แชร์

บทที่ 6

ผู้เขียน: หรูซู่
รถยนต์คันหนึ่งแล่นมาจอดเทียบหน้าประตูใหญ่บ้านตระกูลเวิน พ่อบ้านก้าวลงจากรถ ก่อนกดกริ่งตามธรรมเนียมปฏิบัติ

ชายร่างบึกบึนสองคนโยนเวินหนานจื่อผู้หมดสติลงตรงหน้าประตู เนื้อตัวเธอมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวห่อหุ้ม ผมเพ้าที่เปียกชื้นถูกลมหนาวพัดเป่าจนแห้งกรัง

พ่อบ้านขมวดคิ้ว ถอดเสื้อโค้ตตัวยาวห่มคลุมให้แก่เวินหนานจื่อ จากนั้นจึงพูดสีหน้าเรียบเฉย "ไปกันเถอะ"

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากในบ้านตระกูลเวิน พ่อบ้านก็นำคนขึ้นรถจากไป

เฉียนฮุ่ยหรูอยู่ในสภาพเกียจคร้านหลังงีบหลับ ปากก่นด่าสาวใช้ว่าหูหนวกตาบอดขณะเดินมาเปิดประตูเพราะได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวบริเวณหน้าบ้าน

ทันทีที่เห็นเวินหนานจื่อนอนกองอยู่กับพื้น ใบหน้าของเฉียนฮุ่ยหรูพลันซีดขาว หัวใจกระตุกวูบ รีบคว้าเอกสารข้างกายเวินหนานจื่อขึ้นมาพลิกดู

เมื่อเห็นช่องสำหรับลงนามของกงเฉินยังคงว่างเปล่า เธอก็กรีดร้องเสียงแหลม "แย่แล้ว! แย่แล้ว!"

สถานการณ์ย่ำแย่จริงดังว่า เวินเสียงผู้เป็นพ่อซึ่งอยู่ชั้นบนเพิ่งวางสายโทรศัพท์ กงเฉินบีบคั้นจนโรงงานในเครือกว่าครึ่งของเขาต้องหยุดชะงัก ไม่อาจขับเคลื่อนสายพานการผลิตได้อีก

เวินเสียงกระแทกโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ เดินไปหยุดริมหน้าต่างตามเสียงโวยวาย เมื่อเห็นท่าทางแตกตื่นลนลานของเฉียนฮุ่ยหรู จึงพลอยเห็นเวินหนานจื่อผู้นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นตามไปด้วย

เวินเสียงบันดาลโทสะ ทุบบานหน้าต่างดังปัง ตวาดลั่น "ให้คนไปลากตัวมันเข้ามาเดี๋ยวนี้!"

เฉียนฮุ่ยหรูมองเวินหนานจื่อด้วยสายตารังเกียจ "ถ้ามาตายในบ้านเราจะทำยังไง? คนเขาเล่าลือกันว่ากงเฉินโหดเหี้ยมกับผู้หญิงยิ่งกว่าอะไรดี เห็นทีจะจริงสมคำร่ำลือ ตอนส่งไปยังสภาพดีอยู่แท้ ๆ แต่ขากลับดันปางตายมาซะได้!"

เวินเสียงคร้านฟังคำไร้สาระของเฉียนฮุ่ยหรู หันกลับไปโทรหากงเฉิน แต่โทรไปสายแล้วสายเล่า ราวกับกงเฉินจงใจยั่วโมโห รอจนผู้โทรมาร้อนรนถึงขีดสุดก่อนจึงค่อยกดรับสาย

"คุณกง ผมส่งลูกสาวไปให้ตามความต้องการของคุณแล้ว แต่คุณเล่นสนุกเสร็จก็เอาคนมาทิ้งไว้หน้าประตูแบบนี้หมายความว่ายังไง? ตอนนี้พวกเราถือเป็นคนกันเอง คุณทำแบบนี้ไม่ไว้หน้ากันเกินไปหน่อยหรือ?"

เสียงหัวเราะด้วยความโอหังของกงเฉินดังมาจากปลายสาย "แต่ทีคุณส่งของหมดสภาพมาให้ ผมยังไม่ได้ถามหาความจริงใจจากคุณเลยนะ ได้ข่าวว่าคุณยังมีลูกสาวคนเล็กอีกคนไม่ใช่เหรอ สนใจส่งมาให้ผมลองใช้งานด้วยไหมล่ะ?"

