ผ่านมาร่วมหลายวัน วังหลวงก็จัดงานเลี้ยงชมบุปผาขึ้น งานเลี้ยงครั้งนี้เหล่าคุณหนูจากตระกูลใหญ่ต่างตั้งตารอคอยที่จะได้เข้าร่วม พวกนางอยากจะมีอำนาจ มียศฐาบรรดาศักดิ์
แม้บางคนจะไม่หวังได้เป็นถึงฮองเฮามารดาของแผนดิน แต่ขอเพียงได้เป็นพระสนมที่ฝ่าบาททรงโปรดปราณก็นับว่าสุขสบายมากแล้วได้ยินผู้คนเล่าลือกันว่าฮ่องเต้องค์ใหม่รูปงามเหนือสามัญ พวกนางที่เป็นเพียงสตรีน้อยในห้องหอยังไม่เคยเห็นพระพักตร์ของเขาเลยสักครา ครั้งนี้หากได้พบหน้ากัน ก็อยากจะยลโฉมของเขาให้มากหน่อย
งานเลี้ยงวันนี้จัดอย่างหรูหรางดงาม มีเหล่าคุณหนูจากจวนตระกูลสูงศักดิ์มากมายมาเข้าร่วม อวิ๋นไทเฮาและอดีต
ฮองเต้เมื่อได้เห็นสาวงามมากความสามารถก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก พวหเขาย่อมต้องช่วยบุตรชายคัดเลือกฮองเอาและสนมที่งามเพรียบพร้อมไม่นานนักอ๋าวเยว่ก็ปรากฏตัวในงานเลี้ยง ทันทีที่เขาปรากฏตัว เหล่าคุณหนูทุกคนก็ถึงกับตกตะลึงราวกับถูกตรึงเอาไว้ไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้
ใบหน้าของเขาหล่อเหลาคมคาย แววตาฉายล้ำลึกชวนค้นหา ท่วงท่าดูองอาจสง่างามเหนือสามัญ
เหล่าสตรีน้อยต่างขวยเขินเอียงอายไม่กล้าสบตากับฮ่องเต้หนุ่มตรงๆ บางคนถึงกับวางแผนในใจว่าวันนี้จะต้องยั่วยวนเขา ให้เขามองแต่ตนเพียงคนเดียว บางคนก็วาดหวังว่าจะต้องได้ตำแหน่งฮองเฮามาครอบครอง ต่อให้ต้องใช้กลอุบายใดก็จะงัดออกมาใช้ให้หมด
แต่อ๋าวเยว่กลับไม่ได้สนใจสตรีเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มวาดตามองไปโดยรอบแต่กลับไม่พบคนที่เขาอยากเจอ
เจียงมู่ตาน นางไม่มาหรือ?
ในขณะที่เขากำลังคิดไม่ตก ก็เห็นแม่ทัพใหญ่เจียงเดินเข้ามาในงาน พร้อมกับเอ่ยขออภัยต่อเขาและเสด็จพ่อเสด็จแม่ อีกทั้งยังบอกอีกว่าบุตรสาวเพียงคนเดียวของตน นามว่า
เจียงมู่ตานไม่อาจมาร่วมงานได้ เพราะเกิดล้มป่วยอย่างกระทันหัน อาจเพราะหลายวันมานึ้นางกินของเย็นมากไปจึงทำให้มีไข้และอาเจียนไม่หยุดมีไข้หรือ?
คนอย่างนางน่ะหรือจะป่วยไข้?
