Home / รักโบราณ / เทพเซียนบอลเย้ยยุทธจักร (Nc 18+) / บทที่ 2 : หมอกจาง ๆ และควัน

Share

บทที่ 2 : หมอกจาง ๆ และควัน

Author: L.sunanta
last update Huling Na-update: 2025-08-08 20:24:52

อาภรณ์แนบเนื้อสุดแปลกตาถูกกดน้ำหนักลงจนยากจะขัดขืน ทหารกีกี้ผู้รุกรานไม่อยู่ในสภาพที่จะต้านทานพลังช้างสารของเทพอู่เสิ่นถึง 3 องค์ได้ พลังปราณนั้นต่างกันเกินไป เทพสงครามอู่เสิ่นหนึ่งองค์ต้องบำเพ็ญตบะไม่ต่ำกว่าร้อยปีในภูเขา เทียนอวี่ซาน (天御山) กว่าจะมีวรยุทธ์ถึงพันส่วน ทหารหนุ่มจึงโดนบังคับให้คุกเข่าลง พลันโดนกดใบหน้าให้นาบลงไปกับพื้นตำหนักเยี่ยงสุนัขจนตรอก

.

"อั๊ก.. ก.. ก..!"

"หึ.. หึ.. ฮ่า.. ฮ่า.. ฮ่าาา.. ฮ่าาา.."

"ฮั่ว! , ฮ่า ๆ , ฮ่า ๆ , ฮ่า ๆ"

.

"มีกิจอันใดให้น่าขันมิทราบ ต่อหน้าฝ่าพระบาทเจ้าไยกล้ากระทำล่วงเกินองค์เง็กเซียนถึงเพียงนี้!"

"หุบปากซะ! ดาบจ้านหุน (战魂) ของข้ายังมิอยากลิ้มชิมดวงวิญญาณของเจ้าในยามนี้ , เงียบบบ!"

.

"ปั๊กกก!"

กระแทกสันดาบใส่กบาลทหารส่งสาส์นไปหนึ่งดอก ดูทรงแล้วหมอนี่เหมือนจะไม่ยี่หระกับสถานการณ์เลย เหมือนเขาเป็นแค่ทหารแนวหน้าที่ถูกใช้แล้วทิ้ง ชีวิตโคตรไร้ค่ายิ่งกว่าถุงยางที่ห่อด้วยผ้าอนามัย

.

"ข้าน้อยมิมีความเจ็บปวดอันใดหรอกนายท่าน พวกข้าชาชินกับพิษบาดแผลไม่ต่างจากวารีเคียงคู่กับมัจฉา"

"อั๊ก..ก..ก..! เราแตกต่างจากชาวสวรรค์เยี่ยงท่านโดยสิ้นเชิง พวกท่านมีเครื่องสักการะบูชาให้หยิบใช้มิขาดมือ พวกท่านได้รับการสรรเสริญจากมวลมนุษย์ และนับวันก็มีแต่จะเสวยสุขอยู่บนทิพย์วิมาน!"

"ในขณะที่พวกข้ากลับเป็นได้เพียงสิ่งมีชีวิตชายขอบ จะคนก็ไม่ใช่จะเทพก็ไม่เชิง เทียนซิ่งจง (天行种) คือสิ่งที่พวกท่านเรียกขานเรา"

"เรามิเคยมีแผ่นดิน เรามิเคยมีสิทธิ์มีเสียง และเวลาที่ เทียนซิ่งจง (天行种) จะทวงสิทธิ์คืนก็มาถึงแล้ว! สวรรค์จะต้องพินาศ!"

.

"อั๊ก..ก..ก..! นายเหนือหัวข้าส่งข้ามาเพื่อแจ้งสาส์นนี้ให้แก่ท่าน! ท่านเง็กเซียนฮ่องเต้!"

"ฮืด! , ฮาด! , ฮืด! , ฮาด! , ฮืด! , ฮาด!"

"เทพสวรรค์ทุกองค์จะต้องถูกทำลายให้ย่อยยับ!!!"

.

