“ค่ะ...คุณอยากเจอฉันหรือ” กันติชาเอ่ยถามเหมือนละเมอ เรือนกายโปร่งบางสั่นไหวเหมือนสองขายืนอยู่บนกราบเรือ ซึ่งกำลังโคลงเคลง เท้าเล็กเรียวพาร่างสูงโปร่งถอยไปด้านหลัง ปลายมือปลายเท้าเย็นเฉียบ เรี่ยวแรงเหมือนจะถูกดูดออกไป พร้อมหัวใจที่พยายามจะกระโดดออกมาจากทรวง ความรู้สึกในวันนั้นที่เธอพยายามลืมก็ย้อนกลับมาในสมองอีกครั้งอย่างไม่สามารถหักห้ามได้
สัมผัสจากมือและปากร้อนผ่าวเหมือนถ่านไฟลากไล้ลามเลียไปทั่วกายา ไม่เว้นแม้แต่จุดอันอ่อนไหวและไวต่อความรู้สึก นำพาให้เธอได้รับรู้ถึงสัมผัสอันลี้ลับระหว่างชายหญิงที่มีทั้งความร้อนปนอ่อนหวาน ทั้งซาบซ่าน วาบหวิว ปั่นป่วนไหววูบในช่องท้องอย่างที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ สองขาเรียวยาวสั่นระริกจนยืนทรงตัวไม่อยู่และเกือบจะทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว ถ้าหากว่าไม่ได้ยินเสียงที่ดังมาจากด้านหลัง
“เป็นอะไรไปนะว่าว เหนื่อยมากหรือไงเรา ก็น่าจะเหนื่อยอยู่หรอกนะ งานวันนี้คนที่มาเรื่องมากจะตาย เดี๋ยวจะเอานั่น เดี๋ยวจะเอานี่ ไอ้นั่นไม่ดี ไอ้นี่ไม่ได้” จันทร์เอ่ยทักสาวน้อยที่นางเลือกใช้ให้มาทำอาหารวันนี้อย่างเห็นใจระคนสงสาร
กันติชาเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด เมื่อต้องเดินให้วุ่นระหว่างสนามหญ้าหน้าบ้านกับห้องครัว จนขาแทบจะสะดุดพันกันเองอยู่หลายครั้ง เพื่อลำเลียงอาหารไปเสิร์ฟพวกคุณหญิงคุณนาย แต่ปากและนิสัยไพร่สถุล ชอบดูถูกเหยียดย่ำคนที่ต่ำต้อยกว่า ถ้าเป็นหญ้าก็คงจะจมหายไปในดิน โผล่หน้าขึ้นมารับแสงที่ดวงตะวันสาดส่องมาให้แก่สรรพสิ่งบนพื้นโลกไม่ได้เลย
สำคัญคือนางกำลังหนักใจ เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่คนเป็นนายเจอกับกันติชา ดูเหมือนว่าสายตาของราชันย์มักจะคอยจับจ้องอยู่ที่ร่างของแม่ครัวสาว ทั้งที่ปกติแล้วนายซึ่งเงียบเฉยและเงียบขรึมไม่เคยที่จะสนใจใคร
ก็นะ...จะไปสนใจทำไมกันล่ะ ในเมื่อผู้หญิงที่อยู่รายล้อมรอบข้างล้วนแล้วแต่จัดเจนพร้อมที่จะมอบกายให้ทุกคน แม้กระทั่งกันติชา ถ้าวันนั้นนางมาไม่ทัน สาวน้อยตรงหน้าคงได้แต่นั่งเสียใจ น้ำตาตกในเพราะพลาดท่าเสียทีให้กับหนุ่มจอมเจ้าชู้ที่ฟันแล้วทิ้งไปแล้ว แต่มาคิดอีกทีก็แปลกใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ปกติราชันย์ไม่สนใจสาวไร้เดียงสาไร้ประสบการณ์ แต่ในค่ำคืนนี้กลับเฝ้าจับตามองกันติชาเหมือนเป็นขนมหวานชนิดที่โปรดปรานจนไม่อาจละสายตาได้