อ๋าวเยว่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจและตอบแม่ทัพใหญ่เจียงไปว่าไม่เป็นอันใด ด้านอวิ๋นไทเฮาและอดีตฮ่องเต้ก็ไม่ได้เอ่ยตำหนิ อีกทั้งยังคิดในใจว่านางไม่มาก็ดีเหมือนกัน ชื่อเสียงของแม่นางเจียงไม่ใคร่จะดีเท่าใดนัก นางรักสนุก ชอบดื่มสุราเล่นการพนัน หากแต่งกับอ๋าวเยว่อาจจะทำให้เขาปวดหัว
ไม่หยุดไม่หย่อนเมื่อมาแจ้งเรื่องที่บุตรสาวล้มป่วยเรียบร้อยแล้ว แม่ทัพใหญ่เจียงก็ขอตัวลากลับไปดูแลบุตรสาวตนที่จวน
เมื่อคนจากไปแล้วงานเลี้ยงก็ย่อมต้องดำเนินต่อไป
แต่จนแล้วจนรอดอ๋าวเยว่กลับไม่ถูกใจสตรีใดสักคน อวิ๋นไทเฮาเองแม้จะไม่สบายใจแต่กลับไม่อยากเร่งรัดบุตรชาย เพราะนางรู้ดีว่านิสัยของอ๋าวเยว่เป็นเช่นไรเหล่าสตรีน้อยต่างเสียดายจับใจที่ความงามของพวกนางไม่เข้าตาฮ่องเต้หนุ่ม แต่งานเลี้ยงไม่ได้มีครั้งเดียว รอได้พบกันครั้งหน้าเขาจะต้องถูกตาต้องใจพวกนางอย่างแน่นอน ครั้งนี้มาเพื่อพบหน้าฝากไมตรีกันก่อนก็ไม่ถือว่าเสียหายอันใด
หลังจากงานเลี้ยงจบลง อ๋าวเยว่ก็กลับมาที่ตำหนัก ในใจเอาแต่คิดถึงเจียงมู่ตาน
นางดื่มสุราต่างน้ำออกปานนั้น คนเช่นนี้น่ะหรือจะล้มป่วย
เขาเก็บความสงสัยนี้เอาไว้ในใจ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนถึงช่วงกลางดึก เขาจึงเร้นกายออกจากวังหลวงโดยมีองครักษ์ลับตามไปเงียบๆ มุ่งหน้าไปที่จวนตระกูลเจียงในทันที
แม้จวนตระกูลเจียงจะมีการคุ้มกันแน่นหนา แต่ไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะแอบเข้าไป ชายหนุ่มจำได้ว่าเรือนของเจียงมู่ตานอยู่ที่ใด
เมื่อเข้ามาด้านในแล้ว เขาก็พบว่าด้านในห้องยังจุดเทียนเอาไว้อีกมั้งยังเปิดหน้าต่างรับลมด้วย เขากระโดดเข้าไปทางหน้าต่าง ภาพที่เห็นทำเอาชายหนุ่มถึงกับพูดไม่ออก
ตอนนี้เจียงมู่ตานที่ป่วยหนัก กำลังแช่มือในน้ำนมแพะเพื่อให้มือเนียนหนุ่ม ใบหน้างามก็มีสมุนไพรพอกบำรุงหน้าเอาไว้ ไม่นานนักนางก็ยกมือออกจากอ่างน้ำและบรรจงเช็ดมันอย่างไม่รีบไม่ร้อน จากนั้นก็ยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มอย่างสบายอารมณ์
นี่น่ะหรือสภาพคนป่วย สำราญถึงเพียงนี้?
เจียงมู่ตานเป็นบุตรสาวแม่ทัพแม้นางจะไม่เก่งวรยุทธ์มากมาย แต่เรื่องการระวังตนนางก็ไม่ด้อย เมื่อรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวเข้ามาในห้อง นางจึงคว้าหยิบมีดสั้นเขวี้ยงใส่ทันที แต่อ๋าวเยว่กลับรับมันเอาไว้ได้
"การป้องกันตัวไม่เลยเลยนี่"
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนางจึงหันขวับมามองก่อนจะพบว่าเป็นอาเยว่ของนางนั่นเอง
หญิงสาวมีท่าทีดีใจอย่างไม่ปิดบัง ดวงตานางยามที่มองเขาเป็นประกายระยิบระยับเหมือนดวงดาราบนฟากฟ้า เมื่อถูกสายตาเช่นนี้จ้องมองนานเข้า อ๋าวเยว่ก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก
"อาเยว่ เจ้ามาได้เช่นไร คิดถึงข้าหรือ"
ไม่รอให้เขาตอบ นางก็จับมือเขาไปนั่งที่โต๊ะพร้อมกับรินชาใส่ถ้วยให้แต่อ๋าวเยว่กลับไม่กล้าดื่ม
"นี่คือชาอิ๋นเซิง ไม่มียาปลุกกำหนัด ดื่มได้เจ้าไม่ต้องกลัว"
เอ่ยจบนางก็รีบไปล้างหน้าล้างตา ใบหน้าตอนที่ไร้เครื่องประทินโฉมดูงดงามน่ารักเป็นอย่างมาก
"ว่าอย่างไร มาหาข้ากลางดึกมีอันใด หรือว่าอยากจะมาทำ..."
