共有

บทที่ 23

作者: Karawek House
last update 最終更新日: 2025-08-26 23:51:03

“ชาวเมืองเล่าลือกันว่า เบื้องหลังแนวเขาสูงสลับซับซ้อนเหนือดินแดนเรา มีปีศาจกับสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายยิ่งกว่าอสุรกายในทุกเรื่องเล่าอาศัยอยู่ในฐานะนายกับบ่าว พวกปีศาจจะมีปีกสีดำ คล้ายครึ่งคนครึ่งนกยักษ์ คอยควบคุมอสุรกายที่บ้างก็รูปร่างคล้ายมนุษย์แต่ไม่มีความเป็นมนุษย์ บ้างก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร พวกมันมีเลือดเนื้อเหมือนพวกเราแต่ก็ล้วนโหดร้ายกระหายเลือด ชอบกัดกินเนื้อหนังมังสาสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย โดยเฉพาะมนุษย์ เป็นอาหาร”

อัยน์นาพักจิบน้ำชาแก้เฝื่อนคอก่อนจะเล่าต่อไป อดสงสัยไม่ได้ว่า...นานเท่าไหร่แล้ว ที่ไม่มีโอกาสได้นั่งพูดคุยกับบิดาโดยที่ไม่ต้องพะวงเรื่องเอกสารบัญชี หรือรู้สึกอึดอัดเพราะสายตากดดันและคำพูดกระทบกระเทียบจากท่านผู้หญิงแกรนเทรนท์ กับพริสซิลล่า

“พวกชาวเมืองยังเล่าลือกันอีกว่า กลุ่มคนที่ไม่เชื่อถือเรื่องนี้ โดยเฉพาะพวกนักเทศน์ ล้วนโดนพวกทหารเกณฑ์ไปที่ชายแดนเพื่อให้รู้เห็นเรื่องนี้ด้วยตาตัวเอง หลังกลับจากที่นั่น ทุกคนที่รอดกลับมาพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าสิ่งที่พวกเผ่าพันธุ์โบราณน่าหวาดหวั่นเหล่านี้โปรดปรานคือเลือดเนื้อกับเสียงกรีดร้องของพวกมนุษย์แบบเราๆ”

“มีการเชิญนักเทศน์หลายคนไปร่วมเป็นพยานจริง แต่ไม่ได้มีใครบาดเจ็บล้มตายอย่างในเรื่องเล่า” ท่านเจ้ากรมการเมืองกล่าวแก้

“แต่ชาวบ้านไม่ได้เล่าลือกันอย่างนั้นนี่คะ” อัยน์นาบอกเสียงเครียด “เพราะเรื่องนี้ ชาวเมืองทั้งโกรธทั้งหวาดกลัวกันมาก พวกเขาโกรธที่ชนชั้นสูงเลือกพิสูจน์เรื่องนี้ด้วยชีวิตอาจารย์สอนศาสนาที่เป็นเหมือนที่พึ่งทางใจ พูดกันว่า ทำแบบนี้ก็เหมือนกับว่าถ้ามีใครไม่เชื่อถือหรือไม่เห็นด้วยก็จะถูกส่งไปฆ่า โกรธไปก็กลัวไป พวกเขากลัวทั้งพวกปีศาจ พวกอสุรกาย ทั้งทางการ ตอนนี้ไม่มีใครกล้าไม่เชื่อถือหรือตั้งคำถามทั้งนั้น เพราะไม่มีใครอยากโดนเกณฑ์ไปพิสูจน์เรื่องน่าขนลุกด้วยตัวเอง”

“ทำไมถึงเชื่อถึงเล่าลือกันไปได้ถึงขนาดนั้น”

“แต่เรื่องพวกนี้ก็มีมูลไม่ใช่เหรอคะ”

“แล้วยังมีเรื่องอื่นอีกหรือเปล่า”

“เรื่องการค้าขายการขนส่งน่ะค่ะ เพราะเกิดเรื่องแบบนี้ก็เลยไม่มีชาวเมืองเมืองไหนอยากเดินทางเฉียดใกล้เมืองแถบชายแดน คนที่มีความจำเป็นต้องทำธุระแถบนั้น ถ้าไม่ว่าจ้างทหารเป็นธุระ ก็มักจะว่าจ้างให้ทหารมาช่วยอารักขา”