ร่ายยาวเป็นแถลงการณ์โดยไม่ต้องอ่านราชสาส์นใดในจอไอแพด ทหารกีกี้จดจำสิ่งนี้ได้ทุกคำจากห้วงอารมณ์โกรธเคืองของเขา น้ำลายเจิ่งนองเต็มปาก ใบหน้าถูกกดนาบตะแคงอยู่แนบพื้น แต่ครานั้นสายตาของเขาก็จ้องเขม็งมาที่ท่านเง็กเซียนอย่างไม่ลดละ เขาไม่แม้แต่จะกะพริบตา แววตานั้นดุยิ่งกว่าสัตว์สวรรค์ตนใดบนผืนฟ้านี้จะคณานับ

.

สวนทางกับท่านประมุขสูงสุด หลังจากได้ยินถ้อยคำอันแสนคับแค้นพระองค์ก็เริ่มสงบจิตใจลง พลันหันหลังกลับมานั่งลงบนบัลลังก์แช่มช้า ศรีษะของท่านหลานเซินถูกวางลงบนตัก ก่อนที่ต่อมาพระองค์จะเริ่มคิดย้อนกลับไปถึงกลุ่มชนกลุ่มน้อย ที่พวกเขาแทบจะจางจากไปจากห้วงทรงจำอย่าง เทียนซิ่งจง (天行种)

.

พวกเทียนซิ่งจงเป็นเผ่าพันธุ์สุดพิเศษที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นมนุษย์กับทวยเทพ คำว่า เทียนซิ่งจง (天行种) แปลว่า "เผ่าพันธุ์ผู้เดินบนฟ้า" เป็นคำนิยามสวยหรูที่เหล่าเทพอาวุโสบัญญัติขึ้นสำหรับสรรเสริญมนุษย์กลุ่มหนึ่ง ที่ตลอดชีวิตทำแต่กรรมดีและพอสิ้นชีพชีวาวายน์ก็ได้สิทธิในการขึ้นสวรรค์ และนั่นก็นำมาซึ่งโควต้าในการฝึกตนเพื่ออัพเกรดตัวเองให้ได้กลายเป็นเซียน พวกเขาจะได้เป็นทวยเทพบนฟากฟ้าหากฝึกตามตำราได้สำเร็จ แต่อนิจจาที่ส่วนใหญ่มักจะไม่รอด

.

ผู้ฝึกสำเร็จก็จะได้เป็นเทพแห่งฝน (雨神 หยู่เสิน) , เทพแห่งพืชผล (農神 หนงเสิน) , เทพแห่งเงินตรา(财神 ไฉ่เสิน) ฯลฯ แต่คนที่ฝึกไม่สำเร็จก็แน่นอนว่าจะต้องกลายเป็น เทียนซิ่งจง (天行种) ไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เหตุผลก็อาจจะมีหลายส่วนประกอบกันไม่ว่าจะเป็น ความอดทนอดกลั้นที่น้อยเกินไป บททดสอบที่โหดหินเกินขีดจำกัดของมนุษย์ หรือแม้กระทั่งพรสวรรค์ที่ใช่ว่าทุกคนจะมีสิ่งนี้ติดตัวมาตั้งแต่เกิด บางคนพยายามแทบตายก็ไม่ผ่าน ในขณะที่บางคนกลับมีเส้นสาย ตายปุ๊บได้อัพเกรดขึ้นเป็นเทพเลยก็มี

.

ท่านเง็กเซียนจึงนิ่งเงียบและลูบเคราขาด ๆ ของตนไปพร้อมกัน ก่อนจะหันไปถามเทพอู่เสิ่นในชุดเกราะองค์หนึ่ง

.

"พวกเทียนซิ่งจงนี่ปัจจุบันอยู่ในคุกกันใช่หรือไม่? เหมือนข้ามิได้ข่าวคราวพวกเขามานานนับพันปี?"

.

ทว่าคนที่ตอบกลับดันกลายเป็นปู่ซืออี้ ที่ชิงแทรกขึ้นก่อน

.

"มิใช่ขอรับใต้เท้า หอพันธนาการฟ้าของเรากักกันเฉพาะเทพที่กระทำความผิด หรือเทพที่ประพฤติตัวมิเหมาะสม มากกว่าครึ่งเป็นบุคลากรสวรรค์ที่ผิดอาญาเบื้องบนกระทำการอันระคายเบื้องพระยุคลบาท ทหารที่หนีทัพ นางกรรณิการ์ที่คบชู้ แต่ทุกองค์ล้วนแต่มีปราณแห่งเทพโดยเนื้อแท้ พวกเทียนซิ่งจงมิถูกจำแนกรวมอยู่ในชนกลุ่มนี้ขอรับ"

.

