Share

บทที่ 18

Author: Karawek House
last update Last Updated: 2025-08-25 20:31:36

“เปิดประตู” เจ้าของอาคารสั่งเสียงเข้ม ทันทีที่เดินมาถึงหน้าประตูบานคู่สลักลายขนปีกสวยแปลกตา

ทันทีที่ได้ยินเสียงเขา ประตูบานหนาก็เปิดอ้า เผยให้เห็นห้องโถงกว้างปิดหน้าต่างมิดชิดซึ่งปูพื้นและผนังด้วยหินตัดสีดำสนิทเช่นเดียวกับทางเดิน นอกจากโทมัส จอห์น ทอม และราจีฟ  กับอาวุธนานาชนิดตามผนังและชั้นวาง และเตาผิงที่จุดไฟทิ้งไว้ ภายในห้องก็มีเพียงกลุ่มเก้าอี้นับสามสิบตัวที่ตั้งเรียงตามแนวผนังเป็นแถวยาวเท่านั้น

“ไซรัส” ทุกคนเว้นก็แต่โทมัสที่ติดจะเรียกเขาว่า ‘นายท่าน’ จนติดปาก ต่างเรียกชื่อเขาพลางค้อมศีรษะให้

“อารีบอกแล้วใช่ไหม ว่าวันนี้ข้าเรียกพวกเจ้ามาที่นี่ทำไม” ไซรัสถามทุกคนในห้อง น้ำเสียงก้องกังวานโดยธรรมชาติ

เมื่อเห็นทุกคนพยักหน้ารับด้วยท่าทีขึงขัง เจ้าของอาคารจึงกล่าวต่อไป

                “เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมทุกเมื่อ จนถึงตอนนี้มีคนไม่พอใจที่ข้ามีตัวตนขึ้นมาพอสมควร อย่างน้อยที่สุด เกิดเรื่องฉุกเฉินอะไรขึ้นมา ก็อยากให้พวกเจ้าป้องกันตัวเองได้” เขาจ้องลึกลงในตาแต่ละคนแบบเรียงตัว ภายในแววตาสีเทามีความจริงใจอยู่ในนั้น “ที่สำคัญกว่านั้น ก่อนจะรับคนคุ้มกันเข้ามา ข้าต้องแน่ใจว่าพวกเจ้าจะควบคุมคนอื่นไหว”

                “เรื่องนั้นน่ะ เราเข้าใจ” ราจีฟเอ่ยเรื่องที่ตั้งใจจะพูดอย่างลังเล “แต่ท่านจะสอนเราจริงรึ? ข้าเชื่อในฝีมือการค้าและการเจรจาของท่าน ตอนพบกันครั้งแรก ข้ายอมรับว่ารู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างที่ทำให้ไม่อยากมีเรื่องกับท่าน แต่เรื่องตีรันฟันแทง...”

                “ข้าอาจชำนาญเรื่องนี้ที่สุดก็ได้” ไซรัสตัดบท

เขาใช้สายตาสั่งให้โทมัสหลบฉากออกไป จากนั้นก็เดินไปหยิบดาบส่งให้ผู้ติดตามทุกคนในห้อง รวมถึงอารี

“ก่อนอื่นข้าต้องรู้เสียก่อน ว่าพวกเจ้ามีพื้นฐานแค่ไหน นอกจากดาบในมือแล้ว อยากจะหยิบอาวุธอะไรมาใช้ก็หยิบเพิ่มได้ตามใจ” เขาอธิบายด้วยท่าทีสงบนิ่งเช่นเคย “ราจีฟ เจ้าเข้ามาคนแรก”

                “ดาบท่านล่ะ” คนโดนสั่งให้ลงมือขมวดคิ้วแน่น

                “จริงสิ” ไซรัสเดินไปหยิบดาบไม้ “แบบนี้น่าจะพอได้”

                ชายผิวสีหัวโล้นเลี่ยนขมวดคิ้วแน่นขึ้น “ดูถูกกันรึ”

                “เข้ามา” ไซรัสบอกพลางถอดเสื้อคลุมโยนให้โทมัสเหมือนไม่ยี่หระ ผู้ติดตามที่จัดได้ว่ามีเส้นผมน้อยที่สุดในกลุ่มจึงตัดสินใจทำตามคำสั่งด้วยแววตาจริงจังคล้ายคนอยากลบคำสบประมาทอยู่ในที

                ทันทีที่ราจีฟเริ่มเดินวน ไซรัสก็กำดาบไม้ในมือแล้วยกขึ้นในท่าเตรียม

                เจ้าของกิจการหนุ่มรอการรุกจากอีกฝ่ายอยู่นาน เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมเริ่ม เจ้าของคฤหาสน์ก็ขยับเข้าฟาดดาบไม้ใส่ผู้ติดตามผิวสีอย่างเฉียบพลัน ราจีฟยกดาบขึ้นปัดทันที แต่แรงฟาดที่หนักหน่วง ก็ทำให้คนโดนประเมินเป็นรายแรกถึงขั้นเซถอยหลังหลายก้าว