"คุณ!" เวินเสียงกำโทรศัพท์แน่นจนเหงื่อกาฬซึมเต็มฝ่ามือ ความดุดันแข็งกร้าวในวาจาของกงเฉิน ทำให้จิ้งจอกเฒ่าอย่างเขายังต้องนึกครั่นคร้าม

กงเฉินตัดสายทิ้งอย่างไม่ไว้หน้า

เวินเสียงโยนความผิดในเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ให้แก่เวินหนานจื่อ เขาเดินผ่านสาวใช้ที่กำลังทำความสะอาด แย่งไม้ขนไก่จากมือเธอพุ่งตรงเข้าไปในห้องของเวินหนานจื่อ

เวินหนานจื่อหนาวสั่นไปทั้งตัว เมื่อรู้สึกว่าตนเองนอนอยู่บนเตียง สัญชาตญาณก็สั่งให้ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมกาย

แต่ความอบอุ่นนั้นคงอยู่เพียงชั่วครู่ ผ้าห่มบนร่างก็ถูกเวินเสียงกระชากออก ตามมาด้วยไม้ขนไก่ที่ฟาดลงมาไม่ยั้ง

ผิวพรรณที่ปรากฏนอกร่มผ้าไม่มีส่วนไหนดีพร้อม ความเจ็บปวดทำให้เธอได้แต่ดิ้นพล่าน ก่อนจะกำเสื้อคลุมที่พ่อบ้านให้ไว้แน่นขณะกลิ้งตกลงไปกองอยู่ข้างเตียง

เมื่อเวินเสียงกระหน่ำตีจนไม้ขนไก่หักคามือ ไฟโทสะถึงได้เบาบางลงไป

ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนมองว่าเวินเสียงเป็นคนจิตใจโอบอ้อมอารี หารู้ไม่ว่าภายใต้เปลือกนอกเป็นมิตรนั้น แท้จริงแล้วซุกซ่อนจิตใจของคนถ่อยแสนเจ้าเล่ห์เอาไว้

"ฉันไม่ได้ส่งให้แกไปมั่วผู้ชายที่เมืองนอกสักหน่อย! ขนาดส่งไปประเคนให้เขาถึงที่ยังถูกตีกลับมา แล้วแกจะให้ฉันเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?"

เสียงตวาดกราดเกรี้ยวของเวินเสียง ทำให้เวินหนานจื่อต้องลืมตาขึ้นพร้อมขดตัวด้วยความหวาดกลัว

เฉียนฮุ่ยหรูผู้ยืนดูอยู่ด้านข้างยิ้มพรายพลางเดินเข้ามา "คุณคะ อย่าโมโหไปเลย ตอนนี้เรารีบหาวิธีกลบเกลื่อนเรื่องนี้ให้ผ่านไปก่อนดีกว่า จะได้ทำให้คุณกงเขาหายโกรธด้วย"

เวินหนานจื่อตะเกียกตะกายเกาะขอบเตียงยันกายท่อนบนขึ้นมา กัดฟันเค้นเสียงพูด "หนู... หนูไม่ได้มั่วผู้ชายสักหน่อย"

สุ้มเสียงแหบพร่า จิตใจแทบแตกสลายด้วยเรื่องราวเลวร้ายที่ถาโถมไม่หยุด เธอได้แต่ยืนยันเสียงแข็งแม้ใบหน้านองน้ำตา

เฉียนฮุ่ยหรูร้องอุ๊ย หยิกเข้าที่ริมฝีปากของเวินหนานจื่อ โดยจงใจเลือกจุดที่เจ็บที่สุด เวินหนานจื่อเจ็บจนปากชา พูดจาฟังไม่รู้เรื่อง

เฉียนฮุ่ยหรูบิดมือซ้ำอีกครั้ง "หนานจื่อ ดูท่าแกจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ ชีวิตแม่แกน่ะอยู่ในกำมือแก แต่ตอนนี้แกดันถูกกงเฉินส่งตัวกลับมา ตระกูลเวินเราก็เลยพลอยเดือดร้อนไปด้วย แล้วใครจะมีกะจิตกะใจไปช่วยแม่แกล่ะ?"

