คนแก่สองคนหันไปเห็นเมิ่งฮวาหอบเสื้อผ้ามากมายออกมาจากห้องก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ นางลี่ที่ได้สติก่อนผู้เป็นสามีก็รีบเอ่ยถามออกมาด้วยความมึนงง
“อาเมิ่ง เจ้าหอบเสื้อผ้ามากมายอะไรออกมาเยอะขนาดนี้เล่า?”
เธอแย้มรอยยิ้มตอบก่อนจะเอ่ยประจบประแจง “โธ่! ท่านลุงท่านป้าเจ้าขา จะเสื้อผ้าอะไรอีกละเจ้าคะ ก็เสื้อผ้าที่ข้านำออกมาให้ท่านลุงกับท่านป้าไงเจ้าคะ”
ทั้งสองที่ได้ฟังก็รู้สึกตกใจไม่น้อย “ห๋า! มากมายขนาดนี้เชียวหรืออาเมิ่ง… ลุงแก่แล้วใส่เสื้อผ้าไม่เยอะหรอกเจ้าเก็บเสื้อผ้าดีๆพวกนี้เอาไว้เถอะ”
“นั่นสิอาเมิ่ง”
“ไม่ต้องพูดกันแล้วเจ้าค่ะ ข้าตัดสินใจแล้ว ท่านลุงท่านป้ารีบดูเสื้อผ้าที่ข้าเลือกให้พวกท่านทั้งคู่สิเจ้าคะ ชอบกันหรือไม่?” ทั้งสองคนที่เห็นว่าโต้แย้งอะไรออกมาไม่ได้อีกแล้ว ก็รีบเดินมาดูเสื้อผ้าด้วยรอยยิ้มกว้าง แม้ทั้งคู่จะไม่มีใครพูดอะไรออกมามากนัก แต่ทว่าการแสดงออกของทั้งคู่ก็บ่งบอกได้แล้วว่าพึงพอใจและดีใจกับเสื้อผ้าใหม่พวกนี้มากแค่ไหน
พวกเขารีบสวมใส่เสื้อคลุมด้วยความตื่นเต้นโดยที่ยังคงมีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้า ก่อนจะกอดเสื้อผ้าด้วยความหวงแหน
“ข้าว่าวันนี้ข้าจะออกไปนี่งคุยกับสหายในหมู่บ้านเสียหน่อย เดี๋ยวอากาศเย็นกว่านี้จะออกไปนั่งพูดคุยไม่ไหว” ลี่คุนพูดพลางกระชับเสื้อคลุมตัวใหม่ด้วยความโอ้อวด หึหึ! ใครใช้ให้เขามีลูกหลานที่กตัญญูกันเล่า…
“โอ้ๆ! ถ้าอย่างนั้นยายแก่อย่างข้าก็จะไปนั่งคุยกับสหายบ้างเสียหน่อย อาจจะกลับเข้าบ้านมาช่วงเย็นๆ” อาเมิ่งอุตส่าห์ให้เสื้อผ้าใหม่ๆมากมาย จะใส่อยู่บ้านอย่างเดียวก็นับว่าเสียของ ไม่สู้ใส่ไปอวดพวกตาแก่ยายแก่ในหมู่บ้านไม่ดีกว่าหรือ?