บังเกิดเสียงครางฮือดังระงมในวินาทีนั้น

ดูเหมือนตอนนี้ทุกคนในห้อง โดยเฉพาะราจีฟ จะรู้แล้วว่า ‘นายท่าน’ ของพวกเขา ไม่ได้ทำเป็นแต่ค้าขาย

แต่ไซรัสก็คือไซรัส สีหน้าเขายังคงเรียบเฉยเหมือนไม่ใส่ใจปฏิกิริยาจากคนรอบข้าง เขาตวัดดาบไม้ใส่คู่ฝึกในชั่วเสี้ยววินาทีนั้น บ่งบอกชัดเจน ว่าการเปิดโอกาสให้ผู้ติดตามทันตั้งตัวไม่ได้อยู่ในหัวเขาเลยสักนิด

การแกว่งดาบหนนี้ทำเอาคู่มือที่เคยไม่เชื่อถือเขาแทบหลบปลายไม้แหลมคมไม่พ้น

                “เอาจริงรึ!” ราจีฟหน้าตาตื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ครึ่งหนึ่งคงเพราะตกใจที่โดนคนซึ่งถือแค่ดาบไม้รุกไล่อย่างน่าขนลุก อีกครึ่ง คงเพราะประหลาดใจ ที่ชายรูปงามผิวพรรณสะอาดเกลี้ยงไว้ผมยาวคล้ายกวีราชสำนักอย่างไซรัส ใช้ดาบได้คล่องแคล่ว รวดเร็ว ทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง ผิดไปจากที่คิดไว้

ฝีดาบและรังสีกดดันจากไซรัสขับให้ราจีฟเหงื่อตกทั้งที่ยังไม่รู้สึกเหนื่อย

ชายผิวสีรู้สึกถึงแรงสั่นที่สองมือ และเจ้าตัวก็รู้ดีว่าอาการนั้นเกิดจากอะไร

ราจีฟแน่ใจว่าครูฝึกจำเป็นไม่ได้เห็นเขาเป็นศัตรู แต่กำลังสวมบทเป็นครู ทั้งอย่างนั้นจิตสังหารที่พร่างพรูออกมาโดยไม่เจตนากลับทำให้เขากลัว กลัวเสียจนอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าไม่เอาจริง วันนี้นายท่านต้องขยี้เขาตายคามือเป็นแน่

ต้องเอาจริง

ต้องเอาจริง

ต้องเอาจริง!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 61

    “ขออภัย ขอผมอกไปสูดอากาศข้างนอกสักครู่” นี่เป็นคำพูดตัดบทขอปลีกตัวที่ไซรัสมองว่าช่างฟังดูทื่อและเสียมารยาทที่สุดเท่าที่เขาเคยทำหลุดจากริมฝีปาก แต่ตอนนี้สมองเขาเริ่มตื้อตันเกินกว่าจะนึกอะไรไหว“สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย ไม่สบายหรือเปล่าคะ เราติดต่อขอความช่วยเหลือมหาดเล็กขอให้เขาช่วยจัดห้องพักให้คุณดีไหม”“อย่าให้ใครต้องลำบากเลยครับ ผมแค่มึนหัวนิดหน่อยเท่านั้น” เขาเริ่มนึกถึงสวน นึกถึงต้นไม้รกครึ้ม ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ปกติก็ยิ่งอยากซ่อนตัวมากขึ้นเท่านั้น“ถ้าอย่างนั้น เราออกไปที่อุทยานกลางดีไหมคะ” สิ่งที่พริสซิลล่าเสนอ ตรงใจเขาพอดี “นะคะ เดินออกไปทางประตูตะวันออก แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว เดี๋ยวดิฉันจะพาไป”“เปลี่ยนเป็นบอกทางดีกว่าครับ หายไปด้วยกัน ใครเห็นเข้าจะดูไม่ดี”พริสซิลล่ากัดริมฝีปากอย่างขัดใจ“แต่คุณบอกว่ามึนหัวนี่คะ” เธอจ้องหน้าเขา แววตาบ่งบอกว่าจะไม่ยอมทำตามที่บอกแน่ๆบทจะดื้อ ก็ดื้อดึงขึ้นมาแววตาท่านหญิงผมทองยามนี้ ดูรั้น ไม่ยอมคน คล้ายอัยน์นาอย

