共有

บทที่ 3

last update 最終更新日: 2025-11-30 21:53:03

#####บทที่ 3

            พอยามเว่ยไป๋ซูเมิ่งจำเป็นต้องลากสังขารตัวเองมายืนท้าแดดกลางลานรวมกับบ่าวคนอื่น ก่อนหน้านี้นางกลับห้องไปเติมหน้านิดหน่อยเพื่อจะได้ไม่ต้องถูกเลือกในวันนี้ 

            ใช่แล้ว! นางไม่อยากถูกเลือก เพราะขนาดนางเป็นบ่าวรับใช้ถูเรือนอันต่ำต้อย หน้าตาอัปลักษณ์ไปวัน ๆไม่เคยหาเรื่องใคร แต่ก็ยังเป็นที่เดียดฉันท์ขนาดนี้ หากขึ้นเป็นบ่าวรับใช้ข้างกายเย่หยางเหวินชีวิตคงอยู่ไม่เป็นสุขแน่

            และที่บอกว่ากลับห้องไปเติมหน้าไม่ใช่แต่งหน้าให้สวยเเต่อย่างใด นางกลับไปเติมผื่นแดงต่างหาก!!!

            ผื่นแดงบนหน้าและตามตัวเริ่มเลือนหายเเล้ว บนใบหน้าเหลือแค่รอยเเดงเท่านั้น ตอนนางส่องคันฉ่องพบว่าจากใบหน้าอัปลักษณ์ก่อนหน้าเริ่มส่อเค้าโครงโฉมสคราญเสียแล้ว หลังจากอยู่กับร่างนี้มาหลายวันก็พบว่าร่างนี้นอกจากจะรูปร่างบอบบางแล้วยังเป็นเจ้าเเม่แห่งอาการแพ้ด้วย แค่นางเดินเฉี่ยวดอกหญ้าชนิดหนึ่งฝ่ามือก็คันยุบยิบไม่นานก็ขึ้นผื่นเเดง

            ดังนั้นพอเห็นรอยผื่นแดงบนใบหน้าเริ่มเลือนหายจึงคิดเอาเจ้าดอกหญ้านั้นมาถูหน้าและตามตัวเพื่ออำพรางใบหน้าโฉมสะคราญตรงหน้า แต่เสียดายที่อาการแพ้กับดอกหญ้านี้อยู่ได้นานสุดเต็มวันเท่านั้น

            ไป๋ซูเมิ่งก้มหน้าก้มตายืนอยู่หลังสุดพยายามทำตัวให้ไร้ตัวตน ผิดกับบ่าวรอบข้างที่ไม่หันไปคุยด้วยสีหน้าตื่นเต้นก็ต้องแย่งกันยืนด้านหน้าหวังเป็นที่มองเห็นและเป็นคนเเรกที่ถูกเลือก

            “เงียบ!”

            เสียงเเหลมสูงของบ่าวข้างกายฮูหยินใหญ่ดังขึ้นทำให้บริเวณลานเงียบลงฉับพลัน

            “คารวะฮูหยินใหญ่ คารวะคุณหนูกุ้ยอินเจ้าค่ะ”

            เสียงบ่าวทั้งหมดดังขึ้น บางคนเปลี่ยนจากท่าทานร้อนรนเป็นก้มหน้าสงบเสงี่ยม แต่บางคนก็ไม่วายชะโงกหน้ามองใบหน้าคุณหนูที่ตนเคยได้ยินเเค่นามซึ่งถูกเอ่ยถึงบ่อยเสียยิ่งกว่าคุณหนูสกุลเย่บางคนเสียอีก จะไม่เป็นอย่างนั้นได้อย่างไรก็เเม่นางเล่นมาจวนบ่อยเพียงนั้น

            …เเต่สำหรับไป๋ซูเมิ่งนั้นยังยืนก้มมองเจ้าเเมลงตัวน้อยตรงหน้าอย่างเดิมราวกับว่าเมื่อครู่ไม่ได้มีผู้มาใหม่หรือเสียงอะไรดังขึ้นเลย

            “เอาล่ะ ยืนให้เป็นระเบียบกันหน่อย พวกเจ้าคงรู้ว่าวันนี้ฮูหยินใหญ่เรียกพวกเจ้ามาเพื่อเลือกบ่าวไปให้คุณชายใหญ่ ยืนนิ่ง ๆ ปิดปากของพวกเจ้าไปเสีย หากนายท่านไม่สั่งให้พูดห้ามพูด!”