เวินหนานจื่อกลั้นน้ำตา เงยหน้ามองเฉียนฮุ่ยหรูผู้กำลังได้ใจ

เฉียนฮุ่ยหรูเห็นเธอกลัว จึงขู่ต่อ "อย่าหาว่าฉันใจร้ายไม่ช่วยแกเลย ฉันคิดทางออกให้แกแล้ว กลับไปขอขมาคุณกงซะ ขอแค่แกได้อยู่ข้างกายคุณกง ฉันก็จะหาหมอที่ดีที่สุดมารักษาแม่แกทันที ไม่งั้น... แกคงรู้ใช่ไหม? ถึงตอนนั้นแม่แกก็แค่ป่วยตาย ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราสักนิด"

เวินหนานจื่อรู้ว่าเฉียนฮุ่ยหรูไม่ได้มีเจตนาดี คนในตระกูลเวินที่อยากให้เธอกับมารดาตายที่สุดก็คือผู้หญิงคนนี้ เธอจึงทำได้เพียงหันไปมองเวินเสียงเท่านั้น

เมื่อพบว่าเวินเสียงผู้เป็นบิดามีท่าทีเห็นชอบด้วย เวินหนานจื่อก็พลันตระหนักว่าตนเองไร้ซึ่งหนทางถอยหนีแล้ว

เธอจึงกัดฟันกรอด "หนูขอเจอแม่ก่อน ไม่งั้นหนูจะไม่ไปขอร้องกงเฉินเด็ดขาด!"

"นังตัวดี เดี๋ยวนี้หัดต่อรองเป็นแล้วสินะ ถ้าแกยังทำไม่สำเร็จ ฉันไม่มีทางให้แกได้เจอแม่แกแน่ แต่ถ้าแค่คุยโทรศัพท์ก็พอไหว"

เฉียนฮุ่ยหรูหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาใครบางคน ก่อนสั่งให้ส่งโทรศัพท์ไปที่แม่ของเวินหนานจื่อ

เมื่อได้ยินเสียงมารดา เวินหนานจื่อก็รีบปรับน้ำเสียง ทำให้ตนเองดูเยือกเย็น "แม่คะ แม่ไม่เป็นไรใช่ไหม?"

เสียงไอโขลก ๆ ดังมาจากปลายสาย น้ำเสียงของมารดาฟังดูอ่อนแรงเต็มที แต่เพื่อความสบายใจของลูกสาว ท่านจึงฝืนพูดออกมา "แม่ไม่เป็นไร หนานจื่อ ลูกอย่าทำเรื่องโง่ ๆ นะลูก แม่สบายดี"

"แม่คะ วางใจเถอะ หนูจะช่วยแม่เอง หนู..."

เวินหนานจื่อยังพูดไม่ทันจบ โทรศัพท์ก็ถูกเฉียนฮุ่ยหรูแย่งกลับไป

ใบหน้าของเวินหนานจื่อซีดขาว ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย จ้องมองเวินเสียงกับเฉียนฮุ่ยหรูอย่างเคียดแค้นชิงชัง

แต่เธอก็จำต้องก้มหน้าลง ยอมจำนนในท้ายที่สุด "รักษาแม่ฉันให้หายดีซะ แล้วฉันจะไปขอร้องกงเฉิน ฉันจะทำทุกทางให้เขายอมรับตัวฉันไว้ให้ได้!"

หลังกล่ำกลืนความอัปยศเอ่ยคำพูดนั้นออกมา มุมปากของเวินหนานจื่อก็มีเลือดไหลซึม สภาพเนื้อตัวบอบช้ำแทบดูไม่ได้
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เพลิงแค้นพ่ายแรงพิศวาส   บทที่ 30

