ภายในคฤหาสน์หรูใจกลางเมือง บรรยากาศเย็นยะเยือกปกคลุมไปทั่วห้องรับแขกใหญ่ แม้จะตกแต่งอย่างประณีตงดงาม แต่บรรยากาศกลับอึดอัดราวกับขุมนรก
ธรรศชวินยืนพิงผนังมือทั้งสองข้างกำแน่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง เขามองวีณาผู้เป็นแม่ที่นั่งสงบนิ่งอยู่กลางโซฟาหนังแท้
“วินซ์ลูกได้ข่าวว่าลูกขอถอนหมั้นกับหนูอลิส แม่ไม่ยอมหรอกนะ” น้ำเสียงของวีณานุ่มนวลแต่ทรงอำนาจ
“ครับผมทำจริง” ชายหนุ่มพยักหน้านิ่ง
“ทำไม?” วีณาถามนิ่งๆ แต่สายตาเริ่มแข็งขึ้น
“เพราะผมไม่อยากแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก” เขาตอบเสียงเรียบ
“ความรักไม่ใช่สิ่งจำเป็นในชีวิตแต่งงานโดยเฉพาะในฐานะลูกชายคนเดียวของตระกูล ลูกต้องแต่งงานกับคนที่แม่คิดว่าดีเท่านั้น” วีณาวางแก้วน้ำในมือลงบนโต๊ะเสียงดัง
“แต่นั่นมันชีวิตของผมนะครับ ไม่ใช่ของคุณแม่” รอบนี้เขาจะไม่ยอมแม่อีกต่อไป ที่ผ่านมาเขายอมเสียสละมามากพอแล้ว
“แต่แม่เป็นคนให้ชีวิตกับลูกทุกอย่างที่ลูกมีชื่อเสียง ฐานะ การศึกษาแม่เป็นคนวางทั้งหมดไว้ให้!”
“แล้วผมต้องการมันไหม! คุณแม่เคยถามหรือเปล่าผมไม่อยากแบกภาระหน้าตาชื่อเสียงด้วยซ้ำไป” เขาย้อนถาม ดวงตาคมกริบเจือความผิดหวัง
“ชีวิตของแกเป็นของแม่ แม่ไม่ได้เลี้ยงแกมาเพื่อให้เดินตามใจตัวเอง แม่เลี้ยงแกมาเพื่อให้รับผิดชอบชื่อเสียงของตระกูล” คำตอบนั้นฟาดใส่เขาเหมือนฝ่ามือหนักๆ วีณาเริ่มเปลี่ยนน้ำเสียงให้ดูจริงจัง
“เข้าใจแล้วครับสุดท้ายผมก็เป็นแค่เครื่องมืออีกชิ้นที่แม่ปั้นขึ้นมาเพื่อวางไว้บนหิ้งให้ดูดี” เขาหัวเราะออกมาเบาๆ แต่เสียงนั้นเต็มไปด้วยความขื่นขม
“วินซ์ยอมแม่อีกสักเรื่องไม่ได้เหรอลูก” เมื่อรู้ว่าครั้งนี้ลูกชายเอาจริงจึงไม่กล้าบังคับมาก
“...” เขาเงียบแสดงว่าแม่ไม่รู้ว่าเขากับอลิสาถอนหมั้นกันแล้วจริงๆ อีกฝ่ายคงไม่กล้าพูดอะไรมากนัก เพราะเขาขู่จะแฉภาพถ่ายของอลิสาหากไม่ยอมถอนหมั้นดีๆ
“คุณแม่อย่าทำให้ผมหมดศรัทธาในการเกิดมาเป็นลูกชายของคุณแม่เลยครับ” เขาหันหลังเดินออกมา พอมาถึงหน้าบ้านเห็นพ่อยืนรออยู่แล้ว
“ปะทะกันมาอีกแล้วสิ” วาคินรู้นิสัยของลูกชายดีที่ยอมหมั้นคราวกันก็เกือบบ้านแตกกับข้างหนึ่ง
“ตามนั้นครับ”
“พ่อขอโทษนะที่บังคับลูกเกินไป วินซ์หากมีคนที่ถูกใจพ่อยินดีให้ลูกถอนหมั้นได้เลย”
“แล้วธุรกิจชื่อเสียงละครับ” เพราะทางบ้านของเขายังต้องเพิ่งพาอาศัยครอบครัวของอลิสาอยู่