"หรือถ้าจะให้ข้าพูดง่าย ๆ ก็คือแม้แต่หอพันธนาการฟ้า ก็ยังมีศักดิ์ที่สูงส่งเกินกว่าจะให้พวกที่ฝึกไม่ถึงขั้นอย่างเทียนซิ่งจงได้จุติพำนักขอรับ"

.

"我的天啊 ! (หว่อ เตอะ เทียะ!) มิน่าล่ะเจ้าพวกนี้ถึงได้กล้ากระด้างกระเดื่องต่อเรา! "

"พรรคพวกเจ้าคงจะเคียดแค้นสวรรค์มากสินะ!"

"ว่าแต่ถ้ามิได้จองจำไว้ในหอพันธนาการ แล้วเทพอาวุโสอย่างท่านจัดการพวกเขาเยี่ยงไรรึท่านปู่ซืออี้?"

"ในฐานะเง็กเซียนข้ามิเคยล่วงรู้ในข้อพิพาทนี้เลย.."

.

หลุบสายตากดต่ำลงไปมองขี้ข้าทหารส่งสาส์นที่น่าสงสารสูงสุด ใบหน้าเขาบูดบึ้งหุบยิ้มลงนับตั้งแต่เริ่มได้ยินปู่ซืออี้และเง็กเซียนสนทนาถึงเผ่าพันธุ์ของตนเอง เขามิอาจขำขันหยิ่งยโสต่อไปได้เพราะยิ่งฟังก็ยิ่งเสียดแทงใจ เหมือนมีมีดนับล้านเล่มกรีดเฉือนเส้นเลือดหัวใจราวกับจะตายไปพร้อมกับคำดูถูก ดาบจ้านหุน (战魂) ยังคงจ่อที่คอหอย เกราะทองคำหนักเป็นตันยังคงกดทับเรือนร่างผนึกให้เขาหยุดอยู่กับที่

.

และหลังจากนั้นปู่ซืออี้ผู้เฒ่าแห่งหออักษรก็เริ่มเล่าถึงสถานที่ ๆ หนึ่ง ที่อยู่ในจุดต่ำสุดของแดนสวรรค์ ความสูงของมันอยู่ที่ระดับ 8,848.86 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เรียกได้ว่าสูงกว่ายอดเขา "เอเวอเรสต์" แต่ก็เทียบได้แค่เศษดินบนฝ่าเท้าของมหานครลอยฟ้าแห่งนี้เท่านั้น ที่นั่นดูจะเป็นจุดสูงสุดที่มนุษย์พอจะป่ายปีนขึ้นมาเป็นเซียนได้ แต่ก็อย่างที่เรารู้กันเพราะว่ามันก็กลายเป็นบ้านของ เทียนซิ่งจง ที่ไปไม่ถึงฝั่งฝันไปพร้อมกันด้วย

.

โลกมนุษย์มีสลัมฉันใดสรวงสวรรค์ก็มีขุยสังคังฉันนั้น แคว้นสุ่ยกั๋ว (水國) เคยเป็นอาณาจักรโบราณที่มีบึงน้ำล้อมรอบครบทั้ง 8 ทิศ แต่หลังจากที่กระบี่วารีถูกเทพองค์หนึ่งฉกชิกเอาไป แคว้นน้ำที่เคยอุดมสมบูรณ์แห่งนี้ก็สูญเสียสมดุล ความรกร้างเริ่มสถาปนาก่อตัว เส้นทางน้ำที่เคยล้อมรอบตัวเกาะก็กลายเป็นท่อระบายน้ำทิ้งที่รองรับสิ่งปฏิกูลจากแคว้นอื่น ๆ บนสรวงสวรรค์

.

