Share

บทที่ 17 ลูกจ้างชั่วคราว (1)

last update Last Updated: 2025-06-21 11:54:24

บทที่ 17

ลูกจ้างชั่วคราว (1)

            เช้ามืดของวันต่อมา เหยียนหลิ่วกระโดดข้ามกำแพงมาบ้านตระกูลจางเหมือนอย่างทุกที

            ตงตงยิ้มให้กับเด็กหนุ่ม “พี่เหยียนหลิ่ว วันนี้ข้าทำโจ๊กขายเป็นวันแรก บนโต๊ะในครัวข้าเตรียมโจ๊กกับซาลาเปาไว้ให้แล้ว อย่าลืมกินนะ”

            “วันนี้…ข้า…” เหยียนหลิ่วพูดจาอ้ำอึ้งไม่มั่นใจ

            “หือ?”

            ตงตงยิ้มและเอียงหัวด้วยความสงสัย รอคอยอย่างใจเย็นจนกว่าอีกฝ่ายจะพูด

            ผ่านไปสักพักหนึ่ง เหยียนหลิ่วถามเสียงเบา แต่ชัดเจนว่า “วันนี้ข้าขอไปที่ร้านกับเจ้าด้วยได้หรือไม่”

            เด็กสาวรีบโบกมือห้าม “ไม่ได้ๆ เอ่อ...ไม่ใช่ว่าข้าปฏิเสธความหวังดีของพี่ชายหลิ่วหรอกนะ แต่ถ้าท่านไปกับข้า เดี๋ยวนายท่านบ้านนั้นรู้เข้าจะเป็นเรื่องเอา”

            คราวก่อนเขาบอบช้ำมาทั้งตัว หากคราวนี้นายท่านของเขาไม่พอใจแล้วทุบตีจนแข่งขาหักจะทำยังไง นางรักษาไม่เป็นหรอกนะ!

            ตรงข้ามกับความกังวลของตงตง เหยียนหลิ่วกลัวว่าจะไม่ได้ไปช่วยงานนางที่ร้าน เด็กหนุ่มรีบโพล่งออกมาอีกครั้ง

            “พวกเขาไม่สนใจข้าหรอก!”

            “นั่นยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ไม่ใช่หรือ” ตงตงพูดออกมาอย่างที่ใจคิด

            เหยียนหลิ่วเองได้ฟังแบบนั้นก็ก้มหน้าด้วยความลำบากใจ ทั้งไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม

            เด็กสาวเห็นท่าทางของเขาที่เป็นแบบนั้นก็ไม่คิดจะบังคับให้พูด หากเหลือบไปมองท่านพ่อเพื่อขอความเห็นชอบ

            จางไคเฮ่อได้ยินทั้งสองคนคุยกันมาสักพักแล้ว พอเห็นสายตาของลูกสาวที่มองมาทางนี้ เขาทำเพียงแค่มองกลับอย่างเรียบเฉยเท่านั้น ก็เพื่อให้นางตัดสินใจเรื่องนี้เอง

            ก่อนหน้านี้ ตงตงช่วยเหลือเหยียนหลิ่วโดยไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเด็กหนุ่ม ต่อมา นางตัดสินใจว่าจะจ้างจิ่งฝาง ทั้งที่เพิ่งเริ่มขายซาลาเปา รายได้ยังไม่แน่นอน   

            ตอนนั้นจางไคเฮ่อถามลูกสาวว่า นางจะรับผิดชอบชีวิตจิ่งฝางไหวหรือ

            การที่จางไคเฮ่อถามแบบนั้นเพราะรู้ว่าตงตงเป็นคนใจอ่อน เขากลัวว่านางจะพูดไปเพียงเพราะความสงสาร

            ตอนที่โรงเตี๊ยมตระกูลจางปิดกิจการ พวกเขาเคยปล่อยจิ่งฝางลอยเคว้งคว้างแล้วครั้งหนึ่ง หากธุรกิจขายซาลาเปาของตงตงไปไม่รอด เขาไม่อยากเห็นจิ่งฝางถูกลอยแพซ้ำสอง

            แต่ทว่า...

            ตงตงกลับตอบด้วยแววตามุ่งมั่น ราวกับมั่นใจฝีมือทำอาหารและการบริหารร้าน นางตกปากรับคำดิบดี ‘ไหวแน่นอน!’

            แววตาของตงตงในตอนนั้น ทำให้จางไคเฮ่อตระหนักได้ นางไม่ใช่เด็กสาวที่ตัดสินใจอะไรเพียงแค่ความใจอ่อนอีกต่อไป 

            ด้วยเหตุนี้ จางไคเฮ่อจึงอยากให้ตงตงตัดสินใจเอง

            รออยู่นาน แต่ท่านพ่อก็ไม่ยอมตอบ

            แววตาของตงตงพลันฉายแววตาไม่มั่นใจ “ท่านพ่อ...เรื่องของพี่ชายหลิ่วไม่เหมือนกับพี่จิ่งฝาน ท่านต้องช่วยข้าตัดสินใจแล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไร”

            คราวนี้ เหยียนหลิ่วหันไปมองจางไคเฮ่อด้วยสายตาอ้อนวอน

            “ท่านอาจารย์?”