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 60

    “ตาถั่วน่ะสิ” แอนนาเบลถลึงตาใส่ “เถียงคำไม่ตกฟาก แค่ถามว่าฉันทำหายที่ไหนแล้วช่วยกันหาไม่ได้หรือไง นั่นของแพงมากนะยะ”“แล้วคุณพี่ไปทำตกไว้ที่ไหนล่ะคะ”คำถามสั้นๆ จากอันย์นา ทำเอาท่านหญิงคนรองสะอึกหล่อนกลอกตา ก่อนตอบ“ในสวน”“ในสวน...? สวนไหนคะ”“ก็สวนใกล้ๆ นี่น่ะสิ!” แอนนาเบลแหวใส่ “เอาเป็นว่าหล่อนต้องมาช่วยฉันหา เดี๋ยวนี้!” บอกแล้ว คนอ้างว่าทำของหายก็เดินนำเธอมุ่งหน้าเข้าหาอุทยานที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้ดอก ไม้ดัด และซุ้มไม้เลื้อยนานาชนิดแสงสลัวรางจากเสาติดตะเกียง ส่องให้คุณหนูทั้งสองจากตระกูลแกรนเทรนท์เห็นว่าอุทยานแห่งนี้กว้างขวางจนน่าตกใจ“คุณพี่ไปทำหายบริเวณไหนคะ” อัยน์นาถามหลังกวาดสายตามองไปรอบๆเธอแน่ใจว่าคนอย่างแอนนาเบลไม่มีทางทิ้งงานเลี้ยงหรูหราลงมาที่อุทยานซึ่งทั้งมืดสลัว ทั้งกว้างขวาง ทั้งเงียบเชียบ แบบนี้คนเดียวแน่ แต่ครั้นจะพูดว่ารู้ทัน ประเดี๋ยวพี่สาวจอมโวยวายรายนี้ ก็คงส่งเสียงแหลมแสบแก้วหูปฏิเสธคอเป็นเอ็น กลาย

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 59

    “คุณจืดชืดจนใครต่อใครอิจฉา...จืดชืดเสียจนผมละสายตาจากคุณไม่ได้”กระทั่งคำพูดเชิงลบแบบนี้ ยังใช้เกี้ยวพาราสีผู้หญิงได้...เชื่อเขาเลยอัยน์นาพยายามเตือนตัวเองว่าชายคนนี้เป็นจอมเสแสร้ง ทั้งที่เกิดขัดเขินขึ้นมาจนแก้มตึง“ข่าวว่าท่านผู้หญิงสั่งตัดชุดราตรีสีฟ้าสดใสให้คุณสวมมางานนี้...เพราะอะไรถึงกลายเป็นสีทองไปได้” จู่ๆ เขาก็ชวนเปลี่ยนหัวข้อพูดคุยเสียอย่างนั้นไม่เปลี่ยนเรื่องเปล่า ยังมองเสไปทางอื่นชั่วครู่อีกด้วยคุณหนูเจ้ากรมการเมืองไม่ถึงกับรับความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ทัน เพียงแต่รู้สึกชัดเจน ว่าเขาจงใจพาเธอออกจากบทสนทนาเกี้ยวพาราสีที่ตัวเขาเองเป็นคนเริ่ม ชวนให้สงสัยว่าภายใต้ใบหน้าสวมหน้ากากยิ้มแย้ม เป็นมิตร พ่อค้ารายนี้ คิดอะไรอยู่ในใจท่ามกลางบรรยากาศคลอเคล้าเสียงดนตรี อัยน์นาเผลอจ้องมองนัยน์ตาสีดำ นิ่ง นาน“ความลับค่ะ” เธอเลือกตอบสั้นๆ เพราะไม่อยากพูดเรื่องตัวเองให้ใครฟังเกินจำเป็น“น่าเสียดาย ที่ผมจะไม่มีโอกาสทำความรู้จักช่

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 58

    คิดได้ไม่เท่าไหร่ สายตาคมกริบก็สังเกตเห็นชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาว รูปร่างสมส่วน สวมชุดสีดำ ขลิบขอบปกคอเสื้อไล่ยาวมาถึงชายด้วยดิ้นเงิน ดูเข้มขรึม น่าเกรงขามเธอจำเขาได้ดี...ถึงวันนี้เขาจะแต่งกายเป็นทางการผิดหูผิดตา แต่นัยน์ตาสีดำกับเส้นผมยาวเหยียดสีเดียวกันและท่าทีทรงอำนาจดุจราชาอย่างนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจากพ่อค้าน่าสงสัยวันนี้ไซรัสไม่ได้รวบผมต่ำอย่างทุกที แต่ปล่อยให้มันพลิ้วสยาย ติดจะดูเป็นทรงผมที่ดูสบายๆ เกินเหตุ แต่กลับน่ามองอย่างที่สุดเธอส่งยิ้มให้แล้วเดินตรงไปหาเขาทันที‘วันนี้คุณหนูอัยน์นาก็ยังต้องเป็นมิตรที่ดีต่อไซรัส’ นั่นเป็นสิ่งที่เธอบอกตัวเอง เมื่อเกิดแปลกใจที่สองขาพาร่างกายเข้าใกล้เขาโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิดไซรัสเองก็คลี่ยิ้มน้อยๆ ให้เธอเช่นกันภาพเหล่านี้ ทำให้บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ในวงสังคมพึงพอใจ...นัยว่าหมดคู่แข่งไปอีกราย แต่ไม่ใช่พริสซิลล่าตอนเห็นอัยน์นาเต้นรำกับเจ้าชาย เธออาจจะริษยา แต่ก็ยังรู้สึกดีกว่าตอนนี้ ตอนที่น้องสาวต่างมารดาพุ่งตรงเข้าหาผู้ชายที่เธอพึงใจโดยไม่หยุดคิดเล

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 57

    นานมากแล้วที่เสียงเพลงหวานซึ้งจากเครื่องสายดังกังวานใสขับกล่อมผู้คน และทำหน้าที่ต่างเสียงบอกจังหวะก้าวขาให้คู่เต้นรำที่เหลืออยู่เพียงคู่เดียวเท่านั้น“เธอเต้นเก่งมาก” คู่เต้นหนุ่มกระซิบแผ่วเบาในจังหวะที่อัยน์นาต้องหมุนตัวเข้าใกล้เขาอย่างช่วยไม่ได้“ไม่หรอกค่ะ เพราะคุณเต้นเก่งมากกว่า” เธอหมายความตามนั้นจริงๆถ้ามีใครมาถามว่าชายตรงหน้าเต้นรำเก่งแค่ไหน อัยน์นากล้าบอกทันทีว่าชายคนนี้เต้นเก่งมาก มากจนสามารถเปลี่ยนให้คนเต้นรำพอได้อย่างเธอกลายเป็นคนที่เหมือนเต้นเก่งได้ในพริบตาอยู่ในวงแขนเขา เธอก็ไม่ต่างจากขนนก ได้แต่ล่องลอยพลิ้วไหวไปตามสายลมทุกฝีเท้า ทุกการก้าวเดิน ทุกท่วงท่าการหมุนที่เขาชี้นำ ทำให้เธอได้รับเสียงปรบมือจากแขกในงานเป็นระยะเวลานี้ ใครต่อใครล้วนไม่กล้าก้าวขาเข้ามาเต้นเทียบเคียง พวกเขาเอาแต่เฝ้ามองเธอกับคู่เต้น...นั่นเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดที่สุด“ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน” นักเต้นหนุ่มบอกพลางยกแขนส่งให้เธอหมุนตัวใต้การควบคุมอีกครั้ง “

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 56

    กว่าตระกูลแกรนเทรนท์จะมาถึงประตูท้องพระโรงที่ใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงหนนี้ งานเลี้ยงก็เริ่มไปนานแล้วอย่างที่ท่านผู้หญิงว่า สร้างความพึงพอใจให้ท่านผู้หญิง พริสซิลล่า และแอนนาเบลไม่น้อยงานเลี้ยงหนนี้ จัดเป็นงานเลี้ยงเต้นรำอย่างที่อัยน์นาเคยได้ข่าวมันเป็นงานเลี้ยงขนาดใหญ่ ภายในท้องพระโรงกว้างขวางปูพรมสีแดงจัดผู้คนมากมายในชุดหรูหราต่างจับคู่เต้นรำ บ้างก็พูดคุย ยิ้มแย้มผู้คนและการแต่งกายว่าน่าประทับใจแล้ว ต้นเสาและเพดานโค้งสีขาวสลักลายละเอียดอ่อน โคมไฟระย้าคริสตัลขนาดใหญ่ใจกลางเพดาน สายประดับคริสตัลที่ห้อยทิ้งตัวเป็นสาย ช่อดอกลิลลี่สีขาวดอกใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน ทหารยืนยามและบริกรในชุดหรูหรา วงดนตรีเล่นสดขนาดมหึมา เครื่องดื่มสีสันแปลกตามากกว่าสิบชนิด ม้านั่งบุกำมะหยี่สีแดงเข้มขาตั้งฉลุลายแบบเดียวกับเพดานดูเรียบหรูรับกับพื้นพรมและผนัง อาหารและของว่างนับร้อยชนิดจัดไว้เป็นคำๆ ประดับประดาด้วยผงสีทองสวยเด่น แต่ละรายละเอียดในงานเลี้ยงล้วนดูสวยงามมีระดับจนไม่อาจนิยามเพียงสั้นๆ ได้ว่า ‘น่าประทับใจ’“เข้าไปตอนนี้ต้องเด่นแน่ๆ ”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status