ท่านเจ้ากรมการเมืองทอดถอนใจเมื่อได้ยิน “ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อปีสองปีก่อน จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีใครยืนยันได้ว่ามีปีศาจมีอสุรกายรุกล้ำเข้ามาอาละวาดในอาณาจักรเราแท้ๆ ตอนที่พวกเรารู้ว่ามีอะไรอยู่หลังแนวเขาทางตอนเหนือกับตอนที่พาผู้คนที่เป็นที่เชื่อถือไปพิสูจน์ เราก็รุกล้ำเข้าไปในดินแดนหลังแนวเขาทั้งสองครั้ง”

“แต่ก็เคยมีอสุรกายบุกรุกเข้ามาอาละวาดจริงๆ ไม่ใช่เหรอคะ ตอนนั้นก็มีทหารจากอาณาจักรอาเรนทร์เป็นพยาน...”

“ว่าไม่ได้หรอกนะลูก” ท่านเจ้ากรมการเมืองตัดบท น้ำเสียงอ่อนล้า

ทั้งสีหน้าและแววตา ล้วนบอกให้รู้ว่าเรื่องในประเด็นสนทนาเป็นเรื่องที่ขุนนางชราหนักใจไม่น้อย

“ลูกลองคิดดูสิ อาณาจักรเรากับอาเรนทร์ก็อยู่ข้างเคียงกัน น่าแปลกที่อสุรกายตัวนั้นไม่เคยลุกล้ำเข้าอาณาจักรอาเรนท์ แต่กลับเลือกรุกล้ำอาณาจักรการค้าที่ตรึงกำลังทหารตามชายแดนเข้มแข็งอย่างอาณาจักรเรา อาณาจักรอาเรนทร์เคยสู้รบกับเรามานาน เพิ่งจะสงบศึกกันได้ไม่ถึงยี่สิบปี ลูกคิดว่าถ้าเราทำสงครามหรือเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา อาณาจักรไหนจะดีใจที่สุดกันล่ะ? ฝ่ายเราก็เหลือเกิน แค่เห็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างจากตัวเองก็แตกตื่น พอแตกตื่นมากเข้าก็รวบรวมทุนเตรียมไปกวาดล้างเขาถึงที่ของเขา...สร้างสงครามโดยไม่คิดหน้าคิดหลังแท้ๆ”

อัยน์นาเลือกที่จะนิ่งฟังมากกว่าออกความเห็นในเรื่องนี้

“เอ้า ว่าต่อไปซิ นอกจากตื่นกลัวปีศาจกับอสุรกาย นอกจากมีคนส่วนนึงโกรธแค้นกับหวาดกลัวทางการ พวกชาวเมืองมองข่าวเรื่องการคุกคามจากพวกเผ่าพันธุ์โบราณจากดินแดนเร้นลับว่ายังไงบ้าง พวกเขาไม่ข้องใจกันบ้างรึ ว่าทำไมจู่ๆ อสุรกายกับปีศาจที่อยู่ร่วมโลกกับพวกเรามานานถึงเริ่มคุกคาม”

“มีความเชื่อแตกเป็นหลายกลุ่มค่ะ แต่ส่วนใหญ่ พวกเขาเชื่อว่า ที่ปีศาจกับอสุรกายไม่เคยคุกคามมนุษย์มาก่อน เป็นเพราะพวกมันฉลาดหลักแหลมเกินกว่าจะเผยสัญชาตญาณดิบเถื่อนกับความชั่วร้ายให้พวกเรารู้ตัว เพราะก่อนหน้านี้ พวกเราบูชาพวกมันต่างเทพ เทวดา คนบางกลุ่มแถบชายแดนเคารพบูชาถึงขั้นคอยจัดหาสิ่งมีชีวิตหลายชนิด ตั้งแต่กระต่ายตัวเล็กๆ ไปถึงวัวตัวโตๆ มาบูชายัญ พวกมันก็เลยไม่จำเป็นต้องขวนขวายลุกล้ำเขตแดนเข้ามาเพื่อหา ‘ของเล่น’ ด้วยตัวเอง”

อัยน์นาหยุดเหลียวมองบิดา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงนั่งฟังอย่างตั้งใจ ไม่มีความเห็นอะไร คนที่ใกล้ชิดชาวเมืองมากกว่าจึงเล่าต่อไปด้วยน้ำเสียงที่แม้จะแหบแห้งกว่าปกติเพราะพิษไข้ ก็ยังฟังดูนุ่มนวล อ่อนหวาน ขัดแง่มุมโหดร้ายในเรื่องเล่า

