Share

บทที่ 22

Author: Karawek House
last update Last Updated: 2025-08-26 21:50:16

หลังกินมื้อเช้าที่มาธาจัดหาให้ อัยน์นาก็เดินยกชายกระโปรงสีขาวมุ่งหน้าเข้าหาห้องหนังสือห้องใหญ่ที่ตั้งอยู่ในชั้นสองทันที

หญิงสาวไม่แปลกใจนักที่พบท่านเจ้ากรมการเมืองนั่งอ่านหนังสือ ‘ว่าด้วยระบอบสังคมและชนชั้น’ อยู่ในนั้น อันที่จริง เธอจะแปลกใจมากกว่า ถ้าเดินเข้าห้องหนังสือมาแล้วไม่พบบิดาเธอ...ขุนนางผู้ทุ่มเทวันเวลาส่วนใหญ่ไปกับการนั่งคิดใคร่ครวญเรื่องผลประโยชน์ของอาณาจักรและการพัฒนาสภาพสังคม ตลอดจนการแก้ปัญหาเรื่องระบบชนชั้นอันกลายเป็นปัญหาสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาหลายๆ อย่าง เป็นต้นว่า ปัญหาการกดขี่ทางสังคมที่ทำให้เกิดความขัดแย้งชิงชังระหว่างชนชั้น ปัญหาการเกิดแหล่งเสื่อมโทรมอันเป็นบ่อเกิดของอาชญากรรม และปัญหาการดึงชนชั้นล่างเข้าเป็นคนงานหรือคนรับใช้แล้วซ่องสุมกองกำลังเพื่อสร้างอิทธิพลผิดกฎหมาย...

“อัยน์นารึ” ท่านเจ้ากรมการเมืองรู้ได้ในทันทีที่เธอเปิดประตูเดินเข้าห้อง แม้จะไม่ได้เงยหน้าดู

“ค่ะคุณท่าน”

“ฉันรู้เรื่องเมื่อวานแล้ว มาธาบอกว่าเธอป่วยไม่ใช่รึ ในเมื่อไม่สบายก็ไปพักผ่อนเสียเถอะ วันนี้ไม่มีอะไรให้ต้องคิดคำนวณสักเท่าไหร่” ท่านเจ้ากรมการเมืองหมายถึงงานเอกสารบัญชีต่างๆ ที่เธอเคยช่วยหยิบจับเมื่อว่างเว้นจากการทำงานบ้าน

“ดิฉันอยากคุยเรื่องดิฉันค่ะ”

ขุนนางสูงวัยเงยหน้าสบตาลูกสาวนอกสมรสแล้วถอนหายใจยาว “เข้ามาสิ”

“ดิฉันอยากให้คุณท่านแกล้งทำเป็นไม่เห็นบางเรื่องเสียบ้างค่ะ ปล่อยดิฉันไว้เหมือนอย่างเคยก็ได้” เธอเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมา

“ว่าต่อไป”

“คุณท่านก็น่าจะทราบ เรื่องค่านิยม เรื่องความคิด มันเป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงกันลำบาก ถ้าคุณท่านแข็งขืนฝืนเปลี่ยนแปลงอะไรๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยทำ ทั้งความคิดทั้งพฤติกรรมการต่อต้านก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นตามไปด้วย”

ขุนนางสูงวัยมองธิดานอกสมรสด้วยแววตาอ่อนโยน

“มานั่งนี่สิ” ท่านเจ้ากรมการเมืองหมายถึงเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม

เจ้าของคฤหาสน์รอให้เธอก้าวเข้ามานั่งเรียบร้อยดีแล้ว ถึงค่อยพูดต่อ

“อัยน์นา ที่พ่อตัดสินใจทำอย่างนี้ ก็เพราะพริสซิลล่าพูดถูก” คงเพราะเห็นเธอทำหน้างุนงง ขุนนางสูงวัยถึงได้เฉลยให้ฟัง “เรื่องที่พ่อเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงเรื่องล้มเลิกระบอบกดขี่ทางชนชั้น” คนเป็นพ่อกุมมือลูกสาวอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน “พ่อขอโทษที่ปล่อยให้เรื่องมันย่ำแย่แบบนี้ เรื่องนี้ถ้าจะมีคนผิด ก็คงเป็นตัวพ่อเอง พ่อทำให้ลูกสาวคนเล็กตกอยู่ในสภาพไม่น่าดูจนคนเขาเอาไปเล่าลือ พร้อมๆ กับที่ปล่อยให้ภรรยากับลูกสาวอีกสองคนทำลายชื่อเสียงตัวเองจนย่อยยับ”