            บ่าวรับใช้หญิงอายุน่าจะราว ๆ สามสิบต้นเอ่ยขึ้น นางรับใช้ข้างกายฮูหยินใหญ่ตั้งเเต่ยังไม่ออกเรือนและได้ตามเป็นสินเดิมเจ้าสาวมาด้วย นางจึงเป็นคนที่รู้ใจนายและเป็นที่ไว้ใจที่สุดของหนิงหลิน

            เมื่อเห็นว่าบ่าวรับใช้ตรงหน้าทั้งหมดต่างสงบเสงี่ยมจึงหันไปพยักหน้าให้เจ้านายทั้งสองที่นั่งบนเก้าอี้ไม้แดงเบื้องหลังเป็นการบอกว่าเหล่าบ่าวใช้ตรงหน้าพร้อมแล้ว

            เวลาผ่านไปไม่เกินครึ่งเค่อบ่าวกลางลานก็จำนวนลดลงจนเหลือไม่ถึงสิบนาง ซึ่งตั้งเเต่ต้นจนจบไป๋ซูเมิ่งยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นเลย ทำเพียงเเต่ขยับเดินทีละนิดทีละนิดเท่านั้นตามแถวที่หดสั้นลง และจากที่นางสังเกตนั้นบ่าวเเต่ละคนที่เหลือหน้าตาอาจไม่ได้ดูน่ากลัวน่ารังเกียจอย่างนางแต่ก็ห่างไกลจากคำว่าดูดีมากโข

            “เงยหน้าขึ้น”

            เสียงใสดังขึ้นเหมือนอยู่ตรงหน้านางนี่เอง ซูเมิ่งจึงเงยหน้าขึ้นเหลือบตามองเล็กน้อย จึงรู้ว่าตอนนี้มีหญิงสาวใบหน้าผ่องใสคนหนึ่งยืนเบื้องหน้า พอเเม่นางเห็นนางก็ยิ้มมุมปากเบา ๆ ก่อนเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ข้างกายฮูหยินใหญ่ตามเดิม

            “ข้าว่าแม่นางคนนี้ก็ไม่เลวเจ้าค่ะ”

            กุ้ยอิงพูด นิ้วชี้มายังซูเมิ่งที่ก้มหน้าก้มตาตามเดิมแล้ว

            “นางดูสงบเรียบร้อย ไม่พูดมากดีเจ้าค่ะ” 

            และที่สำคัญที่สุด…น่าตาอัปลักษณ์ที่สุดด้วย ประโยคสุดท้ายกุ้ยอินได้แต่เอ่ยในใจ

            เมื่อนางได้โอกาสเลือกบ่าวให้พี่ชายใหญ่จึงถือโอกาสตัดพวกบ่าวที่หวังเป็นอนุด้วย หรือเเม้เเต่สาวใช้อุ่นเตียงก็อย่าหวังเลย ดังนั้นจึงเลือกบ่าวที่หน้าตาธรรมดา ส่วนบ่าวตรงหน้าที่ใบหน้าเต็มไปด้วยผื่นเเดงตรงหน้าก็ตรงตามที่นางคิดไว้ มีข้อเสียเพียงเเต่ผิวที่ออกดูขาวเกินฐานะบ่าวไพร่ไปเสียหน่อย นอกนั้นผ่านหมด