"ใจคอเจ้าจะคิดถึงแต่เรื่องบนเตียงหรือ"
"ระหว่างชายหญิงเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องทำไม่ใช่หรือ"
อ๋าวเยว่คร้านจะถกเถียงเรื่องบนเตียงกับนาง เขายกถ้วยชาขึ้นดื่ม เมื่อเห็นว่าร่างกายไม่มีปฏิกิริยาที่ผิดปกติอันใดเขาจึงวางใจได้
"ได้ยินว่าเจ้าป่วย ข้าจึงมาดูเสียหน่อยว่าเจ้าใกล้จะตายหรือยัง จะได้มาร่ำลาทันท่วงที"
เจียงมู่ตานเมื่อได้ฟังก็ไม่โกธรแต่กลับยิ้มหน้าระรื่น
"ปากคอเจ้านี้เราะร้ายไม่เบา แต่ข้าชอบ บุรุษที่เรียบง่ายน่าเบื่อจืดชืด ข้าไม่ชอบ"
ความคิดแปลกประหลาดนี้เขาเองก็พอเข้าใจได้
คนอย่างนางชอบทำสิ่งใดที่คนอื่นเขาไม่ทำกัน ไม่แปลกที่จะมีความคิดพิศดารพิลึกพิลั่นเช่นนี้"เจ้าป่วยจริงหรือ สภาพเจ้าไม่เหมือนคนป่วยเลยแม้แต่น้อย"
เจียงมู่ตานเมื่อได้ฟังก็เอ่ยตอบอย่างเกียจคร้าน
"ป่วยที่ไหนกัน ข้าก็แค่ไม่อยากเข้าวังหลวง เจ้าอยู่เมืองหลวง เจ้าคงเคยได้ยินสินะว่าฮ่องเต้องค์ใหม่มีใจอยากรับฮองเฮาและพระสนมเข้าวัง จึงให้สตรีเหล่านั้นไปร่วมงานเลี้ยง แม้แต่ข้าก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น"
"แล้วเจ้าไม่อยากเข้าวังหลวงหรือ"
เจียงมู่ตานยกถ้วยชาขึ้นดื่มพร้อมกับส่ายหน้า
"ไม่อยาก หากข้าต้องมีสามีเป็นตัวเป็นตนสักคนหนึ่ง ข้าก็คงไม่อยากใช้สามีร่วมกับสตรีอื่น ข้าไม่อาจทนมองสามีตนเองไปอยู่กับสตรีอื่นได้เพราะข้าอาจจะลงมือสังหารสตรีพวกนั้น จากนั้นก็จัดการตัดพวงมังกรเขาทิ้งเสีย อีกอย่างข้าไม่อยากถูกขังอยู่แต่ในวังหลวง วันๆ ต้องคอยแต่งตัวให้งามเพื่อบุรุษคนเดียว ข้าไม่เอาด้วยคนหรอก อาเยว่ ระหว่างเจ้าไปพักที่ใด ยังไปอยู่ที่จวนของคุณหนูคนอื่นอีกหรือไม่ หากเจ้ามีคนอื่นก็รีบทิ้งพวกนางไปซะ ไม่อย่างนั้นข้าจะไปเผาจวนพวกนาง"
"เหลวไหล ข้าไม่ได้อยู่ที่จวนของสตรีใดทั้งนั้น"
"ดีมาก ว่าแต่เจ้ามาหาข้าแค่เรื่องนี้หรือ หรือว่าเรื่องร้อนเรื่องเงิน คราก่อนเงินที่เจ้าได้ไปใช้หมดแล้วรึ แต่ไม่เป็นอันใด ข้าจะไปขโมยเงินท่านพ่อมาให้เจ้าอีก"
"เจ้าจะไปขโมยเงินบิดามาให้ข้าอีกหรือ"
"ถูกต้อง"
มารดามันเถอะ! จิตใจนางทำด้วยอันใดกัน ขโมยเงินบิดามาเลี้ยงบุรุษ
เมื่อเห็นว่ามันชักจะเหลวไหลเกินไปเขาจึงบอกนางว่าไม่ต้อง
นางทิ้งกายลงนั่งข้างเขา ก่อนจะยื่นมือมาเชยปลายคางของเขาเหมือนเช่นที่เคยทำทุกครั้งยามพบหน้ากัน
"อาเยว่ เจ้ารู้หรือไม่ ที่ข้าไม่อยากเข้าวังหลวงก็เป็นเพราะเจ้า"
"เจ้าหมายความเช่นใด"
"ข้าชอบเจ้ามาก ข้าตัดใจจากเจ้าไปไม่ได้ หากข้าเข้าวังแล้วผู้ใดจะส่งเสียเลี้ยงดูเจ้า ข้าเป็นห่วงเจ้า"