“คุณท่านไม่ผิดหรอกค่ะ” เธอหมายความตามนั้นจริงๆ

“ผิดสิ ทั้งๆ ที่พ่อพยายามเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ แต่พ่อกลับปล่อยให้ครอบครัวตัวเองเกิดเรื่องพรรค์นี้”

“บางทีคนผิดอาจเป็นดิฉัน” แววตาคนร่างเล็กฉายแววเจ็บปวดเมื่อเอ่ยประโยคนั้น

เพราะเธอดื้อรั้นเกินไป อัยน์นารู้ซึ้งถึงความจริงข้อนี้ดีกว่าใคร

“เพราะดิฉันมีตัวตนขึ้นมา ตระกูลแกรนเทรนท์ก็เลยต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”

“อย่าพูดอย่างนั้น...” ขุนนางสูงวัยบีบมือเธอแน่นขึ้น “อย่าคิดอย่างนี้อีก”

“แม่ดิฉัน...” อัยน์นาถามอย่างลังเล “แม่เป็นคนยังไงคะ พวกคนเก่าคนแก่เล่าว่าแม่หน้าตาคล้ายดิฉันมาก”

“อ่อนโยน สง่างาม รักเด็กๆ รักดอกไม้” ท่านเจ้ากรมการเมืองเอ่ยนัยน์ตาเป็นประกาย “แม่ของเธอเป็นยอดหญิงที่ฉันไม่เคยคาดคิดว่าจะมีตัวตนอยู่บนโลกนี้ เธอเข้มแข็ง สง่างาม แต่ก็จิตใจดีและอ่อนโยนกว่าใคร”

“คุณพ่อรักแม่หรือเปล่าคะ” อัยน์นาอยากจะถามแบบนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่

เธอมองเสไปทางอื่นเพราะไม่อยากหลุดปากถามอะไรให้บิดาลำบากใจ แล้ววินาทีนั้น ภาพชั้นหนังสือเกี่ยวกับชาติพันธุ์และศาสนาในสายตาก็ทำให้นึกถึงภาพกลุ่มสตรีซาเมียร์ที่เพ้อถึงเพราะพิษไข้ขึ้นมา

“คุณท่านเคยไปซาเมียร์หรือเปล่าคะ”

“เคยสิ” คนเป็นพ่อตอบตามตรง “พ่อเคยไปราชการช่วงสงคราม กว่าพ่อจะไปถึง สงครามก็จบลงแล้ว”

“ที่นั่นคงสวยงามเหมือนในภาพวาดใช่ไหมคะ”

ท่านเจ้ากรมการเมืองนิ่งคิด ก่อนตอบ “พอมองออกว่าเคยงดงาม”

เพียงเท่านั้น อัยน์นาก็เดาได้ไม่ยาก

จนถึงตอนนี้ ดินแดนซาเมียร์คงโดนเวเนเซียทำลายจนย่อยยับไปหมดแล้ว...

“ขึ้นชื่อว่าสงครามก็นำมาแต่ความสูญเสียทั้งนั้น” ขุนนางสูงวัยเอ่ยคล้ายจะปลอบใจพลางรินน้ำชาร้อนๆ ใส่แก้วใบสวยส่งให้ลูกสาว

“ทั้งๆ ที่เป็นอย่างนั้น จนถึงตอนนี้ โลกนี้ก็ยังมีสิ่งที่เรียกว่าสงคราม” อัยน์นาเอ่ยอย่างลืมตัว

แต่คนเป็นพ่อกลับดูชอบใจมากกว่าจะถือสา

“ลูกพอรู้ข่าวเรื่องการระดมทุนทำสงครามมาแล้วใช่ไหม”

“ที่ว่าจะบุกป่าฝ่าแนวเขาไปทำสงครามกวาดล้างพวกปีศาจกับอสุรกายในดินแดนเร้นลับหลังแนวเขาทางตอนเหนือใช่ไหมคะ”

“นั่นล่ะ ลูกรู้เรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน”