    ยามเห็นพิณผีผาสุดรักถูกฟาดแตกหัก เวินหนานจื่อก็ตะลึงงันไปสามวินาที ทั้งร่างคล้ายถูกความตระหนกเข้าครอบงำจนทำอะไรไม่ถูกเวินหนานจื่อไม่แยแสความเจ็บปวดที่ข้อเท้าอีกต่อไป รีบหยัดกายลุกขึ้น แต่เมื่อทอดตามองพิณผีผาที่ถูกกงเฉินโยนทิ้งไว้บนพื้น ร่างกายก็พลันอ่อนระทวยทรุดฮวบลงคุกเข่า“ผีผาของฉัน! ผีผาของฉัน!” เธอพึมพำเสียงเครือราวคนเสียสติ ร่างกายสั่นเทาไปทั้งตัวเธอโผเข้าไปคว้าซากพิณที่แตกหักมากอดแนบอก พยายามประกอบมันเข้าด้วยกัน นิ้วมือดึงรั้งสายพิณ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร มันก็ไม่มีวันกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อีกแล้วกระทั่งสายพิณเส้นสุดท้ายที่ยังสมบูรณ์อยู่พลันขาดเสียงดังเปรี๊ยะ บาดลึกลงไปในปลายนิ้วของเวินหนานจื่อ ก่อนจะรัดพันนิ้วของเธอเอาไว้ เลือดสดไหลทะลักออกมาจนปลายนิ้วแดงฉานแต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บปวด ยังคงกอดพิณผีผาไว้แนบอก นั่งคอตกอย่างคนหมดอาลัยตายอยากเสียงสะอื้นไห้ฮือ ๆ ใกล้ระเบิดเต็มทีกงเฉินยืนตระหง่านอยู่ข้างกายเวินหนานจื่อ หลุบตามองหญิงสาวเบื้องล่าง ดวงตาคู่คมหรี่ลงเล็กน้อย ไม่ว่าเขาจะกระทำย่ำยีอย่างไร เวินหนานจื่อก็มักกัดฟันอดทนไม่ยอมหลั่งน้ำตา แต่เวลานี้เธอกลับร้องไห้ฟูมฟายเพี

  • เพลิงแค้นพ่ายแรงพิศวาส   บทที่ 29

    ลุงจงเปิดประตูห้อง พลางส่งสัญญาณให้เวินหนานจื่อเดินเข้าไปภายใต้แสงไฟสลัวที่ชวนให้รู้สึกคลุมเครือ กงเฉินนั่งอยู่บนโซฟาหนังสไตล์อเมริกัน โซฟาหนังทรงคลาสสิกที่ทอประกายมันวาวนั้น ยิ่งขับเน้นความเย้ายวนใจของกงเฉินให้ดูสูงศักดิ์และยากจะเอื้อมถึงมากขึ้นหญิงสาวที่อยู่ข้างกายเขานั้นงดงามหยาดเยิ้ม รูปร่างอวบอัดมีส่วนเว้าส่วนโค้งชวนมองบนโซฟาอีกตัวหนึ่งคือกู้เหยียนอี้ เขาดูราวกับไม่ได้อยู่ในโลกใบเดียวกับกงเฉิน ทั้งที่นั่งอยู่บนโซฟาหนังเนื้อดีเช่นเดียวกัน แต่เขากลับแผ่กลิ่นอายความหล่อเหลาที่ดูสงบเยือกเย็นออกมาเวินหนานจื่อยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเขา กอดพิณผีผาในอ้อมอกไว้แน่นจนบดบังใบหน้าไปครึ่งหนึ่ง พร้อมกันนั้นก็ก้มศีรษะลงเล็กน้อยกู้เหยียนอี้รีบลุกขึ้น ก่อนลากเก้าอี้ตัวหนึ่งเดินเข้ามา "หนานจื่อ ขาคุณยังไม่หายดี นั่งคุยกันเถอะครับ"เวินหนานจื่อยังคงไม่กล้าขยับตัว เธอแอบชำเลืองมองกงเฉินแวบหนึ่ง เห็นเพียงแววตาของเขามืดมนลง แฝงความเย็นชายากอธิบายเธอไม่ยอมนั่ง แต่กลับถูกกู้เหยียนอี้กดไหล่บังคับให้นั่งลงจนได้หญิงสาวผู้นั้นปรายตามองเวินหนานจื่อ ขณะถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ "นี่ไปหานางคณิกามาจา