อ่าวเยว่ถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออก สตรีนางนี้บ้าดีเดือดหนักข้อขึ้นทุกวัน
เมื่อเห็นว่านางสบายดีไม่ได้ป่วยไข้อันใดเขาจึงคิดจะกลับ แต่สตรีน้อยตรงหน้ากลับขวางทางเขาเอาไว้พร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์จนเขาขมวดคิ้วมุ่น
"เจ้าจะทำสิ่งใด"
"คืนนี้ค้างกับข้าที่นี่เถอะ ข้าจ่ายให้สามเท่าเลย"
"เจียงมู่ตาน เจ้าเก็บเงินไว้กินข้าวเถอะ"
"เงินกินข้าวข้ามี แต่นี่คือเงินที่ข้าเอาไว้กินเจ้า"
อ๋าวเยว่ถึงกับยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วอย่างอับจนหนทาง เขาไม่ทันได้เอ่ยปากปฏิเสธ เจียงมู่ตานก็ผลักเขาลงไปนอนบนเตียงเสียแล้ว จากนั้นนางก็จัดการดึงทึ้งเสื้อผ้าเขาออก อีกทั้งยังบอกว่าคืนนี้เขาต้องเป็นของนางทั้งคืน
ไม่รู้ว่าเขาถูกผีตนใดเข้าสิงจึงเชื่อคำนาง สุดท้ายจึงยอมค้างคืนกับนางที่นี่
หากจะบอกว่านอนก็คงไม่ถูก เพราะคืนนั้นทั้งคืนนางไม่ยอมให้เขาได้นอนหลับเลยสักตื่นเดียว
คืนนี้อ๋าวเยว่พักที่บ้านสวนเกษตรของจวนตระกูลเจียง แต่พักอยู่อีกห้องหนึ่งที่อยู่ติดกับห้องของเจียงมู่ตาน นางไม่ยอมให้เขาเข้าไปนอนด้วย อ๋าวเยว่เองก็ไม่ได้ดึงกันใด แต่ในใจกลับลอบวางแผนเขารอจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงกลางดึก รอจนเจียงมู่ตานหลับสนิทแล้ว จึงแอบเข้ามาในห้องนอนของนางเจียงมู่ตานหลับสนิทลมหายใจสม่ำเสมอ นางหลับลึกยิ่งนักเพราะเดินทางมาเหน็ดเหนื่อย อีกทั้งวันนี้ยังดื่มสมุนไพรที่ช่วยให้นอนหลับสบายเข้าไป นางจึงหลับไม่รู้เนื้อรู้ตัวเมื่อเห็นว่านางหลับสนิทอ๋าวเยว่ก็นึกสนุก เขาค่อยๆถอดเสื้อผ้าของนางและของตนเองออกจนหมด เจียงมู่ตานขยับร่างกายเล็กน้อยแต่ยังไม่ได้บืมตาตื่นขึ้นมา อ๋าวเยว่ยกเรียวขางามของนางให้อ้าออก แสงเทียนภายในห้องส่องแสงสว่างให้เห็นกลีบกุหลาบสีแกงสดที่แย้มบานรอให้เขาเชยชม ชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไป ก่อนจะใช้ปลายลิ้นกระดกแลบเลียติ่งเกสรเม็ดงามของนางอย่างถี่ระรัวสตรีน้อยร่างบางส่งเสียงครางพลางย่นหัวคิ้ว อ๋าวเยว่ช้อนสายตาขึ้นมองนางเห็นว่ายังหลับสนิมก็รู้สึกพึงพอใจมากเขารู้สึกตื่นเต้นจริงๆ ที่ได้ทำเช่นนี้ชายหนุ่มแลบลิ้นเลียไปทั่วทุกซอกทุกมุมในร่องกลีบสวาทจนเปียกชุ่ม ก่อนจะส
