“ลลินตามหาทามตั้งนาน แล้วนี่เลขาสุดหล่อของนายล่ะ? ” หญิงสาวเอ่ยแหย่เพื่อนชายอีกคน
พอได้ยินคำว่าสุดหล่อก็ตงิดๆ อยู่ไม่หาย แต่ถึงอย่างนั้นก็คงต้องกลั้นใจตอบ อีกอย่างเขารู้ว่าลลินคงแค่แหย่โดยไม่คิดอะไร เธอคงแค่เย้าแหย่เหมือนที่ผ่านมา “เห็นไปรับลมแถวๆ สระหน่ะ นี่ลลิลเมาหรอครับ หน้าแดงเชียว? ” ที่ถามเพราะใบหน้าเธอแดงก่ำมากจริงๆ และตอนนี้นี่เองที่หญิงสาวก็ถือวิสาสะเข้าไปจุ๊บที่ปากของชายหนุ่มอย่างเผลอไผล ทันใดนั้นเองเขาก็มองเห็นว่ามีใครอีกคนคอยจ้องมองคนทั้งคู่อยู่ ชายหนุ่มจึงรีบผลักหญิงสาวออกอย่างไว ก่อนจะตรงดิ่งมายังบุรุษที่กำลังหน้าบึ้ง “มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ” แต่แล้วใครอีกคนกลับไม่พูดอะไร “นายอย่าเงียบแบบนี้สิ ฉันไม่ชอบ” “ก็ผมไม่ได้บอกให้คุณต้องชอบ คุณจะจูบหรืออะไรกับใคร มันเกี่ยวอะไรกับผมด้วย .. ผมเหนื่อย ง่วงแล้ว จะกลับ” ‘โกรธทีไร สรรพนามแทนตัวเองเปลี่ยนทุกครั้งเลยนะ’ คนตัวสูงคิด คนแอบงอแงก็แอบวีนใส่ร่างสูงอย่างไม่รู้ตัว “งั้นกลับด้วยกัน” “ได้ไง นี่วันเกิดแฟนนายนะ อีกอย่างผมโอเค” ทามไทไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เขาฝากบอกเพื่อนของลลินดาว่าเมามาก ขอตัวกลับก่อน ก่อนจะดึงกระชากลากถูชายหนุ่มอีกคนไปขึ้นลีมูซีนคันหรู ซึ่งมีคนขับรถสแตนบายอยู่แล้ว “ออกรถ!!” เขาสั่งคนรถให้ออกรถทันที ก่อนที่มือหนาจะกดสวิตช์ด้านข้างเพื่อให้กระจกขั้นตรงกลางระหว่างคนขับกับห้องโดยสารให้เลื่อนขึ้น “นายปิดกระจกทำไม ผมไม่ชอบ!!” “แน่ใจหรอว่าไม่ชอบ ฉันว่านายกำลังหึง!!” คนทั้งคู่เถียงกันในรถไปมา ทว่าคนขับต่างไม่ได้ยินอะไรใดๆ ทั้งสิ้น เขาไม่มาละลาบละล้วงเรื่องของเจ้านายเด็ดขาด ไม่งั้นเงินเดือนคนขับรถที่ถูกจ่ายถึงแสนสี่ต่อเดือนเป็นอันต้องอันตรธานหายไปแน่ๆ “เพทาย!! นายหยุดดิ้นสักที ก็ฉันบอกแล้วว่ามันไม่มีอะไร!!” “จะมีหรือไม่มีอะไรมันก็เรื่องของนายสิ มันไม่เกี่ยวกับผม 11 ปีที่ผ่านมา ผมไม่รู้ด้วยหรอกนะว่านายไปอะไรกับใครยังไงบ้าง” “เพทาย!!” คนตัวสูงสบถเสียงดังลั่นรถ ก่อนจะทึ้งใบหน้าอีกคนให้มารับกับรสจูบของเขา ร่างบางดันแผ่นอกของร่างหนาอย่างเอาเป็นเอาตาย พยายามไม่ให้อีกคนมาจูบ แต่แล้วมีหรือที่ร่างเล็กบางจะสู้แรงของอีกฝ่ายได้ ครั้งนี้เขาตะโบมจูบอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่อีกร่างก็ต่อต้านอย่างสุดฤทธิ์ “ทามไทนายหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ คนขับรถก็อยู่ นายจะบ้ารึไง!! ทาม … อะ อื้อ …” แล้วริมฝีปากสีชมพูระเรื่อของอีกคนก็ถูกเขากลืนกิน จนน้ำเสียงนั้นมันหายไป …. ท่ามกลางความเงียบที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ เพทายยังคงยึดเอาความรู้สึกโกรธปนหึงหวงมาเป็นข้ออ้าง ริมฝีปากที่กดจูบอย่างดุเดือดรุนแรงค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลอย่างไม่รู้ตัว จนเพทายที่ตอนแรกพยายามขัดขืนกลับเริ่มอ่อนแรงลง เขาผละริมฝีปากออกเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้าของอีกคนที่แดงก่ำ ดวงตาฉายความไม่พอใจแต่แฝงไปด้วยความสับสน ทามไทสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “นายไม่เข้าใจหรอกว่าฉันรู้สึกยังไง … นายจะไปรู้อะไร ฉันก็หงุดหงิดทุกทีที่นายเป็นแบบนี้ ทำไมนายต้องเป็นแบบนี้ด้วย เพทาย …ฉันไม่ชอบเวลาที่นายทำตัวเฉยเมยกับฉัน” เพทายผลักเขาออกทันทีเมื่อได้สติ ทั้งคู่หายใจหอบถี่ด้วยความโกรธ เขากำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูด “นายไม่ต้องมาบอกว่าหงุดหงิดเพราะผม … นายมันก็แค่คนเห็นแก่ตัว..ทาม” คำพูดนั้นเหมือนเข็มแหลมทิ่มแทงเข้ากลางใจ ทามไทมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ปะปนไปด้วยความเจ็บปวดและความเสียใจ นี่ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่เขาเอาแต่เฝ้าคิดถึง แต่กลับมาได้ยินสิ่งที่ทิ่มแทงให้ตัวเองเจ็บปวดแบบนี้นั้นหน่ะหรอ มันคุ้มกันบ้างรึเปล่าวะ บัดซบชิบหาย!! “ฉันรู้ … ฉันเห็นแก่ตัว … แต่ทุกครั้งที่นายเป็นแบบนี้ ฉันเหมือนคนกำลังเป็นบ้า นายเข้าใจมั้ยเพทาย? ฉันพยายามห้ามตัวเองแล้ว แต่ยิ่งนายผลักฉันออกไป ฉันยิ่งอยากดึงนายกลับมา” เพทายหัวเราะในลำคอ เสียงปนด้วยความประชด “ถ้านายคิดว่าการจูบหรือคิดจะลากผมกลับมาแบบนี้มันจะทำให้ผมรู้สึกเหมือนเดิมกับเมื่อ 11 ปีก่อน นายคิดผิดแล้วล่ะทามไท ผมก็ไม่ได้อยากเป็นแค่ของเล่นชั่วครู่ของนายเช่นกัน” คำพูดนั้นทำเอาชายหนุ่มแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ “ของเล่น!! ของเล่นหรอ? นายคิดว่าฉันเห็นนายเป็นของเล่นรึไง? ” แววตาระริกไหวสั่นรื้นไปด้วยน้ำใสๆ ร่างสูงถึงกับเก็บกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้อ่อนแอกับอีแค่คำพูดไม่กี่คำของคนที่ห่างหายกันไปนานถึง 