“พ่อจะจัดการเอง” วาคินจะเข้ามากอดลูกแต่ธรรศชวินกลับถอยหลังไปหนึ่งก้าว เขาลดมือลงตบบ่าลูกชายแทนเขาบังคับลูกจนลูกถอยห่างออกไปเรื่อยๆ
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
เขาเดินไปแบบไม่หันกลับมามองพอขึ้นมาได้จึงฟุบใบหน้าลงที่พวงมาลัยรถ ทั้งเรื่องงานเรื่องหัวใจถาโถมเข้ามาพร้อมกัน จนเขารับมือแทบไม่ไหว
บรรยากาศในร้านอาหารริมแม่น้ำอบอวลไปด้วยแสงแดดอ่อนในยามบ่าย คิรันยิ้มสดใสพลางเล่าเรื่องตลกเรื่องล่าสุดในออฟฟิศ เสียงหัวเราะของเขาทำให้ปิ่นมุกเผลอยิ้มตาม แม้ในใจจะรู้สึกฝืนเล็กน้อย เพราะบางอย่างในตัวเธอยังรู้สึกว่างเปล่า
“ช่วงนี้ดูเงียบๆ นะมุกเป็นอะไรหรือเปล่า?” คิรันถามอย่างห่วงใย
“แค่รู้สึกแปลกๆ บางครั้งมันก็เหมือนขาดอะไรบางอย่างไป เหมือนใจมันโหวงๆ ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังรออะไรอยู่” เธอแตะหน้าอกตัวเองเบาๆ และถอนหายใจออกมาอาการมักเกิดบ่อยๆ
ยังไม่ทันที่คิรันจะตอบอะไรสายตาของปิ่นมุกก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่เดินเข้ามาในร้านอาหารโดยบังเอิญ ร่างสูงในชุดเชิ้ตดำสะอาดสะอ้าน กับใบหน้าคมดุดันแต่เศร้าลึกอย่างบอกไม่ถูก อีกฝ่ายมองไม่เห็นเพราะเธอนั่งอยู่ในห้องวีไอพี
หัวใจของปิ่นมุกกระตุกวูบดวงตาของเธอเบิกกว้างทันทีที่สบตาเขา ราวกับโลกทั้งใบหยุดเคลื่อนไหว ทุกเสียงในหัวหายไป เหลือเพียงจังหวะหัวใจของเธอที่เต้นแรงจนแทบระเบิดออกมา
เขาคุ้นเหลือเกินแต่เธอจำอะไรไม่ได้ ทันใดนั้นความปวดแล่นวาบขึ้นมาที่ขมับ
“โอ๊ยยย” เธอขมวดคิ้วมือข้างหนึ่งยกขึ้นแตะขมับข้างซ้ายอย่างไม่รู้ตัว
“มุกเป็นอะไรหรือเปล่า?” คิรันรีบจับมือเธอ
เธอส่ายหน้าเบาๆ ดวงตายังไม่ละไปจากผู้ชายคนนั้น คนที่ไม่รู้จักชื่อ แต่คุ้นราวกับเคยรู้จักกันมาทั้งชีวิต
“แค่ปวดหัวขึ้นมามุกขอเข้าห้องน้ำก่อนนะ” เธอรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ ใช้มือนวดขมับเบาๆ จนอาหารเริ่มดีขึ้น
“เขาเป็นใคร…” เธอพึมพำเบาเหมือนพูดกับตัวเองรูปร่างแบบนั้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังเข้ามาในโสตประสาท
“ผมขอรู้จักชื่อคนสวยได้ไหมครับ”
เสียงนั้นความรู้สึกนั้น แม้สมองจะลืมไปหมดแล้ว แต่หัวใจเธอกลับจำเขาได้อย่างแม่นยำ เธอรีบส่งข้อความบอกคิรันว่าไม่สบายและขอกลับก่อน ไม่ลืมจะขอโทษเขาที่ต้องโกหกออกไป