เจียงมู่ตานนั่งรถม้ากลับจวนตระกูลเจียงในทันที เมื่อมาถึงนางก็สั่งห้ามไม่ให้สาวใช้เข้ามารบกวน แม้กระทั่งเจ้าหมานหมานเองก็ยังรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่ไม่มั่นคงของเจ้านายตนเองเมื่อนั่งอยู่ในห้องเพียงลำพังแล้ว เจียงมู่ตานก็ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว ในใจของนางยามนี้สับสนจนไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดอย่างไรดีที่ผ่านมาเขาหลอกลวงนางมาตลอดไม่ได้บอกความจริงกับนาง ทั้งที่เขารู้ว่านางไม่อยากเข้าวังหลวงแต่กลับยังหาทางมาผูกพันธ์กับนางไม่หยุดไม่หย่อนไม่ยอมตีตัวออกห่างแต่เมื่อคิดอีกมุมหนึ่งก็เป็นนางเองไม่ใช่หรือที่ไม่ถามไถ่เรื่องราวของเขาให้ดีเอง ปล่อยให้ความหลงใหลปิดบังดวงตาของตน ทั้งที่ควรจะสงสัยในตัวเขานานแล้ว แต่ไหนแต่ไรอาเยว่ของนางชอบทำตัวลึกลับ นางสืบหาต้นตอของเขาเท่าใดก็ไม่พบ นับเป็นเรื่องน่าแปลกเจียงมู่ตานถอนหายใจออกมา ในเมื่อเรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว นางคงเลือกที่จะตัดความสัมพันธ์กับเขานางชอบเขามาก ชอบอย่างที่ไม่เคยชอบบุรุษใดมาก่อน แต่นางไม่อยากถูกผูกมัดเอาไว้ในวังหลวงไปชั่วขีวิต นางไม่อยากใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในกรงขังตลอดเวลามิสู้ตัดใจเสียแล้วเดินหน้าต่อไป นางจะไม่ผูกกับบุรุษใดอีกและจะไม่แต่งงานชั
เมื่อส่งนางกลับถึงจวนตระกูลเจียงแล้วเขาก็จูบที่หน้าผากของนางอีกครา ก่อนจะบอกลามุ่งหน้ากลับวังหลวงในทันทีอีกไม่กี่วันก็ใกล้จะถึงวันพระราชสมภพของอ๋าวเยว่แล้ว ยามนี้ในวังหลวงกำลังตระเตรียมงานอย่างคึกครื้น อวิ๋นไทเฮาถึงกับสั่งให้นางกำนัลขันทีเตรียมทุกอย่างให้ยิ่งใหญ่อลังการ แต่ว่าอ๋าวเยว่กลับไม่ได้สนใจเท่าใดนัก ด้านเจียงมู่ตานนั้นนางมีเวลาว่างอยู่ไม่น้อย จึงนั่งมองดูเครื่องประดับที่อาเยว่มอบให้ เมื่อเช้านี้บิดาส่งคนมาแจ้งนางว่าครั้งนี้จะต้องไปร่วมงานวันพระราชสมภพของฮ่องเต้ จะบิดพริ้วไม่ได้อีกเป็นอันขาด ครั้งก่อนตอนที่รู้ว่าบุตรสาวแกล้งล้มป่วยเพราะไม่อยากไปร่วมงานเลี้ยงชมบุปผาเขาก็โมโหแทบตาย เจียงมู่ตานเกือบจะหาเรื่องให้ตระกูลเจียงหัวขาดทั้งจวนโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงเมื่อเห็นว่าปฎิเสธไม่ได้ นางเองก็ไม่คัดค้าน ครั้งนี้จึงเลือกแต่งกายธรรมดาสีสันเรียบง่ายไม่ฉูดฉาด ไม่ต้องแต่งกายงดงามไปแข่งกับสตรีน้อยเหล่านั้น ใครอยากจะเป็นฮองเฮาหรือนางสนมก็เรื่องของเขาเถอะ แต่นางไม่อยากเป็นสามวันต่อมาก็ถึงเวลาที่จะต้องไปเข้าร่วมงานวันพระราชสมภพของฝ่าบาทแล้วครั้งนี้มีเหล่าขุนนางและเหล่าฮูหยินรวมไปถึงคุณหนูแ
