แชร์

บทที่ 24 เจอกันอีกแล้ว!

ผู้เขียน: ฮาจิฮาจิ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-21 17:03:01

บทที่ 24

เจอกันอีกแล้ว!

            ความคิดเกี่ยวกับอาหารของคนเรานั้นเข้าใจง่าย

            ร้านไหนอร่อย พวกเขาจะแนะนำกันปากต่อปาก

            ในขณะเดียวกัน อาจถูกโจมตีด้วยถ้อยคำรุนแรง หากอาหารนั้นรสชาติห่วยแตก

            อย่างไรก็ตาม หม้อไฟหมาล่านั้น นอกจากจะเป็นของกินที่แปลกใหม่ น้ำซุปทั้งสอง 2 รสชาติยังอร่อยถูกปาก กินเท่าไรก็ไม่รู้สึกเบื่อ ทำให้ลูกค้ากลับมาอุดหนุนอีกเรื่อยๆ

            เพียงไม่กี่วัน หม้อไฟหมาล่าโรงเตี๊ยมตระกูลจางก็ถูกพูดถึงไปทั่วเมืองอู่เฉิง 

            เพียงไม่กี่วันลูกค้าก็เข้าร้านจนแน่นขนัด โต๊ะเต็มไม่พอนั่ง

            ตงตงคิดอยู่แล้วว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ก่อนน้านั้นจึงจ้างช่างไม้ ดัดแปลงโต๊ะสำหรับกินหม้อไฟเพิ่มอีก 5 ตัว วางไว้ที่ชั้นล่าง

            รวมแล้วมีทั้งหมด 15 โต๊ะ

            นอกจากนี้ ตงตงยังเอาเนื้อกับผักมาเสียบไม้ ทาด้วยน้ำมันพริกหมาล่าสำหรับคนที่อยากห่อกลับบ้าน

            ภาชนะที่ใช้ห่อกลับคือชามไม้ขัดเงา

            ตงตงซื้อชามไม้จากระบบร้านค้า เฉลี่ยแล้วใบละ 4 อีแปะ

            ชามทุกใบจากร้านของตงตง สลักลวดลายดอกไม้ แบบเดียวกับบนผิวซาลาเปา

            ชามนี้ยังนำกลับมาใช้ใหม่ได้

            หากลูกค้าถือชามใบนี้มาใส่หมาล่า นางจะแถมหมาล่าให้ 1 ไม้ 

            วันนี้ลูกค้ายังคงแน่นร้าน

            พวกเด็กๆ วิ่งวุ่นเสิร์ฟหม้อไฟกันแทบไม่มัเวลานั่งพัก

            แต่คนที่เหนื่อยที่สุดเห็นทีจะเป็นตงตง เพราะมีเพียงนางคนเดียวที่คิดเงินเป็น

            “เถ้าแก่เนี้ยน้อย คิดเงินด้วย”

            “เจ้าค่ะ”

            “เถ้าแก่เนี้ยน้อยเก็บเงิน!”

            “รอประเดี๋ยวนะเจ้าคะ”

            ในเรื่องคิดเงินเก็บบิล ตงตงได้เตรียมการล่วงหน้าไว้แล้วเหมือนกัน

            ก่อนจะเริ่มขายหม้อไฟ ตงตงให้จิ่งฝางซื้อกระดาษมาตัดเป็นแผ่นเล็กขนาดเท่าฝ่ามือ

            ตงตงเขียนรายการทุกรายการ และวาดรูปง่ายๆ กำกับไว้

            หากเป็นจานผัก ตงตงจะวาดรูปผัก จานเนื้อก็เป็นรูปเนื้อเป็นต้น

            จากนั้นก็สอนให้ทุกคนจดจำว่าตัวอักษรและภาพวาด

            ลูกค้าสั่งอะไร จำนวนเท่าไร ก็ให้พวกเขาขีดเท่าจำนวนจานที่สั่ง

            หนึ่งขีดเท่ากับหนึ่งจาน

            เมื่อทำแบบนี้ ตงตงจะคิดเงินเร็วขึ้น

            ตงตงทวนรายการอาหาร ทั้งยังคิดเงินอย่างคล่องแคล่ว

            “ลูกค้าโต๊ะ 7 มีผัก 5 จาน เนื้อหมู 10 จาน เนื้อปลา 10 จาน ไข่ไก่ 3 ฟอง ลูกชิ้นปลา 4 จาน และบะหมี่ 3 ก้อน รวมทั้งหมดเป็น 187 อีแปะเจ้าค่ะ”

            “เถ้าแก่เนี้ยน้อยคิดเงินเร็วเกินไปแล้ว มั่นใจหรือว่าคิดถูกต้อง”

            เอ๊ะ!?

