“เรียนท่านอ๋อง ท่านเต๋อคังแห่งจวนเสนาบดีขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” หลงจู๊ยืนรอรับคำสั่งอยู่หน้าประตู เพียงแค่นายท่านรับสั่ง เขาก็พร้อมที่จะไล่หรือเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือนได้เสมอ
“ให้เข้ามาได้” แม้เหลียงเฟิงจะหงุดหงิดไม่น้อยที่มีแขกไม่ได้รับเชิญมาในยามนี้ กระนั้นเขาก็ไม่อยากจะทำให้ภาพลักษณ์อ๋องผู้ถูกบิดาชิงชังและไร้อำนาจ ที่ตนสั่งสมมานานเสียไป จึงได้แต่จำยอมอนุญาตให้อีกฝ่ายเข้ามาได้
หนิงเซียนเมื่อได้รู้ว่าผู้มาขอเข้าเฝ้าคือผู้ใดนางก็อดที่จะแปลกไม่ได้ หลังจากเหลียงอ๋องตาย เสนาบดีเต๋อคังผู้นี้เป็นตัวละครที่ไม่อาจจะมองข้ามไปได้ เพราะว่าเขาคือตัวละครสำคัญที่เป็นผู้ชักนำมือที่สาม ให้มาทำลายความรักของคู่พระนาง
หากเมื่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองตระกูลใหญ่ขาดสะบั้นเมื่อใด ก็เท่ากับว่าเขาได้ตัดขั้วอำนาจขององค์รัชทายาทไปได้ หลังจากนั้นก็จะสามารถกำจัดองค์รัชทายาทลงจากตำแหน่งได้สำเร็จ องค์ชายห้าที่เขาเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังก็จะได้ขึ้นสู่ตำแหน่งนั้นแทน
นั่นไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหามันอยู่ที่ตอนนี้ท่านอ๋องก็มิได้มีใจให้เยว่สือแล้ว ที่สำคัญท่านอ๋องก็ยังไม่ได้ตายตามเนื้อเรื่อง เต๋อคังที่ให้การสนับสนุนองค์ชายห้า ไม่มีทางที่จะเข้าหาท่านอ๋องอย่างแน่นอน แล้ววันนี้เขามาเพื่อจุดประสงค์ใด
“คารวะท่านอ๋อง ขออภัยที่กระหม่อมเข้ามารบกวนเวลาสำราญของพระองค์” เฒ่าเต๋อคังแอบไม่พอใจอยู่เล็กน้อย ที่ไม่ได้มีท่านอ๋องอยู่คนเดียวอย่างที่คิด ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้แสดงความไม่พอใจให้เห็นแต่อย่างใด กลับทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่ดูสุขุมนุ่มลึกน่าเกรงขามได้เป็นอย่างดี
“เชิญนั่ง ท่านเสนาเต๋อมาหาข้ามีเรื่องอะไรเช่นนั้นหรือ” ชายหนุ่มเชื้อเชิญตามมารยาท อยากจะรีบคุยธุระให้จบ ๆ ไป ไม่อยากเสียเวลาอันมีค่าไปมากกว่านี้
“กระหม่อมเพียงแค่เข้ามาทักทายตามประสาคนคุ้นเคยกันเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ” สายตาเขามองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าอ๋องผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย อีกทั้งข่าวกรองที่ตนเพิ่งได้รับมาเมื่อไม่นานนี้ มีสิ่งที่น่าตกใจไม่น้อย
เหลียงอ๋องผู้ถูกฝ่าบาททอดทิ้งไร้ซึ่งอำนาจทางการเมือง จะกลายมาเป็นเจ้าของร้านรวงกว่าครึ่งของเขตการค้าสำคัญ แม้มารดาเขาจะเป็นเพียงสามัญชนต่ำต้อยก็ไม่เป็นไร หากสามารถดึงเข้ามาเป็นพวกได้ละก็ ตำแหน่งพ่อตาฮ่องเต้องค์ต่อไปจะไปไหนเสีย องค์ชายห้านั่นหรือเบี้ยหมากที่ไร้ประโยชน์ทิ้งไปก็ไม่เสียดาย
“ข้าไม่เห็นจำได้ว่าเราคุ้นเคยกันนะท่านเสนา” แม้เขาจะอยู่ในบทบาทอ๋องผู้ถูกทอดทิ้งไร้ซึ่งอำนาจ แต่ก็ใช่ว่าจะให้ผู้ใดเข้ามาฉกฉวยโอกาสได้เช่นกัน อีกทั้งภรรยาคนงามนั่งอยู่ด้วยทั้งคน ตาเฒ่าผู้นี้กลับไม่กล่าวทักทายสักคำ โทษทัณฑ์ครั้งนี้เขาจะนับเป็นหนึ่งข้อ
