันต์ “ “ กอดที่ไหน ตะกี้พี่...” “ ทำไม... “ ทำท่าจะเถียง แต่ต้องมาชะงัก เพราะคิมหันต์แทรกด้วยเสียงที่สั่นกว่า “ ถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ “ สีหน้าเข้าสลด ดวงตาสั่นเครือ เต็มไปด้
" ขวัญเอ๋ยขวัญมานะลูกนะ " เสียงคุณนายอารีย์ แม่บุญธรรมของเรรันต์เอื้อนขึ้น หลังออกจากโรงพยาบาล กลับมาพักฟื้นที่บ้าน ในขณะที่เธอนั่งอยู่บนรถเข็น โดยมีคิมหันต์เป็นคนดูแล " นายแม่.." เสียงเรียกน้อยๆของเธอ ทำหล่อนยิ้มฝืนเลื่อนมือลูบหัวลงมาลูบแก้ม ก่อนจะมองคนป่วยน้ำตาคลอ " เดี๋ยวก็หายแล้วลูก " "ฮึก.." ไม่ต่างกับเรรันต์เลยในตอนนี้ที่ปล่อยน้ำตาให้มันไหลลงมาแล้ว เธอไม่ได้เจ็บปวดเพราะเกิดอุบัติเหตุ แผลบนร่างกายไม่ได้ทำให้เธอเจ็บสักเท่าไหร่ แต่แผลในใจต่างหากที่มันอักเสบซะจนกลัดหนอง เรรันต์รู้สึกผิด ผิดเต็มๆที่ทำคนเป็นแม่เสียใจขนาดนี้ เธอรู้ สิ่งที่ได้มาอาจจะเป็นคำปลอบใจ แต่ขณะเดียวกันในใจลึกๆของคนพูดไม่ต่างกันเลยกับเธอ ยกมือขึ้นไหว้ แล้วบอกขอโทษ ในจังหวะที่นายแม่โน้มตัวลงมาพอดี " รันต์.." หล่อนบีบมือบางนั้นเบาๆ บอกเป็นนัยๆว่าไม่ได้โกรธ ก่อนจะดึงเข้ามากอด ซึ่งนั่นเปิดโอกาสให้เรรันต์ที่สะอื้นไห้อยู่แล้ว ปล่อยโฮอย่างเต็มที่ " ฮือๆๆ ฮือ.." ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ต่าง
ฝั่งด้านของคิมหันต์ตอนรู้ข่าว เขาเปล่าหึงหวงที่รู้ว่าเพื่อนสนิทกินน้ำใต้ศอกกันอย่างนั้น ไม่ได้ถือว่าเป็นของเหลือ เพราะไม่อยากดูถูกใคร แค่นึกไม่ถึงมากกว่าว่าคนอย่างสิงขรน่ะหรือจะทำมันจริง ปกติเขาเป็นคนเลือกมาก แต่พอได้ยินเหตุผลประมาณว่า เขานั้นมีน้ำใจอยากจะช่วยเพื่อน หวังกำจัดหล่อน ชายหนุ่มเลยไม่ติดใจอะไรอีก ในขณะคิมหันต์เปล่าคิดว่ามันจะสมควร ไม่ใช่ว่าจะไม่สนับสนุน เพียงแต่อีกใจนึงของเขา เขานึกสงสาร เห็นใจเพราะนี่ไม่ใช่วิสัยโดยตรง การทำแบบนี้มันดูหน้าตัวเมีย ทว่า เมื่อหันมาเห็นคนนอนนิ่ง ไม่ไหวติงอยู่ ทำชายหนุ่มแทบสะอึก จุกจนพูดไม่ออก ใช่ กับสิ่งที่ภรรยาเขาเจอล่ะ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน เธอยังอยู่ในคราบน้องสาวเขา แต่กลับต้องมาหมดอนาคตนับตั้งแต่เขานั้นกลับมา มันยุติธรรมแล้วหรือ? 15.00น. ร่างสูงยืนตระหง่านอยู่หน้าห้องในโรงพยาบาลด้วยความหมดแรง วันนี้เหยียบเข้ามาวันที่สิบสองแล้ว ภรรยาตัวน้อยๆของเขายังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น สองสามวันมานี้ เขารู้สึกเหงา และอ้างว้างเหลือเกิน กับเข็มนาฬิกาที่เดินไปเรื่อยๆ เชื่องช้าซะเหมือนแทบจะคลาน มันทำเขาไ