11 ปี ใครอีกคนที่เห็นดังนั้นก็เงียบอึ้งตะลึงงันพอๆ กัน เขาไม่เคยคิดว่าคำพูดเพียงไม่กี่คำของเขามันจะทำร้ายใครอีกคนได้ถึงเพียงนี้ “ผมขอโทษ … ผมแค่ …” ‘ผมแค่ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม แล้วสุดท้ายทุกคนก็คงต้องแยกย้ายกันไป’ “แค่อะไร? ” ร่างสูงตะเบงเสียงถาม “ผมแค่ไม่อยากให้ประวัติมันซ้ำเดิม นายรู้มั้ย ว่าผมไม่เคยแตะต้องผู้หญิงเลย ทั้งๆ ที่ผมก็คิดว่าผมต้องชอบผู้หญิง และทุกครั้ง มันก็จะคอยคิดถึงนายอยู่ตลอด ตลอด 11 ปีที่ผ่านมา ผมทรมานแค่ไหน มีใครมารับรู้บ้าง” ชายหนุ่มพูดไปก็สะอื้นไห้ไป ตอนนี้ทามไทต่างบอกตัวเองไม่ถูกเช่นกัน แต่แล้วเพทายก็พูดขึ้นก่อน “นายจะเห็นผมเป็นของเล่นอีกนานแค่ไหนทาม … อะ ฮึก … ผมก็มีหัวใจนะ ผมเจ็บ” ร่างสูงดึงทึ้งคนร่างบางกว่าตนเข้ามาสวมกอด “นี่ที่ผ่านมา ฉันทำให้นายคิดแบบนี้มาตลอดเลยรึไง … นายรู้ไหมทำไมฉันถึงไม่ติดต่อนาย” เขาเอ่ยถาม “แล้วผมจะไปรู้ได้ยังไง” “ผมประสบอุบัติเหตุ ความจำพึ่งจะกลับมาเมื่อสองปีก่อน แต่มันพึ่งจะมาจำเรื่องราวทั้งหมดของเราได้เมื่อไม่นานมานี้ ไม่งั้นผมจะพึ่งกลับมาไทยทำไม อีกอย่างเรื่องลลินดา ผมก็กำลังให้นักสืบเอกชนไปตามสืบเธออยู่ ว่าจริงๆ แล้วพวกเราเป็นแฟนกันได้ยังไง ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเราสามคนต่างก็เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น นายเชื่อฉันใช่ไหมทาย …” “ผมจะเชื่อนายได้ใช่มั้ยทาม อย่าลืมนะว่าเราสองคนก็เป็นเพื่อนกันมาก่อน” “นั่นมันไม่เหมือนกัน นายกับเธอ ความรูสึกของฉันมันไม่เหมือนกัน ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับลลินดา นอกจากเพื่อนที่ดีเท่านั้น” ปากหนาไม่รอช้าให้ใครอีกคนได้เอ่ยตอบ เขาก็โน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ จนริมฝีปากประกบปากบางอีกระลอก ชายหนุ่มค่อยๆ ดุนดันลิ้นหนาเข้าไปด้านในสำรวจอุ้งปาก คนทั้งคู่ต่างกันผลัดจูบตอบไปมาอย่างดูดดื่มและเร่าร้อนอีกครั้ง ความคิดถึงบวกความถวิลหา ทว่าตอนนี้ไฟราคะมันได้ลุกโหมกระหน่ำ และยากจะดับลง เขาบดขยี้ริมฝีปากอย่างดุเดือดราวกับคนหื่นกระหาย เขาบดจูบดุดุนจนริมฝีปากของใครอีกคนห้อเลือดจนบวมก่ำ จากนั้นก็ขบงับเข้ากับติ่งหู มือหนาปลดเปลื้องเสื้อของชายหนุ่มร่างบางออกจนเห็นแผ่นหลัง