เธอกลั้นยิ้มมองคนทั้งคู่จนปวดแก้ม “ได้สิเจ้าคะ สวมใส่เสื้อผ้าหนาๆนะเจ้าคะ ระวังจะป่วยไข้ด้วยเล่า เดี๋ยวข้าจะทำอาหารเย็นเอาไว้รอ” ทั้งสองคนพยักหน้ารับเบาๆ
“ได้ได้ ข้าว่ารีบไปก่อนดีกว่า” นางลี่พูดจบก็หันหลังเชิดหน้าเดินออกไปจากบ้านด้วยความรีบร้อน
“เพ้ยๆยายแก่เจ้าจะเดินออกไปก่อนข้าได้ยังไง ต้องให้ข้าไปก่อนสิ!” เขาตะโกนเรียกผู้เป็นภรรยาด้วยความไม่ยินยอม ก่อนจะรีบเร่งเดินตามภรรยาออกไป
เมื่อเห็นว่าคนทั้งสองเดินออกไปจากตัวบ้านเรียบร้อยแล้ว เธอก็ส่งเสียงหลุดขำออกมาด้วยความเอ็นดูคนแก่ทั้งสองที่อยากอวดของใหม่
“ฮ่าฮ่าฮ่า โอ๊ย! ทำไมน่ารักกันอย่างนี้นะ ฮ่าฮ่าฮ่า” เธอส่งเสียงขำจนท้องแข็ง “ทำตัวเหมือนเด็กๆตอนเห่อของเล่นเลยจริงๆเชียว หึหึหึ”
คล้อยหลังที่ทั้งสองคนเดินออกมาจากตัวบ้านก็พูดออกมาด้วยความตื่นเต้น “โอ้! เสื้อผ้าที่อาเมิ่งให้มานี่ช่างดีจริงๆ เดินออกมาแบบนี้ยังรู้สึกอบอุ่นอยู่เลย”
“นั่นสิยายแก่ อาเมิ่งช่างเป็นเด็กที่รู้ความจริงๆ”
“หึหึหึ แน่นอนอยู่แล้วล่ะ อาเมิ่งของข้าย่อมรู้ความกว่าใครอยู่แล้ว!” นางแย้มยิ้มออกมาด้วยความภูมิใจ และนึกดีใจที่ได้มาเจอกับเด็กสาวอย่างอาเมิ่ง
และแม้ตอนนี้จะอากาศหนาวเย็น แต่ทว่าก็ไม่ได้นับว่าหนาวเย็นมากเท่าใดนัก จึงยังพอมีชาวบ้านเดินสวนทางไปขึ้นเขาหาของป่าให้เห็นบ้างปละปลาย และเมื่อเห็นทั้งสองคนที่เคยมีฐานะยากจนและลำบากเหมือนตนเองได้สวมใส่เสื้อผ้าหรูหราตัวใหม่ ไหนจะได้นอนพักอาศัยอยู่ในบ้านใหม่ที่หลังใหญ่โตแถมยังอบอุ่นก็นึกอิจฉาในใจ
ชาวบ้านบางคนที่ใจกล้าหน่อยก็เอ่ยทักทายขึ้นมา “อ้าวนางลี่ ลี่คุนพวกเจ้าสองคนจะไปไหนกันเล่า? แล้วนี่สวมเสื้อผ้าตัวใหม่เลยหรือ ดูท่าแล้วคงจะราคาแพงไม่น้อยเลยนะ”
นางลี่หันไปมองกลุ่มชาวบ้าน ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นอย่างโอ้อวด “ก็ไม่รู้ว่าราคาแพงเท่าไหร่หรอกพอดีว่าอาเมิ่งของพวกเราซื้อมาให้น่ะ ที่บ้านก็ยังมีอีกหลายสิบตัวเชียว เห็นบ่นว่ากลัวพวกข้าสองคนไม่สบายพวกข้าก็เลยได้แต่จำใจใส่ให้นางสบายใจน่ะ”
ชาวบ้านที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งนึกอิจฉา “อาเมิ่งช่างกตัญญูต่อพวกเจ้าสองคนดีจริงๆ ข้าล่ะนึกอิจฉาจริงๆ!”
เมื่อจบคำชาวบ้านคนหนึ่ง อีกคนก็รีบเอ่ยแทรกขึ้นมา “ข้าขอลองสวมใส่เสื้อคลุมของเจ้าดูได้หรือไม่ ข้าอยากจะรู้นักว่ามันอุ่นมากหรือไม่?”
แต่มีหรือที่นางจางกับตาแก่อย่างลี่คุนจะยอม พวกเขาทั้งสองคนรีบส่ายหัวตอบทันที “ไม่ได้หรอก หากเสื้อคลุมเปื้อนหรือขาดก็แย่สิ อาเมิ่งเพิ่งจะมอบให้พวกข้ามาหยกๆ”
“จริงของยายแก่ ข้าให้เจ้าลองสวมใส่ดูไม่ได้หรอก หากเจ้าอยากรู้ก็ลองให้ลูกหลานของพวกเจ้าไปซื้อให้สิ” เมื่อได้ยินคำพูดนั้นของลี่คุนพวกเขาก็ได้แต่รู้สึกหน้าชา ใครๆต่างก็รู้ว่าลูกหลานของพวกเขาคงจะไม่มีปัญญาไปหาซื้อเสื้อคลุมราคาแพงพวกนี้มาให้ได้อย่างแน่นอน แตกต่างจากเมิ่งฮวาที่มีเงินมากมายให้ใช้
“ข้าขอตัวก่อนแล้วกันนะ ไปกันเถอะตาแก่ ป่านนี้สหายของพวกเราคงจะรอกันอยู่แล้ว” และเมื่อพวกเขาเดินออกมาชาวบ้านพวกนั้นก็เริ่มจับกลุ่มนินทากันต่อทันที แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ขอแค่อย่ามาพูดจาหาเรื่องอาเมิ่งของพวกเขาก็พอ
พวกเขาสองคนเดินตีคู่กันออกมา ก่อนจะแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ “คิดจะมาแตะต้องของที่อาเมิ่งให้พวกเราอย่างงั้นเหรอ เฮอะ! ฝันไปเถอะ”
“นั่นสิ หากทำเสื้อผ้าตัวใหม่ของพวกเราเปื้อนจะทำยังไง ข้าไม่มีทางให้พวกนางแตะต้องเสื้อผ้าของข้าหรอก ชิ!” นางลี่แค่นเสียงด้วยความโมโห “ไร้ยางอายสิ้นดี ช่างกล้ามาขอเรื่องแบบนี้!” นางลี่โหโหจนหลุดต่อว่าออกมาอีกหลายคำ
หลังผ่านเหตุการณ์สั่นคลอนชะตาทั้งหลายที่ปราสาทอู่หวัง และผ่านช่วงเวลาพักรักษาตัวอยู่ในจวนใหญ่ของโจวจางเหว่ย ในที่สุดนางก็สามารถฟื้นตัวคืนกำลังได้เกือบเต็มร้อย พลังลี้ลับจากเลือดมังกรในกายไม่ปรากฏอาการร้อนผ่าวอีกแล้ว เธอสัมผัสได้ว่าบัดนี้ตนไม่ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งเช่นเดิมอีกต่อไปในเช้าวันแดดจัดที่มีเมฆลอยเรียงกันประปราย โจวจางเหว่ยได้จัดเตรียมรถม้าอย่างเรียบง่าย พาเมิ่งฮวาออกเดินทางกลับหมู่บ้านซานซี อันเป็นดินแดนเล็กๆที่เธอเคยใช้ชีวิตเรียบง่ายร่วมกับ ท่านลุงลี่คุน และท่านป้าลี่จูเสมอมาเมิ่งฮวามองเห็นทิวเขาคุ้นตาแต่ไกล ยิ่งใกล้ซานซีเท่าไรเธอยิ่งรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นึกถึงวันที่ยังใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ไม่ต้องพัวพันกับเลือดมังกรหรือการเมืองใดๆ เมื่อถึงทางเข้าหมู่บ้านเธอเห็นรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของโจวจางเหว่ย และสัมผัสได้ถึงสายลมเย็นๆที่พัดมาเหมือนยินดีต้อนรับการกลับมาของเธอเมื่อรถม้าวิ่งเข้าเขตบ้านลุงลี่คุน ท่านป้าลี่จูก็ปราดออกมาต้อนรับทันทีด้วยรอยยิ้มที่แสดงถึงความห่วงใย“อาเมิ่ง! เจ้าไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?” ท่านป้าลี่จูรีบเข้ามาจับมือเมิ่งฮวา ตรวจดูกันตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับหล
เสียงก้องสะท้อนในห้องมังกรใหญ่ยังคงโหมกระพือ เสาหินรอบข้างสั่นไหวราวกับจะถล่มลงทุกเมื่อ อานุภาพมหาศาลจากแกนมังกรแผ่กระจายเป็นวงกว้าง ทำให้อากาศสั่นระริกจนทุกคนที่อยู่ในห้องรู้สึกหายใจลำบากเมิ่งฮวายืนอยู่ตรงกลางวงแสงสีทองที่ปะทุจากจุดศูนย์กลางของแท่นบูชา เหงื่อและเลือดไหลอาบบนใบหน้าที่เธอไม่อาจรับรู้ถึงความเจ็บปวดได้อีก ในจิตใจเธอมีเสียงสองกระแสคอยก้องสลับไปมา‘หลอมรวม… เพื่อเป็นผู้ครองพลัง! หรือทำลาย… เพื่อยุติความวุ่นวาย!’เบื้องหน้าเธอคือรูปสลักมังกรที่ดูเหมือนมีชีวิต แผ่นโลหะหนาทึบบนอกรูปสลักเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆเผยให้เห็นแกนมังกรคล้ายลูกแก้วสีทองสะท้อนแสงในมือเมิ่งฮวา อำนาจโบราณจากยุคสมัยราชวงศ์เก่ากำลังตื่นขึ้นพร้อมแรงกดดันอันเกรี้ยวกราดขณะที่คลื่นพลังปกคลุมห้องมังกรอย่างหนักหน่วง เหล่ามือสังหารที่ยังมีสติอยู่ก็ต้องคุกเข่าหรือหมอบกับพื้น องครักษ์ของโจวจางเหว่ยที่ยังยืนก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่ บางคนถูกแรงอัดดีดกระเด็นไปยังซอกกำแพงโจวจางเหว่ยตะเกียกตะกายลุกขึ้น มือกำกระบี่ที่สั่นระริก พยายามฝ่าคลื่นพลังเข้ามาหาเมิ่งฮวา“ฮวาเออร์!” เขาเรียกสุดเสียง แต่ถูกแรงอัดบีบจนขยับได้ยากเต็มที
แสงสีทองแห่งแกนมังกรที่ซ่อนอยู่ภายในร่างโลหะของมังกรส่องสว่างออกมาจากกลางแท่นบูชาอย่างน่าพิศวง บรรยากาศในห้องใต้ดินอันกว้างใหญ่ชวนให้รู้สึกถึงความเก่าแก่และพลังลี้ลับที่สั่งสมมานับศตวรรษเมิ่งฮวายืนนิ่งหัวใจเต้นระรัวเมื่อตระหนักว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ‘หัวใจ’ของอู่หวังที่แท้จริง ต้นกำเนิดแห่งอำนาจซึ่งเหล่ากบฏกำลังตามหามาโดยตลอดขณะที่เมิ่งฮวากำลังไล่สายตาสำรวจรูปสลักมังกรขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะมีชิ้นส่วนโลหะพิเศษครอบอยู่เป็นเกล็ด การเต้นของเลือดในร่างกายเธอก็เร่งจังหวะไม่หยุดราวกับสายเลือดตอบสนองต่อบางสิ่งที่เปล่งพลังงานอยู่เบื้องหน้า“ฮวาเออร์…” โจวจางเหว่ยเรียกเธอเสียงเบา มือกำกระบี่ข้างกายแน่น เขามองสถานการณ์ด้วยความระแวดระวังเพราะอาจมีศัตรูโผล่มาได้ทุกเมื่อ “เจ้ารู้สึกไหมว่าพลังนี้กำลังเรียกหาเจ้า?”เมิ่งฮวาพยักหน้าเล็กน้อยสีหน้าสับสนแต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น นางไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ก้าวเข้าใกล้แท่นบูชามากขึ้นทีละนิดโดยมีโจวจางเหว่ยตามมาคุ้มกันไม่ห่างบริเวณโดยรอบแท่นบูชามีร่องรอยภาพสลักเก่าแก่บนกำแพงหินและพื้น บ้างเป็นรูปมนุษย์แต่งกายหรูหรายืนล้อมมังกร บ้างเป็นรูปผู้คนคุกเข่าบูชา
การต่อสู้ในโถงมังกรยังคงดุเดือด ดาบกระทบกันเสียงดังสนั่น เสียงเหล็กเสียดสีกันดังไปทั่วทุกมุมโถง บางครั้งสายตาของเมิ่งฮวาก็เหลือบไปเห็นบันไดลับที่เปิดลงไปยังส่วนลึกของปราสาท อาการบาดเจ็บจากการต่อสู้รุนแรงทำให้ความคิดของเธอพร่าเบลอ แต่เธอรู้ดีว่าถ้าไม่รีบตัดสินใจตอนนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้พวกเขาพลาดโอกาสสำคัญไปท่ามกลางการต่อสู้ที่รุนแรงนักฆ่าหลายคนเริ่มแยกตัวออกไป โดยมีท่าทางเหมือนจะเริ่มมีกลยุทธ์บางอย่าง การโจมตีของพวกมันแม่นยำและรวดเร็ว หลายครั้งที่เมิ่งฮวากับโจวจางเหว่ยต้องใช้กลยุทธ์หลบหลีกและโจมตีสวนกลับ หากพวกเขายังไม่สามารถหยุดยั้งพวกมันได้ กลุ่มของพวกเขาจะต้องถูกต้อนให้มุมในไม่ช้า“พวกมันกำลังพยายามล่อเราไปที่มุม!” เมิ่งฮวาตะโกนเตือน โจวจางเหว่ยหันไปมองเธอด้วยความเป็นห่วงแต่เขาก็ไม่มีเวลาพูดอะไร เพราะมือสังหารอีกคนพุ่งมาที่เขา โจวจางเหว่ยต้องหลบการโจมตีและสวนกลับด้วยกระบี่ในมือ“ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าหลบหนีไปได้แน่!” เขาตะโกนสั่งองครักษ์ที่ยืนข้างๆ พลางฟันกระบี่ของตนอย่างแม่นยำเสียงของดาบกระทบกันดังตึงตังจนหลายคนสะดุ้ง แต่ท่ามกลางความยุ่งเหยิงนั้น เมิ่งฮวามองเห็นช่องว่างระห