ด้านธรรศชวินเขามองไปยังทางไปห้องน้ำตลอดเพราะเมื่อสักครู่เหมือนเขาจะเห็นหญิงสาววิ่งเข้าไป เขาเห็นแค่แวบเดียวแต่ไม่สามารถละสายตาได้เลย
“มองอะไรวะ” เอกวินหันมองไปตามที่เพื่อนมองแต่ทุกอย่างกับว่างเปล่า
“เปล่าวะ”
“ไอ้วินซ์ทำหน้าแบบนี้ทะเลาะกับคุณหญิงวีณาอีกแล้วนะสิ” เขาเดาไม่ผิดสงสารเพื่อนที่โดนบังคับแบบนั้น
“อืม แต่มีเรื่องให้เครียดกว่า”
“เรื่องสาวที่ไหนมึงยังตามหาน้องเขาอีกเหรอ” น้องที่ว่าคือปิ่นมุก เพราะธรรศชวินมาเล่าให้เขาฟังตั้งแต่หญิงสาวหายไปจากชีวิต
“ฉันรู้สึกเหมือนเขาอยู่ใกล้ตลอดเวลา” อย่างเมื่อสักครู่เขาคิดว่าเป็นปิ่นมุก
“คนนะไม่ใช่ผี”
“เรื่องงานเลี้ยงพรุ่งนี้ฉันขอบายนะ นายไปแทนเลย”
“ไม่ได้! แม่ฉันบอกให้ชวนนายมาด้วยนี่การ์ดเชิญไม่ไปฉันจะไปลากคอถึงที่บ้าน”
เขามองการ์ดเชิญด้วยความว่างเปล่า เบื่อสังคมเบื่อผู้คนที่ต้องปั้นหน้ายิ้มให้กัน
“คุณอลิสาไม่ได้การ์ดเชิญแน่นอนสบายใจได้” เขารู้ว่าเพื่อนไม่อยากออกงาน เพราะไม่อยากเป็นข่าวกับอลิสา
“ขอบใจไอ้เอก”
“เย็นนี่เจอกันที่เดิม” ที่เดิมที่หมายถึงไม่พ้นผับหรู ช่วงนี้ธรรศชวินเริ่มกลับมาเที่ยวอีกครั้ง หลังจากที่หายเงียบไปสักพัก
ภายในห้องนั่งเล่นของคอนโดหรูเสียงเพลงคลอเบาๆ เปิดอยู่ด้านหลัง ขณะที่อลิสานั่งกอดหมอนหน้าเครียด สีหน้าหงุดหงิดไม่ต่างจากวันที่เพิ่งถูกประกาศถอนหมั้นอย่างเป็นทางการ
“แล้วเขาก็พูดแค่นั้นนะเชอรีน! ว่าไม่มีทางแต่งงานกับพี่ได้ พี่ผิดตรงไหนก็พี่รักเขานี่!” เสียงของอลิสาสั่นอย่างหงุดหงิด ใบหน้าแต่งจัดดูซีดลงเพราะความเครียด
“พี่อลิสจะว่าไปนะ ผู้ชายไม่ใช่สัตว์เลี้ยงที่เราจะหวงแล้วมันจะเชื่อง ยิ่งโวยวายยิ่งหึงยิ่งถามฟาดฟัน ใครมันจะอยากอยู่ด้วย” ปลายสายที่อยู่ต่างประเทศพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก
“ก็พี่แค่ไม่ชอบที่เขาไปยุ่งกับผู้หญิงอื่น!” อลิสาขมวดคิ้ว เธอรักเขาอยากให้เขาให้เกียรติทั้งต่อหน้าและลับหลัง ผู้หญิงก็ไม่รู้เป็นอะไรยิ่งรู้ว่าผู้ชายมีเจ้าของยิ่งยากเข้าหา
“ไม่มีใครชอบหรอกแต่นั่นแหละมันคือสิ่งที่พี่ต้องเลิกทำทันที”
“ตอนนี้เขาขอถอนหมั้นแล้วพี่จะทำยังไงต่อ”
“ผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงที่โวยวายแบบคนไม่มีชั้นเชิงหรอก พี่ต้องเปลี่ยนวิธี คิดซะว่าเขาไม่ใช่ของเรา แต่เราจะทำให้เขาอยากเป็นของเราเข้าใจมั้ย?”