เขาลูบไล้เรือนกายไปทั่วอณูสัมผัส ก่อนจะผลักร่างบางให้นอนแผ่ราบไปกับเบาะ ชายหนุ่มขึ้นคร่อมและตวัดเรียวลิ้นบดดูดทั่วซอกคอหอม “นายตัวหอมจัง ….. อื้มม” อีกคนก็แอ่นอกให้ชายหนุ่มร่างสูงได้ลงปลายลิ้นสัมผัสอย่างบ้าคลั่ง คนทั้งสองบดเบียดช่วงล่างเข้าหากันอย่างต้องการ จากนั้นชายหนุ่มก็ไล้เลียเรียวลิ้นลงมาเรื่อยๆ จนมาหยุดที่หว่างขา เขาถอดกางเกงสแลกตัวหรูของเพทายออกอย่างไว ก่อนจะถอดบ็อกเซอร์ออกตามๆ กัน ปากอุ่นร้อนค่อยๆ ตวัดจ้วงสวบเข้าตรงปลายหัว เขาตั้งใจจะสวบงับเข้าแค่นั้นตอนนี้มันเริ่มผงาดขยายเต็มลำในช่องทางปากของเขา ปลายลิ้นตวัดเกี่ยวเป็นวงกลมอย่างช้าๆ ก่อนจะกระดกขึ้นลงอย่างถี่เร็วรัว ทำเอาใครอีกคนถึงกับจิกทึ้งผมของเขาอย่างไม่ยั้งแรง มือหนาค่อยๆ ถ่างขาให้อ้ากว้างออก เขาจับขาของคนขี้น้อยใจขึ้นมาพาดตรงไหล่หนาของเขา จากนั้นก็จ้วงปลายลิ้นเลียตั้งแต่โคนหัวหยักบานลามลงมาจนถึงพวงไข่ กล้ามเนื้อหน้าท้องที่กระเพื่อมขึ้นลงถี่ๆ บ่งบอกได้ว่าคนตรงหน้าเสียวสะท้านถึงขั้นสุด เขายังคงตวัดปลายลิ้นจ้วงลงมาจนถึงช่องทางเปียกชื้นด้านหลังที่ก่อนหน้าเขาพึ่งพุ่งสาดน้ำรักใส่ และตอนนี้มันก็ยังหลงเหลือคราบน้ำรักอยู่ เขารีบถอดกางเกงตัวเองออกอย่างไว แล้วก็จับให้อีกคนมานั่งคร่อมตัวเอง “กางขาออกเยอะๆ จะได้ไม่เจ็บ” คนร่างสูงปรนเปรอคนร่างเล็กกว่าทุกอย่าง เขาเอาอกเอาใจ ยอมใช้ปากลิ้นโดยไม่คิดรังเกียจ มือหนาค่อยๆ ยกก้นของใครอีกคนขึ้น ก่อนจะจับหัวบานของตนเองที่มีน้ำเมือกใสๆ เต็มหัวดอก ค่อยๆ ถูไถมันไปมาที่ร่องก้น เขาค่อยๆ กดกายของอีกคนลงมา มันค่อยๆ สวมเข้ารัดตอดลำเอ็นที่เห็นเส้นเลือดปูด เขากดมันลงจนสุดลำ จากนั้นก็ควงส่ายสะโพกไปมาให้เข้าที่ มืออีกข้างก็ชักแก่นกายที่ชี้โด่ชี้เด่ตรงหน้า คนดานบนต่างตัวงอด้วยความจุกเสียดที่ตีรื้นขึ้นอย่างกระทันหัน “ทาม ผมจุก…” “ฉันจะเบาๆ ” พูดจบก็ยกร่างบางขึ้นลงอย่างแผ่วเบา แต่ใครอีกคนกลับงอตัวหนีเพราะจุกเสียดแน่นตึงตรงช่องท้อง “ไหวมั้ยที่รัก ฉันแตกแล้ว อดทนแป๊บนะ เดี๋ยวฉันจะกินน้ำให้นายต่อ จะดูดจนกว่านายจะแตก” พับ พับ พับ “อี๊ดดด… อื๊อออ…” คนร่างบางพยายามเก็บกลั้นความเจ็บปนเสียวซ่านอย่างทรมานสุดๆ ขณะที่แก่นกายใหญ่หนายังคงกระแทกเนื้อของอีกฝ่ายจากทางด้านหลัง ชายหนุ่มปิดเสียงร้องครางของอีกคนด้วยริมฝีปากอีกระรอก อือออ …. เอื้อยย …. ซี้ดดดด ปัก ปัก ปัก