  • เพลิงแค้นพ่ายแรงพิศวาส   บทที่ 28

    สุ้มเสียงอ่อนโยนของกู้เหยียนอี้ดังขึ้นเหนือศีรษะเวินหนานจื่อเงยหน้าขึ้น พบว่าสเต๊กในจานของกงเฉินหายไปหลายชิ้น จึงทอดสายตามองกงเฉินเป็นทำนองขอความเห็นกงเฉินกระตุกยิ้มร้ายกาจ พลางจิบไวน์แดงอึกหนึ่ง "นี่เธอจะฟังคำสั่งเขาเหรอ?"เวินหนานจื่อส่ายหน้า "ฉันไม่หิวค่ะ"เธอก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าคิดต่อต้าน เพราะเคยเกือบจะถูกกงเฉินผู้เกรี้ยวกราดกดร่างลงกับโต๊ะอาหารตัวนี้เพื่อย่ำยีศักดิ์ศรีมาแล้ว"กงเฉิน!" กู้เหยียนอี้ขึ้นเสียง ก่อนหันมาพูดกับเธอ "หนานจื่อ คุณไม่ต้องกลัวเขาหรอก กินเถอะ"แต่กงเฉินกลับจ้องมองด้วยสายตาคล้ายหยั่งเชิง คาดคิดว่าเธอคงไม่กล้าเคลื่อนไหวสุดท้าย เวินหนานจื่อก็ยังคงว่านอนสอนง่ายไม่ได้แตะต้องอาหารแม้แต่คำเดียว ได้แต่กลืนความหิวโหยทั้งหมดลงท้องไปพร้อมกับน้ำลายอึกแล้วอึกเล่าภายใต้สายตาของลุงจง เธอปรนนิบัติกงเฉินอย่างระมัดระวังตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อยไปจนถึงของหวาน โดยที่ตัวเองไม่มีของกินตกถึงท้องเลยสักคำเดียวกงเฉินยอมรับการปรนนิบัตินั้น แต่แววเย้ยหยันในดวงตากลับไม่ลดน้อยลง ราวกับเห็นว่าการเอาอกเอาใจของเธอเป็นเรื่องตลกสิ้นดีเมื่อกลับมาถึงห้อง เวินหนานจื่อ

  • เพลิงแค้นพ่ายแรงพิศวาส   บทที่ 27

    เมื่อถึงเวลาอาหารค่ำ ลุงจงก็มาเคาะประตูห้องของเวินหนานจื่อ พอเปิดเข้าไปก็เห็นเธอกำลังลากขาที่หนักอึ้ง คุกเข่าจัดเก็บข้าวของในห้องอันคับแคบ"คุณหนูเวินครับ คุณกงเชิญไปรับประทานอาหารครับ""รับประทานอาหาร?" เวินหนานจื่อเบิกตาโต รีบส่ายหน้าปฏิเสธ "นะ...หนูไม่หิวค่ะ ไม่กินดีกว่า"เธอแสดงความหวาดกลัวที่มีต่อกงเฉินออกมาโดยไม่ซ่อนเร้นแต่ลุงจงกลับย่อตัวลงนั่งยอง ๆ ตรงหน้าเวินหนานจื่อด้วยความระมัดระวัง พลางหาอะไรมารองขาของเธอไว้เพื่อให้รู้สึกสบายขึ้นเท่าที่จะทำได้"คุณหนูเวินครับ คุณแต่งงานเข้ามาแล้ว นี่คือความจริงนะครับ"เวินหนานจื่อเข้าใจดี ตนเองถูกคนตระกูลเวินขายเข้ามา แต่เธอก็ไม่อยากจะยอมรับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ลุงจงกล่าวต่อ "แม้แต่สิงโตยังต้องลูบขนให้ถูกทาง นิสัยคนเราก็เหมือนกันครับ ยิ่งคุณต่อต้าน ยิ่งไปกระตุกหนวดเสือ ท้ายที่สุดคนที่จะเจ็บตัวก็คือคุณเอง"เวินหนานจื่อมองลุงจงด้วยสีหน้าเหมือนเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจลุงจงเผยรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่งออกมา "คุณหนูเวิน คุณยังมีส่วนที่แตกต่างจากคนอื่นอยู่นะครับ อีกอย่าง อย่าลืมเหตุผลของการที่คุณแต่งเข้าตระกูลกงด้วยสิครับ"เหตุผลงั้นหรือ? เป็น

