LOGINอรุณเบิกฟ้านกกาโบยบิน ในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากหลับนอนกับแอลลี่ใน Multiverse ไปหลายน้ำ ก็ถึงเวลาที่จางอี้เฟิงจะลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับการต่อสู้ในชีวิตจริงซะที เขาอาบน้ำแต่งตัวลงมาทานข้าวเช้าที่คุณแม่เตรียมไว้ให้ อาหารวันนี้ยังคงหอมกรุ่นชวนกินเช่นเคย มีหมั่นโถว่ลูกใหญ่ , ซุปหัวไชเท้า , ข้าวต้มกุ๊ยร้อน ๆ แล้วก็ขนมกรุบกรอบไว้ทานเล่นอีกมากมายหลายชนิด เห็นแล้วก็ชวนให้เจริญอาหารดีเหลือเกิน
.
"ลูกเฟิงนั่งลงสิลูก เช้านี้แม่จัดชุดใหญ่ไว้ให้หนูเลยนะ"
"แม่รู้นะว่าลูกมีเรื่องไม่สบายใจ เมื่อวานก็ไม่เห็นจะกินอะไรสักคำ.."
คุณแม่ตักน้ำแกงมาวางที่โต๊ะ ด้วยสีหน้าของคนเป็นห่วง
.
"ไม่มีอะไรหรอกครับแม่ แค่นี้ผมจัดการเองได้ ผมโตแล้วนะครับ"
จางอี้เฟิงตอบเสียงเรียบ เขาก็ยังเป็นเขาและไม่มีทางบอกหรอกว่าไอ้ที่ว่าแก้ปัญหาน่ะ คือการชักว่าวแบบมาราธอน!
.
คุณพ่อที่นั่งทานข้าวอยู่ก่อนแล้ว ก็เลยแทรกขึ้น
.
"งั้นถ้าไม่อยากเล่า! ก่อนจะนั่งลงกินข้าวก็ยกสำรับไปไหว้เทพเตาไฟเจ้าเสิน (灶神) ท่านสักหน่อยสิ"
"ท่านเป็นเทพประจำบ้านผู้คอยปกป้องคุ้มครองเรา ลูกลองขอพรจากท่านดู อย่างน้อยจิตใจจะได้ผ่อนคลายลง"
"ถ้าสมาธิไม่ดีจะเรื่องเรียน หรือเล่นกีฬาก็จะแย่ไปหมดนะลูก.."
.
"อืม.. ได้เลยครับพ่อ ผมจะจัดการให้เดี๋ยวนี้"
.
ว่าแล้วก็ปีนขึ้นหิ้งไปปักธูปจำนวนสามดอก ตามติดด้วยการนำกับข้าวใส่ถ้วยเล็ก ๆ ขึ้นไปเปลี่ยนสลับกับของเดิม ปกติจางอี้เฟิงก็ทำการสักการะเทพเจ้าแบบนี้อยู่เป็นประจำ เขาเป็นเยาวชนสายมูตัวยง เอะอะอะไรก็เรียกหาเทพองค์นั้นองค์นี้ให้ช่วยอยู่เป็นนิจ และทุกทีเขาก็มักจะขอพรให้ตัวเองมีสุขภาพที่ดี มีพลานามัยที่สมบูรณ์ มีกำลังวังชาในการเบียดปะทะแย่งบอลกับคู่แข่ง เพิ่งจะมีวันนี้แหละที่เขาลองขอพรในส่วนของความรักดู ซึ่งก็นะ! ก็ขอ ๆ ไปงั้นแหละ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าแอลลี่คบกับใครอยู่
.
.
ตัดภาพมาที่โรงเรียน สำนักกีฬาลี่ฮือหลวงดูเหมือนจะมีกฏข้อหนึ่งที่สำนักร่วมเมืองอื่น ๆ ไม่มีกัน นั่นก็คือประตูรั้วของพวกเขาไม่เคยปิด! ที่นี่เปิดโอเพ่นตลอดเพราะมีนโยบายว่ากีฬาไม่เคยเป็นพิษเป็นภัยต่อใคร ใครอยากใช้ก็ใช้ ใครอยากมาเล่นก็เล่น เสียเหงื่อให้กับกีฬาดีกว่าเสียน้ำกามให้กระหรี่ติดเอดส์ เพราะงั้นแอลลี่ถึงแอบมาฝึกฟุตบอลตอนดึก ๆ ได้ และตอนนี้ที่ยังคงเป็นเวลาเช้าตรู่ ตะวันยังไม่ขึ้นไก่ยังไม่โก่งคอขัน แต่จางอี้เฟิงกลับมาถึงสำนักก่อนใคร ๆ ตั้งหลายชั่วโมง
.