ยิ่งเขากระแทกตอกอัดแน่นเท่าไหร่ ช่องรูรักของเพทายก็ตอดรัดแน่นขึ้นมากเท่านั้น “ทาย …. ซี้ดดด ที่รัก .. ฉันไม่ไหว จะเสร็จ … อื้มมม ….” อีกครั้งแล้วที่น้ำสีขาวอุ่นๆ ไหลเข้าสู่ใจกลางกายของคนร่างเล็ก จากนั้นร่างหนาจะจับยึดร่างบางให้ยืนขึ้นคร่อมลำตัวของอีกฝ่าย ปากอุ่นหนาจับงัดแท่งเอ็นไซซ์ 58 เข้าสู่อุ้งปาก ในขณะที่มือทั้งสองข้างต่างก็บีบกดบั้นท้ายจนสีก้นแดงระเรื่อ เขาใช้เกลียวลิ้นตวัดรูดขึ้นรูดลง ใช้ปากล้วนๆ โดยไม่ใช้มือช่วย ลิ้นด้านในก็กระดกสั่นรัวๆ จนเพทายเผลอจิกกดศีรษะของเขากระแทกริมฝีปากบดเข้าจนหัวบานของแท่งเอ็นชนเข้าที่กระพุ้งปากของอีกคนอย่างคนเอาแต่ใจ “ทาม …. อ๊ะ ผมเสียวหัวมากเลยทาม … อื้ออออ ซี้ดดด” เขากัดฟันขบกรามจนดังกรอด “เสียวหัว … ไม่ไหว ผมจะไม่ไหว” เสียงริมฝีปากกับแท่งเอ็นยักษ์เสียดสีกันจนดังแจะๆ อ๊าาาห์ … “จะแตกแล้วทาม ทามครับ… อี๊ดดด ..” เพทายเกร็งก้นกระตุกถี่ๆ ทามไทดูดเอาน้ำรักกลืนลงคอจนเกลี้ยง เขาแกล้งเพทายด้วยการกระดกลิ้นใส่ปลายหัวหยัก จนคนร่างบางถึงกับกระตุกเกร็งทุกครั้งที่ปลายลิ้นตวัดขึ้นลง “เสียวหัว… ทามอย่าแกล้งผม… อื้มม…” ปากหยักหนาค่อยๆ หันไปประกบปากบางอีกรอบ เขาแบ่งน้ำรักสีขาวขุ่นให้ชายหนุ่มที่พึ่งสุขสมไปเมื่อกี้คนละครึ่ง ในขณะที่อีกคนทำหน้าแหยๆ อึก …. ทามไทกลืนจนเกลี้ยงและหันมาพูดต่อว่า ” นั่นมันน้ำของนายนะ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะให้นายกินน้ำของฉัน วันนี้นายต้องซ้อมคอไปก่อน “ ก่อนจะหันมาแสยะยิ้มกับท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของคนตรงหน้า …บรรยากาศในร้านริมหาดนั้นเต็มไปด้วยเสียงเพลงของดนตรีสดที่ทำให้ความรู้สึกของทุกคนดูผ่อนคลาย แต่ภายในใจของทามไทและเพทายกลับมีสิ่งที่ซ่อนอยู่มากมาย ทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ขณะที่อลิสและลลินดานั่งอยู่ข้างๆ บนโต๊ะไม้สีอ่อนที่ตั้งอยู่ใกล้กับริมทะเล เสียงคลื่นซัดสาดทำให้บรรยากาศดูสงบ แต่ในหัวของทั้งสองกลับเต็มไปด้วยความคิดทามไทมองไปที่เพทายที่นั่งห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าว เขาพยายามเก็บความรู้สึกที่ปั่นป่วนภายในใจเอาไว้ ไม่ให้ใครเห็น เขาสังเกตเห็นว่าเพทายพูดคุยกับอลิสได้อย่างเป็นกันเอง เสียงหัวเราะของทั้งสองเหมือนเสียงของคู่รักที่เพิ่งพบกันไม่นาน