“นอกจากเรื่องที่พูดไปแล้ว ยังมีเหตุผลที่น่าสนใจมากอีกข้อนะคะ ข้อหลังที่ว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับจำนวนค่ะ ใครหลายคนเชื่อว่า ที่พวกมันซ่อนตัวเงียบเชียบมาจนถึงทุกวันนี้ ก็แค่เพราะพวกมันก็ไม่ได้มีจำนวนมากมายสักเท่าไหร่ อาหารหลังแนวเขาก็เลยเพียงพอ ต่างจากตอนนี้ที่มีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน

เล่าลือกันว่านักสำรวจจากอาเรนทร์นับร้อยเคยบุกป่าฝ่าแนวเขาไปสำรวจ ชายที่รอดกลับมาเพียงคนเดียวกล้ายืนยัน ว่าเคยเจอฝูงอสุรกายขนาดใหญ่ จำนวนไม่ต่ำกว่าร้อย ปีศาจปีกดำที่ควบคุมพวกนั้นอยู่อีกชั้นยังเคยกระซิบกระซาบว่ามนุษย์ทั้งด้อยค่าและน่ารังเกียจแค่ไหน พวกมันจะย่องย่างออกมาจากดินแดนที่เต็มไปด้วยปริศนามืดดำ แล้วกวาดล้างทำลายจนมนุษย์คนสุดท้ายในพื้นที่ที่พวกมันเลือกออกมาหาความสำราญกลายเป็นเศษซากอะไรสักอย่างที่น่าขนลุกเมื่อไหร่ก็ได้”

“ในวังก็มีหลายคนที่เชื่อแบบนี้...” ขุนนางสูงวัยเลือกละประโยคถัดไปเอาไว้ แต่อัยน์นาเข้าใจความคิดบิดาดี

ความเชื่อพวกนี้ก็คงแพร่ออกจากที่นั่นอีกตามเคย

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 61

    “ขออภัย ขอผมอกไปสูดอากาศข้างนอกสักครู่” นี่เป็นคำพูดตัดบทขอปลีกตัวที่ไซรัสมองว่าช่างฟังดูทื่อและเสียมารยาทที่สุดเท่าที่เขาเคยทำหลุดจากริมฝีปาก แต่ตอนนี้สมองเขาเริ่มตื้อตันเกินกว่าจะนึกอะไรไหว“สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย ไม่สบายหรือเปล่าคะ เราติดต่อขอความช่วยเหลือมหาดเล็กขอให้เขาช่วยจัดห้องพักให้คุณดีไหม”“อย่าให้ใครต้องลำบากเลยครับ ผมแค่มึนหัวนิดหน่อยเท่านั้น” เขาเริ่มนึกถึงสวน นึกถึงต้นไม้รกครึ้ม ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ปกติก็ยิ่งอยากซ่อนตัวมากขึ้นเท่านั้น“ถ้าอย่างนั้น เราออกไปที่อุทยานกลางดีไหมคะ” สิ่งที่พริสซิลล่าเสนอ ตรงใจเขาพอดี “นะคะ เดินออกไปทางประตูตะวันออก แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว เดี๋ยวดิฉันจะพาไป”“เปลี่ยนเป็นบอกทางดีกว่าครับ หายไปด้วยกัน ใครเห็นเข้าจะดูไม่ดี”พริสซิลล่ากัดริมฝีปากอย่างขัดใจ“แต่คุณบอกว่ามึนหัวนี่คะ” เธอจ้องหน้าเขา แววตาบ่งบอกว่าจะไม่ยอมทำตามที่บอกแน่ๆบทจะดื้อ ก็ดื้อดึงขึ้นมาแววตาท่านหญิงผมทองยามนี้ ดูรั้น ไม่ยอมคน คล้ายอัยน์นาอย