"เหอะ ๆ ก็มันนอนไม่หลับนี่นา อยู่บ้านก็ไม่รู้จะทำอะไรอยู่ดี"
"สู้มาเตะบอลรอเพื่อน ๆ ที่นี่ดีกว่า ขืนไม่ทำอะไรเลยประเดี๋ยวหน้ายัยแอลลี่ก็จะตามมาหลอนเราอีก"
"ไม่ไหวแล้ว.. น้ำเราจะหมดตัวอยู่แล้ว.. แข้งขาก็อ่อนล้า.. , เฮ้อ~! "
.
"ตุบ!!!"
เสียงบอลพลาสติกง่อย ๆ กลิ้งแคร๊ก ๆ ไถลไปกับพื้นปูน
.
จางอี้เฟิงวิ่งเตะบอลของเล่นของเขาอยู่คนเดียวตรงลานหน้าเสาธง เขาใช้ฐานของแป้นบาสเป็นโกลล์หนูเล็ก ๆ เพื่อเลี้ยงจี้ ๆ ๆ แล้วก็สับไกยิง! บางจังหวะก็เล่นชิ่งหนึ่งสองกับเงาตัวเอง ทำคอมโบแบบโคตรเหนือชั้นแล้วก็ตวัดยิง! ตูมมม! เจตนาเพื่อฆ่าเวลาล้วน ๆ เพราะสิ่งนี้ไม่ทำให้เขาเพิ่มพูนทักษะฟุตบอลที่เหลือล้นอยู่แล้วให้มากขึ้นแต่อย่างใด เขาแค่ไม่อยากฟุ้งซ่านไปกับแอลลี่ นี่ต่างหากคือเจตนาที่แท้จริง
.
แต่ทว่าทำไปได้ราว 3 ก้านธูปก็เริ่มจะเบื่อ! ยังไม่มีเพื่อนร่วมสำนักคนไหนมาถึงสักคน ท้องฟ้าก็ยังโพล้เพล้จะเอายังไงต่อดียังคิดไม่ออก เดชะบุญที่ดวงตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นรูปปั้นเทพเจ้าประจำโรงเรียน ที่ตั้งอยู่เยื้อง ๆ กับเสาธงเข้า นี่คือประติมากรรมลอยตัวขนาดเท่าคนจริงที่สวยสง่างามมาก ว่ากันว่าอดีตครูใหญ่ถึงกับจ้างช่างชาวอิตาลีมาแกะสลักเลยทีเดียว
.
ซึ่งนั่นมิใช่ประเด็นที่จะทำให้จางอี้เฟิงเกรงกลัว เขาหันซ้ายแลขวาดูแล้วก็ดูอีกว่าไม่มีใคร พลันคิดต่อไปว่าคงอีกนานกว่าจะมีนักเรียนคนแรกโผล่มาถึงสำนัก จิตอกุศลบวกความคิดอุตริจึงบังเกิด! เมื่อเจ้าตัวดันอยากจะท้าทายความสามารถของตัวเองขึ้นมา ผ่านการทำชาเลนจ์!
.
"เอาวะ! มาทดสอบความแม่นดูดีกว่า"
"เราเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าเป็นบอลพลาสติก เรายังจะเปิดได้แม่นอยู่ไหม?"
.
หนุ่มหัวใสจึงเริ่มเลี้ยงบอลไปตั้งไว้ที่ตรงกลางลานปูน แป้นบาสกลายเป็นอดีต เพราะเทวรูปด้านหน้านั้นหฤหรรษ์กว่าอย่างมหาศาล จากนั้นจางอี้เฟิงก็เอาโทรศัพท์สมาร์ทโฟนมาเข้าโหมดถ่ายวีดีโอ พลันเอาไปตั้งไว้บนพื้นปูนโดยพิงกับขวดน้ำเอาไว้ ณ ตอนนี้ภาพในจอเครื่องจึงเป็นคลิปวีดีโอที่บันทึกการกระทำของเขาไว้ได้แบบเต็มตัว เห็นตั้งแต่หัวยันหำ ทั้งยังเป็นมุมถ่ายเสยที่โคตรคูลและโคตรอาร์ทเอามาก ๆ !