            “อืม ป้าก็เเล้วเเต่เจ้าเเหละ งั้นเอานางแล้วก็ อีกสองคนนั้นละกัน เอาไปให้เจ้าเหวินเอ๋อเลือก อยากได้กี่คนก็แล้วเเต่เขาละ เฮ้อ” 

            หนิงหลินหันไปสั่งสาวใช้ข้างกายก่อนเดินนำหลานรักเข้าเรือน

            “ที่เหลือเเยกย้ายได้แล้ว! …ละนั่นเจ้าจะไปไหนน่ะ"

            ไป๋ซูเมิ่งที่กำลังเดินออกจากลานหันซ้ายแลขวาก่อนชี้มาที่ตนเอง

            “ใช่ เจ้านั่นเเหละ ตามข้ามา ข้าจะพาไปหาคุณชายใหญ่ เฮ้อ แปลกจริงไยเลือกคนน่าตาน่ารังเกียจนะ”

            บ่าวคนนำทางบ่นกับตนเองแผ่วเบาแต่เสียงนั่นคนที่เดินตามหลังมาอย่างซูเมิ่งย่อมได้ยินอยู่แล้ว

            …ไม่เพียงเจ้าที่สงสัย ข้าก็สงสัยเช่นกัน เหตุใดยิ่งหนีเหมือนยิ่งต้องเจอนะ บ่าวคนอื่นมีถมเถไยต้องเป็นนาง!

            หลังจากนั้นนางและอีกสองคนก็ได้เป็นบ่าวรับใช้ของเย่หยางเหวินทั้งหมด เพราะวันนั้นหลังจากถูกเลือกแล้วพวกนางไปถึงเรือนหย่งชางซึ่งเป็นเรือนของเย่หยางเหวินแต่ก็ไม่ได้พบเจ้าของเรือนแต่อย่างใด ได้พี่หมู่ตานพานางทั้งสามไปดูห้องพักใหม่ และแนะนำงานในเรือนนี้ที่พวกนางต้องรับผิดชอบ รวมทั้งให้นามเรียกขานพวกนางทั้งสามใหม่เป็นดอกไม้ทั้งหมด มีนางคือเหมยฮวา บ่าวคนที่ตัวเตี้ยสุดจากทั้งสามคนนามอิงฮวา และอีกคนผิวออกคล้ำเป็นพี่ใหญ่สุดนามซิ่งฮวา

            ตอนนี้ซูเมิ่งเดินก้มหน้าไปตามทางเดินลัดเลาะไปยังห้องนอนของคุณชายใหญ่ มือทั้งสองข้างแบกถังน้ำใบใหญ่ตามหลังบ่าวรับใช้ชายอีกคน ตอนนี้เป็นยามซวีเจ้านายในเรือนอยากอาบน้ำก่อนนอน นางซึ่งเป็นบ่าวมาใหม่ของเรือนที่ถูกจัดให้ทำหน้าที่เกี่ยวกับใช้กำลังจึงต้องทำหน้าที่ ส่วนอีกสองคนก็รับหน้าที่รับใช้ข้างกายเย่หยางเหวินไป

            …จริง ๆ คือนางเป็นคนเสนอเอง ด้วยเพราะอยากฝึกร่างกายเตรียมพร้อมหาทางกลับบ้าน และไม่อยากให้ตัวเองโดดเด่นเท่าไหร่

            ซู่ ซู่

            หลังเทน้ำหมดถังก็เดินออกมาจากฉากกั้นบริเวณอาบน้ำและบริเวณห้องนอน

            “เดี๋ยวก่อน”

         น้ำเสียงดังกังวานแฝงความนุ่มนวลดังขึ้นทำให้สองบ่าวที่กำลังก้าวเท้าข้ามธรณีประตูชะงักกึก หันคุกเข่าก้มหน้าก้มตามาทางเจ้าของเสียง ก่อนที่ชายหนึ่งในนั้นเอ่ยถาม

            “มีอะไรให้รับใช้ขอรับคุณชาย”

            “เจ้าไปได้ แต่อีกคนอยู่ก่อน” 

            พอบ่าวผู้ชายได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วฉายแววเเปลกใจเล็กน้อยก่อนมองไปยังบ่าวสตรีอีกคน ซูเมิ่งพยักหน้าเบา ๆ ยิ้มคลายกังวลส่งไปให้ เขาจึงค่อยเดินออกไป

            “เป็นอย่างไรบ้าง อยู่ที่นี่ดีหรือไม่?”