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 60

    “ตาถั่วน่ะสิ” แอนนาเบลถลึงตาใส่ “เถียงคำไม่ตกฟาก แค่ถามว่าฉันทำหายที่ไหนแล้วช่วยกันหาไม่ได้หรือไง นั่นของแพงมากนะยะ”“แล้วคุณพี่ไปทำตกไว้ที่ไหนล่ะคะ”คำถามสั้นๆ จากอันย์นา ทำเอาท่านหญิงคนรองสะอึกหล่อนกลอกตา ก่อนตอบ“ในสวน”“ในสวน...? สวนไหนคะ”“ก็สวนใกล้ๆ นี่น่ะสิ!” แอนนาเบลแหวใส่ “เอาเป็นว่าหล่อนต้องมาช่วยฉันหา เดี๋ยวนี้!” บอกแล้ว คนอ้างว่าทำของหายก็เดินนำเธอมุ่งหน้าเข้าหาอุทยานที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้ดอก ไม้ดัด และซุ้มไม้เลื้อยนานาชนิดแสงสลัวรางจากเสาติดตะเกียง ส่องให้คุณหนูทั้งสองจากตระกูลแกรนเทรนท์เห็นว่าอุทยานแห่งนี้กว้างขวางจนน่าตกใจ“คุณพี่ไปทำหายบริเวณไหนคะ” อัยน์นาถามหลังกวาดสายตามองไปรอบๆเธอแน่ใจว่าคนอย่างแอนนาเบลไม่มีทางทิ้งงานเลี้ยงหรูหราลงมาที่อุทยานซึ่งทั้งมืดสลัว ทั้งกว้างขวาง ทั้งเงียบเชียบ แบบนี้คนเดียวแน่ แต่ครั้นจะพูดว่ารู้ทัน ประเดี๋ยวพี่สาวจอมโวยวายรายนี้ ก็คงส่งเสียงแหลมแสบแก้วหูปฏิเสธคอเป็นเอ็น กลาย

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 59

    “คุณจืดชืดจนใครต่อใครอิจฉา...จืดชืดเสียจนผมละสายตาจากคุณไม่ได้”กระทั่งคำพูดเชิงลบแบบนี้ ยังใช้เกี้ยวพาราสีผู้หญิงได้...เชื่อเขาเลยอัยน์นาพยายามเตือนตัวเองว่าชายคนนี้เป็นจอมเสแสร้ง ทั้งที่เกิดขัดเขินขึ้นมาจนแก้มตึง“ข่าวว่าท่านผู้หญิงสั่งตัดชุดราตรีสีฟ้าสดใสให้คุณสวมมางานนี้...เพราะอะไรถึงกลายเป็นสีทองไปได้” จู่ๆ เขาก็ชวนเปลี่ยนหัวข้อพูดคุยเสียอย่างนั้นไม่เปลี่ยนเรื่องเปล่า ยังมองเสไปทางอื่นชั่วครู่อีกด้วยคุณหนูเจ้ากรมการเมืองไม่ถึงกับรับความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ทัน เพียงแต่รู้สึกชัดเจน ว่าเขาจงใจพาเธอออกจากบทสนทนาเกี้ยวพาราสีที่ตัวเขาเองเป็นคนเริ่ม ชวนให้สงสัยว่าภายใต้ใบหน้าสวมหน้ากากยิ้มแย้ม เป็นมิตร พ่อค้ารายนี้ คิดอะไรอยู่ในใจท่ามกลางบรรยากาศคลอเคล้าเสียงดนตรี อัยน์นาเผลอจ้องมองนัยน์ตาสีดำ นิ่ง นาน“ความลับค่ะ” เธอเลือกตอบสั้นๆ เพราะไม่อยากพูดเรื่องตัวเองให้ใครฟังเกินจำเป็น“น่าเสียดาย ที่ผมจะไม่มีโอกาสทำความรู้จักช่

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 58

    คิดได้ไม่เท่าไหร่ สายตาคมกริบก็สังเกตเห็นชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาว รูปร่างสมส่วน สวมชุดสีดำ ขลิบขอบปกคอเสื้อไล่ยาวมาถึงชายด้วยดิ้นเงิน ดูเข้มขรึม น่าเกรงขามเธอจำเขาได้ดี...ถึงวันนี้เขาจะแต่งกายเป็นทางการผิดหูผิดตา แต่นัยน์ตาสีดำกับเส้นผมยาวเหยียดสีเดียวกันและท่าทีทรงอำนาจดุจราชาอย่างนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจากพ่อค้าน่าสงสัยวันนี้ไซรัสไม่ได้รวบผมต่ำอย่างทุกที แต่ปล่อยให้มันพลิ้วสยาย ติดจะดูเป็นทรงผมที่ดูสบายๆ เกินเหตุ แต่กลับน่ามองอย่างที่สุดเธอส่งยิ้มให้แล้วเดินตรงไปหาเขาทันที‘วันนี้คุณหนูอัยน์นาก็ยังต้องเป็นมิตรที่ดีต่อไซรัส’ นั่นเป็นสิ่งที่เธอบอกตัวเอง เมื่อเกิดแปลกใจที่สองขาพาร่างกายเข้าใกล้เขาโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิดไซรัสเองก็คลี่ยิ้มน้อยๆ ให้เธอเช่นกันภาพเหล่านี้ ทำให้บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ในวงสังคมพึงพอใจ...นัยว่าหมดคู่แข่งไปอีกราย แต่ไม่ใช่พริสซิลล่าตอนเห็นอัยน์นาเต้นรำกับเจ้าชาย เธออาจจะริษยา แต่ก็ยังรู้สึกดีกว่าตอนนี้ ตอนที่น้องสาวต่างมารดาพุ่งตรงเข้าหาผู้ชายที่เธอพึงใจโดยไม่หยุดคิดเล