ก่อนที่ต่อมา เทียนซิ่งจง คนแรกจะถูกอัปเปหิมาไว้ที่นี่ จากสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน จากพันเป็นหมื่น หลายปีเข้าสวรรค์ก็คัด เทียนซิ่งจง ที่สอบตกมาหมกไว้ที่นี่จนกลายเป็นนิคมปกป้องตนเอง พวกเขาอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ทับซ้อนซึ่งแม้แต่สวรรรค์กับโลกก็ยังเกี่ยงกันที่จะเป็นเจ้าของ ไร้ซึ่งสวัสดิการ ไร้ซึ่งงบประมาณสนับสนุน ตายก็ไม่ได้ตายเพราะดีเกินไป ครั้นจะกระเถิบขึ้นไปเป็นเซียนก็ดันฝึกไปไม่ถึง หรือจะตกนรกก็ดันชั่วไม่พอ อนิจจาเพราะจะเห็นเลยว่าเทียนซิ่งจงเป็นเผ่าพันธุ์ที่ผิดที่ผิดทาง ไปไม่สุดสักอย่างอยู่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ จนเป็นอัตลักษณ์อุจาดที่แปะอยู่กึ่งกลางหน้าผากพวกเขา

.

แคว้นสุ่ยกั๋ว (水國) ไม่เคยกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกเลยนับจากวันนั้น นาวาสถานแห่งนี้รกร้างเข้าขั้น ทรัพยากรเป็นศูนย์อย่าว่าแต่โขดหินต้นไม้ เพราะแม้แต่หญ้าที่วัวควายกินก็ยังไม่มีสักเส้น คำว่าธุรกันดารดูจะใกล้เคียงกับสิ่งที่เป็นมากสุด ทั่วทุกหัวระแหงถูกทะเลทรายย่างกรายเข้าทดแทน แม้จะมีอาณาเขตที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา แต่อรรถประโยชน์ที่ตอบแทนมาก็มีแต่ความเจ็บปวดสิ้นหวัง ที่นี่เหมาะเหลือเกินที่จะเป็นที่ฝึกตนของคนขี้แพ้ ไม่มีใครอยากอยู่ที่นี่ อยู่ก็เพื่อหนีจากแต่ก็กากเกินกว่าจะฝึกยุทธ์ไหว

.

"ข้าพูดถูกไหมเจ้าทหาร พวกเจ้าก็แค่หมาจนตรอกที่คิดการณ์ใหญ่เกินตัว"

.

ปู่ซืออี้ปิดตำราอักขราวิสุทธิ์ลง เกลียวฝุ่นที่ตีฟุ้งตอกย้ำว่าแม้แต่แกเองก็ยังต้องอาศัยการอ่านโพย แกจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยมีชื่อแคว้นนี้กับคนกลุ่มนี้อยู่ร่วมราชธานีเดียวกัน

.

"ถูกต้องขอรับท่านผู้อาวุโส!"

"แต่ก็ไม่ถูกทั้งหมดเพราะพวกเรามิเหมือนเดิม!"

"เพลานี้ทัพหน้ากับหน่วยองค์รักษ์ประตูเทวา (天门守卫) ของท่านแตกพ่ายแล้ว!"

"วรยุทธ์ของท่านมิสามารถต้านทานเพลงยุทธ์วิถีใหม่ที่พวกเรามี สวรรค์ถึงคราวสูญสิ้นแล้ว!!!"

"นี่สิขอรับถึงจะเรียกว่าถูก! ฮั่ว! , ฮ่า! , ฮ่า! , ฮ่า! , ฮ่า!"

.

"ปั๊กกก!"

.

"โอ๊ยยย!"

.

เทพสงครามอู่เสิ่นถึงกับบรรจงเตะรองเท้าหุ้มเกราะเข้าที่ปากพล่อย ๆ ของเขา ลิ่มเลือดนี่พุ่งกระจายเสยเป็นวงโค้ง ตามติดมาด้วยการกระชากเส้นผมให้แหงนหน้าเงยขึ้น จะได้กดคมดาบเฉือนลำคอได้ถนัดถนี่ ไม่จำเป็นต้องเจรจาเพราะการปกป้องศักดิ์ศรีขององค์จักรพรรดิ ก็เป็นหนึ่งในหน้าที่หลักของเทพสงครามเช่นกัน หมอนี่ดูจะล้ำเส้นเกินไปแล้ว

.

"ช้าก่อนอย่าเพิ่งท่าน! ข้ายังมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัย!"

ท่านเง็กเซียนถึงกับลุกขึ้นยืนห้ามปราม ศีรษะของท่านหลานเซินกระเด็นออกจากตัก

.