ความเงียบงันที่ปกคลุมอุโมงค์หินถูกแทนที่ด้วยเสียง ครืด… ครืด… ที่ดังสะท้อนก้องจนเสียดหู เมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ย ยืนประจันหน้ากับเงาดำขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ตรงส่วนปลายทางเดิน โดยมีองครักษ์อีกสองนายจับอาวุธเตรียมพร้อมในท่าทีตื่นตัวพอแสงคบไฟสาดส่องไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆก็ปรากฏให้เห็นเงาร่างเหมือน “รูปสลักมังกร” ขนาดใหญ่หินแกะสลักที่ลำตัวยาวเลื้อยไปตามผนัง มีส่วนหัวโผล่พ้นขึ้นจากพื้นหินชนิดที่เห็นฟันแหลมคมรางๆ ดวงตาของมันเป็นอัญมณีสีเขียวเข้มสะท้อนแสงไฟพราวระยับ จนดูราวกับมันกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่จริงๆเมิ่งฮวารู้สึกถึงเลือดในกายสูบฉีดเร็วขึ้น สัญชาตญาณบางอย่างร้องเตือนว่าสิ่งนี้มิใช่เพียงรูปสลักธรรมดา เหมือนมีพลังลี้ลับแผ่ออกมาจากตัวมัน“นายท่าน… นี่มัน… เคลื่อนไหวได้หรือขอรับ?” องครักษ์คนหนึ่งถามเสียงเบาหวิว มือกำกระบี่ไว้จนข้อขาวโจวจางเหว่ยไม่ตอบ เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวโดยที่ยังไม่ลดกระบี่ เสียงหินเสียดสีกันดังครืดอีกครั้ง ขณะเดียวกันรูปสลักมังกรก็ขยับคอไปด้านข้างช้าๆก่อให้เกิดความรู้สึกขนลุกพิลึก“รูปสลักนี้มีกลไกด้านใน… หรืออาจเป็นกับดักที่ใช้แรงคนหมุน?” เขาพึมพำ แต่ความสงสัยกลับเร้าใจขึ
ท่ามกลางกลิ่นอับชื้นและความเยียบเย็นของห้องหิน ขบวนของเมิ่งฮวาและโจวจางเหว่ยตัดสินใจหยุดพักชั่วคราวเพื่อฟื้นแรงและประเมินสถานการณ์ โดยมีองครักษ์สองนายผลัดกันออกไปยืนเฝ้าที่ปากอุโมงค์เพื่อป้องกันมือสังหารศัตรูที่อาจกลับมาได้ทุกเมื่อเมิ่งฮวานั่งพิงกำแพงที่ขรุขระ หายใจผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยหลังจากผ่านการต่อสู้อันบีบคั้น เหลือบมองสมาชิกในขบวนที่ได้รับบาดเจ็บก็กำลังนั่งพักผ่อนเช่นกัน บางคนก็หลับตาปลดปล่อยความตรึงเครียดโดยมีอาวุธวางข้างตัวไม่ห่าง“ทุกคนเหนื่อยกันมาก…” โจวจางเหว่ยเอ่ยเสียงเบา ดวงตาเข้มทอแววห่วงใย “แต่เรายังต้องก้าวต่อไป หากพ้นคืนนี้แล้วเดินไปอีกไม่ไกลก็อาจถึงใจกลางอู่หวัง”เมิ่งฮวาพยักหน้ารับ เธอเองก็รับรู้ถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่ลึกลงไปในภูเขานี้ คล้ายกับว่ามันรอให้เธอมาค้นพบมานานแสนนาน“นายท่าน!” องครักษ์คนหนึ่งที่เดินตรวจลึกเข้าไปในอุโมงค์ร้องเรียกเบาๆ สะท้อนเสียงมาไกล ราวกับค้นพบอะไรบางอย่างโจวจางเหว่ยและเมิ่งฮวาลุกขึ้นทันที นำองครักษ์บางส่วนถือคบไฟตามเข้าไปยังโพรงแคบภายในห้องต่อไปในโพรงนั้น… พื้นหินเรียบแต่ผนังสองข้างกลับคดเคี้ยวด้วยลวดลายสลักเป็นรูปคนและสัตว์ในท่าทางแป