“ให้พี่ตามจีบเขาใหม่เหรอ?” อลิสายังดูลังเลเล็กน้อย
“แน่นอนค่ะ แต่ต้องจีบแบบผู้ดีมีเชิงไม่ใช่ผู้หญิงคลั่งรักนิ่งหวานเข้าถึงง่ายแต่ไม่ให้จับต้องง่าย เอาใจเขาพูดให้น้อยแต่ทำให้มาก แล้วก็จำไว้อย่างหนึ่ง…”
เชอรีนยิ้มอย่างมั่นใจ “เขาจะมีผู้หญิงอื่นก็ปล่อยเขาไปพี่สวยพี่รวย เราไม่ควรลดค่าตัวเองไปหึงหวงผู้หญิงไร้ระดับ อย่าแคร์ค่ะมองบนแล้วยิ้มเชิดใส่ แล้วตีเนียนเข้าหาเขาแบบนางพญา”
อลิสาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่รอยยิ้มจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยแรงผลักดันความมั่นใจ และไฟในใจที่กำลังลุกโชน
“พี่จะพยายาม”
“ผู้หญิงฉลาดไม่ร้องไห้หาผู้ชาย แต่เปลี่ยนเกมให้ผู้ชายวิ่งกลับมาเอง” เชอรีนหัวเราะเบาๆ และขอวางสายเพราะต่างประเทศก็ดึกมากแล้ว
“เดี๋ยวเชอรีนแกจะกลับเมื่อไหร่”
“เร็วๆ นี่แหละค่ะมีเรื่องต้องไปจัดการ” แววตาของเชอรีนดุร้ายขึ้นมายามนึกถึงประเทศไทย เธอกลับไปคราวนี้อะไรที่เธออยากได้ต้องเป็นของเธอเท่านั้น
บ่ายวันเสาร์ในสวนสาธารณะอากาศดี เสียงเด็กๆ วิ่งเล่นเจี๊ยวจ๊าวไปทั่วสนามหญ้า ข้างม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ สองคุณพ่อรูปหล่อ กำลังนั่งจิบกาแฟคุยกันแบบพ่อๆ ยุคใหม่ที่แต่งตัวดีแต่เลี้ยงลูกเอง“ทัพน้อยโตขึ้นเยอะเลยว่ะ ขาเริ่มยาวเหมือนพ่อนะ” เอกวินพูดยิ้มๆ ขณะมองเจ้าหนูน้อยวัยสี่ขวบที่วิ่งเล่นอยู่กับเด็กคนอื่น“เออน่าหล่อไม่แพ้พ่อแหละ” ธรรศชวินยักคิ้วข้างเดียวอย่างภาคภูมิข้างๆ กัน เด็กหญิงตัวน้อยผมลอนหยักศก ดวงตากลมโตใสแจ๋ววัยสองขวบที่ชื่อ แก้มใส ลูกสาวสุดหวงของเอกวิน กำลังยืนเกาะกระโปรงตุ๊กตาหมีของตัวเองอย่างน่ารัก“ลูกสาวมึงเนี่ยหน้าหวานเหมือนแม่เลยนะ ไม่เหมือนมึงซักนิด” เขาหันไปมองแล้วแซวเล่น“แน่นอนแม่น้องแก้มสวยขนาดนั้น แต่ถ้าใครมาแตะนะกัดแน่” เอกวินพูดเล่นแบบจริงจัง คิดไม่ถึงว่าเขาจะแต่งงานและมีลูกตามเพื่อนไปติดๆ ยังไม่ทันขาดคำเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยดังขึ้น จนคนที่อยู่บริเวณนั้นตกใจ“ฮืออออ~ พ่อจ๋า! เขามาหอมแก้มหนู!!!”ทุกสายตาหันไปทันที และภาพที่เห็นก็คือเจ้าทัพน้อยยืนยิ้มฟันหลอ กำลังจุ๊บมือเปื้อนดินของตัวเองเหมือนนักรักตัวจิ๋ว ส่วนน้องแก้มใสยืนทำหน้าจะร้องไห้อยู่ข้างๆ มือจับแก้มตัวเองแล