มันทำให้ทามไทรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่เขาก็รู้ดีว่าเพทายและอลิสไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเกินกว่าคำว่าพี่น้อง แต่ทำไมลึกๆ เขากลับรู้สึกไม่สบายใจในขณะเดียวกัน เพทายที่นั่งอยู่ข้างๆ อลิสก็รู้สึกถึงสายตาของทามไทที่จ้องมาที่เขาอย่างไม่ค่อยพอใจ เขารู้สึกได้ถึงความตึงเครียดในอากาศ แต่มันกลับเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถแสดงออกได้ ทุกครั้งที่เขาหันไปมองทามไท ทามไทก็จะทำเพียงแค่ยิ้มให้ แม้ว่าในดวงตาจะมีแววแปลกๆ ที่ทำให้เพทายไม่แน่ใจว่าเขาคิดอะไรอลิสหันไปม
เมื่อทั้งคู่ถึงคอนโด พวกเขาต่างหิ้วของกินพะรุงพะรัง มีทั้งของทานเล่นและเบียร์ยี่ห้อดังที่แอลกอฮอล์สิบเปอร์เซ็นต์ ทั้งที่ปกติคนอย่างทามไทไม่ค่อยแตะเบียร์สักเท่าไหร่ แต่วันนี้ดูเหมือนเขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษทั้งคู่ใช้เวลาเสพสุขร่วมกันอีกหลายรอบ ราวกับจะทดแทนเวลาที่ขาดหายไป ก่อนจะหมดแรงหลับใหลไปพร้อมกันเช้าวันอาทิตย์เสียงโทรศัพท์ภายในห้องดังขึ้น ทำเอาทามไทที่นอนขี้เซาภายใต้อ้อมกอดกันและกันต้องค่อยๆ ผละตัวออกอย่างแผ่วเบาจากร่างของใครอีกคน ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูด้วยความไม่เต็มใจเท่าใดนัก เขาได้ยินเสียงมารดาดังมาจากปลายสาย“ทาม วันนี้บ้านเรานัดกับบ้านลลินดาไว้ที่บ้านพักตากอากาศ จำได้ใช่ไหมลูก?”ทามไทถอนหายใจเบาๆ “ครับๆ ไปอยู่แล้ว แต่ผมจะพาเลขาส่วนตัวไปด้วย”“อ้าว พาเลขาไปทำไมลูก นี่มันนัดสังสรรค์กันในครอบครัวนะครับลูก”“เขารู้เรื่องงานมากกว่าผมอีกครับแม่ อีกอย่างเขาก็สนิทกับลลินดาอยู่แล้ว แม่ไม่ต้องห่วงหรอก รับรองแม่เจอเขาก็จะร้องอ๋อ” ทามไทเอ่ยตัดบทบนรถยนต์คันหรูระหว่างทาง“ทาม นายจะให้ผมไปทำไมเนี่ย ผมรู้สึกแปลกๆ นะ” เพทายบ่นพลางขยับเนกไทที่ถูกบังคับให้ใส่“แปลกอะไร นายก็ส
จู๊ดๆ …เสียงปลดล็อกประตูรถยนต์คันหรูแบบ4 ที่นั่ง วันนี้เขาเลือกเอาคันที่มีขนาดกว้างพิเศษมา ซึ่งปกติแล้วชายหนุ่มมักจะขับสปอร์ตแบบสองที่นั่งซะมากกว่าคนร่างเล็กกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูเพื่อขึ้นไปนั่งด้านข้างคนขับ ทว่าเขากลับกระชากร่างบางกว่าเข้าไปยังเบาะด้านหลัง ก่อนจะสั่งการให้เครื่องสตาร์ทด้วยระบบสั่งการด้วยเสียง และปรับระบบแอร์โดยการควบคุมผ่านท่าทาง หรือระบบที่เรียกว่า ‘Gesture Control’ คนร่างสูงควบคุมปรับเบาะ ปรับองศาต่างๆ ผ่านระบบนี้ทั้งหมด“นี่ใช่มั้ยคือสาเหตุที่นายเลือกขับคันนี้มา” เพทายหันมามองก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกว่า “นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่นายเลือกจอดมุมนี้”ไม่ว่าจะจอดตรงไหนมุมใดของห้าง มันก็ไม่มีใครเห็นหรอก เพราะนอกจากกระจกที่มืดแล้ว ยังมีม่านทึบที่เขาพึ่งสั่งการให้มันปิดทึบขึ้นอีกชั้น คนตัวสูงกว่า 190 เอาแต่ยกยิ้มในใจ“ฉันยังไม่ได้ปลดปล่อยเลยนะทาย นายจะให้ฉันค้างเติ่งไม่ได้นะ ฉันหิวนายอีกแล้วที่รัก” เสียงแหบพร่าวาบหวามทำเอาใครอีกคนแทบจะกระโดดจ้วงเขาในทันทีคนตัวสูงไม่รอข้ารีบเปลื้องกางเกงด้านล่างของตัวเองออกจนหมด ก่อนจะจับหัวอีกคนกดลงตรงกลางกาย คนถูกกระทำก็อ้าปากงับก่อนจ
(บทนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่แนะนำให้ลอกเลียนแบบ)“ไหนนายบอกจะพาผมไปค้างด้วย แล้วนายมาจอดรถบนห้างทำไม นี่คนเยอะแยะนะ ชั้นนี้คนมาดูหนังกันเยอะ”“นายแม่งป้อด”“นายจะไม่ให้ผมพักบ้างรึไงทาม”ชายหนุ่มหัวเราะกับเสียงออดอ้อนของอีกคน“เราไปดูหนังกัน ผมจองไว้แล้ว” ทามไทเอ่ยบอก“นายจองห้องวีไอพีหรอ?”“ถ้าวีไอพี มันจะไปสนุกได้ยังไง”“ไม่เอานะทาม อย่าเล่นแบบนี้ ผมกลัว!!”เมื่อชายหนุ่มเห็นสีหน้าของใครบางคนก็อดที่จะสงสารไม่ได้ เลยเลือกที่จะนั่งกอดซบกันและดูหนังเฉย แต่รับรองว่าหนังจบ เขาจะจัดคนขี้กลัวตรงลานจอดรถในห้างนี่อย่างสาสมพอถึงโรงหนังเพทายก็อ้ำอึ้งเล็กน้อย เพราะที่ทามไทเลือกมันเป็นที่นั่งแบบ sweet seat มันเป็นกึ่ง private ที่เน้นความส่วนตัวพื้นที่กว้างขวางมีพนักพิงกั้นโซนให้ความรู้สึกเป็นพื้นที่เฉพาะ และขณะเดียวกันก็อยู่ด้านบนสุดเพทายหยุดยืนมองเบาะนั่งสวีทซีทที่อยู่ตรงหน้าแล้วหันไปมองทามไทอย่างไม่ไว้ใจ“ทาม..นายจะทำอะไรของนายเนี่ย” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความหวาดระแวงชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมคว้ามืออีกฝ่ายให้เดินตามเข้าไปนั่ง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเบาะโซฟากว้างข้างๆ กัน“ฉันแ