จันทร์เหนื่อยกับพฤติกรรมของนายจ้างที่เจ้าเสน่ห์เหลือเกิน เพียงแค่เดินผ่านเท่านั้นเอง สาวๆ ก็พร้อมกระโดดขึ้นเตียงมอบบริการเร่าร้อนให้ในทันควัน ชั้นเชิงการล่อหลอกก็เปรียบเทียบได้เป็นชนชั้นปรมาจารย์ แม้กระทั่งหญิงที่ว่าสวย เลิศ เชิด หยิ่ง นายก็สอยลงมาจากบนฟ้าพามาคลุกคลีบนเตียงนอน ก่อนสลัดทิ้งเหมือนกับถุงเท้าคู่เก่าที่ขาดแหว่งเป็นรู แล้วมีหรือที่สาวน้อยไร้เดียงสาและใสซื่ออย่างกันติชาจะต้านทานเสน่ห์อันล้นหลามและทันเล่ห์เหลี่ยมหมาป่าตัวร้ายและเจ้าแผนการได้นะ
“หนูว่าว”
“ค่ะป้าจันทร์...มีอะไรหรือเปล่าคะ” เอ่ยถามเมื่ออีกฝ่ายร้องเรียกแล้วไม่เอ่ยใดๆ นอกจากมองหน้าเธอดวงตาค่อนข้างกังวล
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร” จันทร์ปฏิเสธ แม้ใจจะหวาดวิตก กลัวว่าตัวเองจะเป็นคนชักนำกันติชาให้มาเจอกับซาตานร้ายในคราบเทพบุตรมาร อย่างที่สาวๆ บางคนให้ฉายา
ราชันย์หน้าตาหล่อเหลาคมเข้ม แต่นิสัยแย่สุดๆ ปากร้าย ถ้าทำให้ไม่พอใจก็เตรียมตัวไว้เถอะ พ่อด่าไม่ไว้หน้าแม้ว่าคนที่สร้างความไม่พอใจให้จะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อแม่ หรือแม้จะมีผมสองสีแล้วก็ตาม เอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง ไม่ได้ดั่งใจเมื่อไหร่จะอาละวาดจนข้าวของพังเสียหาย
‘แม่ง...จะไปสนใจมันทำไม ของเสียก็ซื้อใหม่เอาซิ ไม่เห็นยากเงินทองก็มี’ ทำอย่างกับว่าเงินทองที่มีสะสมไว้จะมากมายจนใช้ชั่วชีวิตไม่หมดอย่างนั้นแหละ เพราะถ้ามีแต่ใช้ ไม่หาเก็บแล้วมันจะไม่หมดได้ยังไงกันล่ะ
จันทร์ถอนหายใจแผ่วเบาหนักอกหนักใจเหมือนมีหินก้อนใหญ่มากดทับเอาไว้ ดวงตาฝ้าฟางจับจ้องที่ร่างสาวน้อยวัยแรกรุ่น แม้จะอยู่ในเสื้อผ้าเก่าซอมซ่อ แต่กลับเน้นให้กันติชายิ่งโดดเด่นและสะดุดตาหนุ่มๆ หลายคนในงานเสียเหลือเกิน
นางคิดผิดใช่ไหมที่ชักนำกันติชามาทำงานในค่ำคืนนี้ ด้วยเพียงเพราะความเอ็นดูในความน่ารักและชอบในความขยันขันแข็ง รู้จักทำมาหากิน อาหารที่ทำก็รสชาติอร่อยหวานลิ้นและสะอาด อีกทั้งเป็นเด็กเรียบร้อยไม่ให้ท่าให้ทางผู้ชาย จะต้องมาพลาดท่าเสียทีพวกเสือสิงห์กระทิงแรดที่มาร่วมงานในคืนนี้
“ป้าเหนื่อยแล้วใช่ไหมล่ะ” เอ่ยอย่างเอื้ออาทร ป้าจันทร์คงเหนื่อยที่ต้องวิ่งวุ่นทั้งวันจนแทบไม่มีทานอาหาร แต่ไม่กล้าบอกเพราะเกรงใจเธอ
“หนูว่าวเองก็ไม่น้อยกว่าป้านะ วิ่งวุ่นทำตามคำสั่งคนนั้นคนนี้ตลอดเวลา” จันทร์แอบผ่อนลมหายใจออกจากปอดแผ่วเบา มองกันติชาด้วยความเอ็นดู พร้อมคิดถึงวันก่อนที่ได้นัดกันติชามาพบเจ้านาย ถ้าวันนั้นนางกลับมาไม่ทัน กันติชามีหวัง...