“ลูกชาย! มานี่เลยนะครับ!” เสียงเข้มแต่แฝงความเหนื่อยหอบของธรรศชวินดังลั่นไปทั่วห้องนอนพ่อหนุ่มมาดเนี้ยบมีคนรับใช้ล้อมรอบ วันนี้ต้องนั่งคุกเข่าบนพื้นพรมในสภาพเสื้อยับผมกระเซิง ถือแพมเพิสในมือหนึ่ง ส่วนอีกมือกำลังเอื้อมคว้าหลังเจ้าลูกชายวัยแปดเดือนที่กำลังคลานหนีอย่างปราดเปรียวเหมือนนักวิ่งโอลิมปิก“ทัพน้อย! อย่าคลานไปแทะรีโมตสิลูกรีโมตไม่ใช่ข้าวเกรียบ!”ลูกกูเหมือนกูท่องไว้ พ่อบ้านใจกล้าที่แท้หรูกลัวเมียจะเลี้ยงลูกเหนื่อยเลยให้ออกไปเที่ยว แต่ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงลูกชายก็แผลงฤทธิ์ใส่เขาเด็กน้อยหัวกลมๆ หันมายิ้มกว้างโชว์ฟันน้ำนมซี่เล็กๆ หนึ่งซี่ ก่อนจะหมุนตัวหนีอีกครั้ง โดยไม่รู้เลยว่าด้านหลังน่ะยังเปลือยเปล่า! คนเป็นพ่อทิ้งตัวนั่งแผละถอนหายใจยาว“เมื่อก่อนพ่อใส่สูทประชุมกับผู้บริหาร ตอนนี้ใส่แพมเพิสให้ลูกแต่ยังแพ้ลูกอยู่เลย”เขาพูดกับตัวเองก่อนจะรวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย ลุกขึ้นมาใช้แผนใหม่วางผ้าเปียกไว้ข้างตัว เอาแพมเพิสวางตรงกลาง และเปิดคลิปเสียงแม่ของลูกในมือถือเสียงนุ่มๆ ของมุกดังขึ้นจากโทรศัพท์ที่วางไว้บนพื้น “ทัพน้อยครับ มาหาแม่เร็ว~”แผนนี้ได้ผลอย่างน่าอัศจรรย์ เจ้าตัวเล็กหยุดคลานทั
เสียงดนตรีจังหวะชิลล์ๆ ดังคลอเบาๆ ในห้องวีไอพีของบาร์หรูที่ตกแต่งสไตล์ลอฟต์ผสมโมเดิร์น กลิ่นเหล้าแพงและซิการ์จางๆ ลอยตลบผสมกับกลิ่นน้ำหอมผู้ชายระดับไฮเอนด์ท่ามกลางแสงไฟสีอุ่นและบรรยากาศที่ไม่ได้ครึกครื้นจนอึดอัด แต่ก็ไม่เงียบเหงาจนน่าเบื่องานปาร์ตี้สละโสดของ ธรรศชวินกำลังดำเนินไปอย่างเรียบง่ายตอนนี้ปิ่นมุกตั้งท้องได้สี่เดือนและงานแต่งงานจะถูกจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า เรียกว่าตอนนี้ทุกอย่างลงตัวสุดๆ พ่อแม่ของเขาก็รักเอ็นดูปิ่นมุกมาก จนลืมไปแล้วว่าตัวเองมีลูกชาย“บอกตรงๆ นะงานนี้ไม่ใช่ความคิดของกู” ธรรศชวินพูดขณะยกแก้วขึ้นจิบเบาๆ ใบหน้ายังเรียบเฉยเหมือนทุกวัน แต่สายตากลับหลุดกลอกไปมาราวกับหาทางหนีทีไล่“แน่นอนอยู่แล้ว