  • เพลิงแค้นพ่ายแรงพิศวาส   บทที่ 26

    ลุงจงสงวนท่าที เหลือบมองสาวใช้ผู้มีสีหน้าริษยาแวบหนึ่ง ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ "เดี๋ยวผมจะไปเรียนถามคุณกงให้นะครับ"สาวใช้ได้ยินดังนั้นก็แค่นเสียงดูถูก ในเมื่อกงเฉินโยนเวินหนานจื่อไปไว้ในห้องเก็บของแล้ว นั่นก็เท่ากับปล่อยเธอไปตามยถากรรมแล้วไม่ใช่หรือ จะมาแยแสอะไรกับเธออีก? คิดได้ดังนี้จิตใจที่ร้อนรุ่มด้วยความริษยาก็พลันสงบลงเมื่อกู้เหยียนอี้สบตามองลุงจง ก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด จึงเพียงยิ้มไม่พูดอะไรลุงจงชี้ไปทางชั้นสาม "คุณกงขึ้นไปพักผ่อนบนชั้นสามแล้วครับ คุณหมอกู้ขึ้นไปหาได้เลย"กู้เหยียนอี้พยักหน้ารับ ก่อนหมุนตัวเดินขึ้นไปบนชั้นสามพื้นที่ชั้นสามถือเป็นเขตหวงห้ามในบ้านตระกูลกง แต่ความจริงมันเป็นเพียงห้องนอนของกงเฉินเท่านั้นนี่คือสถานที่ซึ่งกงเฉินใช้เผชิญหน้ากับฝันร้ายอันตามหลอกหลอนเขามานานหลายปี ภายในห้องว่างเปล่าไร้สิ่งของตกแต่ง ผนังสีขาวโพลนสะอาดตาปราศจากมลทิน มีเพียงเตียงสี่เสาสีดำทะมึน กับเก้าอี้นวมสองตัวและโต๊ะเล็ก ๆ ตั้งอยู่ริมหน้าต่างเท่านั้นกู้เหยียนอี้เคาะประตูสามครั้ง ก็เปิดประตูเดินเข้าไป เห็นกงเฉินกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้นวม มือข้างหนึ่งถือแก้วไวน์แดง ทอดสายตาผ่า

  • เพลิงแค้นพ่ายแรงพิศวาส   บทที่ 25

    กู้เหยียนอี้กับเวินหนานจื่อไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก เมื่อตรวจดูจนแน่ใจแล้วว่าอาการบาดเจ็บที่ขาของเธอไม่เป็นอะไร กู้เหยียนอี้ก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปเมื่อไม่มีใครแล้ว เวินหนานจื่อก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเธอลองกดโทรหาแม่ แต่เสียงสัญญาณดังอยู่นานสองนาน ก็ยังคงไม่มีคนรับสายเช่นเดิมการที่ไม่ทราบเลยว่ามารดาเป็นตายร้ายดีอย่างไร ทำให้จิตใจของเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ความหวาดกลัวจึงเริ่มเกาะกุมจิตใจอย่างช่วยไม่ได้จากนั้นเวินหนานจื่อก็นึกถึงโจวจิน ชายหนุ่มที่เธอเคยคิดว่าจะได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันไปชั่วชีวิตในเมื่อกงเฉินล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของโจวจินแล้ว โจวจินจะเป็นอะไรไปอีกคนหรือเปล่า?คิดดังนั้น เธอจึงรีบกดโทรหาโจวจินทันทีเธอรักและผูกพันกับโจวจินมาตลอด ช่วงเวลาที่อยู่ในตระกูลเวิน ก็ได้โจวจินคอยปลอบโยนและปกป้องคุ้มครอง แม้วันนี้จะถูกบีบให้ต้องแยกทาง แต่เธอก็ไม่อยากให้โจวจินต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยในใจเฝ้าภาวนาขอให้โจวจินรีบรับสายไว ๆ ขอแค่ได้ยินเสียงเขา เธอก็จะวางใจ หนำซ้ำยังแอบหวังลึก ๆ ว่าเสียงของเขาจะช่วยปลอบประโลมจิตใจเธอได้เหมือนดั่งวันวานเมื่อมีคนรับสาย เวินหนานจื่อก็รีบก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status