“ไม่มากเท่าไหร่หรอกค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องสัพเพเหระมากกว่า” อัยน์นายกน้ำชาขึ้นจิบอย่างสุภาพ ก่อนเอ่ยต่อไป “ดิฉันเคยได้ข่าวเรื่อง ‘ความจริงของดินแดนเร้นลับหลังแนวเขา’ มาบ้าง...เพิ่งแน่ใจว่าเรื่องพวกนั้นไม่ได้เป็นแค่ข่าวลือก็ตอนที่ท่านเจ้ากรมการคลังจัดงานเลี้ยงระดุมทุนสงคราม พอมีงานเลี้ยงระดมทุนขึ้นมา พวกชาวเมืองหวาดกลัวกันมากเลยนะคะ โจษจันกันว่าเรื่องเล่าเกี่ยวกับเทพ เทวดา ในดินแดนเร้นลับหลังแนวเขาล้วนเป็นเรื่องโกหก พวกมันเป็นเผ่าพันธ์ปีศาจ อสุรกาย หน้าตาอัปลักษณ์ ทั้งยังโหดเหี้ยมอำมหิต”

“ลูก” ท่านเจ้ากรมการเมืองเอ่ยเสียงขรึม

“คะ?”

“ต่อไปนี้ให้แทนตัวเองว่าลูก เลิกเรียกแทนตัวเองว่าดิฉันได้แล้ว”

“ค่ะ คุณท่าน”

“แล้วก็เรียกพ่อว่าพ่อได้แล้ว”

หยาดน้ำสีใสคลอนัยน์ตาสีนิลในวินาทีนั้น

“ได้เหรอคะ”

“เรียกสิ” ขุนนางสูงวัยยืนยัน

“คุณพ่อ” อัยน์นาถึงกับเผลอยิ้มตอนได้ยินเสียงตัวเองเอ่ยคำนั้น

ท่านเจ้ากรมการเมืองยิ้มอ่อนโยน สีหน้าพึงพอใจ “นั่นล่ะ...ทีนี้ก็ว่าต่อไป ลองเล่ามาซิ คนพวกนี้เขาเล่าลือกันว่ายังไงบ้าง”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 61

    “ขออภัย ขอผมอกไปสูดอากาศข้างนอกสักครู่” นี่เป็นคำพูดตัดบทขอปลีกตัวที่ไซรัสมองว่าช่างฟังดูทื่อและเสียมารยาทที่สุดเท่าที่เขาเคยทำหลุดจากริมฝีปาก แต่ตอนนี้สมองเขาเริ่มตื้อตันเกินกว่าจะนึกอะไรไหว“สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย ไม่สบายหรือเปล่าคะ เราติดต่อขอความช่วยเหลือมหาดเล็กขอให้เขาช่วยจัดห้องพักให้คุณดีไหม”“อย่าให้ใครต้องลำบากเลยครับ ผมแค่มึนหัวนิดหน่อยเท่านั้น” เขาเริ่มนึกถึงสวน นึกถึงต้นไม้รกครึ้ม ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ปกติก็ยิ่งอยากซ่อนตัวมากขึ้นเท่านั้น“ถ้าอย่างนั้น เราออกไปที่อุทยานกลางดีไหมคะ” สิ่งที่พริสซิลล่าเสนอ ตรงใจเขาพอดี “นะคะ เดินออกไปทางประตูตะวันออก แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว เดี๋ยวดิฉันจะพาไป”“เปลี่ยนเป็นบอกทางดีกว่าครับ หายไปด้วยกัน ใครเห็นเข้าจะดูไม่ดี”พริสซิลล่ากัดริมฝีปากอย่างขัดใจ“แต่คุณบอกว่ามึนหัวนี่คะ” เธอจ้องหน้าเขา แววตาบ่งบอกว่าจะไม่ยอมทำตามที่บอกแน่ๆบทจะดื้อ ก็ดื้อดึงขึ้นมาแววตาท่านหญิงผมทองยามนี้ ดูรั้น ไม่ยอมคน คล้ายอัยน์นาอย