            ไป๋ซูเมิ่งเงยหน้ามองชายใบหน้างดงามตรงหน้าใบหน้าเรียวฉายแววเเปลกใจก่อนเอ่ยตอบ

            “ดีเจ้าค่ะ”

            “อืม”

            ตอนสองบ่าวที่มาเติมน้ำอาบเดินผ่าน เขาเงยหน้าพอดีพบว่าบ่าวหญิงนั้นเป็นแม่นางคนที่เขาช่วยไว้ในชายป่าระหว่างกลับเมือง ไม่คิดว่าจะเป็นบ่าวที่แม่หามาให้ หยางเหวินจดจำใบหน้าอันเป็นเอกลักษณ์นี้ได้ หากลบพวกผื่นแดงออกไปก็นับว่าเป็นหญิงงามคนนึง และพอรวมกับกริยาที่ไม่เหมือนหญิงสาว เขายิ่งจำได้ขึ้นใจ ไหนจะเรื่องไม่มีอาการตื่นตะลึงตอนพบกันคราเเรกเหมือนหญิงสาวนางอื่นที่เคยพบเจออีก

            “อาการแพ้ของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

            “ใกล้หายดีแล้วเจ้าค่ะ เอ่อ คุณชายมีอะไรให้บ่าวรับใช้ไหมเจ้าคะ?” 

            …หากไม่มีจะเรียกทำไมกันเสียเวลาทำงานหมด นางอยากรีบทำงานให้เสร็จแล้วเข้านอนไวไว

            “เเปลกนะ ข้าคิดว่าจะหายแล้วเสียอีก”

            เย่หยางเหวินพยักหน้างึก ๆ พึมพำกับตนเองทำเป็นไม่ได้ยินที่หญิงสาวตรงหน้าถามก่อนหน้า

            “ไหนเจ้าเข้ามานี่สิ”

            สายตาบุ้ยไปทางเก้าอี้หน้าโต้ะอ่านหนังสือตัวเล็กที่เขานั่งทำงานอยู่ก่อนหน้า

            “นั่งข้างบนสิ”

            หยางเหวินเอ่ยขึ้นหลังเห็นซูเมิ่งเดินเข้ามาละนั่งข้างล่างบนพื้น

            “ไม่ควรกระมังเจ้าค่ะ บ่าวนั่งล่างได้” นางกัดฟันเอ่ย 

            ท่าทางเขานี่ประหลาดนัก คงไม่ได้คิดอะไรกับหญิงหน้าตาอัปลักษณ์อย่างนางกระมัง มีอย่างที่ไหนให้บ่าวนั่งเสมอเจ้านาย

            “งั้นแล้วเเต่เจ้า”

            พูดจบชายใบหน้างดงามในชุดขาวนวลก็ลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะมายืนตรงหน้านางที่นั่งคุกเข่าบนพื้น ก่อนก้มลงนั่งยองเสมอนาง

            “ทำไรน่ะ!”

            ไป๋ซูเมิ่งถลึงตามองชายตรงหน้า มือบางผลักอกเขาอย่างแรงแต่สัมผัสได้เพียงชายเสื้อเพราะหยางเหวินเบี่ยงตัวหลบทัน

            พอนางได้สติก็รีบเปลี่ยนสายตาเป็นขวนอาย 

            “ชายหญิงไม่ควรใกล้กัน” …ไม่งั้นมือไม้ข้าลั่นไม่รู้ด้วย

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status