“ท่านอ๋องล้อข้าเล่นแรงเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ โอ้ นั่นชายารองที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งใช่หรือไม่ เป็นเหมือนดั่งที่ผู้คนเล่าลือมิมีผิด” ปากแย้มยิ้มทว่าดวงตาเหี่ยวย่นกลับไม่ยิ้มตาม เต๋อคังจ้องมองหนิงเซียนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ยอมรับว่าหน้าตางดงามแต่ก็อวบอ้วนเกินไป เมื่อเทียบกับซิงเอ๋อร์บุตรสาวของเขาแล้ว มันห่างกันคนละชั้น
“พูดว่าเช่นใดหรือเจ้าคะ” หน็อยแน่ตาเฒ่าลิ้นสองแฉก อย่าให้ถึงทีข้าบ้างนะ แม่จะจิ้มให้ตาบอดไปเลย หนิงเซียนได้แต่ก่นด่าเสนาบดีเฒ่าในใจ ทว่าใบหน้ากลับยิ้มแย้มราวกับแยกเขี้ยวในสายตาเหลียงอ๋อง
“โอ้ ไม่มีอะไรมากหรอกชายารอง ท่านอย่าได้ใส่ใจ เป็นแค่คำเปรียบเปรยน่ะ ว่าท่านงดงามราวกับนางจิ้งจอกท่านอ๋องจึงได้ลุ่มหลง”
กายหนาลุกขึ้นเต็มความสูง เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงก้าวอาด ๆ ออกจากห้องไป โดยมีมู่หลางองครักษ์คนสนิทคอยติดตาม เหลียงอ๋องสั่งระดมพลเรียกองครักษ์ฝีมือดีที่สุด จากนั้นได้ออกคำสั่งเพื่อให้พวกเขาออกตามหาสิ่งที่ตนเองต้องการเหล่าองครักษ์ผู้ภักดีต่างแยกย้ายกันไปตามหาที่ที่คิดว่าจะหาสิ่งนั้นเจอ ทว่าเวลาผ่านไปนับเดือนก็ไร้ซึ่งข่าวคราว จดหมายรายงานถูกส่งมาจากทั่วสารทิศ แต่ก็มีเพียงความล้มเหลวที่ได้รับ เหลียงเฟิงปาจดหมายรายงานแต่ละฉบับทิ้ง กายหนาอาละวาดไม่เว้นแต่ละวัน ตนอยากจะออกตามหาด้วยตนเอง แต่ก็มิอาจทิ้งภรรยาและลูกน้อยไปได้ใบหน้าหล่อเหลาบัดนี้เต็มไปด้วยหนวดเครารุงรัง หน้าดำคล้ำเครียดและยังซูบผอมลงไปถนัดตา ไร้สง่าราศีของผู้เป็นอ๋อง บุตรตัวน้อยหรือก็ร้องไห้จ้าไม่ยอมหยุด เมื่อใดแฝดน้อยทั้งสองถูกวางไว้ข้างกายมารดา พวกเขาก็จะหยุดร้อง นอนเล่นพูดคุยอ้อแอ้กันทั้งวันไม่มีงอแง แต่ก็ไม่สามารถให้เด็กเล็กอยู่กับคนป่วยได้ตลอดเวลา จึงจำใจแยกพวกเขาออกจากภรรยา และอนุญาตให้อยู่ด้วยกันได้เพียงวันละไม่เกินหนึ่งชั่วยามเท่านั้น (2 ชั่วโมง)หลังจากระบายอารมณ์ความอัดอั้นจึงใจเย็นลงไปได้บ้าง ชายหนุ่มได้เตรียมตัวทำหน้าที่ด
“ชายารองชีพจรอ่อนมาก พวกเจ้าไปตามหมอที” หมอตำแยช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ ทั้งที่ชายารองก็มิได้ตกเลือด หรือเสียเลือดมากจนทำให้สลบไปทั้งอย่างนั้นได้ จะพูดให้ถูกก็คงจะเป็นหาสาเหตุของการหมดสติไปในครั้งนี้ไม่ได้นั่นเอง ซึ่งหมอตำแยเช่นนางถึงจะเชี่ยวชาญด้านการทำคลอด แต่นี่ดูเหมือนจะเกินขอบเขตความสามารถไปเสียแล้วทุกคนภายในห้องทำคลอดต่างร้อนรนและร้อนใจ เพราะไม่เพียงชายารองที่เข้าขั้นวิกฤต พวกตนก็อาจจะต้องตายอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ถ้าหากนางเป็นอะไรไปคนทั้งห้องนี้ก็คงจะรับโทสะของท่านอ๋องไม่ไหว มีเพียงอาผิงเท่านั้นที่ยังพอมีสติ หญิงสาวตรงดิ่งไปตามท่านหมอทันทีที่หมอตำแยพูดจบ ทว่าเมื่อเปิดประตูออกไปก็พบเข้ากับหมอหลวงต้วนเข้าพอดี“ผู้ใดไม่เกี่ยวข้องออกไปรอด้านนอก” ต้วนชิงเจาได้มารออยู่ก่อนแล้ว เขาได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทให้มาเป็นตัวแทนพระองค์พร้อมกับเฉียนกงกง ด้วยเล็งเห็นว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นได้ทุกเมื่อ อย่างน้อยมีเขาอยู่ด้วยก็สามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงทีเหล่านางกำนัลและหมอตำแยได้พากันออกไปรอด้านนอก เหลือไว้เพียงอาผิง เหลียงอ๋อง คอยเป็นลูกมือให้ท่านหมอเท่านั้น“หนิงหนิง อดทนเข้าไว้นะ
“เหลียงเฟิงเจ้าออกไปรอด้านนอกเถอะ ท่านหมอมาแล้ว” หลังจากเยว่ฮูหยินสั่งการบ่าวไพร่ให้เตรียมของใช้เอาไว้สำหรับทำคลอด ระหว่างนั้นหมอตำแยได้มาถึงพอดี นางจึงต้องเรียกหลานชายออกมาเพื่อไม่ให้เกะกะหมอตำแยทำคลอด“หลานไม่ไป หลานจะอยู่กับหนิงหนิง” ชายหนุ่มยืนกรานที่จะไม่ออกไปเด็ดขาด เขาอยากอยู่ในทุกช่วงเวลาร่วมกับนาง ถึงแม้ว่าจะรับเอาความเจ็บปวดมาไว้ที่ตนเองไม่ได้ก็ตาม“เจ็บจังเลยเพคะ ท่านอ๋องข้าเจ็บจนทนไม่ไหวแล้ว” คราวนี้แรงบีบมามากกว่าปกติ น้ำตาที่พยายามจะกลั้นเอาไว้ บัดนี้นางทนไม่ไหวแล้ว หากผู้ใดจะมองว่าอ่อนแอก็ช่างปะไร“หนิงหนิง” เหลียงเฟิงเองก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรได้ หากจะสกัดจุดก็เกรงว่าหนิงหนิงของเขาจะเป็นอันตรายปัง“ท่านหมอมาแล้วเพคะ” อาผิงวิ่งกระหืดกระหอบมาพร้อมกับหมอตำแยถึงสองคน นางและสหายนางกำนัลหิ้วปีกหมอตำแยเข้ามาอย่างรีบร้อน ช่วยไม่ได้ในเมื่อท่านหมอมัวแต่ชักช้า วิ่งไม่ทันใจเอาเสียเลย“ข้าขอผู้ช่วยสามคน ที่เหลือออกไปรอด้านนอกให้หมด” หมอตำแยเห็นท่าไม่ดี รีบสั่งการให้ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปด้านนอกให้หมด การคลอดลูกฝาแฝดพบได้ไม่บ่อยนัก ต้องอาศัยประสบการณ์และความระมัดระวังในการทำคลอดม
เหลียงเฟิงได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา ตนเองไม่สบายถึงเพียงนี้ ยังต้องรักษาน้ำใจผู้อื่นไปเพื่ออะไรอีก ชายหนุ่มลุกขึ้นประคองร่างอุ้ยอ้ายของภรรยา เพื่อออกไปต้อนรับฮูหยินเยว่ตามความต้องการของเจ้าตัว“มา ๆ นั่งตรงนี้” เยว่ฮูหยินปราดเข้าไปประคองหนิงเซียนอีกคน ตั้งแต่ได้เจอกันจากการแนะนำของว่าที่บุตรเขย นางรู้ได้ในทันทีว่าหนิงเซียนสมควรแล้วที่หลานชายหลงรัก ก็ในเมื่อเจ้าตัวทั้งน่ารักจิตใจดี และมักจะคิดถึงผู้อื่นอยู่เสมอ ทำให้นางพลอยเอ็นดูเหมือนลูกหลานไปด้วยอีกคน“คารวะท่านป้าเจ้าค่ะ วันนี้มาแต่เช้าเชียว” หญิงสาวเย้าแหย่ไปตามประสาคนคุ้นเคย เยว่ฮูหยินมักจะมาแต่เช้าเช่นนี้เสมอ เมื่อผ้าปักลายใหม่ส่งมาจากหมู่บ้านหนานชุนมาถึง“แหม เจ้าละก็ ป้าก็อยากจะชื่นชมผ้าปักลายใหม่ ๆ เผื่อว่าถูกใจจะได้เลือกสักม้วนสองม้วน” เยว่เจินหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจ ก็ในเมื่อตอนนี้ในหมู่ฮูหยินด้วยกัน นางได้กลายเป็นผู้นำความนิยมด้านการแต่งกายไปเสียแล้ว มีหรือจะพลาดของสวย ๆ งาม ๆ ไปได้“ของเพิ่งจะมาถึง มีหลายลายให้ท่านป้าเลือกเยอะเลยเจ้าค่ะ”“ดี ๆ ข้าชักจะทนรอไม่ไหวเสียแล้วสิ”หลังจากทุกคนนั่งลงประจำที่ หนิงเซียนได้สั่งให้บ่าวรั