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 60

    “ตาถั่วน่ะสิ” แอนนาเบลถลึงตาใส่ “เถียงคำไม่ตกฟาก แค่ถามว่าฉันทำหายที่ไหนแล้วช่วยกันหาไม่ได้หรือไง นั่นของแพงมากนะยะ”“แล้วคุณพี่ไปทำตกไว้ที่ไหนล่ะคะ”คำถามสั้นๆ จากอันย์นา ทำเอาท่านหญิงคนรองสะอึกหล่อนกลอกตา ก่อนตอบ“ในสวน”“ในสวน...? สวนไหนคะ”“ก็สวนใกล้ๆ นี่น่ะสิ!” แอนนาเบลแหวใส่ “เอาเป็นว่าหล่อนต้องมาช่วยฉันหา เดี๋ยวนี้!” บอกแล้ว คนอ้างว่าทำของหายก็เดินนำเธอมุ่งหน้าเข้าหาอุทยานที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้ดอก ไม้ดัด และซุ้มไม้เลื้อยนานาชนิดแสงสลัวรางจากเสาติดตะเกียง ส่องให้คุณหนูทั้งสองจากตระกูลแกรนเทรนท์เห็นว่าอุทยานแห่งนี้กว้างขวางจนน่าตกใจ“คุณพี่ไปทำหายบริเวณไหนคะ” อัยน์นาถามหลังกวาดสายตามองไปรอบๆเธอแน่ใจว่าคนอย่างแอนนาเบลไม่มีทางทิ้งงานเลี้ยงหรูหราลงมาที่อุทยานซึ่งทั้งมืดสลัว ทั้งกว้างขวาง ทั้งเงียบเชียบ แบบนี้คนเดียวแน่ แต่ครั้นจะพูดว่ารู้ทัน ประเดี๋ยวพี่สาวจอมโวยวายรายนี้ ก็คงส่งเสียงแหลมแสบแก้วหูปฏิเสธคอเป็นเอ็น กลาย

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 59

    “คุณจืดชืดจนใครต่อใครอิจฉา...จืดชืดเสียจนผมละสายตาจากคุณไม่ได้”กระทั่งคำพูดเชิงลบแบบนี้ ยังใช้เกี้ยวพาราสีผู้หญิงได้...เชื่อเขาเลยอัยน์นาพยายามเตือนตัวเองว่าชายคนนี้เป็นจอมเสแสร้ง ทั้งที่เกิดขัดเขินขึ้นมาจนแก้มตึง“ข่าวว่าท่านผู้หญิงสั่งตัดชุดราตรีสีฟ้าสดใสให้คุณสวมมางานนี้...เพราะอะไรถึงกลายเป็นสีทองไปได้” จู่ๆ เขาก็ชวนเปลี่ยนหัวข้อพูดคุยเสียอย่างนั้นไม่เปลี่ยนเรื่องเปล่า ยังมองเสไปทางอื่นชั่วครู่อีกด้วยคุณหนูเจ้ากรมการเมืองไม่ถึงกับรับความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ทัน เพียงแต่รู้สึกชัดเจน ว่าเขาจงใจพาเธอออกจากบทสนทนาเกี้ยวพาราสีที่ตัวเขาเองเป็นคนเริ่ม ชวนให้สงสัยว่าภายใต้ใบหน้าสวมหน้ากากยิ้มแย้ม เป็นมิตร พ่อค้ารายนี้ คิดอะไรอยู่ในใจท่ามกลางบรรยากาศคลอเคล้าเสียงดนตรี อัยน์นาเผลอจ้องมองนัยน์ตาสีดำ นิ่ง นาน“ความลับค่ะ” เธอเลือกตอบสั้นๆ เพราะไม่อยากพูดเรื่องตัวเองให้ใครฟังเกินจำเป็น“น่าเสียดาย ที่ผมจะไม่มีโอกาสทำความรู้จักช่

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 58

    คิดได้ไม่เท่าไหร่ สายตาคมกริบก็สังเกตเห็นชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาว รูปร่างสมส่วน สวมชุดสีดำ ขลิบขอบปกคอเสื้อไล่ยาวมาถึงชายด้วยดิ้นเงิน ดูเข้มขรึม น่าเกรงขามเธอจำเขาได้ดี...ถึงวันนี้เขาจะแต่งกายเป็นทางการผิดหูผิดตา แต่นัยน์ตาสีดำกับเส้นผมยาวเหยียดสีเดียวกันและท่าทีทรงอำนาจดุจราชาอย่างนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจากพ่อค้าน่าสงสัยวันนี้ไซรัสไม่ได้รวบผมต่ำอย่างทุกที แต่ปล่อยให้มันพลิ้วสยาย ติดจะดูเป็นทรงผมที่ดูสบายๆ เกินเหตุ แต่กลับน่ามองอย่างที่สุดเธอส่งยิ้มให้แล้วเดินตรงไปหาเขาทันที‘วันนี้คุณหนูอัยน์นาก็ยังต้องเป็นมิตรที่ดีต่อไซรัส’ นั่นเป็นสิ่งที่เธอบอกตัวเอง เมื่อเกิดแปลกใจที่สองขาพาร่างกายเข้าใกล้เขาโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิดไซรัสเองก็คลี่ยิ้มน้อยๆ ให้เธอเช่นกันภาพเหล่านี้ ทำให้บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ในวงสังคมพึงพอใจ...นัยว่าหมดคู่แข่งไปอีกราย แต่ไม่ใช่พริสซิลล่าตอนเห็นอัยน์นาเต้นรำกับเจ้าชาย เธออาจจะริษยา แต่ก็ยังรู้สึกดีกว่าตอนนี้ ตอนที่น้องสาวต่างมารดาพุ่งตรงเข้าหาผู้ชายที่เธอพึงใจโดยไม่หยุดคิดเล