            ตั้งแต่ที่จางไคเฮ่อสอนวิชาดาบและศิลปะการต่อสู้ เหยียนหลิ่วก็นับถือจางไคเฮ่อเป็นอาจารย์ ทั้งยังเรียกเขาเช่นนี้มาตลอด

            จางไคเฮ่อยกมือขึ้นลูบคางด้วยท่าทีสังเล ผ่านไปสักครู่ เขาค่อยขยับปากกล่าวเสียงเรียบ

            “อันที่จริง ข้าอยากให้เจ้าอยู่ที่นี่มากกว่า แต่...มีคนมาช่วยเพิ่มก็ดีเหมือนกัน วันนี้พวกเราขายโจ๊กกับปาท่องโก๋วันแรก มีงานให้ทำเยอะแยะ อีกอย่าง นายท่านบ้านนั้นไม่ได้สนใจอะไรเขาอยู่แล้ว มาช่วยที่ร้านย่อมได้อยู่ พอว่างก็ฝึกฝนร่างกายเสีย”

            ได้ยินเช่นนั้นเหยียนหลิ่วยิ้มกว้าง โค้งตัวกล่าวขอบคุณจางไคเฮ่อ

            “ขอบคุณขอรับท่านอาจารย์!”

            “ห้ามลืมว่าหน้าที่หลักของเจ้าคืออะไร”

            “ฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งจนกว่าจะเข้าทัพได้ ข้าไม่ลืมขอรับ”

            จางไคเฮ่อพยักหน้า

            ตงตงยิ้มให้กับทั้งสอง เคลียร์ไปอีกหนึ่งเรื่อง!

            …..

            …..

            จิ่งฝานมาเปิดร้านตั้งแต่เช้ามืดเหมือนเดิม พอเห็นเหยียนหลิ่วมาด้วย จิ่งฝานร้องถามด้วยความสงสัย

            “อ้าว วันนี้น้องเหยียนหลิ่วก็มาช่วยที่ร้านด้วยหรือ”

            “ฝากตัวด้วยขอรับ” เหยียนหลิ่วก้มหัวให้จิ่งฝาน

            จิ่งฝานเป็นคนซื่อ ส่วนเหยียนหลิ่วแม้พูดน้อยแต่อัธยาศัยดี ใช้เวลาไม่นานทั้งสองคนก็สนิทสนมกัน

            จากนั้น ทั้งสี่ก็ช่วยกันเตรียมของเปิดร้านอย่างขยันขันแข็ง

            เหยียนหลิ่วทำงานอย่างคล่องแคล่วและความจำดี ทั้งที่จิ่งฝานสอนแค่ครั้งเดียว

            ผ่านไปเพียง 2 เค่อ (30 นาที) ทุกอย่างก็เตรียมพร้อม ตงตงกับจิ่งฝานเดินมาหน้าโรงเตี๊ยม ตะโกนเรียกลูกค้า

            “โรงเตี๊ยมตระกูลจางเปิดแล้วเจ้าค่ะ”

            “ซาลาเปาร้อนๆ อร่อยๆ ขอรับ”

            “วันนี้มีโจ๊กกับปาท่องโก๋ด้วยนะ”

            เหยียนหลิ่วมองทั้งสองคนที่ตะโกนเรียกลูกค้าอยู่หน้าโรงเตี๊ยมอย่างชำนาญ สักพักหนึ่ง เขาพลันหน้าแดงเล็กน้อย

            “งะ งานนี้ข้าทำไม่ไหว” เด็กหนุ่มก้มหน้างุด บอกกับจางไคเฮ่อที่ยืนข้างๆ ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับพึมพำ

            จางไคเฮ่อหลุบตามองเหยียนหลิ่วแล้วว่า “เจ้าทำงานนี้ไม่ไหวจริงๆ นั่นละ”

            ไม่ใช่แค่เหยียนหลิ่วเท่านั้น จางไคเฮ่อเองก็ตะโกนเรียกลูกค้าไม่เป็นเหมือนกัน

            “ตรงนี้ไม่มีอะไรให้เจ้าทำแล้ว เวลานี้เจ้าควรกินข้าวรองท้อง แล้วฝึกร่างกายต่อ อย่าทิ้งเวลาไปเปล่าๆ”

            “เอ่อ...ขอรับ!”

            เด็กหนุ่มตอบรับฉับพลัน แล้ววิ่งกลับไปที่หลังร้าน

            ก่อนออกจากบ้านตระกูลจาง จางไคเฮ่อบอกให้เหยียนหลิ่วพกดาบไม้มาด้วย ใช้เวลาว่างฝึกฝนร่างกายตัวเอง และทบทวนวิชาดาบ

            พอกินโจ๊กรองท้องเรียบร้อย เด็กหนุ่มออกกำลังกายเพื่ออบอุ่นร่างกาย จากนั้นก็มายืนแกว่งดาบ พร้อมกับฝึกกระบวนท่าโจมตี

            จางไคเฮ่อจ้องมองลูกศิษย์อย่างพึงพอใจ

            ร่างกายของเหยียนหลิ่วตอนนี้สามารถปกป้องตัวเองได้แล้ว เหลือก็แค่ความทะเยอทะยานอยากเอาชนะเท่านั้น!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status