            ถูกทักท้วงแบบจับผิด ตงตงย่อมแปลกใจ

            แต่ในฐานะแม่ค้า ทั้งยังทำหน้าที่คิดเงิน นางจะแสดงความไม่มั่นใจออกมาไม่ได้เด็ดขาด

            ตงตงทวนรายการอาหาร และคิดราคาทั้งหมดอีกครั้ง

            คิดอย่างไรก็ได้ 187 อีแปะ

            “ท่านลูกค้า…ราคาอาหารแต่ละจาน ทางร้านได้เขียนบอกราคาไว้ที่ป้ายอย่างชัดเจน ลูกค้าทวนรายการและคิดก่อนได้เจ้าค่ะ”

            ลูกค้าโต๊ะ 7 มากัน 2 คน

            ทั้งสองคนแต่งตัวดี ดูแล้วเป็นคนมีฐานะ

            ชายที่นั่งฝั่งซ้ายมือ อายุราวๆ สามสิบกว่า หน้าตาคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน แต่กลับจำไม่ได้

            หลังจากเขาคำนวณเงินเสร็จ ก็ส่งเสียงหัวเราะ หึหึหึ!! ออกมา

            เสียงหัวเราะนั้นเหมือนกำลังเยาะเย้ยตงตงไม่มีผิด

            ตงตงไม่เข้าใจจึงย่นคิ้วถาม “ไม่ทราบว่ามีอะไรที่ไม่ถูกต้องหรือ”

            ชายคนดังกล่าวกะพริบตาถี่ๆ หน้าตามึนงง “เถ้าแก่เนี้ยน้อยจำข้าไม่ได้แล้วหรือ”

            ตงตงโคงศีรษะซ้ายทีขวาที พยายามนึกชื่อของอีกฝ่าย แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก

            “ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าจำไม่ได้ว่าท่านเป็นใคร”

            ชายคนดังกล่าวปั้นหน้าขึงขึงเมื่อได้ยินแบบนั้น

            “ข้าคือหลงจู๊เหอ เหอจ้าว ที่เคยมาอุดหนุนซาลาเปาร้านเจ้าเมื่อหลายวันก่อน”

            “อ้อ ขอบคุณเจ้าค่ะ” ตงตงตอบด้วยสีหน้าเฉยเมย

            ไม่รู้เหมือนกันว่าทางนั้นทำไมประกาศชื่อตัวเอง มิหนำซ้ำ ยังพูดเหมือนว่าการมาซื้อซาลาเปาเป็นบุญคุณอันยิ่งใหญ่

            เหอจ้าวเลิกคิ้วเหมือนสงสัย

            ตงตงสงสัยมากกว่า นางจึงถามกลับไปอีกครั้ง

            “ยังมีอะไรอีกหรือเจ้าคะ”

            ถูกถามเช่นนั้นเหอจ้าวนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง

            ต่อมา เหมือนได้สติ เหอจ้าวกระแอมแล้วตอบ

            “อะแฮ่ม…ไม่มีแล้ว”

            “ท่านเหอคงคิดราคาสินค้าแล้วใช่หรือไม่ ราคาอาหารทั้งหมด 187 อีแปะ ถูกต้องไหมเจ้าคะ?”

            เหอจ้าวพยักหน้าอย่างขอไปที “ถูก!”

            กระนั้น เหอจ้าวกลับไม่ได้ควักจ่าย

            ตงตงสังเกตเห็นว่ามุมปากของเขากำลังกระตุกเหมือนอยากพูด

            ถ้ามีอะไรอยากพูดก็พูดออกมาเลยสิ! ตงตงคิดด้วยความหงุดหงิด 

            “ท่านเหอ ท่านกำลังทำให้ลูกค้าโต๊ะอื่นรอนะเจ้าคะ”

            “เช่นนั้น พี่ชายท่านนี้สะดวกจ่ายหรือไม่”

            “ราคาอาหารทั้งหมด 187 อีแปะ ข้าต้องไปคิดเงินโต๊ะอื่นต่อเจ้าค่ะ”

            ตงตงพูดเป็นชุด และยังหันไปถามชายหนุ่มที่มากับเหอจ้าว

            ชายคนนี้นั่งฝั่งขวามือของโต๊ะ อายุน้อยกว่าเหอจ้าว น่าจะยี่สิบต้นๆ เท่านั้น  

            ชายหนุ่มผู้นี้หาได้แสดงท่าทีหยิ่งผยองเหมือนกับเหอจ้าว ตรงกันข้าม เขากลับนอบน้อม สงบปากสงบคำ เดาว่าน่าจะเป็นผู้ช่วยหรือคนติดตามของเหอจ้าว