แต่นั่นก็ยังมิร้อนรนเท่ากับประโยคที่ทหารส่งสาส์นพูดปลายเปิดเอาไว้ ว่าตกลงกลศึกของพวกเขาคืออะไร วิธีการรบด้วยพลังขาและหลังเท้ากองทัพเทียนซิ่งจงไปร่ำเรียนมาจากไหน ทั้ง ๆ ที่พวกเขาไร้ซึ่งวรยุทธ์ เก็บอาการไม่อยู่ท่านเง็กเซียนถึงกับปรี่ชี้หน้าเดินลงมาจากบัลลังก์

.

"ตุบ! , ตุบ! , ตุบ! , ตุบ! ,ตุบ! "

.

"เจ้า! หากเจ้ายังรักตัวกลัวตายจงตอบข้ามาตามตรง! "

"ว่าขุมพลังของเจ้าคือสิ่งใด เหตุใดเจ้าถึงมีกระบวนท่าอันพิสดารเหล่านี้!"

"ตอบ! หากมิตอบข้าจะให้เทพอู่เสิ่นสับเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ !"

.

ถ้อยแถลงดังกึกก้องกัมปนาท ตำหนักสวรรค์สั่นโครมครามแต่ครานั้นทหารผู้น้อยก็มิได้มีท่าทางตื่นกลัวแต่อย่างใด กลับกันเขากลับเลือกที่จะข้ามผ่านวจีอันคุกคาม ด้วยการชำเลืองหางตาไปยังเทพสงครามอู่เสิ่นอีก 7 องค์ที่ยืนอยู่รายรอบ ทำไมเทพสงครามองค์อื่นถึงยังไม่โผล่มา? เป็นไปได้ไหมว่าสงครามมิได้อยู่ที่ชายแดน ณ จุดเดียว?

.

"ข้ามิได้รับบัญชาให้มาตอบในสิ่งนั้นขอรับใต้เท้า"

"และการเป็นพลทหารส่งข่าว ก็ต้องเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าอาจจะไม่ได้กลับ"

.

"เจ้านี่มัน! , ฮึ๊ยยย! , ช่างกวนประสาทนัก!"

.

"สาส์นที่ข้านำมาได้ถูกถ่ายทอดไปจนครบถ้วนแล้ว"

"แต่ข้าอยากบอกสิ่งหนึ่งให้ท่านเง็กเซียนทราบเอาไว้ เพื่อเป็นดั่งเครื่องบรรณาการขอรับ"

.

"บอกมา..!"

.

" 4 - 4 - 2 ไดมอนด์ , 5 - 3 - 2 คริสมาสต์ที , 4 - 3 - 3 เฮฟวี่เมทัล , 4 - 2 - 2 - 2 อุไนเอมิรี่ ฯลฯ "

"แผนภูมิของสวรรค์ประกอบด้วยแคว้นสำคัญ 11 แคว้น พวกเรา เทียนซิ่งจง (天行种) ยึดแคว้นชายแดนไปแล้วหนึ่ง.."

"และพวกเราไม่ได้มีแค่ทัพเดียว เรามีทั้งกองทัพหลักและทัพสำรอง กรมกองตอบสนองสลับสับเปลี่ยนแทนกันได้ตลอดทั้งศึก.."

.

"เจ้าพูดเรื่องอะไรของเจ้า ข้ามิเห็นเข้าใจ?"

.

และระหว่างที่องค์จักรพรรดิ์กำลังหันไปหาปู่ซืออี้เพื่อขอคำปรึกษา ทหารกีกี้ที่เตรียมใจมาก็ได้ทำการปิดสวิตซ์ตัวเองลง ด้วยการสะบัดคอเข้าใส่คมดาบจ้านหุน (战魂) ในมือเทพอู่เสิ่นอย่างกล้าหาญ สะบัดฉึบเดียว! ดาบอ้วนขึ้นไปสามปี! มันเขมือบทั้งดวงวิญญาณสวาปามกระทั่งโลหิต แต่นั่นก็ยังไม่น่าอัศจรรย์เท่ารูปลักษณ์ของเขา ที่ผิดแผกไปอย่างมีนัยยะ

.

"เปรี๊ยะ! ๆ , เปรี๊ยะ! ๆ"

ตอนมา ๆ พร้อมกับสายฟ้าสีม่วงอินทนิล ตอนไปก็เช่นกัน

.