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 57

    นานมากแล้วที่เสียงเพลงหวานซึ้งจากเครื่องสายดังกังวานใสขับกล่อมผู้คน และทำหน้าที่ต่างเสียงบอกจังหวะก้าวขาให้คู่เต้นรำที่เหลืออยู่เพียงคู่เดียวเท่านั้น“เธอเต้นเก่งมาก” คู่เต้นหนุ่มกระซิบแผ่วเบาในจังหวะที่อัยน์นาต้องหมุนตัวเข้าใกล้เขาอย่างช่วยไม่ได้“ไม่หรอกค่ะ เพราะคุณเต้นเก่งมากกว่า” เธอหมายความตามนั้นจริงๆถ้ามีใครมาถามว่าชายตรงหน้าเต้นรำเก่งแค่ไหน อัยน์นากล้าบอกทันทีว่าชายคนนี้เต้นเก่งมาก มากจนสามารถเปลี่ยนให้คนเต้นรำพอได้อย่างเธอกลายเป็นคนที่เหมือนเต้นเก่งได้ในพริบตาอยู่ในวงแขนเขา เธอก็ไม่ต่างจากขนนก ได้แต่ล่องลอยพลิ้วไหวไปตามสายลมทุกฝีเท้า ทุกการก้าวเดิน ทุกท่วงท่าการหมุนที่เขาชี้นำ ทำให้เธอได้รับเสียงปรบมือจากแขกในงานเป็นระยะเวลานี้ ใครต่อใครล้วนไม่กล้าก้าวขาเข้ามาเต้นเทียบเคียง พวกเขาเอาแต่เฝ้ามองเธอกับคู่เต้น...นั่นเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดที่สุด“ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน” นักเต้นหนุ่มบอกพลางยกแขนส่งให้เธอหมุนตัวใต้การควบคุมอีกครั้ง “

  • เล่ห์รักเจ้าชายอสูร   บทที่ 56

    กว่าตระกูลแกรนเทรนท์จะมาถึงประตูท้องพระโรงที่ใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงหนนี้ งานเลี้ยงก็เริ่มไปนานแล้วอย่างที่ท่านผู้หญิงว่า สร้างความพึงพอใจให้ท่านผู้หญิง พริสซิลล่า และแอนนาเบลไม่น้อยงานเลี้ยงหนนี้ จัดเป็นงานเลี้ยงเต้นรำอย่างที่อัยน์นาเคยได้ข่าวมันเป็นงานเลี้ยงขนาดใหญ่ ภายในท้องพระโรงกว้างขวางปูพรมสีแดงจัดผู้คนมากมายในชุดหรูหราต่างจับคู่เต้นรำ บ้างก็พูดคุย ยิ้มแย้มผู้คนและการแต่งกายว่าน่าประทับใจแล้ว ต้นเสาและเพดานโค้งสีขาวสลักลายละเอียดอ่อน โคมไฟระย้าคริสตัลขนาดใหญ่ใจกลางเพดาน สายประดับคริสตัลที่ห้อยทิ้งตัวเป็นสาย ช่อดอกลิลลี่สีขาวดอกใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน ทหารยืนยามและบริกรในชุดหรูหรา วงดนตรีเล่นสดขนาดมหึมา เครื่องดื่มสีสันแปลกตามากกว่าสิบชนิด ม้านั่งบุกำมะหยี่สีแดงเข้มขาตั้งฉลุลายแบบเดียวกับเพดานดูเรียบหรูรับกับพื้นพรมและผนัง อาหารและของว่างนับร้อยชนิดจัดไว้เป็นคำๆ ประดับประดาด้วยผงสีทองสวยเด่น แต่ละรายละเอียดในงานเลี้ยงล้วนดูสวยงามมีระดับจนไม่อาจนิยามเพียงสั้นๆ ได้ว่า ‘น่าประทับใจ’“เข้าไปตอนนี้ต้องเด่นแน่ๆ ”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status