เมื่อออกจากเขตประตูเมืองหลวงได้แล้ว อ๋าวเยว่และเจียงมู่ตานก็ควบม้ามาตามทางเรื่อยๆ อย่างไม่รีบไม่ร้อน คนทั้งสองนั่งม้าตัวเดียวกันพลางใช้แสงจันทร์นำทางในคืนที่มืดมิดใช้เวลาเดินทางไม่นานก็มาถึงทะเลสาปแถวชายเมืองตามที่นางบอก อ๋าวเยว่กระโดดลงจากหลังม้าก่อนจะยื่นมือไปอุ้มนางลงมายืนบนพื้น คนทั้งสองเดินจับมือกันมาที่ริมทะเลสาป เดินมาไม่นานก็พบกับโขดหินก้อนใหญ่ที่สามารถนั่งชมพระจันทร์ได้ เจียงมู่ตานพาอ๋าวเยว่มานั่งที่โขดหิน ก่อนจะเงยหน้าไปมองพระจันทร์ที่แสนงดงามบนท้องฟ้าชาติก่อนนั้นตอนที่นางยังไม่ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสตรีนางนี้ นางชอบมองดูพระจันทร์มาก ในโลกปัจจุบันมีสถานที่แสนงดงามมากมายที่สามารถนั่งชมพระจันทร์ได้ แต่เมืองโบราณแห่งนี้กลับมีน้อยยิ่งนัก จนกระทั่งนางได้มาเจอกับทะเลสาปแห่งนี้ ทุกคราที่มีเวลานางจะชอบมาที่นี่ "เจ้าชอบชมพระจันทร์หรือ"อ๋าวเยว่หันมาเอ่ยถามเจียงมู่ตาน หญิงสาวพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ"ใช่ ยามที่ได้มองดูพระจันทร์เช่นนี้ เหมือนกับได้ชมความงามที่แสนห่างไกล มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก แต่ข้ารู้สึกชอบมาก"นางยิ้มตาหยีพร้อมเอ่ยอย่างอารมณ์ดี รอยยิ้มของน
เมื่อเจียงมู่ตานตื่นขึ้นมาในยามเช้าของอีกวันก็พบว่าอาเยว่ของนางได้หายไปเสียแล้ว หญิงสาวชินชาเสียแล้วกับการที่เขามักจะหายไปเช่นนี้ นางลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะบิดกายไปมาแล้วจึงรับไปล้างหน้าล้างตาและอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ ก่อนจะมารับมื้อเช้าที่ห้องโถง ตอนนี้สายมากแล้ว คาดว่าบิดาของนางออกไปจัดการงานธุระที่ค่ายทหารตั้งแต่เช้าตรู่แล้วหลังจากที่นางกินมื้อเช้าอิ่มแล้วก็รู้สึกเบื่อหน่าย จึงอุ้มหมานหมานเจ้าห่านคู่ใจออกไปเดินเล่นที่ด้านนอกด้วยกัน นางเดินเข้าออกร้านนั้นร้านนี้จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ร้านเครื่องประดับร้านหนึ่งเถ้าแก่ร้านเมื่อเห็นว่านางข้าเดินเข้ามาก็รีบออกมาต้อนรับขับสู้ด้วยความยินดี เจียงมู่ตานอุ้มห่านมองไปโดยรอบ พบว่าตอนนี้มีหญิงสาวหลายนางกำลังเลือกเครื่องประดับ เถ้าแก่ร้านบอกว่าช่วงนี้ร้านค้าค่อนข้างคึกคักไม่น้อยเลย เพราะว่าเหล่าสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวงกำลังมาเลือกเครื่องประดับเพื่อเตรียมไปร่วมงานเลี้ยงวันพระราชสมภพของฝ่าบาทในอีกสามวันข้างหน้าเจียงมู่ตานเพียงพยักหน้ารับไม่ได้เอ่ยสิ่งใดมากนัก ฮ่องเต้จะเกิดวันใดวันไหนไม่ใช่เรื่องที่นางจะใส่ใจ หญิงสาวเดินไปเลือกเครื่องประดับก่อนจะ