แนวสปาร์คส่ายยึกยือขึ้นมาบนคอแทนที่แผลของคมดาบ มีรอยปริที่เผยอแยกแต่กลับไม่มีเลือด!

.

"ฟู่~! , ฟู่~! , ฟู่~! , ฟู่~!"

.

กลายเป็นหมอกก๊าซที่พุ่งออกมาแทน ควันสีม่วงฟุ้งโขมงสอดคล้องกับร่างกายของเจ้าตัวที่ค่อย ๆ ฟีบลงเรื่อย ๆ จนไม่เหลือเค้า ไขมันหายไป มวลกล้ามเนื้อหายสิ้น สูญสิ้นไปถึงชิ้นกระดูก จนท้ายที่สุดสภาพของเขาก็ไม่ต่างจากลูกฟุตบอลที่โดนปล่อยลมจนแบนแฟบ กระทั่งหมอกก๊าซส่างซาสิ่งที่เหลือไว้ต่างหน้าก็มีเพียงอาภรณ์เสื้อผ้ากับชุดยูนิฟอร์ม

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เทพเซียนบอลเย้ยยุทธจักร (Nc 18+)   บทที่ 2 : หมอกจาง ๆ และควัน

    อาภรณ์แนบเนื้อสุดแปลกตาถูกกดน้ำหนักลงจนยากจะขัดขืน ทหารกีกี้ผู้รุกรานไม่อยู่ในสภาพที่จะต้านทานพลังช้างสารของเทพอู่เสิ่นถึง 3 องค์ได้ พลังปราณนั้นต่างกันเกินไป เทพสงครามอู่เสิ่นหนึ่งองค์ต้องบำเพ็ญตบะไม่ต่ำกว่าร้อยปีในภูเขา เทียนอวี่ซาน (天御山) กว่าจะมีวรยุทธ์ถึงพันส่วน ทหารหนุ่มจึงโดนบังคับให้คุกเข่าลง พลันโดนกดใบหน้าให้นาบลงไปกับพื้นตำหนักเยี่ยงสุนัขจนตรอก."อั๊ก.. ก.. ก..!""หึ.. หึ.. ฮ่า.. ฮ่า.. ฮ่าาา.. ฮ่าาา..""ฮั่ว! , ฮ่า ๆ , ฮ่า ๆ , ฮ่า ๆ"."มีกิจอันใดให้น่าขันมิทราบ ต่อหน้าฝ่าพระบาทเจ้าไยกล้ากระทำล่วงเกินองค์เง็กเซียนถึงเพียงนี้!""หุบปากซะ! ดาบจ้านหุน (战魂) ของข้ายังมิอยากลิ้มชิมดวงวิญญาณของเจ้าในยามนี้ , เงียบบบ!"."ปั๊กกก!"กระแทกสันดาบใส่กบาลทหารส่งสาส์นไปหนึ่งดอก ดูทรงแล้วหมอนี่เหมือนจะไม่ยี่หระกับสถานการณ์เลย เหมือนเขาเป็นแค่ทหารแนวหน้าที่ถูกใช้แล้วทิ้ง ชีวิตโคตรไร้ค่ายิ่งกว่าถุงยางที่ห่อด้วยผ้าอนามัย."ข้าน้อยมิมีความเจ็บปวดอันใดหรอกนายท่าน พวกข้าชาชินกับพิษบาดแผลไม่ต่างจากวารีเคียงคู่กับมัจฉา""อั๊ก..ก..ก..! เราแตกต่างจากชาวสวรรค์เยี่ยงท่านโดยสิ้นเชิง พวกท่านมีเครื่องส