.
เมื่อทุกอย่างพร้อมเจ้าตัวจึงเริ่มพูดกับกล้อง
.
"สวัสดีครับชาวเน็ตทุกคน ๆ ดูทุกท่าน วันนี้ผมจะมาทำชาเลนจ์ปิดตาเตะบอลให้ดูกันนะครับ"
"มาดูกันดีกว่าว่าผมจะเตะบอลโดน "กระจู๋" ของเทวรูปที่อยู่ตรงหน้าได้หรือไม่?"
"แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่าไม่! เพราะบอลพลาสติกลูกนี้ค่อนข้างเบา เป็นไปได้สูงว่าจะโดนลมเป่าให้ไซส์โค้งหลุดเป้าไปซะก่อน"
"เดี๋ยวเรามาลองดูกันนะคร๊าบบบ!"
.
"พรึบ! , พรึบ!"
สะบัดผ้าเช็ดหน้าผืนโตออกมา พลันนำมาผูกเข้าที่ตาตัวเอง
.
ต่อด้วยการใช้มืองม ๆ อัง ๆ หาว่าลูกบอลอยู่ตรงไหน ภาพในกล้องคือทุลักทุเลมาก จนคิดว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จางอี้เฟิงจะทำชาเลนจ์นี้ได้สำเร็จ แต่ทว่าหลังผ่านไปพักใหญ่เขาก็เริ่มตั้งหลักได้ จางอี้เฟิงเดินถอยหลังไปสามเก้าพลันสูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อตั้งสติ จากนั้นจึงวิ่งปรี่เข้ามาเต็มแรงแล้วก็หวดตู้มมม!!! ไปแบบพรวดเดียว!!!
.
"ตูมมม!!!"
.
บอลพลาสติกพุ่งทะยานส่ายยึกยือราวกับงูเลื้อย แต่ก็เป็นงูที่ฉวัดเฉวียนไม่เลว ใครรับบอลลูกนี้เข้าไปคงไม่แคล้วเจ็บตัวหนัก จางอี้เฟิงไม่รู้ว่าเขาเตะไปตรงทิศไหม แต่การที่เขาได้ยินเสียงลูกบอลกระทบกับสิ่งใด นั่นย่อมเท่ากับว่าเจ้าตัวมาถูกทาง นักบอลหนุ่มจึงรีบแกะผ้าปิดตาออก พลันหันมาเช็คคลิปวีดีโอที่อัดไว้เป็นการด่วน ถึงได้พบว่ามันเข้าเป้าแบบเต็ม ๆ เต็มกระเปาะหำขององค์เทพแบบเน้น ๆ เลยด้วย!
.
"ไอ้หยา! แม่นโคตร!"
"นี่เราควรอัพโหลดคลิปนี้ลงโซเชียลดีไหมเนี่ยะ?"
"แต่อย่าดีกว่านั่นมันรูปปั้นเทพเจ้า ใครรู้เข้าจะดราม่าเอา เพราะเราเองก็ไมคิดว่ามันจะโดน!"
"เป้าเชี่ยน! (抱歉) , เป้าเชี่ยน! (抱歉) ศิษย์ผู้นี้กราบขออภัยต่อท่านองค์เทพ"
ผสานมือขึ้นกึ่งกลางอก แล้วยื่นออกมาเขย่าโค้งคำนับเหมือนในหนังจีน
.
แม้จะอยู่คนเดียวและไม่มีใครเห็น แต่จางอี้เฟิงก็สำนึกได้ด้วยตนเองว่าเขานั้นคึกคะนองเกินไป เขาขอขมาท่านเทพด้วยความบริสุทธิ์ใจ และหวังว่าเทพประจำโรงเรียนจะให้อภัยแก่เขา โดยหารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้ว! เทวรูปสลักหินองค์ดังกล่าวแม่งก็คือ "เทพกงกง" เทพ LGBT บนสรวงสวรรค์ที่หายหน้าหายตาไปหลายตอนนั่นเอง!