ไม่โทษและไม่คิดว่าเป็นความผิดของกันติชา เพราะรู้อยู่แล้วว่าเจ้านายของนางเป็นเสือผู้หญิงตัวฉกาจ อีกทั้งลูกล่อลูกชนก็แพรวพราว นี่คงเห็นว่าสาวน้อยหน้าตาน่ารัก ใสซื่อไม่ทันคน เลยหลอกล่อด้วยชั้นเชิงและประสบการณ์ที่เหนือกว่า ชักนำสาวไม่ประสาให้หลงไปในวังวนแห่งความรู้สึกชายหญิงที่เป็นของต้องห้าม ทำให้มีใครหลายๆ คนต่างก็ยอมทำผิดกฎเกณฑ์เพียงเพื่อกระโดดลงไปลิ้มลอง บางคนได้ดีก็ดีไป บางคนก็ร้ายกลายเป็นไฟลวกทั้งร่างกายและหัวใจให้ต้องเจ็บปวดและชอกช้ำ ขออย่าให้กันติชาเป็นหนึ่งในคนพวกนั้นเลย
“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะป้า แค่นี้เองเด็กๆ มาก งานที่หนูทำอยู่ทุกวันหนักกว่านี้ตั้งเยอะ ยังสู้ไหวเลยนี่นา” กันติชาบอกเสียงนุ่มพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานๆ และเย็นใจให้
งานประจำที่ทำอยู่ต้องตื่นเลยเที่ยงคืนมาประมาณหนึ่งถึงสองชั่วโมง เตรียมทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อย เพื่อเช้ามาจะมีอาหารพร้อมพรั่งวางขายให้กับลูกค้าที่ดาหน้าเข้ามาตั้งแต่ไก่ไม่ทันจะขัน ตกบ่ายก็ไปตลาดหาซื้อของมาเตรียมไว้สำหรับวันต่อไป เหนื่อยสายตัวแทบขาดก็ยังผ่านพ้นมันมาเลย นับประสาอะไรกับงานแค่นี้ละ เหนื่อยเพียงแค่สี่ห้าชั่วโมงแต่ผลตอบแทนที่ได้รับเรือนหมื่น คุ้มแสนจะคุ้มแล้ว
มือเล็กเรียวยกขึ้นปาดเหงื่อที่มันไหลซึมทั่ววงหน้าและลำคออย่างคนมีน้ำอดน้ำทน คิ้วโก่งเป็นปื้นเลิกขึ้นเล็กน้อย “ป้ามีอะไรหรือเปล่าคะ”
เมื่อถูกจับแขนเอาไว้และตรึงไว้เหนือศีรษะให้เธอทำร้ายเขาไม่ได้ ก็คงจะมีเพียงแค่เสียงจากปากเท่านั้นที่ด่าเป็นน้ำไหลไฟดับ แทบจะไม่ซ้ำคำด้วยสลับหยุดพักหายใจ ก่อนจะพ่นคำด่าออกมาอีกระลอกใหญ่ สองขาเรียวขยับเคลื่อนดันขาแข็งแกร่งที่ทาบอยู่ให้ออกห่างอย่างสุดความสามารถ โดยที่ไม่รู้เลย การกระทำดังกล่าวนอกจากจะพาตัวเองให้หลุดรอดจากเงื้อมมือราชันย์ไม่ได้แล้ว ยังเป็นการยั่วยุและกระตุ้นอารมณ์ปรารถนาของชายหนุ่มให้ลุกเป็นไฟอีกด้วย “ถามจริงไม่เหนื่อยบ้างหรือไงหนูว่าว ด่ายาวเป็นชุดเลย” ราชันย์ถามเสียงกลั้วหัวเราะ แกล้งลูบไล้มือใหญ่ไปตามลำตัวเนียนนุ่มจากด้านหลัง เรื่อยขึ้นไปจนถึงขอบเสื้อชั้นใน และวกกลับลงมาตามสีข้าง ก่อนที่ลากเลยไปด้านหน้า “ไอ้คนเฮงซวย ชอบเอาเปรียบคนอื่น ปล่อยหนูนะ ไอ้ที่เสนอไปน่ะไม่ทำให้แล้ว หนูไม่อยู่กับคุณแล้วด้วย