เพราะกูเป็นคนจัดเองกับมือ!” เอกวินกระแทกตัวลงนั่งข้างเขาอย่างไม่สนใจฟอร์ม เสื้อเชิ้ตแบรนด์เนมของเขาถูกปลดกระดุมสองเม็ดเผยอกนิดๆ ตามสไตล์คนไม่ยอมแก่มันทิ้งให้เขาอยู่เป็นโสดตามลำพัง ส่วนตัวเองหนีไปมีเมียก่อน“แล้วลากกูมาแบบนี้ทำไม” เขาถามเสียงเบาแต่ปากเริ่มยิ้มขำ คิดถึงปิ่นมุกอยากนอนกอดเมียใจจะขาด“ก็เพื่อย้ำให้รู้ตัวไงมึง ว่าคืนนี้คือคืนสุดท้ายแล้วที่มึงจะอยู่ในสารบบชาย
ประตูเพนท์เฮาส์หรูบนชั้นสูงสุดของตึกกลางเมืองปิดลงอย่างเงียบงัน กลางห้องกว้างที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีขาวเทา ธรรศชวินอุ้มปิ่นมุกเข้ามาอย่างระมัดระวังแล้วค่อยๆ วางเธอลงบนโซฟาหนังแท้ริมหน้าต่างบานใหญ่ที่มองเห็นวิวเมืองยามค่ำคืนแต่ยังไม่ทันที่มือของเขาจะผละจากแขนเธอ ปิ่นมุกก็สะบัดมันออกเต็มแรง ใบหน้าเรียวหันหนีไปทางอื่นดวงตาคู่งามฉายแววเย็นชาเสียยิ่งกว่าท้องฟ้ายามฝนตก“อย่าแตะต้อง” เสียงเธอแข็งราวมีดบางคมกริบเฉือนลงกลางใจเขาชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าต่อหน้าเธอ มือทั้งสองประสานกันไว้ราวกับกำลังสารภาพบาป ใบหน้าคมคายที่เคยเต็มไปด้วยความมั่นใจบัดนี้อ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด“มุก...พี่รักมุกนะ” เขาเอ่ยช้าๆ ดวงตาจับจ้องเธอแน่นิ่ง ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่มีความเย่อหยิ่งใดๆ มีแต่ความรู้สึกเปลือยเปล่าจากส่วนลึกของหัวใจปิ่นมุกหัวเราะออกมาเสียงแห้ง รอยยิ้มที่ผุดขึ้นไม่ใช่ความสุข แต่คือความเจ็บปวดที่พยายามหลบซ่อนไว้“รักเหรอ? ตอนนี้เนี่ยนะ” เธอเชิดหน้าขึ้น ดวงตาเริ่มคลอด้วยน้ำตาแต่ไม่ยอมให้ไหลลงมา“ตอนที่มุกรักคุณหมดหัวใจ คุณกลับผลักไสไล่ส่ง บอกว่ามุกไม่มีค่าอะไร แล้วตอนนี้ล่ะจะเอาอะไรจากฉันอีก
“ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงใจร้ายจัง มายอมมาดูดำดูดีกันเลย” คุณหญิงวีณาบ่นเสียงแข็ง วางตะกร้าผลไม้ลงโต๊ะอย่างแรงจนผลแอปเปิลกลิ้งตกไปลูกหนึ่งธรรศชวินที่นอนอยู่บนเตียงเงยหน้ามามองแม่ ร่างเขายังดูอ่อนแรงสีหน้าไม่สดใสเหมือนเคย แต่แววตายังแข็งกร้าวอยู่บ้าง“แม่อย่าว่ามุกเลยครับ” เขาพูดเบาๆ ขณะพยายามลุกขึ้นนั่ง“ไม่ให้ว่าได้ยังไงคนอะไรใจร้าย ไม่มาเยี่ยมไม่ถามไถ่สักคำ คนเคยรักกันนะวินซ์ เขาเห็นสภาพลูกไหมเนี่ยแผลยังไม่หายดีเลย!” เสียงแม่ขึ้นสูงเล็กน้อยปนห่วงและโมโหแทน“ผมทำกับเขาไว้เยอะเขาไม่ควรต้องอยู่ใกล้ผมด้วยซ้ำ” เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนเอ่ยออกมาช้าๆคุณหญิงชะงักมองหน้าลูกชายอย่างไม่อยากเชื่อหู เสียงของลูกชายเรียบนิ่ง แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด คุณหญิงเงียบลงสีหน้าค่อยๆ อ่อนลงอย่างไม่ทันรู้ตัว หัวใจคนเป็นแม่แม้จะไม่ชอบผู้หญิงคนนั้นนัก แต่ก็สะเทือนใจเมื่อเห็นลูกชายเจ็บทั้งกายและใจ“แต่ลูกก็รักเขาไม่ใช่เหรอ” คุณหญิงถามเบาๆ“ครับรักจนไม่รู้จะทำยังไงกับตัวเองดี” เขาหันหน้าไปอีกทางดวงตาแดงวาบริมฝีปากเม้มแน่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบช้าๆบรรยากาศในห้องเงียบงันอยู่พักหนึ่ง ก่อนคุณหญิงจะเดินเข
คิรันกับปิ่นมุกที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ห้องโถงขวับไปมองพร้อมกัน สีหน้าของหญิงสาวซีดเผือดทันทีเมื่อเห็นชายร่างสูงเดินเข้ามาอย่างโกรธจัด มีรอยเลือดซึมตรงเสื้อผ้าที่แผลผ่าตัดตรงหน้าท้อง “ป้าห้ามเขาแล้วค่ะเขาจะเข้ามาให้ได้” “เดี๋ยวมุกจัดการเองค่ะ” เขาต้องอยู่โรงพยาบาลไม่ใช่หรือ ทำไมถึงมาในสภาพแบบนี้ได้“คุณวินซ์!” ปิ่นมุกลุกพรวดขึ้นด้วยความตกใจ“มุกถอยไป” คิรันลุกขึ้นมาขวางทันทีไม่ทันได้พูดอะไรต่อ หมัดของธรรศชวินก็พุ่งเข้าใส่หน้าคิรันเต็มแรง เสียงกระแทกดังสนั่นจนคิรันเซล้มลงไปกองกับพื้น เลือดซึมตรงมุมปาก“คุณวินซ์หยุดนะ!” ปิ่นมุกกรีดร้อง พุ่งเข้าไปจับแขนเขาไว้ แต่เขาสะบัดแขนออกอย่างแรง ดวงตาแดงก่ำและบ้าคลั่ง“มึงเป็นใครถึงมานั่งข้างเมียกูแบบนี้ ห้ะ! มึงเป็นใคร!!!”“มุกไม่ใช่เมียคุณ! ออกไปจากบ้านของมุก” ปิ่นมุกตะโกนสวนเขากำลังจะพุ่งเข้าไปซ้ำอีก แต่ปิ่นมุกเข้าขวางแล้วผลักเขาออกเต็มแรงจนชายหนุ่มเสียหลักล้มกระแทกลงกับพื้นตุบ!ชายหนุ่มกัดฟันแน่น มือข้างหนึ่งกดที่แผลผ่าตัดที่เหมือนจะปริออก เลือดสีแดงสดไหลทะลุผ้าพันแผลอย่างน่าตกใจ“พี่วินซ์!” ปิ่นมุกร้องเสียงหลง มองเห็นเลือดแล้ว