เอ่ยจบเขาก็ให้นางนอนหงายลงไปบนเตียง ก่อนจะจับเรียวขางามให้อ้าออกจนกว้าง แล้วบดเบียดท่อนเนื้อท่อนเอ็นใหญ่ยาวเข้าไปในรูสวยจนมิดลำ เจียงมู่ตานส่งเสียงครางออกมาด้วยความเสียวสะท้านยามนี้นางทั้งเสียวและจุกแน่นเป็นอย่างมาก"อ๊ะ" "เป็นเช่นไร ซี๊ด ใหญ่คับรูเจ้าหรือไม่"เขาเอ่ยถามนางด้วยความเสียวสะท้าน เจียงมู่ตานเม้มริมฝีปาก ก่อนจะเอ่ยยั่วโทสะ"ก็ไม่เท่าใดนี่"ประโยคนี้เหมือนจุดไฟแห่งความบ้าคลั่งในใจของอ๋าวเยว่ให้รุนแรงขึ้น เขาส่งเสียงเหอะก่อนจะจับเรียวขางามขึ้นพาดบ่า และขยับสะโพกสอบกระแทกกระทั้นเข้าออกรูรักของนางอย่างรัวแรงตับตับตับ"อร๊าย เสียว""โอว แน่น"เขายื่นสองมือมาบีบขยำสองเต้างามของนางจนเกิดเป็นรอยแดงห้านิ้ว ในขณะที่ช่วงล่างก็ขยับไหวเร็วแรงไม่หยุดพักจนร่างบางระหงหัวสั้นหัวคลอน เตียงไม้โยกไหวจนเกิดเสียงลามก ภายในห้องนอนร้อนแรงไปด้วยไฟแห่งราคะ อ๋าวเยว่อุ้มเจียงมู่ตานมาที่โต๊ะอาหารซึ่งตั้งอยู่กลางห้อง ก่อนจะให้นางนอนคว่ำหน้าไปบนโต๊ะ เจียงมู่ตานถูกปิดตานางจึงใช้สองมือปัดป่ายไปจับขอบโต๊ะเอาไว้แน่น อ๋าวเยว่สอดแทรกความเป็นชายเข้ามาในรูสวยก่อนจะจับรั้งเอวบางของนางเอาไว้แน่น พร้อมกับกระแทก
หลังจากที่เจียงมู่ตานกินดื่มหาความสำราญจนหนำใจแล้ว นางก็อุ้มห่านคู่ใจเดินกลับมายังจวนจระกูลเจียงทันที ยามนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว แม่ทัพใหญ่เจียงที่เห็นบุตรสาวมีท่าทางคล้ายคนเมาก็ส่ายหน้าไปมาด้วยความเอือมระอา เขาจนปัญญาจะสั่งสอนเจียงมู่ตานแล้ว จึงสั่งให้คนทำน้ำแกงสร่างเมาไปมอบให้นางดื่มหนึ่งถ้วยหลังจากดื่มน้ำแกงสร่างเมาแล้ว เจียงมู่ตานก็ไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ วันนี้สุราที่นางดื่มเข้าไปค่อนข้างแรงทำให้หญิงสาวปวดหัวไม่น้อยเลยนางทิ้งกายลงนอนบนเตียงก่อนจะสั่งให้สาวใช้ออกไปด้านนอกให้หมด เมื่ออยู่คนเดียวแล้ว นางก็เงยหน้ามองหลังคาเตียงนอนอย่างเหม่อลอย อยู่ๆ ในใจก็คิดถึงอาเยว่ขึ้นมาหลายวันแล้วที่าเยว่ไม่มาหานาง คนของนางก็สืบหาที่อยู่ของเขาไม่พบและไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนนางคงจะบ้าไปแล้วจริงๆ ที่ไปหลงรักบุรุษที่ขายเรือนกายเพื่อหาเลี้ยงชีพ คนเช่นเขาจะมารักใครจริง เขารักเงินมากกว่าน่ะสิไม่ว่า"คนบัดซบ หายไปหลายวันแล้ว ข้าคิดถึงรู้หรือไม่อาเยว่"นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ ก่อนจะลุกขึ้นมาเดินเล่นรอบๆ ห้องเบื่อแก้เหงา อยู่ๆ ก็มีเงาดำสายหนึ่งพุ่งเข้ามาทางหน้าต่างแลคว้าตัวนางไปกอดเอาไว้ จากนั้นก็จับนา