ปล่อย...” หญิงสาวกรีดร้องเสียงยาวดังตามมาอีกระลอก ดวงตาคมวามวาวที่มองมาทำให้กายสาวเริ่มสั่นสะท้าน หัวใจเริ่มสั่นไหว เพราะเข้าใจในความหมายนั้นดี ในลำคอเริ่มที่จะแห้งผากจนกลืนน้ำลายติดๆ ขัดๆ เบือนหน้าหนีไปอีกฝั่งที่ไม่มีหน้าราชันย์อยู่ สมองเริ่มคิด จะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที
“แหมคุณ...เอ่อ...โทษนะคะ ถ้าฉันจำไม่ผิดคุณคือคนที่มาขออาหารฉันกินเมื่อคืนใช่ไหมคะ” กันติชาถามน้ำเสียงเหมือนกำลังหัวเราะ “โทษทีนะคะที่ฉันเรียกชื่อคุณไม่ถูก เผอิญว่าเราสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ฉันเลยสงสัย คุณเป็นอะไรคะถึงได้ทำตัวเหมือนเจ้าสัตว์สี่ขาที่คอยแยกขาฉี่ตามแถวสี่แยกนะคะ แบบ...เวลาใครเดินผ่านไปมาหรือมันไม่ชอบใจใคร ก็มักจะส่งเสียงแงดๆ แล้วก็วิ่งไล่งับจนหางสั่น” “เฮ้ย...ยาย...” มือใหญ่ยกขึ้นชี้หน้ากันติชาอย่างเร็วรี่ นภดลโกรธจนเรียกได้ว่าเลือดขึ้นหน้า ใบหน้าคร้ามขาวอย่างคนผิวดีแดงปลั่งลามไปถึงใบหู ประกายในดวงตาแดงจัดและลุกเป็นเปลวเพลิง จ้องคนในอ้อมแขนเพื่อนกึ่งนายเหมือนกับจะเผาไหม้ให้เป็นจุณ “จุ๊ๆ อย่าโกรธซิคะคุณขา ฉันเพียงแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง แล้วก็อยากจะเตือนคุณไว้สักอย่างด้วยค่ะ ปากอย่างนี้ระวังจะมีคนเอาสีมาป้ายที่ปากกับหัว จนต้องไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มโรงบาลนะคะ” ใบหน้าสวยยังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มหวานนุ่ม ไหล่กว้างเลิกขึ้นสูงอย่างไม่แคร์ ทีตัวเองว่าคนอื่นได้ แต่พอเขาสวนกลับก็โกรธ ผู้ชายอะไรไม่แมนเลย...ดวงตากลมโตกวาดไล่มองนภดลใหม่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปจนถึงศีรษะอย่างไม่แคร
“แกล่ะ ไปไหนมาแต่เช้า หรือว่า...” นภดลปรายสายตามองยายแม่บ้านที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนกำยำด้วยความหงุดหงิด“ไปหาไอ้สิทธิ์มา มีธุระกับมันนิดหน่อย” “อ้าว แล้วไอ้สิทธิ์กลับตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นเมื่อคืนก็มานี่หว่า” นภดลเอ่ยถาม วาดสายตามองไปรอบๆ อย่างคนกำลังขบคิดเรื่องสำคัญ ราชันย์ไปหาสิทธิศักดิ์ทำไม มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า ทำไมสองคนนี้ถึงได้ชอบคิดชอบทำอะไรลับหลังเขาเสมอนะ “แกก็รู้ว่าไอ้สิทธิ์เป็นเด็กดี