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 57

    นานมากแล้วที่เสียงเพลงหวานซึ้งจากเครื่องสายดังกังวานใสขับกล่อมผู้คน และทำหน้าที่ต่างเสียงบอกจังหวะก้าวขาให้คู่เต้นรำที่เหลืออยู่เพียงคู่เดียวเท่านั้น“เธอเต้นเก่งมาก” คู่เต้นหนุ่มกระซิบแผ่วเบาในจังหวะที่อัยน์นาต้องหมุนตัวเข้าใกล้เขาอย่างช่วยไม่ได้“ไม่หรอกค่ะ เพราะคุณเต้นเก่งมากกว่า” เธอหมายความตามนั้นจริงๆถ้ามีใครมาถามว่าชายตรงหน้าเต้นรำเก่งแค่ไหน อัยน์นากล้าบอกทันทีว่าชายคนนี้เต้นเก่งมาก มากจนสามารถเปลี่ยนให้คนเต้นรำพอได้อย่างเธอกลายเป็นคนที่เหมือนเต้นเก่งได้ในพริบตาอยู่ในวงแขนเขา เธอก็ไม่ต่างจากขนนก ได้แต่ล่องลอยพลิ้วไหวไปตามสายลมทุกฝีเท้า ทุกการก้าวเดิน ทุกท่วงท่าการหมุนที่เขาชี้นำ ทำให้เธอได้รับเสียงปรบมือจากแขกในงานเป็นระยะเวลานี้ ใครต่อใครล้วนไม่กล้าก้าวขาเข้ามาเต้นเทียบเคียง พวกเขาเอาแต่เฝ้ามองเธอกับคู่เต้น...นั่นเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดที่สุด“ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน” นักเต้นหนุ่มบอกพลางยกแขนส่งให้เธอหมุนตัวใต้การควบคุมอีกครั้ง “

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 56

    กว่าตระกูลแกรนเทรนท์จะมาถึงประตูท้องพระโรงที่ใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงหนนี้ งานเลี้ยงก็เริ่มไปนานแล้วอย่างที่ท่านผู้หญิงว่า สร้างความพึงพอใจให้ท่านผู้หญิง พริสซิลล่า และแอนนาเบลไม่น้อยงานเลี้ยงหนนี้ จัดเป็นงานเลี้ยงเต้นรำอย่างที่อัยน์นาเคยได้ข่าวมันเป็นงานเลี้ยงขนาดใหญ่ ภายในท้องพระโรงกว้างขวางปูพรมสีแดงจัดผู้คนมากมายในชุดหรูหราต่างจับคู่เต้นรำ บ้างก็พูดคุย ยิ้มแย้มผู้คนและการแต่งกายว่าน่าประทับใจแล้ว ต้นเสาและเพดานโค้งสีขาวสลักลายละเอียดอ่อน โคมไฟระย้าคริสตัลขนาดใหญ่ใจกลางเพดาน สายประดับคริสตัลที่ห้อยทิ้งตัวเป็นสาย ช่อดอกลิลลี่สีขาวดอกใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน ทหารยืนยามและบริกรในชุดหรูหรา วงดนตรีเล่นสดขนาดมหึมา เครื่องดื่มสีสันแปลกตามากกว่าสิบชนิด ม้านั่งบุกำมะหยี่สีแดงเข้มขาตั้งฉลุลายแบบเดียวกับเพดานดูเรียบหรูรับกับพื้นพรมและผนัง อาหารและของว่างนับร้อยชนิดจัดไว้เป็นคำๆ ประดับประดาด้วยผงสีทองสวยเด่น แต่ละรายละเอียดในงานเลี้ยงล้วนดูสวยงามมีระดับจนไม่อาจนิยามเพียงสั้นๆ ได้ว่า ‘น่าประทับใจ’“เข้าไปตอนนี้ต้องเด่นแน่ๆ ”

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status