โกหกตกนรกใต้ดิน , ใครไม่รักษาคำสัตย์ต้องกลืนเข็มพันเล่ม , ให้แล้วเอาคืนมะรืนนี้ตาย ฯลฯ สารพัดถ้อยคำสาปส่งในตำนานมักจะเชื่อมโยงโลกมนุษย์เข้ากับปรภพ แล้วก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่ามักจะมีเทพองค์นั้นองค์นี้ลงมาเกี่ยวข้อง คำถามคือแล้วจางอี้เฟิงของเราล่ะ! นักบอลตำแหน่งตัวสำรองของสำนักลี่ฮือหลวงผู้นี้ เพิ่งจะเตะบอลอัดไข่กระโปกเทพกงกงไปเมื่อเช้า คิดเหรอว่าเขาจะรอดจากอาชญากรรมพวงอัณฑะนี้ไปได้ อนิจจาสาสมใจ ยังไม่ถึงครึ่งวันเคราะห์กรรมก็เห็นผล."อั๊ก! , อ่ะ! , อึ๊ก..ก..ก..ก..! , อั๊ก!""เหี้ย! เกิดอะไรขึ้นกับไข่เราวะ แม่งปวดชิบเป๋ง!""มันเหมือนมีอะไรมาบีบไข่เราไว้เป็นพัก ๆ บีบแล้วก็ปล่อย! ปล่อยแล้วก็บีบ! อู๊ยยยย!!!".กริยาบิดไปบิดมาอยู่บนเก้าอี้ช่างดูไม่สง่างาม เขาดูเหมือนกับเด็กอนุบาลที่ปวดฉี่แต่ไม่กล้ายกมือขอคุณครู หนำซ้ำยังทนอยู่ ทนต่อ แล้วก็ทนต่อไป จนกระทั่งลามมาถึงช่วงพักเที่ยง."กริ๊งงงงงง!!!! , กริ๊งงงงงง!!!!"เสียงออดพักเที่ยงดังสนั่น คุณครูเก็บเอกสารปล่อยนักเรียนไปรับประทานข้าวเที่ยง และทันใดนั้นแอลลี่ที่นั่งอยู่โต๊ะฝั่งตรงข้าม ก็ได้เร่งเดินเข้ามาหาจางอี้เฟิงเป็นคนแรก."อี้เฟิงนายเป็นอะไร
อรุณเบิกฟ้านกกาโบยบิน ในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากหลับนอนกับแอลลี่ใน Multiverse ไปหลายน้ำ ก็ถึงเวลาที่จางอี้เฟิงจะลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับการต่อสู้ในชีวิตจริงซะที เขาอาบน้ำแต่งตัวลงมาทานข้าวเช้าที่คุณแม่เตรียมไว้ให้ อาหารวันนี้ยังคงหอมกรุ่นชวนกินเช่นเคย มีหมั่นโถว่ลูกใหญ่ , ซุปหัวไชเท้า , ข้าวต้มกุ๊ยร้อน ๆ แล้วก็ขนมกรุบกรอบไว้ทานเล่นอีกมากมายหลายชนิด เห็นแล้วก็ชวนให้เจริญอาหารดีเหลือเกิน."ลูกเฟิงนั่งลงสิลูก เช้านี้แม่จัดชุดใหญ่ไว้ให้หนูเลยนะ""แม่รู้นะว่าลูกมีเรื่องไม่สบายใจ เมื่อวานก็ไม่เห็นจะกินอะไรสักคำ.."คุณแม่ตักน้ำแกงมาวางที่โต๊ะ ด้วยสีหน้าของคนเป็นห่วง."ไม่มีอะไรหรอกครับแม่ แค่นี้ผมจัดการเองได้ ผมโตแล้วนะครับ"จางอี้เฟิงตอบเสียงเรียบ เขาก็ยังเป็นเขาและไม่มีทางบอกหรอกว่าไอ้ที่ว่าแก้ปัญหาน่ะ คือการชักว่าวแบบมาราธอน!.คุณพ่อที่นั่งทานข้าวอยู่ก่อนแล้ว ก็เลยแทรกขึ้น."งั้นถ้าไม่อยากเล่า! ก่อนจะนั่งลงกินข้าวก็ยกสำรับไปไหว้เทพเตาไฟเจ้าเสิน (灶神) ท่านสักหน่อยสิ""ท่านเป็นเทพประจำบ้านผู้คอยปกป้องคุ้มครองเรา ลูกลองขอพรจากท่านดู อย่างน้อยจิตใจจะได้ผ่อนคลายลง""ถ้าสมาธิไม่ดีจะเรื่องเรียน หรื
ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง ทำไมฟ้าถึงเห็นเขาเป็นตัวตลกเช่นนี้ เทพเซียนเบื้องบนประทานพรสวรรค์ในการเตะบอลมาให้ แต่กลับกลายเป็นเขาเองที่ทำทุกอย่างพังลงกับมือ จางอี้เฟิงวิ่งฝ่าความมืดเอานิทราบดบังราคี ดวงหน้าเขาเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความเสียใจ เขาทั้งผิดหวังในตัวเอง และผิดหวังในตัวแอลลี่ เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าเพื่อนที่สนิทกันขนาดนั้น จะกล้าทำในสิ่งที่เหมือนกับในหนัง AV ลงไปได้.แอลลี่จะทำอะไรให้พี่หลิงห่าวบ้างนะ เธอจะคุกเข่าลงแล้วถลกกางเกงพี่เขาออกใช่ไหม หรือจะเริ่มจากการค่อย ๆ ล้วงแล้วใช้ปาก อื้อหือ! ในหัวจางอี้เฟิงนี่เต็มไปด้วยฉากอีโรติค เขาอายุ 17 ยังไม่เต็ม 18 ดีด้วยซ้ำ แต่ฉากรักบำเรอกามเหล่านั้นกลับฟุ้งซ่านอยู่เต็มกบาลเต็มไปหมด ไม่ไหว ๆ ไม่เอาแล้วไม่คิดแล้ว! ทันทีที่วิ่งกลับมาถึงบ้านเจ้าตัวจึงรีบกระชากประตูรั้วออกเสียงดัง!."แกร๊งงง!!! , ครืดดด!!!".หมาเฝ้าบ้านเห่าระงม และแน่นนอนว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่นี่พุ่งเข้ามาถามไถ่ก่อนเลยเป็นอันดับแรก พวกท่านเห็นแล้วว่าท่าทางของลูกผิดปกติไป ท่วงท่างุ่นง่านไม่สนใจโลก การก้าวเดินย่างสามขุมไม่พูดไม่จา แม้ทุกคำถามจากบิดามารดาจะเต็มไปด้วยความห่วงใย แต่จางอี
ต้องใช้คำว่า "เรียบร้อยโรงเรียนลี่ฮือหลวง" ได้เลย จางอี้เฟิงกลายเป็นคนที่แพ้ภัยตัวเอง ฝีเท้าของเขาไม่ได้แย่เขาคือคนที่โดดเด่นที่สุดด้วยซ้ำ แต่ด้วยวุฒิภาวะและความแข็งแกร่งของจิตใจ ก็ต้องยอมรับว่าสอบตกแบบยกกระดาน คนเป็นโค้ชเขาดูออก และเพราะแบบนั้นเจ้าตัวถึงยังมีเงาหัวอยู่ในสำนักในฐานะของตัวสำรอง เป็นคนอื่นคงโดนเฉดออกจากทีม ให้ไปแข่งกีฬาชนิดอื่นไปแล้ว.หลังผลการคัดตัวออกห้วงเวลาก็เข้าสู่ช่วงพลบค่ำพอดี เหล่านักกีฬาตัวแทนต่างก็อิดโรยเหนื่อยล้า ไม่มีใครอยากทำอะไรอีกแล้ว นอกจากรีบอาบน้ำล้างตัวแล้วก็กลับบ้านไปนอน เว้นก็แต่กลุ่มนักเตะทีมสำรอง ที่โค้ชสั่งให้อยู่เก็บของและอุปกรณ์ฝึกซ้อมต่าง ๆ หนักอึ้งจากความผิดหวังแล้ว ยังต้องมาหนักหลังยกของหนักอีก ดูท่าพวกเขาทั้ง 7 คนคงจะไม่สบอารมณ์ต่อสิ่งนี้ แล้วหัวโจกในการก่อหวอดก็ไม่ใช่ใคร จางอี้เฟิงนักเตะแห่งสายลมของเรานี่เอง."เฮ้อ! ให้มันได้อย่างงี้สิฟะ! ไปเว๊ยพวกเรารีบทำรีบเสร็จ""เอ็ง 3 คนไปช่วยกันเก็บเสาโกลล์นะ ส่วนฉันจะเก็บบอลใส่ตาข่าย""ส่วนอีก 3 คนก็กระติกน้ำ ขวดน้ำมันมวยทาขา น้ำมันหมาทาควยอะไรก็เก็บใส่คูลเลอร์ยัดรวม ๆ กันไปเลย""เหนื่อยชิบหายแต่เจ