ตื่นเช้าเข้านอนเร็ว เหล้ากินบุหรี่ไม่สูบ แล้วก็เกรงใจแฟนจะตาย ไอ้เรื่องนอนค้างอ้างแรมที่อื่นนะไม่มีทาง อาริตาเช็กตลอดยี่สิบชั่วโมง ถ้าทำได้” ราชันย์แขวะไปถึงเพื่อนรักที่ไม่น่าจะเข้ามาข้องแวะกับกลุ่มของเขาได้เลย เพราะพวกเขาบางคนตะวันไม่ขึ้นไม่กลับเข้าบ้านนอน แต่สิทธิศักดิ์ไม่เคยที่กลับบ้านเกินเที่ยงคืนซึ่งนั่นคือสูงสุดแล้ว ด้วยแฟนสาวเป็นห่วงยิ่งกว่าแม่เสียอีก คอยโทรเช็กเช้าเย็นตลอดจนถึงค่ำคืน ยิ่งวันไหนรู้ว่าไปกับกลุ่มของเขาละก็ แม่โทรเช็กนาทีต่อนาทีเลยเชียวล่ะ แต่อย่างน้อยการมีสิทธิศักดิ์เข้ามาในกลุ่มก็มีเรื่องดีในหลายๆ ด้าน เพราะสามารถพึ่งพาได้ในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน เพียงแค่โ
ริมฝีปากเล็กขบกัดติ่งหูพร้อมสอดแทรกปลายลิ้นเล็กและร้อนไปในช่องหูกว้าง ในขณะที่มือก็ลูบไล้ปลดเข็มขัดหนัก จิกทึ้งเสื้อโปโลออกจากตัวกางเกงและสอดมือไปลูบไล้อกกว้าง บอกแล้วว่าเธอมันหน้าด้านและเก่งเรื่องจดและจำในสิ่งที่ได้พบเจอ การสอนสั่งของราชันย์ที่มอบให้เมื่อคืนจึงย้อนกลับมาสู่ตัวเขา แม้จะยังไม่เต็มที่เท่าไหร่ก็ตามเถอะ มือเล็กเคลื่อนลงไปด้านล่างอย่างเชื่องช้า และเมื่อถึงบางส่วนของเรือนกายแข็งแกร่ง แทนที่เธอจะทักทายอย่างที่ราชันย์ต้องการ กันติชาเลือกที่จะหยุดและขยับตัวถอยห่าง แต่ยังคงไม่ปล่อยมือจากกายแกร่ง “ว่าไงคะคุณใหญ่ จะตัดสินใจยังไงเอ่ย” หญิงสาวถามเสียงนุ่มและเซ็กซี่เล็กๆ ปลายลิ้นลากไล้ริมฝีปากอย่างเย้ายวนชวนเชิญ ดวงตาเป็นประกายหวานเซ็กซี่ ราชันย์ถึงกับร้อนราวถูกไฟเผา เมื่อเจอกับการยั่วยวนของแม่นางบำเรอฝึกหัด มือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ปลายคางเบาๆ ดวงตาตวัดมองใบหน้านวลเนียนที่มีรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มเชิญชวน ไพล่มือไปจับมือเล็กมาดมดอม ริมฝีปากหนาขบกัดปลายนิ้วเล็กๆ เหมือนกับคนกำลังคิดสะระตะ การทำตามความต้องการของกันติชา แลกกับสิ่งที่เธอจะมอบให้มันคุ้มค่ากันหรือเปล่า ทั้งที่เขาตัดสินใจได้ตั้ง