  • เทพเซียนบอลเย้ยยุทธจักร (Nc 18+)   บทที่ 1 : หน่วยเสริม

    “เฮือกกก!”.เสียงท่านเง็กเซียนสะบัดดวงหน้าออกมาจากแท่งเสาน้ำได้อย่างฉิวเฉียด แต่ก็ยังเร็วไม่พอ.“ระวังขอรับท่านเง็กเซียน! อร๊ายยย! หวาดเสียว!”.“ฉึบ!!!”.“ซ่าาาาา~!”.จริงอย่างที่ท่านปู่ซืออี้ตะโกนลั่น แกยังอุทานไม่จบประโยคดีด้วยซ้ำ เคราสีเทาอันเงางามของท่านจักรพรรดิก็โดนมวลน้ำทั้งยวงหั่นขาดสะบั้นลงต่อหน้า! ศีรษะอาจจะดึงหลบพ้นแต่เคราดันไม่รอด ละอองเศษเส้นขนปลิวกระจุยกระจาย ทำเอาท่านเง็กเซียนถึงกับเซถลาหงายท้องล้มกองลงบนพื้น.“天啊 ! (เทียน นา!) เป็นยังไงบ้างขอรับท่านเง็กเซียน?”แกรีบปรี่เข้ามาสอบถามอาการ โดยไม่สนใจใยดีน้ำในอ่างคันฉ่องธารา ที่กระเพื่อมต่ำลงจนลดระดับเหลือเพียงครึ่ง."差点就完了,幸好逃过一劫.. (ช่าเตี่ยน จิ้ว หวาน เลอะ ซิ่งห่าว เถากั้ว อี้เจี๋ย)"ฟังไม่ได้ศัพท์นักแต่แปลเป็นไทยจากท่านเง็กเซียนได้ว่า "เกือบไปแล้วสิ ดีที่รอดมาได้" ระหว่างนั้นมือของท่านก็ยังคงลูบคลึงเคราตัวเองไปด้วย ทั้งที่มันแทบไม่เหลือให้ลูบแล้ว.“คือท่านเง็กเซียนขอรับ.. ข้าน้อยมีบางสิ่งจะเพ็ดทูลให้ทราบ”.“ข้ารู้น่ะ! ข้าแค่คุ้นชินกับการลูบคางแบบนี้เฉย ๆ ข้าจะลุกขึ้นเองผู้เฒ่าอย่างเจ้าหาใช่กิจธุระ!”.“มิใช่ขอรั

  • เทพเซียนบอลเย้ยยุทธจักร (Nc 18+)   บทนำ : รุกรานสวรรค์

    ความสงบสุขเห็นเพียงจะเหลือแค่ในพงศาวดาร หากจะว่าด้วยเรื่องของความเก่าแก่แล้ว อาณาจักรบนฟากฟ้านามว่าสรวงสวรรค์แห่งนี้ดูจะเก่าแก่เกินกว่าจะหาบันทึกประวัติศาสตร์เล่มไหนพรรณนาถึงได้ สวรรค์คือวิมานของเหล่าทวยเทพ พวกเขาถูกเชื่อมโยงเข้ากับความเชื่อของมนุษย์ ยิ่งมนุษย์ศรัทธากำลังวรยุทธของเทพแต่ละองค์ ก็จะได้รับอานิสงส์พูนเพิ่มตามพลวัฒน์ ก่อนที่ต่อมาพรหรือคำอธิฐานต่าง ๆ จะถูกดลบันดาลโดยพวกท่าน แล้วส่งกลับลงไปยังเมืองมนุษย์อีกที.จากทิวาข้ามผ่านราตรี ผ่านไปนับหมื่นปีพันปี สวรรค์ก็ไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้มาก่อน จะเป็นไปได้เช่นไรที่เทวาสถานวิหารกลางฟ้าแห่งนี้จะถูกโจมตีจากศัตรูที่มิเคยพบเห็น วรยุทธ์อันลึกล้ำกระบวนท่าพิสดารแหวกโลกัณฑ์ทำให้การรุกคืบใกล้ขึ้นและใกล้เข้า ท่านปู่ซืออี้เทพแห่งการเรียนรู้ คลี่ม้วนคัมภีร์อักขราวิสุทธ์ แกพยายามจะแจ้งเรื่องนี้กับเง็กเซียนฮ่องเต้ผู้เป็นจักรพรรดิสูงสุดให้ทราบว่า กลศึกที่ศัตรูใช้มิได้อยู่ในตำราพิชัยยุทธเล่มใดเลย พวกมันเป็นยิ่งกว่ามือปืน อาวุธสวรรค์ทุกชิ้นต้านทานได้เพียงประหนึ่งไม้ซุงงัดกับภูเขาเจียนจื่ออี้ ( 简子怡 ) เห็นทีท่านปู่คงต้องฝากตัวรับใช้นา

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status