            ชายหนุ่มควักเงินออกมาจ่ายพอดีเปะ

            ระหว่างที่ทั้งสองลุกขึ้นยืน จู่ๆ เหอจ้าวก็หยุดยืนนิ่ง หลุบตามองตงตงเหมือนยังสงสัยบางอย่าง

            “กะอีแค่เงินไม่กี่อีแปะ ใช่ว่าข้าไม่มีจ่าย แค่คิดว่าเถ้าแก่เนี้ยน้อยกำลังคิดเงินเร็วถึงเพียงนี้ เจ้ากำลังคิดเงินแบบมั่วซั่วหรือไม่” 

            “แต่ข้าก็รอให้ท่านเหอกับสหายของท่านทวนราคาอาหารแล้วไม่ใช่หรือ ท่านเองก็ไม่ได้แย้ง ซ้ำยังบอกว่าข้าคิดถูกต้อง ข้ามั่วหรือไม่คำตอบนั้นท่านย่อมรู้ดี”

            “เรื่องนั้น…”

            เหอจ้าวขยับปากพะงาบ โต้เถียงไม่ออก  

            “แล้วทำไมเถ้าแก่เนี้ยน้อยคิดเงินเร็วนัก” ชายหนุ่มที่มาด้วยกับเหอจ้าวเอ่ยถามด้วยความสงสัย

            “ถ้าอยากรู้จริงๆ ข้าจะอธิบายให้ฟังรอบเดียว ตอนพวกท่านเข้ามาในร้านจะเห็นลูกจ้างถือกระดาษปึกหนึ่งมาต้อนรับถูกต้องหรือไม่ เมื่อลูกค้าสั่งอาหาร พวกเขาจะจดจำนวนลงบนกระดาษนั้น ตอนข้าคิดเงิน ข้าก็แค่หยิบกระดาษแผ่นนั้นมาตรวจดูพร้อมกับเทียบจำนวนจานบนโต๊ะ ง่ายๆ แค่นี้เองเจ้าค่ะ”

            “เสี่ยวเอ้อร้านเจ้ารู้หนังสือกันทุกคนเลยหรือ”

            “ไม่เจ้าค่ะ”

            “ถ้าอย่างนั้นแล้ว…?”

            “ถึงพวกเขาอ่านตัวหนังสือไม่ออก แต่พวกเขาดูภาพวาดเป็น บนกระดาษรายการมีภาพวาด พวกเขาแค่ทำเครื่องหมายตามจำนวนที่ลูกค้าสั่ง…ข้าอธิบายมากกว่านี้ไม่ได้ แต่ทุกท่านเป็นคนฉลาดหวังว่าจะเข้าใจ”

            พอตงตงพูดจบ เหอจ้าวพลันคว้ากระดาษบนโต๊ะมาดูทันที

            บนกระดาษเขียนรายการอาหารและภาพวาดเข้าใจง่าย แถมบอกราคาอย่างชัดเจน

            เดิมที ตั้งใจมาเพื่อจับผิดทำให้โรงเตี๊ยมตระกูลจางเสียชื่อ สุดท้ายคนที่ต้องอับอายกลับเป็นเขาเสียเอง

            เมื่อหาข้อจับผิดไม่ได้ เหอจ้าวเม้มปากไม่พูดไม่จา

            เวลานั้น จู่ๆ ลูกค้าโต๊ะข้างหลังก็หัวเราะพรืด!

            “ฮะฮะ ฮะ…”

            ตงตงหันไปยิ้มให้คุณชายโต๊ะข้างหลัง

            ฝ่ายนั้นยิ้มตอบ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “แม้แต่ข้าที่ไม่เข้าใจเรื่องการค้าขาย พอฟังคำอธิบายของเถ้าแก่เนี้ยน้อย ยังเข้าใจทันที ช่างเป็นคนที่คิดรอบคอบ... นับถือ นับถือ”

            “ขอบคุณเจ้าค่ะ”

            ชายหนุ่มพยักหน้ายิ้มๆ จากนั้นเบนสายตาไปทางเหอจ้าว

            “หลงจู๊เหอ นางอธิบายทุกอย่างที่ท่านสงสัยไปแล้ว ท่านคงไม่อยากรบกวนนางต่อ แล้วทำให้ลูกค้าโต๊ะเสียเวลาหรอกนะ”

            เหอจ้าวเห็นชายหนุ่มคนนั้น ท่าทางเปลี่ยนเป็นนอบน้อมทันที

            “คุณชายต้วนเซียว ข้าไม่มีอะไรสงสัยแล้วขอรับ เมื่อครู่แค่ลองเชิงเถ้าแก่เนี้ยน้อยเท่านั้น นางมีความสามารถด้านการค้าจริงๆ ขอรับ”