“โธ่...หนูว่าวก็ พี่คิดถึ้งคิดถึงหนูจริงๆ นี่จ๊ะ หนูไม่คิดถึงพี่บ้างเลยหรือไง” วสันต์เอ่ยอย่างยอมแพ้เมื่อเห็นพวงแก้มอิ่มนุ่มทั้งสองข้างเริ่มมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้ม“เอาละๆ ยอมแล้วจ้ายอมแล้ว แหม...น้องหนูว่าวนี่ดุจริงๆ ได้เป็นเมียแล้วจะดุแบบนี้ไหมจ๊ะ” เห็นแล้ว อยากจับมาใกล้แล้วก็จูบสักฟอดสองฟอด ปากก็เหมือนกันน่าจับบดขยี้ด้วยปากหนาๆ สักทีสองที สอดแทรกปลายลิ้นไปในโพรงปากนุ่ม แหม...แค่คิด ร่างกายก็คึกคะนองแล้ว ไฟร้อนผ่าวพุ่งขึ้นทั่วร่างกายที่สั่นเทิ้มด้วยความโกรธกับคำพูดลามเลียอย่างโจ่งแจ้งที่ได้ยินเต็มสองหู ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนห้อเลือด “เสี่ยจะพูดดีๆ หรือให้ฉันเชิญออกจากห้อง” “แหม...น้องว่าวจ๋า พูดกับเสี่ยเขาให้เพราะๆ หน่อยซิจ๊ะ เดี๋ยวถ้าเสี่ยเกิดโมโหเข้า น้องกับน้าจะลำบากนะจ๊ะ” หนึ่งในลูกน้องของวสันต์เอ่ยอย่างอดรนทนไม่ได้ ดวงตาวามวาวไล่มองไปตามสัดส่วนเรือนกายสาวอย่างโลมเลียและจาบจ้วง “ไอ้...” ฤทธิ์รงค์อดทนรนไม่ได้ด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้า กายผอมแห้งเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกพยายามผุดลุกจากเตียง แต่เพราะความเจ็บจากบาดแผลที่มีอยู่เต็มกายเลยทำให้ทำไม่ได้ดั่งใจ จึงได้แต่หงุดหงิดจนต้องระบายคว
“โธ่...หนูว่าวก็ พี่คิดถึ้งคิดถึงหนูจริงๆ นี่จ๊ะ หนูไม่คิดถึงพี่บ้างเลยหรือไง” วสันต์เอ่ยอย่างยอมแพ้เมื่อเห็นพวงแก้มอิ่มนุ่มทั้งสองข้างเริ่มมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้ม“เอาละๆ ยอมแล้วจ้ายอมแล้ว แหม...น้องหนูว่าวนี่ดุจริงๆ ได้เป็นเมียแล้วจะดุแบบนี้ไหมจ๊ะ” เห็นแล้ว อยากจับมาใกล้แล้วก็จูบสักฟอดสองฟอด ปากก็เหมือนกันน่าจับบดขยี้ด้วยปากหนาๆ สักทีสองที สอดแทรกปลายลิ้นไปในโพรงปากนุ่ม แหม...แค่คิด ร่างกายก็คึกคะนองแล้ว ไฟร้อนผ่าวพุ่งขึ้นทั่วร่างกายที่สั่นเทิ้มด้วยความโกรธกับคำพูดลามเลียอย่างโจ่งแจ้งที่ได้ยินเต็มสองหู ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนห้อเลือด “เสี่ยจะพูดดีๆ หรือให้ฉันเชิญออกจากห้อง” “แหม...น้องว่าวจ๋า พูดกับเสี่ยเขาให้เพราะๆ หน่อยซิจ๊ะ เดี๋ยวถ้าเสี่ยเกิดโมโหเข้า น้องกับน้าจะลำบากนะจ๊ะ” หนึ่งในลูกน้องของวสันต์เอ่ยอย่างอดรนทนไม่ได้ ดวงตาวามวาวไล่มองไปตามสัดส่วนเรือนกายสาวอย่างโลมเลียและจาบจ้วง “ไอ้...” ฤทธิ์รงค์อดทนรนไม่ได้ด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้า กายผอมแห้งเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกพยายามผุดลุกจากเตียง แต่เพราะความเจ็บจากบาดแผลที่มีอยู่เต็มกายเลยทำให้ทำไม่ได้ดั่งใจ จึงได้แต่หงุดหงิดจนต้องระบายคว