ต้นยามเหม่า ภายในห้องนอนของเจียงมู่ตานยังคงมีเสียงครางกระเซ่าดังลอดออกมาเป็นระยะ ตอนนี้นางกำลังนั่งคล่อมอยู่บนตัวเขา พร้อมกับขยับโยกกายขึ้นลงด้วยความเมามันส์ จวบจนฟ้าเกือบสางนางจึงล้มตัวลงนอนหลับไป อ๋าวเยว่ลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้าก่อนจะมองดูสตรีที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่นเตียงนอน เขายื่นมือไปดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้นางอย่างเบามือ แล้วจึงเร้นกายหายไปทางหน้าต่าง มุ่งหน้ากลับสู่วังหลวงทันทีเมื่อกลับมาถึงวังหลวง เขาก็เอาแต่ครุ่นคิดถึงประโยคที่นางเอ่ยกับเขานางบอกว่าไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ในวังหลวง ไม่ต้องการให้กฎระเบียบมากมายมาผูกมัดตัวนางเอาไว้ และนางไม่ต้องการเป็นสตรีของเขา แต่นางกลับชอบอาเยว่ที่เป็นชายงามในหอคณิกาชายมากกว่าดูเหมือนจะหาได้ยากยิ่งนักที่จะพบเจอสตรีที่ไม่สนใจในอำนาจที่เขามี นางเพียงอยากใช้ชีวิตราบเรียบกับคนที่นางรัก ครองรักกันไปจนแก่เฒ่าแล้วถ้าหากนางรู่ว่าเขาเป็นฮ่องเต้เล่านางจะไปจากเขาหรือไม่อยู่ๆ ความคิดสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของอ๋าวเยว่ เขากลัวว่านางจะหายไปจากเขา เขากลัวว่านางจะไม่กลับมาหาเขาอีกตลอดกาลไม่รู้ว่าความรู้สึกแปลกประหลาดมากมายนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ยามใด รู้ตัวอี
ผ่านมาร่วมหลายวัน วังหลวงก็จัดงานเลี้ยงชมบุปผาขึ้น งานเลี้ยงครั้งนี้เหล่าคุณหนูจากตระกูลใหญ่ต่างตั้งตารอคอยที่จะได้เข้าร่วม พวกนางอยากจะมีอำนาจ มียศฐาบรรดาศักดิ์ แม้บางคนจะไม่หวังได้เป็นถึงฮองเฮามารดาของแผนดิน แต่ขอเพียงได้เป็นพระสนมที่ฝ่าบาททรงโปรดปราณก็นับว่าสุขสบายมากแล้วได้ยินผู้คนเล่าลือกันว่าฮ่องเต้องค์ใหม่รูปงามเหนือสามัญ พวกนางที่เป็นเพียงสตรีน้อยในห้องหอยังไม่เคยเห็นพระพักตร์ของเขาเลยสักครา ครั้งนี้หากได้พบหน้ากัน ก็อยากจะยลโฉมของเขาให้มากหน่อยงานเลี้ยงวันนี้จัดอย่างหรูหรางดงาม มีเหล่าคุณหนูจากจวนตระกูลสูงศักดิ์มากมายมาเข้าร่วม อวิ๋นไทเฮาและอดีตฮองเต้เมื่อได้เห็นสาวงามมากความสามารถก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก พวหเขาย่อมต้องช่วยบุตรชายคัดเลือกฮองเอาและสนมที่งามเพรียบพร้อมไม่นานนักอ๋าวเยว่ก็ปรากฏตัวในงานเลี้ยง ทันทีที่เขาปรากฏตัว เหล่าคุณหนูทุกคนก็ถึงกับตกตะลึงราวกับถูกตรึงเอาไว้ไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้ใบหน้าของเขาหล่อเหลาคมคาย แววตาฉายล้ำลึกชวนค้นหา ท่วงท่าดูองอาจสง่างามเหนือสามัญเหล่าสตรีน้อยต่างขวยเขินเอียงอายไม่กล้าสบตากับฮ่องเต้หนุ่มตรงๆ บางคนถึงกับวางแผนในใจว่าวันนี้จะ