ทันทีที่หญิงสาวเข้ามาด้านในเพื่อหาทามไท เธอก็ต่อว่าเขาไปชุดใหญ่ ก็เมื่อคืนเขาเล่นหนีหายกันทั้งคู่“ทามอ่ะ จะกลับก็ไม่บอกลลิน”“ก็จะไปบอกได้ไงล่ะครับ ก็ลลินเมา พูดจารู้เรื่องกันซะที่ไหน”“แต่ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะค่ะ”หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงสด และรองเท้าเข้าเซต พร้อมด้วยกระเป๋าหนังสีแดงใบจิ๋ว ไม่บอกก็รู้ว่าเธอคือเจ้าแม่แห่งวงการแฟชั่นแค่ไหน ไม่นานนักเสียงอินเตอร์คอมก็ถูกกดเข้ามายังห้องของเลขา แน่นอนว่าคนที่อยู่ด้านในต่างได้ยินด้วย“ครับผม” เพทายกดรับและตอบกลับไปในทันที“คุณเพทายคะ คือคุณอลิสให้ถามน่ะค่ะว่าหลังเลิกงานสะดวกคุยไหม พอดีเธอติดต่อคุณไม่ได้น่ะค่ะ เลยให้อรฝากถาม เพราะคืนนี้ผู้ใหญ่มีนัดคุยกันเรื่องหมั้นค่ะ”คนด้านในที่กำลังนั่งอยู่กับหญิงสาว ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับหูอื้อตาลาย และเงี่ยหูรอฟังคำตอบ“งั้นบอกเธอให้ผมทีนะครับว่าตอนเย็นเจอกัน พอดีโทรศัพท์ผมแบตหมดน่ะครับ รบกวนคุณอรด้วยนะครับ”“ได้ค่ะ เดี๋ยวอรจะแจ้งให้นะคะ”“ขอบคุณครับ”โทรศัพท์ของชายหนุ่มแบตหมดและก็ลืมเอาที่ชาร์ตมา อีกอย่างว่าจะไปยืมใครอีกคน เขาก็เหมือนจะติดธุระกับแฟนสาวอยู่ ไม่นานหญิงสาวที่อยู่ด้านในก็ออกมาอย่างหน้าตาบึ้งๆ
“ลลินตามหาทามตั้งนาน แล้วนี่เลขาสุดหล่อของนายล่ะ? ” หญิงสาวเอ่ยแหย่เพื่อนชายอีกคนพอได้ยินคำว่าสุดหล่อก็ตงิดๆ อยู่ไม่หาย แต่ถึงอย่างนั้นก็คงต้องกลั้นใจตอบ อีกอย่างเขารู้ว่าลลินคงแค่แหย่โดยไม่คิดอะไร เธอคงแค่เย้าแหย่เหมือนที่ผ่านมา“เห็นไปรับลมแถวๆ สระหน่ะ นี่ลลิลเมาหรอครับ หน้าแดงเชียว? ”ที่ถามเพราะใบหน้าเธอแดงก่ำมากจริงๆ และตอนนี้นี่เองที่หญิงสาวก็ถือวิสาสะเข้าไปจุ๊บที่ปากของชายหนุ่มอย่างเผลอไผล ทันใดนั้นเองเขาก็มองเห็นว่ามีใครอีกคนคอยจ้องมองคนทั้งคู่อยู่ ชายหนุ่มจึงรีบผลักหญิงสาวออกอย่างไว ก่อนจะตรงดิ่งมายังบุรุษที่กำลังหน้าบึ้ง“มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ”แต่แล้วใครอีกคนกลับไม่พูดอะไร“นายอย่าเงียบแบบนี้สิ ฉันไม่ชอบ”“ก็ผมไม่ได้บอกให้คุณต้องชอบ คุณจะจูบหรืออะไรกับใคร มันเกี่ยวอะไรกับผมด้วย .. ผมเหนื่อย ง่วงแล้ว จะกลับ”‘โกรธทีไร สรรพนามแทนตัวเองเปลี่ยนทุกครั้งเลยนะ’ คนตัวสูงคิดคนแอบงอแงก็แอบวีนใส่ร่างสูงอย่างไม่รู้ตัว“งั้นกลับด้วยกัน”“ได้ไง นี่วันเกิดแฟนนายนะ อีกอย่างผมโอเค”ทามไทไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เขาฝากบอกเพื่อนของลลินดาว่าเมามาก ขอตัวกลับก่อน ก่อนจะดึงกระชากลากถูชายหนุ่มอีกค