            เหอจ้าวจำใจตอบเช่นนั้นเพราะไม่อยากขัดแย้งกับคุณชายต้วนเซียว

            คุณชายต้วนเซียวเป็นใครน่ะหรือ

            คุณชายต้วนเซียวคือลูกชายคนโตของเจ้าเมืองอู่เฉิง ชื่นชอบของอร่อย เมื่อก่อนมักจะแวะไปกินอาหารที่โรงเตี๊ยมตระกูลฉินอยู่บ่อยๆ ทว่าพักหลังมานี้คุณชายต้วนเซียวกลับติดใจอาหารโรงเตี๊ยมตระกูลจาง

            ทางโรงเตี๊ยมตระกูลฉินอดรู้สึกไม่ได้ว่า โรงเตี๊ยมตระกูลจางกำลังแย่งลูกค้าคนสำคัญไป

            อย่างไรก็ตาม เหอจ้าวไม่อยากมีปัญหากับบุตรชายของเจ้าเมืองจึงตัดบทว่า “เช่นนั้น ข้ากับผู้ช่วยขอตัวก่อนขอรับ”

            คุณชายต้วนพยักหน้ายิ้มๆ ให้กับเหอจ้าว “เชิญ”

            หลังจากเหอจ้าวออกจากร้านไปแล้ว ชายหนุ่มหันมายิ้มให้ตงตงจนดวงตาโค้งหยี

            “จากสีหน้าของเถ้าแก่เนี้ยน้อยคงสงสัยว่าเหอจ้าวเป็นใคร และทำไมพูดจาอวดดีจัง… เขาคือหลงจู๊โรงเตี๊ยมตระกูลฉิน คงมาเพราะอยากจับผิดคู่แข่ง”

            ตงตงคิดตามคำพูดของคุณชายต้วนเซียว สักครู่ก็ร้อง “อ๋อ” เนื่องจากเพิ่งนึกออก

            เหอจ้าวคือหลงจู๊โรงเตี๊ยมตระกูลฉินนี่เอง

            คราวก่อนเขามากินซาลาเปาร้านตงตง วันต่อมา โรงเตี๊ยมตระกูลฉินก็ทำซาลาเปาไว้ฟักทองหวานเลียนแบบตงตง

            ครั้งนี้เหอจ้าวก็คงมาเพื่อสอดแหนมหม้อไฟหมาล่าอีกนั่นละ

            เห็นเด็กสาวแสดงความรู้สึกออกมาช้า คุณชายต้วนเซียวก็หัวเราะ

            “เหอจ้าวมีชื่อเสียงในแวดวงร้านอาหาร แต่เถ้าแก่เนี้ยน้อยแสดงสีหน้าว่าไม่รู้จัก ทำเขาเสียหน้าแล้ว ฮะฮะฮะ”

            “น่าอายที่ต้องบอก ข้าจำใบหน้าคนไม่เก่งเจ้าค่ะ”

            พรืด!!

            คำพูดของตงตงยิ่งทำให้คุณชายท่านนี้ถึงกับกุมท้องหัวร่อแล้ว

            เด็กสาวไม่เข้าใจว่าตัวเองพูดอะไรให้ขบขันขนาดนั้น

            อีกอย่าง คุณชายต้วนเซียวคนนี้สวมใส่เสื้อผ้าที่ตัดจากผ้าไหม

            ในยุคศักดินา ผ้าไหมราคาสูงมาก ถ้าไม่ใช่คนจากตระกูลขุนนางใหญ่ คนทั่วไปย่อมไม่มีปัญญาซื้อ

            ร้อยทั้งร้อยคุณชายต้วนเซียวต้องมาจากตระกูลขุนนางอย่างแน่นอน

            ระหว่างที่ตงตงคิด คุณชายต้วนเซียวยกนิ้วโป้งพลางกล่าวชมเชย “หม้อไฟร้านเจ้าอร่อยเยี่ยมยอด คราวหน้าข้าจะมาอุดหนุนอีก”

            “เจ้าค่ะ”

            “เฉิงเฉิง จ่ายเงิน”

            “ขอรับคุณชาย”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทพิเศษ ความลับของตระกูลจาง

    บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทส่งท้าย

    บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 78 ขอแต่งงาน

    บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 77 จู่โจมรวดเร็ว

    บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 76 กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง

    บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที

  • แม่ครัวแห่งยุคกับระบบร้านค้า    บทที่ 75 คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ

    บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status