อายุครรภ์เข้าสู่เดือนที่เก้า หน้าท้องเริ่มยื่นและใหญ่ขึ้นจนน่าตกใจในสายตาผู้พบเห็น ด้วยความเป็นห่วงภรรยามากเกินไปของเหลียงอ๋อง เขาจึงสั่งห้ามไม่ให้หนิงเซียนทำงานใด ๆ โดยเด็ดขาด ร้านค้าผ้าที่กิจการกำลังไปได้ด้วยดี ได้ยกให้เป็นหน้าที่ม่อตานและนางกำนัลผิงเป็นผู้ดูแลชั่วคราว ด้วยเหตุนี้ทำให้หนิงเซียนว่างจนรู้สึกเบื่อหน่ายเหลือเกินถึงจะรู้สึกขัดใจที่ถูกห้ามไปหมดเสียทุกอย่าง ทว่านางก็เข้าใจในความหวังดีของสามีในข้อนี้ดี จึงปล่อยเลยตามเลยได้แต่จำยอมอยู่แต่ในตำหนัก วันทั้งวันทำแค่กิน นอน เดินเล่นเพียงเท่านั้นส่วนเรื่องของเยว่สือกับท่านรองแม่ทัพตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทั้งสองครอบครัวต่างก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี จะเหลือก็แต่รอให้ถึงกำหนดฤกษ์ดี เขาทั้งสองก็จะเข้าพิธีได้ร่วมหมอนเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง นี่แหละหนาการเกิดมาเป็นพระเอกกับนางเอก ทุกอย่างล้วนแล้วแต่จัดการได้โดยง่าย ไร้ซึ่งปัญหาให้หนักใจ ไม่เหมือนตนที่เป็นเพียงตัวประกอบ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ไม่รู้ว่าต้องผ่านอะไรมาบ้าง“หนิงหนิงทำอะไรอยู่หรือ” กายหนากลับจากปฏิบัติภารกิจตามรับสั่งพระบิดาก็ตรงดิ่งกลับจวนทันที พักหลังมานี้เสด็จพ่ออ่อน
“คารวะฮูหยินเยว่ขอรับ” ชายหนุ่มโค้งคำนับอย่างนอบน้อม พร้อมกันนั้นยังคอยสังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายไปด้วย เพื่อประเมินสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น“ทำตัวตามสบายเถอะท่านรองแม่ทัพ มาหาข้าวันนี้มีธุระอะไรหรือ” เรื่องของบุตรสาวกับเหลียงเฟิงนางก็พอทำใจได้บ้างแล้ว ในตอนแรกตนตั้งแง่กับบุรุษผู้นี้มากเกินไป ก็ด้วยมีความหวังว่าบุตรสาวจะลงเอยกับหลานชาย ทว่าเมื่อคืนตนและบุตรสาวได้เปิดอกพูดคุยให้เข้าใจกันแล้ว เยว่สือเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวนางก็อยากจะให้ลงเอยกับบุรุษที่ดีพร้อม แม้พลาดจากเหลียงเฟิงไปแต่แม่ทัพหยางผู้นี้ก็ไม่เลว“เรียนฮูหยินที่ข้ามาในวันนี้ เพื่อจะขอคบหากับบุตรสาวท่านอย่างเปิดเผยขอรับ” ชายชาติทหารยืดอกพูดอย่างหนักแน่น ได้แต่หวังว่าฮูหยินจะเห็นใจพวกเขาทั้งสองบ้าง“ในเมื่อท่านรองแม่ทัพกล้าพูดออกมาตรง ๆ เช่นนี้ จะให้ข้าอนุญาตก็ต้องมาดูกัน ว่าท่านมีดีมากพอแค่ไหน ที่ข้าจะยอมยกบุตรสาวให้” ฮูหยินเยว่แสดงออกว่าหากอีกฝ่ายมีข้อเสนอไม่ดีพอ นางก็จะไม่ยกบุตรสาวให้เด็ดขาด“ข้าหยางจวินให้คำมั่นสัญญา ขอมีนางเพียงผู้เดียว จะรักและดูแลสือเอ๋อร์ไม่เสื่อมคลาย ให้เหมือนกับวันแรกที่ได้รักกัน และข้าขอเอาชีวิตเป็นเ