เมา... ศักยภาพของมันคืออะไรใครพอจะเข้าใจถึงความหมายตรงนี้บ้าง?? สำหรับคนทั่วไป อาจจะมองว่ามันทำให้ขาดสติ ทำอะไรสักอย่างออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ในความคิดส่วนตัวอย่างแอดมินสกั้งคนเขียนเรื่อง จะบอกให้รู้เลยตรงนี้ว่า.. ประเด็นสำคัญหลักของคนเมาไม่ได้อยู่น้ำเมา แต่มันอยู่ที่ตัวบุคคล คนที่ดื่มเข้าไป บางคนไม่ได้แย่ เมาคือการปล่อยโอกาสให้สันดานไม่ดีในจิตใต้สำนึกของคนกินนั้นออกมามากกว่า ดุจแพรววาตอนนี้ ที่ต่อให้เมารึไม่ ความเป็นเธอก็ยังคงเป็นเธอ ควงจริตยังไงไว้ข้างในก็ยังคงมีมันอยู่อย่างนั้น ถึงรู้อยู่แก่ใจว่าหล่อนนั้นผิด ผิดตั้งแต่เดินเข้ามาในชีวิตของคิมหันต์เพราะจุดประสงค์บางอย่างที่ไม่ใช่ความรัก หล่อนก็ยังไม่แคร์ สำนึกผิดอยู่ตรงไหนในความคิดหล่อน...คงไม่มี อันที่จริงหล่อนควรจะหายไปจากชีวิตของคิมหันต์ตั้งแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ ไม่ควรจะกลับมาให้เห็นหน้านับตั้งแต่เขาจับได้ คิมหันต์ทำตามข้อตกลงกับหล่อนอย่างถี่ถ้วนไม่มีข้อบกพร่องด้วยเงินห้าล้านบาท ทว่า..ทำไมยังไม่พอ หล่อนยังหวนคืนกลับมาใหม่ เพื่อยั่วยวนเขา
คำจากปากหมอ ที่ว่าเรรันต์นั้นพ้นขีดอันตราย ปลอดภัยหายห่วงแล้ว ทำทุกคนซึ่งเฝ้าคอยแต่เข้าใจแค่ครึ่งเดียว ใช่อยู่ว่าเธอไม่ตาย แต่ทำไมยังไม่ฟื้น นี่ก็ผ่านมาจะเข้าวันที่สิบแล้ว หญิงสาวไม่มีทีท่าว่าจะลืมตาขึ้นมาเลย ความวิตกกังวลมาตกอยู่ที่คิมหันต์ เขาจะต้องทรมานแค่ไหน หากวันนึงไม่มีเธอ เขาเอาแต่โทษตัวเขาเอง กับการเจ็บตัวที่เรรันต์นั้นได้รับ กร่นด่าในใจสารพัด เฝ้าภาวนาให้เธอนั้นฟื้น เพื่อที่วันนั้นเขาจะได้กลับไปแก้ตัวเองใหม่ ทิ้งสันดานไม่ดี ผวนกลับมาดูแลเธอเต็มที่ ให้สมกับสิ่งที่เธอคู่ควร ...ซึ่งในฐานะภรรยาไม่ใช่น้องสาว.... ทุกๆภาพ ทุกๆเหตุการณ์ มันทำให้เขาเจ็บปวด หากย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะไม่ทำมันเลย รู้ว่ามันสาย รู้ว่าเพ้อฝัน และรู้ว่าเขานั้นผิด...พูดคำนี้ใครได้ยิน ก็คงมีแต่คนสมน้ำหน้า เหยียบย้ำซ้ำเติม ทว่า มันไม่มีความคิดไหนอีกแล้ว ที่จะเยียวยาจิตใจ นอกไปจากการสำนึกผิด และโทษตัวเองแบบนี้ สิบวันที่ผ่าน ใช่ว่าเขาจะกินอิ่มนอนหลับ คิมหันต์เครียดแทบจะอยู่บ้านไม่ติด ไม่ใช่ว่าคุณนายอารีย์เอาแต่ด่า ไม่ใช่หล่อนเอาแต่บึ้งตึงใส่
Komen