แดดยามสายซัดเปรี๊ยงแผดเผาหนังศีรษะ เช้านี้อากาศดีไม่เบาไร้ซึ่งเค้าฝนบนฟ้าท้องฟ้าแจ่มใส โดยหารู้ไม่ว่าที่ใต้นภาดังกล่าวกำลังมีลานประลองเพลงแข้งที่เข้มข้นที่สุดในยุคสมัย "หน้ากระดานเรียง 3 หาข้าพเจ้า!" คือถ้อยคำที่เฮดโค้ชสั่งให้ลูกศิษย์วัยเจริญพันธุ์ตั้งแถว เหล่านักฟุตบอลร่วม 30 ชีวิตกรูกันออกมาจากห้องแต่งตัว วิ่งปรี่ลงสู่สนามพร้อมชุดแข่งเต็มยศ งานนี้ไม่ใครก็ใครไม่ฉันก็แกเพราะท้ายที่สุดแล้วจะเหลือแค่ 11 คนที่เป็นตัวจริงให้สำนักกีฬาลี่ฮือหลวงเท่านั้น."เยสโค้ช!"ตะเบงเสียงพร้อมเพรียงกันราวกับแม่ครัว ที่กำลังแข่งขันครัวนรก Hell Kitchen.ตบเท้าโรมรันตั้งศอกจัดระยะ ระหว่างนั้นผู้ช่วยโค้ชก็ได้นำกรวยยางขนาดเล็กไปตั้งเป็นระยะ เพื่อให้นักกีฬาได้ทดสอบการเลี้ยงบอลภายในเวลาที่กำหนด ทิศทางการเลี้ยงมีทั้งเลี้ยงไปตรง ๆ และการเลี้ยงสลับฟันปลาซิกแซ็ก เรียกได้ว่ามีแค่สปีดต้นคงไม่พอ งานนี้ผู้เข้าทดสอบจะต้องมีความพริ้วไหวจากระดับบั้นเอวลงไปด้วย ใครเป็นสายกระเด้าคงได้เปรียบ สะโพกที่ปลิดปลิวจะทำให้พวกเขาผ่านด่านนี้ได้โดยปริยาย ในขณะที่หลายคนก็ตกม้าตายเพราะดันวิ่งเร็วกว่าลูกบอลก็มี.ทั้งจางอี้เฟิงและรุ่นพ
เหลือบมองนาฬิกาหน้าปัดชี้ไปที่ตัวเลข 16.30 น. เขากินความสายเป็นอาหารเช้า ความป่วยหรือไม่สบายก็กัดกินร่างกายของนักฟุตบอลหนุ่มอนาคตไกลอย่างเขาไม่ได้ จางอี้เฟิงมาถึงห้องแต่งตัวก่อนสมาชิกคนอื่นเหมือนเช่นทุกครั้ง เขาไวสมดังชื่อ ตู้ล็อคเกอร์ประจำตัวถูกเปิดออกและจัดแจงหยิบเครื่องแบบนักเลงเพลงแข้งมาสวมใส่ ราวกับผ้ายืดพวกนี้เกิดจากเซลล์รูขุมขนเดียวกับหนังกำพร้าบนเรือนร่างของเขา.ชั่วเคี้ยวหมากแหลกทุกอย่างก็เรียบร้อย ยูนิฟอร์มพร้อมสนับแข้งบรรจุเข้าประจำที่ เปิดก่อนได้เปรียบจางอี้เฟิงแทบจะเดินลงสนามและเริ่มวอร์มอัพก่อนใคร ๆ ซึ่งกว่าเพื่อนร่วมทีมคนอื่นจะทยอยมา เขาก็น่าจะเครื่องร้อนจนนำหน้าทุกคนไปหลายพลวัต ด้วยความสัตย์จริงว่าสถานการณ์ ณ ปัจจุบันทีมฟุตบอลของสำนักลี่ฮือหลวงนั้น ยังหาผู้เล่น 11 ตัวจริงไม่ได้ มีเด็กในโรงเรียนให้เลือกมากมายแต่คนที่ใช่นี่สิ ที่จำเป็นจะต้องได้รับการเคี่ยวเข็ญจนแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจซะก่อน."เอาล่ะ! ตามกำหนดการที่โค้ชบอกวันนี้คือวันคัดตัวจริง 11 คนแรกสินะ!""เราจะพลาดไม่ได้โอกาสมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น! , สู้โว๊ยยย!""เฮ๊ยยยย!!!"."โครมมมม!"ต่อยประตูล็อคเกอร์เข้าไปเ







